วังเวียง ไม่วังเวง
ครั้งนี้เราไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้าน จะเรียกว่าบ้านพี่เมืองน้องเลยก็ว่าได้ขนาดภาษายังแทบจะเหมือนกัน ประเทศลาวนั้นเองค่ะ ครั้งนี้ก็ได้โปรหาแดงแสนจะถูกอีกเหมือนเดิม มีเพื่อร่วมทริปทั้งหมด 3 คน ไปกันวันศุกร์-จันทร์ ตามความสะดวกของมนุษย์เงินเดือน ว่าแล้วก็เก็บของค่ะ สิ่งที่ลืมไม่ได้เงินค่ะ
(เงินกีบนั้นเหลือจากไปปากเซค่ะเซ้นมันบอกว่าเดี๋ยวต้องไปลาวอีกเราเลยไม่แลกเงินไทยค่ะ)
ขาไปเราจองกันเวลา 20.30 น. ลงอุดรแล้วไปนอนที่นั้นคืนหนึ่งเพราะจากรีวิวที่อ่านมาเขาบอกว่าให้ไปจองตั๋วรถทัวร์ไปวังเวียงซัก 6 โมงเช้า (กฎคือต้องซื้อให้ได้เพราะรถมีรอบเดียวถ้าไม่ได้ต้องไปเวียงจันทน์แล้วต่อรถอีกลำบากแย่)
วันที่1
ว่าแล้วก็ทำตามรีวิวที่อ่านมาค่ะไปถึงบขส.ก็รอไม่นานคนต่อคิวกันไม่ค่อยเยอะนะ รถออกจากบขส.08.30น.
เวลาเหลือเราก็ไปเติมพลังยามเช้ากันก่อนด้วยไข่กระทะ กินกันเสร็จก็ไปเข้าเซเว่นกันซักนิดหาของไว้กินระหว่างนั่งรถเพราะไกลมากใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมง
ได้เวลาก็ไปขึ้นรถเอาปากกาติดไปด้วยจะสะดวกมากค่ะ
พอเราขึ้นรถเค้าก็จะมีใบผ่านแดนฝั่งลาวมาให้เขียน
ถึงด่านก็จะมีใบผ่านแดนฝั่งไทยแจกให้กรอกข้อมูลอีกอัน เขียนเสร็จก็ไปแลกเงินกันก่อน
แลกเสร็จก็ไปต่อคิวเข้าประเทศลาวกันเลยค่ะ
ถึงแล้ววังเวียง ถึงก็บ่าย 3 กว่า พอลงรถก็จะมีคนขายตั๋วมาถามว่าจะจองรถกลับอุดรเลยไหม (อันนี้ร้านที่เราไปซื้อวันเดย์ทริปก็มีตั๋วขายนะ แต่แนะนำให้จองที่รถทัวร์จอด เพราะถูกกว่า) ซื้อตั๋วเสร็จเขาก็ให้รถไปส่งที่พักเรา ฟรี!!
เข้ามาในเมืองปุ๊บ หูยคนเกาหลีเยอะมาก เจอฝรั่ง 30% คนไทย 10%เองมั้งวันนั้น ขนาดร้านปิ้งย่างยังของคนเกาหลี เอ๊ะ!! นี่ประเทศอะไรกันแน่
นี่ไงที่พักเรา เราพักกันที่ถาวรสุข
วิวริมแม่น้ำกันเลยทีเดียว
เก็บของกันเสร็จก็ออกสำรวจเมืองซักหน่อย ออกหาข้าวเย็นกินกัน แล้วเราก็ชวนกันซื้อวันเดย์ทริปเสียไปคนละประมาณ 550 บาท (จริงๆ แล้วอยากนอนลอยหัวยางแต่แพงกว่าเรือคายัคตั้ง 200 เลยอด) โปรแกรมก็จะมีนอนห่วงยางเข้าถ้ำ พายเรือคายัค แล้วไปจบที่บูลากูน ตอนเช้าเขาจะมารับเราที่ที่พัก 8 โมงครึ่ง
เดินไปเดินมาก็มาเจอไฟดับกลางถนนซะงั้นรอประมาณ 10 นาทีไฟก็ติด
วันที่ 2
ตื่นมาก็รีบซัดข้าวกันเลยกลัวอดอยาก
8 โมงครึ่งก็มีคนมารับขึ้นรถแล้วก็ไปรับผู้ร่วมทริปคนอื่น
ยังไม่ทันไรปลายทางมันดูมืดมน
ถึงจุดแรกปุ๊บก็ได้เรื่องค่ะ ฝนตกค่ะ รูปไม่ต้องถ่ายกันแล้วค่ะ จะรออะไร วิ่งกันเร็วเลยค่ะโดยมีป้าๆลุงๆชาวเกาหลีนำทีมแต่ไม่ทันค่ะเปียกค่ะ55555 ถึงจุดปั๊บก็รอฝนซากันพักใหญ่ยังไม่ทันหายเปียกพี่ไกด์ก็พาเราลอยห่วงยางเลยค่ะโดยแจกไฟฉายติดหัวคนละอัน ทริปนี้ใช้กำลังแขนเยอะมากเพราะต้องสาวเชือกค่ะแถมข้างในมืดจนต้องระวังหัวชนหินชุลละมุนกันนิดหน่อยจนได้เพื่อน ตอนแรกคิดไปเองว่าไม่ใช่คนไทยพอเข้าถ้ำเท่านั้นแหละหลุดพูดไทย เลยเข้าทาง5555 สรุปเป็นสาวไทยมาเที่ยวคนเดียวจร้า
จบลอยห่วงยางไกด์ก็แจกข้าวผัดคนละกล่อง แล้วขนมปังฝรั่งเศสก็ตามมา ยังไม่หมดมีบาร์บีคิวมาตบท้ายถามว่ากินกันหมดไหม แน่นอนไม่หมดค่ะ
กินเสร็จก็เดินไปวัดค่ะ
เขาเรียกว่าวัดถ้ำช้างค่ะ จะสังเกตได้จากหินที่มีลักษณะคล้ายช้าง
มีเซียมซีให้เสี่ยงด้วย ไหนๆ ลองหน่อย ได้มาพยายามเดาแต่ไม่เกิดอะไรไปให้พี่ไกด์อ่านให้ฟังถึงกับสายหัว โอ้โห!ถึงกับชิปหายเลยเราคงดวงซวยจริงๆ เพื่อนมันได้ดีหมดเกิดความอิจฉาพวกมัน ไปต่อค่ะรีบไป
จุดต่อมาพายเรือคายัค
ถึงจุดพายเรือพี่ไกด์ก็ขนเรือลงเตรียมไว้ให้เราสอนวิธีพายบลาๆ จบด้วยไม้พายพังเก็บ 2000 อ่าวๆๆ รู้สึกหวงแหนไม้พายขึ้นมากระทันหันกันเลย
พายเสร็จก็ถึงที่พักเราพอดีแหมอะไรจะเป๊ะขนาดนั้นไหนก็ถึงที่พักแวะเข้าห้องน้ำซักนิดแล้วไปต่อกันที่บลูลากูนกันเลยค่ะ
ว้าวดังๆ คนเยอะจังเสียงดูครึกครื้นกันใหญ่ว่าแล้วก็ต้องกระโดดค่ะ
มีหลายระดับให้เลือกระโดดเลยค่ะตามความกล้า แต่ไหนๆก็มาแล้วก็เอาที่สุดไปเลยค่ะ มองจากข้างล่างขึ้นไปหมูมากแต่พอขึ้นไปแล้วรู้สึกยังไงก็ต้องไปลองเองแล้วแหละ
ไม่กล้าหรอค่ะไม่ต้องกังวลกำลังใจข้างล่างมีเยอะมากค่ะ
กลับจากบลูลากูนก็เจอบอลลูนสวยงามไปอีก
ตกเย็นก็ต้องหาอะไรกินเรามาจบมื้อเย็นที่นี่กันที่บาร์น้ำค่ะนั่งกินไปเอาเท้าจุ่มน้ำไป โอ้ยรู้สึกดีมากกกกก อิ่มแล้วก็ขอแว๊บไปซากุระที่เขาเล่าลือกันซักนิ จิบเบียร์ซักกระป๋องก็กลับที่พักค่ะ(พอดีเพื่อนติดเหยี่ยวรัตติกาล)
จบด้วยความประทัปใจกับมื้อเช้าที่ไม่สามารถซื้อบรรยากาศกลับไปกินที่บ้านได้
จบทริปนี่ก็มาสรุปเงินทองที่เสียไปค่ะ
ค่าแท็กซี่สนามบินอุดร 200 บาท
ค่าห้องอุดร 283 บาท
ค่ารถทัวร์ อุดร-วังเวียง 320 บาท
แลกเงินกีบคนละประมาณ 1300 บาท (รวมค่ารถทัวร์ วังเวียง-อุดร + วันเดย์ทริป + ค่ากิน)
ที่พักลาว 1294 บาท
รวมแล้วก็ใช้ไปประมาณ 3000 กว่าบาท