พูดถึง "จังหวัดชลบุรี" สิ่งที่หลายคนคงคิดเหมือนกัน คงเป็น หาดทรายบางแสน พัทยา เกาะต่างๆ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ฯลฯ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในหมู่นักท่องเที่ยว แต่หลายคนมักจะผ่านเลย อำเภอเมืองชลบุรี ไป อาจเป็นเพราะอำเภอนี้ไม่ค่อยมีสถานที่ท่องเที่ยวมากนัก

     แต่ความจริงแล้ว อำเภอนี้ก็มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะโบราณสถาน และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ที่มีอยู่แทบทุกตารางนิ้วในตัวอำเภอ หนึ่งในสถานที่เหล่านั้น มีวัดแห่งหนึ่ง ที่นักวิชาการหลายท่าน ได้ยกย่องให้เป็นวัดที่สวยงามที่สุด นั่นก็คือ

วัดใหญ่อินทาราม พระอารามหลวง 

     แห่งนี้...

     ลักษณะของพระอุโบสถ ที่มีฐานแอ่นโค้งเหมือนเรือสำเภา บ่งบอกว่าวัดแห่งนี้ สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมาในสมัยธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ครั้งยังเป็นพระยาวชิรปราการ ได้เคยเสด็จมาประทับ เพื่อรวมไพร่พล เพื่อกอบกู้เอกราช ภายหลัง ทางวัดจึงได้สร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระองค์ไว้ที่บริเวณทางเข้าวัด

     ในสมัยรัตนโกสินทร์ ก็ได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์เรื่อยมา โดยเฉพาะช่วงสมัยรัชกาลที่ ๓ - ๔ โดยปรากฏหลักฐานอยู่ที่ภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ

     สิ่งที่เราจะเห็นต่อมาจากสถาปัตยกรรมของพระอุโบสถ คือ บานประตูประดับมุก มีภาพสัตว์หิมพานต์ในดวงตรา ล้อมรอบด้วยลวดลายต่างๆ เป็นงานประณีตศิลป์อีกชิ้นที่สวยงาม

     ทันทีที่เข้าไปในพระอุโบสถ ภาพพระประธาน และหมู่พระพุทธรูปสีทองอร่าม และภาพจิตรกรรมฝาผนังหลากหลายสีสัน รวมไปถึงเสาไม้ที่วาดลวดลายต่างๆ จะเป็นอีกภาพที่น่าประทับใจเลยทีเดียว

     พระประธาน และหมู่พระพุทธรูปรวม ๒๔ องค์ สร้างในยุคสมัยที่แตกต่างกัน บางองค์สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา บางองค์สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ และฐานพระแต่ละองค์ จะสร้างไม่ซ้ำกันเลย

     มาดูในส่วนของภาพจิตรกรรมฝาผนังกันบ้าง โดยรวมแล้วสรุปได้เป็น

ยุคสมัยที่วาด : วาดในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น (ร.๓) และมีการบูรณะในยุคหลัง (ราวๆร.๔ - ร.๕)

เรื่องราวที่วาด : พุทธประวัติ (บางตอน)  ไตรภูมิ เทพชุมนุม และทศชาติชาดก

ลักษณะของภาพ : แตกต่างกันตามยุคสมัย ภาพที่ไม่ได้บูรณะยังคงเป็นแบบประเพณีนิยม คือ มี ๒ มิติ ไม่มีแสงเงา ลักษณะกิริยาผู้คนเป็นแบบนาฏลักษณ์ (แสดงอาการมาด้วยภาษาท่าในการรำ)  ส่วนภาพที่ได้รับการบูรณะ จะมีอิทธิพลจากศิลปะตะวันตกเข้ามาผสมผสาน เช่น มีความไกล ความลึกของภาพ มีอาคารแบบตะวันตกเข้ามาปรากฏอยู่ เป็นต้น

     ภาพจิตรกรรมที่วัดแห่งนี้ จึงเหมาะแก่การมาศึกษา พัฒนาการของจิตรกรรมไทยในยุคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งภาพเหล่านี้ก็ยังคงสภาพสมบูรณ์ ไม่หลุดร่อนเสียหายมาก สีสันยังสดใสด้วย

     มี ๒ ภาพปริศนาธรรมที่น่าสนใจ อันได้แก่

๑. ภาพตัวหน้ากาล จับพญานาค ๒ ตัวเข้าไปในปาก สื่อถึงกาลเวลาที่กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างให้ผ่านไป ๆ

๒. ภาพปลาอานนท์ ภาพที่มีชื่อเสียงอีกภาพของวัดแห่งนี้ ปลาอานน์เป็นปลาที่อยู่ใต้เขาพระสุเมรุ และหมุนให้วันเวลาผ่านไป สื่อถึง ใจของคน ที่หมุนผันแปรเปลี่ยน ยกเว้นคนที่ละกิเลสแล้ว

     จิตรกรรมวัดแห่งนี้จึงมีคุณค่า ในเรื่องการสอนธรรมะให้แก่ผู้ที่มาชมด้วย

     นอกจากพระอุโบสถ และภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามแล้ว ใกล้กันยังเป็นที่ตั้งของ พระวิหารเล็ก ซึ่งภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเช่นกัน แต่อยู่ในสภาพที่ทรุดโทรมและลบเลือนเป็นอย่างมาก

     และถัดมาที่หน้าสระน้ำข้างๆพระอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐาน หลวงพ่อเฉย พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด เป็นที่เคารพสักการะของชาวชลบุรีมาช้านาน

ที่ตั้ง : ถนนวชิรปราการ บ้านเทศบาล  ตำบลบางปลาสร้อย อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี

(หมายเหตุ : ปกติพระอุโบสถจะปิดไว้ ต้องขอกุญแจจากพระที่ดูแล หรือติดต่อกับทางวัดล่วงหน้า)