สถานีรถไฟประจวบคีรีขันธ์ - สถานีรถไฟชุมพร
หลังจากดื่มด่ำกับชาที่ Hostel ก็ต้องเก็บของไปยังที่พักที่จองไว้ O-Bay Design Hotel Prachuap หลังจากคืนจักรยานเสร็จเราก็เดินทางไปหาที่พักต่อ ซึ่งเราเข้าใจว่าที่พักของเราอยู่ในอ่าวมะนาว แต่ถ้าเดินไปก็คงใช้เวลานานแน่ๆ 10 กิโลเมตรได้ เลยตัดสินใจโบกรถครั้งแรก ยังไม่ทันได้บอกเลยว่าไปไหน พี่เขาบอกว่าขึ้นมาเลยน้อง ตอนนั้นแบบทั้งดีใจทั้งตื่นเต้น ต้องขอบคุณพี่มากนะค่ะ
เมื่อเราโทรหาที่พัก ปรากฎว่า ที่พักอยู่หน้าทางเข้ากองบิน เวรกรรม เราเลยโบกสองแถวออกไปหน้ากองบินแล้วก็เห็นที่พักพอดี
- โรงแรม O-Bay Design Hotel Prachuap อยู่ถนนหน้ากองบิน 5 ตรงข้ามกับโรงเรียนอาชีวะ ห้องพักสบายแบ่งเป็นห้องๆ แต่ละห้องก็จะมีชื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ในประจวบ แต่ข้อเสียที่ทำให้เราไม่ประทับใจเท่าไหร่ก็คือ พนักงานไม่ค่อยสนใจลูกค้า บริการไม่ดีเลย เรากับเพื่อนไม่โอเค ยิ่งตอน Check out เพื่อนเข้าห้องน้ำอยู่ เขาก็จะให้เราออกท่าเดียวเลย ตัดไฟในห้องด้วย คือเราเข้าใจแหละว่าเราเลท แต่ก็นะ ทำไมไม่บอกดีๆ
ริมชายหาด คือตั้งแต่บริเวณนี้เป็นต้นไปจะเป็นที่อนุญาตให้ทำกิจกรรมริมชายหาด ซึ่งมีแค่ส่วนี้เท่านั้นค่ะ
แต่เราขับไปอีกทางหนึ่งซึ่งเป็นทางไปเขาล้อมหมวก ใกล้กับที่ทำการทหารและพิพิธภัณฑ์ รวมถึงอนุสรณ์สถานสมัยสงครามสงครามญี่ปุ่นเอานี้ทางก่อนเข้าไปในที่ทำการกองบินค่ะ ซึ่งเขาล้อมหมวกอยู่ด้านใน
ฝั่งนั้นคือที่เขาอนุญาตให้เล่นน้ำค่ะ- เขาล้อมหมวก นักเดินทางจากหลายที่นิยมมาที่นี่เพื่อพิชิต ทางที่ทั้งสูงและชัน และมีเชือกเพียงแค่เส้นเดียวให้ไต่ขึ้นไป แต่ช่วงแรกจะเป็นบันไดก่อนให้เราสบายใจ สูงขึ้นๆไปจะมีแค่เชือกและหินซึ่งวันที่เราไปนั้น เขาล้อมหมวกไม่เปิดให้ขึ้น เนื่องจากประสบปัญหานักท่องเที่ยวไม่ทำตามกฎบ้างล่ะ คนบาดเจ็บเยอะบ้างล่ะ ทางกองบินจึงเปิดให้ขึ้นในช่วงเทศกาลเท่านั้นเพื่อความปลอดภัย ซึ่งเมื่อเราขึ้นไปเราจะมองเห็นอ่าวมะนาวทั้งหมดและเห็นยันเขาช่องกระจกเลยจ่ะ น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน พวกเราจึงกินแห้ว แล้วไปทำอย่างอื่นแทน
เราก็เลยมาไหว้ศาลเจ้าด้านข้างและให้อาหารค่างแว่นกัน
ให้อาหารค่างเสร็จก็ปั่นไปเล่นน้ำ เย็นๆ สบายไม่ร้อนด้วยเล่นน้ำเสร็จก็ปั่นกลับที่พัก พอถึงที่พักก็ตัวแห้งพอดี
ก่อนออกจากประจวบคีรีขันธ์เราก็แวะปั่นจักรยานตอนเช้าแล้วพบว่า อ่าวมะนาวกับอ่าวประจวบที่เราพักอ่ะ ปั่นจักรยานกันถึง เอาจริงๆใกล้กันแค่นิดเดียว พวกเราเข้าใจผิดมาตลอดคิดว่าอยู่คนละฝั่งภูเขา ไม่มีไรจะพูดนอกจาก อีควาย 55555 ก่อนจะไปเก็บของแล้วเดินทางต่อต้องหากินสักหน่อย
พอขับๆไปก่อนจะกลับที่พักแวะเจอผนังชิค ก็แวะถ่ายรูปอีก ได้แขกรับเชิญมาด้วยจ้ากลับที่พักเก็บของเดินทางต่อจ๊ะ
- สถานีชุมพร ชุมพรเป็นเมืองที่สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญส่วนใหญ่จะอยู่นอกเมืองเราคงต้องเช่ามอไซต์ไม่ก็ถ้ามีรถส่วนตัวจะสะดวกมาก สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงก็คือ เกาะเต่า และกรมหลวงชุมพร ซึ่งล้วนแต่นอกเมืองทั้งนั้นเนื่องจากเรามาถึงชุมพรในช่วงเย็น จึงไม่ได้ไปไหนนอกจากตระเวนกินแล้วก็นอน เพราะของกินเยอะมากๆ
ที่พักที่เราจะพักในวันนี้คือ ณัชชาเกสเฮาส์ เราไม่แพง ความจริงเราจะไปตกหมึกกัน เลยจองที่พักให้แบบ เพื่อนอนอย่างเดียว แต่เราไม่ได้ไปตกหมึกเพราะเพื่อนดูราคาผิด ก็เลยพลาดโปรแกรมนี้ไป วันนี้ก็เลยกลายเป็นวันพักผ่อนของพวกเราแทน
ปล. พิกัด ร้านน้ำชา ข้างซอยทวีทรัพย์ อพาร์ทเมนต์ ราคาไม่แพง อร่อยด้วย
ชุมพร Day 1
ต่อไปจะรีวิวของกินล่ะ
- น้ำข้าวโพด หอม มันๆ อันนี้เพื่อนกิน
3. บัวลอย
แล้วก็ลาค่ำคืนนี้ไปชุมพร Day 2
วันนี้เราตื่นเช้าหน่อย เราขับมอเตอร์ไซค์ข้ามอำเภอ เพื่อจะไปสักการะ กรมหลวงชุมพรกันเป็นระยะทางจากตัวเมืองประมาณเกือบๆ 20 กิโลเมตร ไปถึงฝนก็ตกอีก ทางค่อนข้างน่ากลัวเพราะเป็นถนนใหญ่ และทางไปกรมหลวงชุมพรมีโค้งเยอะคดเคี้ยว แถวนั้นกำลังพัฒนาเป็นจุดชมวิวอยู่ แต่ช่วงที่พวกเราไปนั้นอยู่ระหว่างการสร้าง
เราแวะหลบฝนที่วัด วัดนี้อยู่ระหว่างการสร้าง
พอฝนหยุดก็ไปต่อ ชอบตรงนี้ เสร็จจากสักการะ เราก็เดินทางกลับที่พัก กะว่าวันนี้จะเดินทางกลับละแต่บังเอิญโทรถามเพื่อนที่บ้านอยู่จังหวัดนี้ว่ามีที่เที่ยวที่ไหนน่าสนใจอีกบ้างก็เลยได้ไป พักที่รีสอร์ทของญาติเพื่อนอีกคืนนึงระหว่างรอนาง
ไบร์ท คือเพื่อนต่างสาขาแต่อยู่มหาลัยเดียวกัน นางใจดีมาก ถึงกับเอารถตู้มารับเลยทีเดียว เราก็เกรงใจแม่เขาด้วย แต่ก็ต้องขอบคุณที่เอ็นดูพวกเรานะคะ พวกเราก็ฝากสัมภาระทั้งหลายไว้ในรถตู้ แล้วให้นางพาชมเมืองชุมพร เรียกได้ว่าเดินทุกตรอกทุกซอย
พาไปเยี่ยมโรงเรียน นี่ชอบที่สุด ไปกินปั่นหมี คือนมหมีปั่นแล้วใส่ไอติมกะทิ ร้านนี้เขาทำไอติมเอง ซึ่งไบร์ทเป็นขาประจำ พอเริ่มเย็น เราก็เดินทางไปที่พักกัน เก็บของเข้าที่พักเสร็จปุ๊ป ก็หลับจะเอาแรงแล้วค่อยตื่นมาตอนเย็น......
หลังจากตื่น นี่คือการทัวร์กินอย่างจริงจังที่สุด ที่เคยกินมา
1.อาหารทะเล วันที่เราไปโชคไม่ดีหน่อยปกติด้านข้างโรงแรมจะมีขายอาหารทะเล ซึ่งราคาไม่แพงและอร่อยด้วย แต่วันนั้นร้านเปิดน้อยมากเลยได้กินแค่นี้
2.ขนมหวานจ่ะ 3.ไส้กรอกทอด 4.ช็อกโกบอลหน่อย อร่อยนะ 10 บาทเอง 5.ขนมปังสังขยานึ่ง นมสดร้อนหน่อยก่อนนอน พออิ่มเสร็จเราก็เดินเรื่อยๆ สุดท้ายพุงแทบแตกไบรท์เลยเอามอไซค์ที่บ้านไปส่ง อิ่มหมีพีมัน หลับยันเช้า.....
วันรุ่งขึ้นก็เดินทางกลับออกจากสถานีชุมพร เป็นเวลาเกือบ 7.00 สู่สถานีรถไฟทุ่งสง
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------BUDGET
- Hotel :
Coconut หัวหิน 1190/คืน
โรงแรมยุติชัย 350/คืน
O-Bay 950/คืน
ณัชชา เกสเฮาส์ 160/คืน
- การเดินทาง
รถไฟฟรีข้ามแต่ละจังหวัด 0 บาท สามารถขอตารางรถไฟได้ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง
จักรยานเช่าที่โพธาราม 50 บาท / 2ชม.
เช่ารถมอเตอร์ไซค์หัวหิน 250-300 บาท
จักรยานที่ประจวบ 50 บาท / 24ชม.
จักรยานที่ประจวบ 50 บาท / 24 ชม.
ค่ารถสองแถวออกจากอ่าวมะนาว 40 บาท
ค่าเช่ามอไซค์ประจวบ 250 บาท
รวมแล้วประมาณ 3,390 บาท/3 เหลือคนละ 1,130 บาท นอกนั้นเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่นค่ากิน ซื้อของฝาก ฯลฯ
สุดท้ายอยากฝากถึงคนที่คิดอยากจะไปเที่ยวแบบเราบ้าง ควรทำไง ?
เอาจริงตอนแรกเรากะจะไปทริปนี้คนเดียว แต่เพื่อนสนิทเราไม่มีใครเห็นด้วยสักคน เพื่อนเราก็เลยซึ่งบ้านอยู่ใต้เหมือนกันเลยบอกว่า ถ้างั้นไปด้วยเด่วเอาแฟนไปด้วยอีกคนนึงได้ช่วยๆกันดูแล ตอนแรกเราก็ว่าหลายคนมันจะวุ่นวายแน่ๆ ถ้าเราตัดสินใจแล้วเพื่อนไม่เห็นด้วยก็เฟวอีก ถ้าเราอยากทำไอโน่นไอนี่แต่เพื่อนไม่อยากทำก็แตกแยกอีก บางอย่างเราทนได้เพื่อนอาจจะทนไม่ได้ จะพาเพื่อนไปลำบากป่าว ความกังวลมีหลายปัญหา ไหนจะสัมภาระที่เยอะแยะ ของมีค่า ถ้าหายถ้าแตกทำยังไง ถ้าโดนขโมยต้องเป็นเรื่องแน่ๆ แล้วแต่ละที่ที่ไป ถ้าเกิดอุบัติเหตุแม่รู้ แม่เอาตายแน่ เราปรึกษาเรื่องทริปกันมานานพอสมควร มีแววว่าจะล่มหลายรอบแต่ด้วยใจที่อยากจะไป สุดท้ายก็ผ่านไปได้ ไม่รู้สิความกังวลต่างๆมันก็ค่อยๆหายไป เราเรียนรู้ที่จะป้องกันปัญหาก่อนที่มันจะเกิด เราต้องศึกษาข้อมูลเยอะมาก หาอ่านวิธีเอาตัวรอด Backpack ต้องทำตัวจนๆ จะได้ไม่เป็นที่สนใจ แต่พอเราผ่านอุปสรรคไปได้แล้วเราจะรู้สึกภูมิใจ
ที่เราเขียนทริปขึ้นมาอยากให้รู้ว่าเงินไม่ใช่ข้ออ้างอีกต่อไป รู้มั๊ยหลังจากที่เราเดินทางกลับมา เรารู้สึกได้ว่า เราเปลี่ยนไป ในทุกๆครั้งที่เราออกเดินทางเรามักจะรู้สึกได้เสมอว่าตัวเองเปลี่ยนไป สังเกตจากความคิด เราเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่นได้โดยไม่ใช่คำว่า ช่างแม่งแบบไร้เหตุผล เราเรียนรู้ที่จะแบ่งปันเพื่อนร่วมทาง แทนที่จะเอาตัวรอดคนเดียว เราเรียนรู้ที่จะปล่อยวางในสิ่งที่เมื่อก่อนเคยคิดเล็กคิดน้อย หลายๆอย่างสอนให้เรารู้จักใช้ชีวิตให้อยู่กับสังคมโลกนี้ได้ แม้หลายๆคนจะมองว่า โลกมันอันตรายและน่ากลัว เราอยากให้เธอลองออกไปใช้ชีวิตดู ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องออกไปเที่ยว ลองทำจิตอาสางานอะไรแบบนี้ก็มีเยอะแยะไป อยากให้ออกไปเจอไปพบผู้คนให้หลากหลายเราจะได้อยู่ในสังคมเป็น อยากให้เธอลองออกไปใช้ชีวิตดู ไม่ก็เริ่มจาก แล้วถามตัวเองว่าที่มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้คุ้มยัง ?
Contact me on IG :b.ppack or nahathai.bb@gmail.com For any question I'll answer with my pleasure :)