สถานีรถไฟประจวบคีรีขันธ์ - สถานีรถไฟชุมพร

EP.1 http://www.thetrippacker.com/th/review/%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B9%8D%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%87BangkokRailwayStationSRT1001/8949

EP.2 http://www.thetrippacker.com/th/review/%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%A7%E0%B8%9A/8997

หลังจากดื่มด่ำกับชาที่ Hostel ก็ต้องเก็บของไปยังที่พักที่จองไว้ O-Bay Design Hotel Prachuap หลังจากคืนจักรยานเสร็จเราก็เดินทางไปหาที่พักต่อ ซึ่งเราเข้าใจว่าที่พักของเราอยู่ในอ่าวมะนาว แต่ถ้าเดินไปก็คงใช้เวลานานแน่ๆ 10 กิโลเมตรได้ เลยตัดสินใจโบกรถครั้งแรก ยังไม่ทันได้บอกเลยว่าไปไหน พี่เขาบอกว่าขึ้นมาเลยน้อง ตอนนั้นแบบทั้งดีใจทั้งตื่นเต้น ต้องขอบคุณพี่มากนะค่ะ 

เมื่อเราโทรหาที่พัก ปรากฎว่า ที่พักอยู่หน้าทางเข้ากองบิน เวรกรรม เราเลยโบกสองแถวออกไปหน้ากองบินแล้วก็เห็นที่พักพอดี

  • โรงแรม O-Bay Design Hotel Prachuap อยู่ถนนหน้ากองบิน 5 ตรงข้ามกับโรงเรียนอาชีวะ ห้องพักสบายแบ่งเป็นห้องๆ แต่ละห้องก็จะมีชื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ในประจวบ แต่ข้อเสียที่ทำให้เราไม่ประทับใจเท่าไหร่ก็คือ พนักงานไม่ค่อยสนใจลูกค้า บริการไม่ดีเลย เรากับเพื่อนไม่โอเค ยิ่งตอน Check out เพื่อนเข้าห้องน้ำอยู่ เขาก็จะให้เราออกท่าเดียวเลย ตัดไฟในห้องด้วย คือเราเข้าใจแหละว่าเราเลท แต่ก็นะ ทำไมไม่บอกดีๆ 
เราหาอะไรกินเป็นร้านอาหารข้างที่พัก ราคาถูกและอร่อย อาหารหน้าตาดูดีด้วย แต่ไม่ได้ถ่ายไว้ แล้วเราก็เดินลัดซอยข้างโรงแรมไปเช่าจักรยาน ไปปีนเขาล้อมหมวกกันค่ะ ซึ่งระยะทางเข้าไปในกองบิน 5 ประมาณ 10 กิโลเมตรได้แต่อากาศดี มีต้นไม้ วิวสวย ดูสะอาดตา และที่สำคัญมีลานบินตรงกลางซึ่งเราต้องขับจักรยานผ่าน ยิ่งใหญ่อลังการมากแต่ห้ามถ่ายรูปค่ะ 

ริมชายหาด คือตั้งแต่บริเวณนี้เป็นต้นไปจะเป็นที่อนุญาตให้ทำกิจกรรมริมชายหาด ซึ่งมีแค่ส่วนี้เท่านั้นค่ะ

แต่เราขับไปอีกทางหนึ่งซึ่งเป็นทางไปเขาล้อมหมวก ใกล้กับที่ทำการทหารและพิพิธภัณฑ์ รวมถึงอนุสรณ์สถานสมัยสงครามสงครามญี่ปุ่น 

เอานี้ทางก่อนเข้าไปในที่ทำการกองบินค่ะ ซึ่งเขาล้อมหมวกอยู่ด้านใน 

ฝั่งนั้นคือที่เขาอนุญาตให้เล่นน้ำค่ะ
  • เขาล้อมหมวก นักเดินทางจากหลายที่นิยมมาที่นี่เพื่อพิชิต ทางที่ทั้งสูงและชัน และมีเชือกเพียงแค่เส้นเดียวให้ไต่ขึ้นไป แต่ช่วงแรกจะเป็นบันไดก่อนให้เราสบายใจ สูงขึ้นๆไปจะมีแค่เชือกและหินซึ่งวันที่เราไปนั้น เขาล้อมหมวกไม่เปิดให้ขึ้น เนื่องจากประสบปัญหานักท่องเที่ยวไม่ทำตามกฎบ้างล่ะ คนบาดเจ็บเยอะบ้างล่ะ ทางกองบินจึงเปิดให้ขึ้นในช่วงเทศกาลเท่านั้นเพื่อความปลอดภัย ซึ่งเมื่อเราขึ้นไปเราจะมองเห็นอ่าวมะนาวทั้งหมดและเห็นยันเขาช่องกระจกเลยจ่ะ น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน พวกเราจึงกินแห้ว แล้วไปทำอย่างอื่นแทน 

เราก็เลยมาไหว้ศาลเจ้าด้านข้างและให้อาหารค่างแว่นกัน

ให้อาหารค่างเสร็จก็ปั่นไปเล่นน้ำ เย็นๆ สบายไม่ร้อนด้วย 

เล่นน้ำเสร็จก็ปั่นกลับที่พัก พอถึงที่พักก็ตัวแห้งพอดี 

 ก่อนออกจากประจวบคีรีขันธ์เราก็แวะปั่นจักรยานตอนเช้าแล้วพบว่า อ่าวมะนาวกับอ่าวประจวบที่เราพักอ่ะ ปั่นจักรยานกันถึง เอาจริงๆใกล้กันแค่นิดเดียว  พวกเราเข้าใจผิดมาตลอดคิดว่าอยู่คนละฝั่งภูเขา ไม่มีไรจะพูดนอกจาก อีควาย 55555 ก่อนจะไปเก็บของแล้วเดินทางต่อต้องหากินสักหน่อย 

พอขับๆไปก่อนจะกลับที่พักแวะเจอผนังชิค ก็แวะถ่ายรูปอีก ได้แขกรับเชิญมาด้วยจ้า

กลับที่พักเก็บของเดินทางต่อจ๊ะ

  • สถานีชุมพร ชุมพรเป็นเมืองที่สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญส่วนใหญ่จะอยู่นอกเมืองเราคงต้องเช่ามอไซต์ไม่ก็ถ้ามีรถส่วนตัวจะสะดวกมาก สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงก็คือ เกาะเต่า และกรมหลวงชุมพร ซึ่งล้วนแต่นอกเมืองทั้งนั้นเนื่องจากเรามาถึงชุมพรในช่วงเย็น จึงไม่ได้ไปไหนนอกจากตระเวนกินแล้วก็นอน เพราะของกินเยอะมากๆ 

ที่พักที่เราจะพักในวันนี้คือ ณัชชาเกสเฮาส์ เราไม่แพง ความจริงเราจะไปตกหมึกกัน เลยจองที่พักให้แบบ เพื่อนอนอย่างเดียว แต่เราไม่ได้ไปตกหมึกเพราะเพื่อนดูราคาผิด ก็เลยพลาดโปรแกรมนี้ไป วันนี้ก็เลยกลายเป็นวันพักผ่อนของพวกเราแทน 

ปล. พิกัด ร้านน้ำชา ข้างซอยทวีทรัพย์ อพาร์ทเมนต์ ราคาไม่แพง อร่อยด้วย 

       ชุมพร Day 1

ต่อไปจะรีวิวของกินล่ะ 

  1. น้ำข้าวโพด หอม มันๆ อันนี้เพื่อนกิน 
2.ลูกชิ้นปิ้ง

3. บัวลอย 

แล้วก็ลาค่ำคืนนี้ไป 

         ชุมพร Day 2

วันนี้เราตื่นเช้าหน่อย เราขับมอเตอร์ไซค์ข้ามอำเภอ เพื่อจะไปสักการะ กรมหลวงชุมพรกันเป็นระยะทางจากตัวเมืองประมาณเกือบๆ 20 กิโลเมตร ไปถึงฝนก็ตกอีก ทางค่อนข้างน่ากลัวเพราะเป็นถนนใหญ่ และทางไปกรมหลวงชุมพรมีโค้งเยอะคดเคี้ยว แถวนั้นกำลังพัฒนาเป็นจุดชมวิวอยู่ แต่ช่วงที่พวกเราไปนั้นอยู่ระหว่างการสร้าง 

เราแวะหลบฝนที่วัด วัดนี้อยู่ระหว่างการสร้าง 

พอฝนหยุดก็ไปต่อ  ชอบตรงนี้ เสร็จจากสักการะ เราก็เดินทางกลับที่พัก กะว่าวันนี้จะเดินทางกลับละแต่บังเอิญโทรถามเพื่อนที่บ้านอยู่จังหวัดนี้ว่ามีที่เที่ยวที่ไหนน่าสนใจอีกบ้างก็เลยได้ไป พักที่รีสอร์ทของญาติเพื่อนอีกคืนนึง 

ระหว่างรอนาง 

ไบร์ท คือเพื่อนต่างสาขาแต่อยู่มหาลัยเดียวกัน นางใจดีมาก ถึงกับเอารถตู้มารับเลยทีเดียว เราก็เกรงใจแม่เขาด้วย แต่ก็ต้องขอบคุณที่เอ็นดูพวกเรานะคะ พวกเราก็ฝากสัมภาระทั้งหลายไว้ในรถตู้ แล้วให้นางพาชมเมืองชุมพร เรียกได้ว่าเดินทุกตรอกทุกซอย 

พาไปเยี่ยมโรงเรียน  นี่ชอบที่สุด ไปกินปั่นหมี คือนมหมีปั่นแล้วใส่ไอติมกะทิ ร้านนี้เขาทำไอติมเอง ซึ่งไบร์ทเป็นขาประจำ  พอเริ่มเย็น เราก็เดินทางไปที่พักกัน  เก็บของเข้าที่พักเสร็จปุ๊ป ก็หลับจะเอาแรงแล้วค่อยตื่นมาตอนเย็น 

......

หลังจากตื่น นี่คือการทัวร์กินอย่างจริงจังที่สุด ที่เคยกินมา 

1.อาหารทะเล วันที่เราไปโชคไม่ดีหน่อยปกติด้านข้างโรงแรมจะมีขายอาหารทะเล ซึ่งราคาไม่แพงและอร่อยด้วย แต่วันนั้นร้านเปิดน้อยมากเลยได้กินแค่นี้ 

2.ขนมหวานจ่ะ  3.ไส้กรอกทอด  4.ช็อกโกบอลหน่อย อร่อยนะ 10 บาทเอง 5.ขนมปังสังขยานึ่ง นมสดร้อนหน่อยก่อนนอน พออิ่มเสร็จเราก็เดินเรื่อยๆ สุดท้ายพุงแทบแตกไบรท์เลยเอามอไซค์ที่บ้านไปส่ง อิ่มหมีพีมัน หลับยันเช้า 

..... 

วันรุ่งขึ้นก็เดินทางกลับออกจากสถานีชุมพร เป็นเวลาเกือบ 7.00 สู่สถานีรถไฟทุ่งสง 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

BUDGET

  • Hotel :

Coconut หัวหิน 1190/คืน 

โรงแรมยุติชัย 350/คืน

O-Bay 950/คืน

ณัชชา เกสเฮาส์ 160/คืน

  • การเดินทาง 

รถไฟฟรีข้ามแต่ละจังหวัด 0 บาท สามารถขอตารางรถไฟได้ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง 

จักรยานเช่าที่โพธาราม 50 บาท / 2ชม.

เช่ารถมอเตอร์ไซค์หัวหิน 250-300 บาท

จักรยานที่ประจวบ 50 บาท / 24ชม.

จักรยานที่ประจวบ 50 บาท / 24 ชม.

ค่ารถสองแถวออกจากอ่าวมะนาว 40 บาท 

ค่าเช่ามอไซค์ประจวบ 250 บาท 

รวมแล้วประมาณ 3,390 บาท/3 เหลือคนละ 1,130 บาท นอกนั้นเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่นค่ากิน ซื้อของฝาก ฯลฯ

สุดท้ายอยากฝากถึงคนที่คิดอยากจะไปเที่ยวแบบเราบ้าง ควรทำไง ? 

  เอาจริงตอนแรกเรากะจะไปทริปนี้คนเดียว แต่เพื่อนสนิทเราไม่มีใครเห็นด้วยสักคน เพื่อนเราก็เลยซึ่งบ้านอยู่ใต้เหมือนกันเลยบอกว่า ถ้างั้นไปด้วยเด่วเอาแฟนไปด้วยอีกคนนึงได้ช่วยๆกันดูแล ตอนแรกเราก็ว่าหลายคนมันจะวุ่นวายแน่ๆ ถ้าเราตัดสินใจแล้วเพื่อนไม่เห็นด้วยก็เฟวอีก ถ้าเราอยากทำไอโน่นไอนี่แต่เพื่อนไม่อยากทำก็แตกแยกอีก บางอย่างเราทนได้เพื่อนอาจจะทนไม่ได้ จะพาเพื่อนไปลำบากป่าว ความกังวลมีหลายปัญหา ไหนจะสัมภาระที่เยอะแยะ ของมีค่า ถ้าหายถ้าแตกทำยังไง ถ้าโดนขโมยต้องเป็นเรื่องแน่ๆ แล้วแต่ละที่ที่ไป ถ้าเกิดอุบัติเหตุแม่รู้ แม่เอาตายแน่  เราปรึกษาเรื่องทริปกันมานานพอสมควร มีแววว่าจะล่มหลายรอบแต่ด้วยใจที่อยากจะไป สุดท้ายก็ผ่านไปได้ ไม่รู้สิความกังวลต่างๆมันก็ค่อยๆหายไป เราเรียนรู้ที่จะป้องกันปัญหาก่อนที่มันจะเกิด เราต้องศึกษาข้อมูลเยอะมาก หาอ่านวิธีเอาตัวรอด Backpack ต้องทำตัวจนๆ จะได้ไม่เป็นที่สนใจ แต่พอเราผ่านอุปสรรคไปได้แล้วเราจะรู้สึกภูมิใจ 

 ที่เราเขียนทริปขึ้นมาอยากให้รู้ว่าเงินไม่ใช่ข้ออ้างอีกต่อไป รู้มั๊ยหลังจากที่เราเดินทางกลับมา เรารู้สึกได้ว่า เราเปลี่ยนไป ในทุกๆครั้งที่เราออกเดินทางเรามักจะรู้สึกได้เสมอว่าตัวเองเปลี่ยนไป สังเกตจากความคิด เราเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่นได้โดยไม่ใช่คำว่า ช่างแม่งแบบไร้เหตุผล เราเรียนรู้ที่จะแบ่งปันเพื่อนร่วมทาง แทนที่จะเอาตัวรอดคนเดียว เราเรียนรู้ที่จะปล่อยวางในสิ่งที่เมื่อก่อนเคยคิดเล็กคิดน้อย หลายๆอย่างสอนให้เรารู้จักใช้ชีวิตให้อยู่กับสังคมโลกนี้ได้ แม้หลายๆคนจะมองว่า โลกมันอันตรายและน่ากลัว เราอยากให้เธอลองออกไปใช้ชีวิตดู ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องออกไปเที่ยว ลองทำจิตอาสางานอะไรแบบนี้ก็มีเยอะแยะไป อยากให้ออกไปเจอไปพบผู้คนให้หลากหลายเราจะได้อยู่ในสังคมเป็น อยากให้เธอลองออกไปใช้ชีวิตดู ไม่ก็เริ่มจาก แล้วถามตัวเองว่าที่มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้คุ้มยัง ? 

Contact me on IG :b.ppack or nahathai.bb@gmail.com For any question I'll answer with my pleasure :)