วันที่เดินทาง 7 ก.ค. 2560
7th July 2017
เดิมทริปนี้ต้องเป็นทริปเมาหัวทิ่ม ที่วังเวียงสิ แต่ดันได้เปลี่ยนสายเฉย.... เพราะเปลี่ยนคนไปด้วย เพื่อนคนแรกที่รีเควซขอให้จัดทริปแบ็คแพ็คมันดันเปลี่ยนใจ ไม่ไปกระทันหันในวันที่บุ๊คทุกอย่างแล้วที่วังเวียง ห่าเหว... เดียวดายมากถึงขั้นต้องชวนนักวิชาการที่ทำงานไปด้วยเราจองตั๋วไว้ตั้งแต่มีนา เชียงใหม่ - อุดร ไปกลับ สามพันนิด ๆ พร้อมบุ๊คที่พักริมน้ำซองบรรยากาศเริ่ด ๆ ไว้แล้ว ไม่ไปไม่ได้ แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะยกเลิกทีพักที่อ้างไปแล้ว แต่ก็กลับมาบุ๊คใหม่ได้ทัน 3 สัปดาห์ก่อนเดินทางและห้องที่ยกเลิกไม่มีใครเอาจนเรากลับไปบุ๊คอีกรอบนี่สินะ ของที่เป็นของเรายังไงก็เป็นของเราวันยังค่ำ ++
ວັງວຽງ เป็นเมืองท่องเที่ยวในแขวงเวียงจันทน์ประเทศลาว ห่างจากเวียงจันทน์ประมาณ 160 กิโลเมตร
สภาพทางภูมิศาสตร์เป็นที่ราบระหว่างภูเขาหินปูนป่าไม้สมบูรณ์ ได้ฉายาว่าเมืองกุ้ยหลินแห่งเมืองลาว
วิกิพีเดีย
ส่วนตัวแล้ว วังเวียงเป็นเมืองน่ารัก เวลาเดินช้า เนิบนาบเหมือนน้ำซองที่ไหลเอื่อย ผู้คนที่นี่ต่างพึ่งพาอาศัยธรรมชาติ ทุกอย่างสวยงาม ขุนเขา สายน้ำ สายหมอก แม้ว่าการเดินทางมาที่นี่จะไม่ค่อยสะดวกสบายนัก ซึ่งดูเหมือนจะลำบาก แต่ก็ไม่ลำบากขนาดนั้น หรือถ้าจะให้สบายก็เรียกอย่างนั้นก็ไม่ได้ แต่ก็ไม่ยากเกินไปถ้าใจจะมา...
วิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่พึ่งอิงธรรมชาติอย่างนี้ อยากให้คงอยู่ตลอดไป แต่..หลายสิ่งเหมือนกำลังจะถูกทำลายโดยนักท่องเที่ยว และผู้ไปเยือน จขบ.เห็นขยะมากมาย ไหลไปพร้อม ๆ กับสายน้ำซอง รีสอร์ทและที่พักหลาย ๆ หลังที่กำลังรุกล้ำพื้นที่ธรร ชาติสีเขียว ๆ วัฒนธรรมอันงดงามที่เติบโตมาช้านานกำลังไหลต้านกระแสของโลกที่แปรเปลี่ยนไป อยากให้คงเดิมไว้นาน ๆ นะ "วังเวียง" - mariabamboo
"
"
"
7 กค. ที่ยังเป็นวันทำงานอยู่เลย กุลีกุจอกลับบ้านหลังเลิกงาน เปลี่ยนชุดทำงานแบบขอไปสวยเอาข้างหน้าละกันนะ.. เพราะจะตกเครื่องเอา เกาะนกลำเล็กไปถึงอุดร นับเป็นครั้งแรกที่นั่งเครื่องบินใบพัดลำเล็กอย่างนี้ในประเทศ แต่ก็น่าภูมิใจที่แม้จะลำเล็ก นกก็ไม่ทำขายหน้า นิ่มมากนะ นิ่มกว่าลำเล็กที่นิวฯ ซะอีก หรือเป็นเพราะสภาพอากาศที่บินวันนั้นมันไม่เท่าเขาก็เป็นได้...
2 เที่ยวบินต่อวัน ไฟล์ทเราได้เวลาสามโมงกว่า ๆ
ใช้วิธีเช็คอินออนไลน์ เพราะดูแล้วไม่น่าจะทัน
ใช้เวลาบินราว 1 ชั่วโมงก็ถึงสนามบินนานาชาติอุดร
เราต้องแข่งกับเวลานิดนึงเพราะอย่างที่บอกว่าเราพับ
แพลนการเที่ยววังเวียงไว้ก่อนเดินทาง 3 4 อาทิตย์
แล้วกลับมาฮึดว่า ไปก็ไปอีกไม่กี่วันก่อนเดินทาง
ทำให้การจองรถไดเรคจากอุดรไปวังเวียง
พลอยชะลอล่าช้าไปด้วย ช้าจนถึงขั้นที่ว่า
อีกสามวันจะเดินทางถึงโทรไปจองตั๋วออนไลน์
ตายใจที่ว่ายังทัน แต่ไม่ทัน ทำให้แพลนการเดินทางหลังจากเครื่องถึงอุดรเปลี่ยนไป
เรื่องวุ่นมาก จากเดิมกะนอนอุดร แล้วนั่งรถ 8:30 ของอีกวันนึงไปวังเวียงเปลี่ยนเป็นนั่งรถตู้จากสนามบินไปด่านหนองคายใช้เวลาอีก 1 ชั่วโมง ซึ่งเครื่องแลนด์ที่อุดรก็ปาไปแล้ว 4 ครึ่งเกือบ 5แล้วขึ้นรถตู้ที่จ่ายไป 200 ต่อคน ถึงด่านหนองคาย...ทำเรื่องขาออกผ่านด่านไทย เกาะบัสอีก 20 บาทเพื่อข้ามสะพานเพื่อไปยังด่านลาว - เวียงจันทน์ เสียอีก 55 บาททำเรื่องขาเข้าลาว....
เสียเวลาไปมาก แต่ขอบคุณพระเจ้ารู้ไหม..บนรถที่เรากำลังรุงรังกันอยู่นั้น เจอพี่ชายไทยน้ำใจงาม 2 คน ซึ่งแม้จะไม่รู้จักเลย แต่เขาก็ให้ความช่วยเหลือ ให้คำแนะนำแม้แต่ชื่อเราก็ยังไม่ได้ถาม เพราะแข่งกะเวลา น้ำใจเขางามถึงขึ้นพาผ่านด่านลาวแล้วส่งขึ้นบัสท้องถิ่นเพื่อนั่งไปตลาดเช้าของเวียงจันทน์ ที่เล่า ๆ มาเรานั่งรถไป 3 ต่อแล้วนะ... ยัง ๆ ๆ ไม่จบ !!!
ไทย - ลาว แค่น้ำโขงกั้น
ปล. ด่านหนองค่ายปิด 21:30 นะคะ
ด้วยความ.... ที่นั่งแล้วคันปากบนบัสท้องถิ่น... ทำให้รู้จักพี่สาวลาวคนนึง เขาเป็นลูกครึ่งไทยเวียงจันทน์ แต่พูดไทยชัดมาก ถามว่าจะไปไหน .. เราตอบไปวังเวียง แต่คงได้นอนเวียงจันทน์ก่อนคืนนึง เขาแนะนำทำไมไม่นั่งรถไปวังเวียงเลยล่ะ ... เพราะยังมีรถไปวังเวียงนะ... แกบอก ตอนนั้นราว 6 โมงเศษ มีอาการงง นิดนึง เพราะทำการบ้านมาส่วนใหญ่คนไทยจะค้างที่เวียงจันทน์คืนนึงแถว ๆ ตลาดเช้าเพื่อต่อรถไปวังเวียงในวันรุ่งขึ้น ....
จากคำแนะนำของแก เลยเก็บเอาคิด หลังรถจอดที่ตลาดเช้าแล้ว... เราถามคนแถวนั้นว่า...คิวรถไปวังเวียงวันรุ่งขึ้นอยู่ไหน เขาบอกว่า รถไปวังเวียงไม่มีขึ้นที่นี่แล้ว เปลี่ยนสถานที่ขึ้นได้ สาม สี่ เดือนแล้ว เขาแยกสายใต้ สายเหนือได้สักพัก บอกงั้น...
เอ้า... แล้วการบ้านที่ตรูทำมา... พัง ++ ต่อหน้าเฉย ไม่เป็นไรเนาะ.. คุยกัน หาที่พักก่อนเริ่มค่ำแล้ว เดี่ยว..จะไม่ปลอดภัยกะคนหน้าตาดีอย่างเรา ๆ ่5555 เดินข้ามที่ทางม้าลายอันน่างง ๆ ตรงหลาย ๆ แยก ข้ามแบบเบลอ ๆ ซ้ายหรือขวาดีเนาะ เลือกเลี้ยวขวา... เพราะเห็นสามล้อกะป้อจอดอยู่แล้วนั้น... เจอคุณน้าสามล้อเลยถามหาที่พัก ถามไปถามมา ถามหาคิวรถวังเวียงว่าอยุ่ที่ไหน แกอธิบายเป็นฉาก ๆ น้าคนนี้ชื่อ คำหล้า... อายุก็ 50 กว่า ๆ แล้ว ตกลงใจขึ้นรถแก แกเรียก 400 บาทไทย เราต่อได้ 300 ขึ้นรถไปกะแก บอกแกจอดหาข้าวกิน หาซิมใช้ แกก็ทำตามที่บอกทุกอย่าง
ซึ่งไม่เบา.. ลมตีหน้าตลอดทาง
จอดรถแถวตลาดกลางคืน หาข้าว แต่หาซิมใช้ไม่ได้ รู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออกเล่นเน็ตไม่ได้...
อาหารที่ทำเอาคิดว่ายังอยู่ที่ไทย... ตัวอักษรที่ยืนยันว่าถึงลาวละนะ
.
.
.
ວັງວຽງนั่งรถกะป้อสามล้อของน้าคำหล้ามาถึงสถานีสายเหนือ เพื่อไปหาที่พักหวังต่อรถไปวังเวียงอีกรุ่ง... แต่ด้วยความเดินเข้าผิดประตูคิดว่าเป็นประตูที่พัก เข้าไปเป็นประตูขายตั๋วรถไปวังเวียง เลยถาม พนง.ขายตั๋วว่า... ยังพอไปได้อยู่ไหมวังเวียงน่ะ เขาบอกมีรถเยอะเลย แต่เป็นรถนอนไปเชียงขวาง กับหลวงพระบางนะ แต่ผ่านวังเวียงจะไปไหม... เราเซอร์ไพรส์กันนิด ๆ ไม่คิดว่าจะมีวิธีนี้ด้วยเหรอ..คือเป็นคนซื่อ ๆ ไง เขาบอกไปวังเวียงก็จะไปวังเวียง แต่ดันมีออฟชั่นเพิ่มอย่างนี้เราก็เลือกเลย เพราะอยากถึงปลายทางเร็ว ๆ
2 ทุ่มเศษ บนรถนอน..เขาเก็บเรา 250 บาทเราจ่ายเงินไทยเพราะยังไม่มีเวลาแลกเงินบอกถึงวังเวียงแล้วเรียกด้วยนะ เพราะใช้เวลา 4 ชั่วโมง
บนรถนอน... เป็นรถต่อที่ 5 ของเราแล้ว.. ได้มีเวลาหายอกหายใจ ทานข้าวเย็นที่ไม่ค่อยจะกินเพราะเกรงเรื่องห้องน้ำ.. แรก ๆ ที่ขึ้นรถนอน.. พนง. ยื่นถุงพลาสติกสีเหลืองให้ บอกให้ถอดรองเท้า แล้วเอารองเท้าใส่เข้าไปหิ้วถุงไปด้วย เตียงใครเตียงมัน จขบ. กะพี่สาวนอนเบียดกันดีกว่าที่ชั้นสองเพราะชั้นล่างคนแน่นแล้ว
บนบัสนอน..เจอน้องจุ้น มณีวงศ์ กรุ้มกริ่มเพราะเบียร์ลาว กับน้ำขาวมาด้วย...ตานี่หวานเยิ้ม... เลยได้เพื่อนร่วมทางเพิ่มอีก 1 หนุ่มได้ทีขอน้องชายใส่ซิม M phone ที่แวะซื้อรายทางมาได้ และลงทะเบียนให้ เขาใจดีมากช่วยเต็มที่และลงทะเบียนซิมลาวให้เราเลย ถ้าไม่ได้จุ้นพี่ก็แย่เหมือนกันคับ
"ขอบใจ๋หลาย"
ด้วยความดื่มจัด... นอนไม่ได้เพราะปวดฉี่.. เล่นไม่กินข้าวแต่จัดยอดข้าวก็เป็นเรื่องอย่างนี้ จำได้ว่าอั้นฉี่ข้ามเขาไปหลายลูก นอนไม่หลับ... ลุกไปคุยกับคนขับเฉย.. คุยได้ศัพท์ว่าขับมา 10 กว่าปีแล้ว เพลงที่เขาฟัง ๆ กันเพลงไทยส่วนใหญ่เนาะ อริสมันต์อะไรงี้ ตั๊กแตนก็มีนะ.. ฟังไปแล้วก็อ้อนขอให้จอด 555 ถึงกลางทางเขาจอดให้ที่แขวงไหน เริ่มไม่รู้แล้วเพราะมืดมาก ๆ ฝนตกหนักด้วยคืนนั้น ... ฝนที่ลาวคงเม็ดเท่าไข่ไก่ หนักมากกกกก !!!
จอดกลางทางยังงี้... เห็นห้องน้ำเหมือนเห็นสวรรค์ เอาน่ะ 2000 กีบก็ยอมจ่ายฮ่าบ ขึ้นรถได้หลับเป็นตาย 5 ทุ่มแล้วนี่เนาะฝนก็บรรยากาศน่านอนมาก...ถึงวังเวียงละปลุกป้าด้วยนะ... คร่อก !!
.
.
.
ວັງວຽງผ่าน 4 ชั่วโมง ร่วม 5 ชั่วโมงได้ เที่ยงคืนเศษ ๆ เกือบตีหนึ่ง คนขับรถเรียกเราตื่น บอกวังเวียงเด้อ !! เราสองกุลีกุจอตาตื่นเก็บของอย่างเร็วลงบัส บ๊ายบ่ายด้วยนะ ขอบคุณมาก ...
แล้วก็หันมองหน้ากัน... เพราะฝนตกหนัก ไม่มีที่ซุกหัวนอน... ตรูจะหาที่พักที่ไหน เริ่มจากจุดนี้ได้ยังไง ละอยู่จุดไหนของวังเวียงเนี่ย... มืดมาก.. เอาผ้าใบคลุ้มเป้.. เริ่มหาร่มดีนะที่พกมา เพราะดันลืมเสื้อกันฝน...
สักพักคนขับรถสามล้อแถวนั้นมาจอด บอกจะพาไปจำปาลาวที่คนไทยพักกัน.. เราก็ไปนะ แต่จำปาลาวปิดแล้ว... มันตีหนึ่งละนี่เนาะ เราจ่ายให้รถต่อที่ 6 ของเรา 120 บาทไทย ทำให้คิดถึงรถที่บ้าน ...
แล้วเดินหาที่พักกลางสายฝนแถวนั้น เจอ Mountain View Resort ที่ว่าง 1 ห้อง แค่คืนนั้นคืนเดียว มันว่างรอเราไง ตกลงราคา 1000 บาทพร้อมอาหารเช้า เราไม่เลือกแล้วเพราะเหนื่อย... อาบน้ำสระผม สลบ....
ตีห้า... ตาตื่นเพราะวงจรชีวิตมนุษย์เงินเดือนเพราะเสียงตามสายของวัดด้วย ...วันเข้าพรรษาที่ชาวลาวตื่นไปทำบุกัแม้ฝนจะตกหนักยังงั้นเมืองที่หลับ ๆ ก็ตื่นไปวัดกัน...
ส่วนจขบ. ก็ตื่นกะเขานะ ...ตาตื่นเพราะวิว... แล้วหลับต่อไม่ได้อีกเลยนี่สินะ... ที่รอคอยมาตลอด...ขุนเขา สายหมอก ขาดแต่สายน้ำ ณ เวลานั้นยังไม่ได้เห็นกะตาตัวเองตัวติดอยู่ในที่พัก แต่ใจเตลิดไปข้างนอกนานแล้วรู้ไหม
ด้วยหลับต่อไม่ได้เลยควักเศษเงินทอนตลอดคืนก่อนมาดู นี่เรารวยขนาดนี้เลยเหรอ... จนป่านนี้ยัง งง การจ่ายเงินกีบอยู่เลย อะไรมันจะมหาศาลขนาดนั้นเนาะ จำนวนน่ะ 5555
พร่ำคนเดียวว่า... ฝนจะตกมาไรมากมาย... อยากทัวร์รอบเมืองแล้ว... แต่สายนั้นดูท่าแล้ว ฝนไม่หยุดให้เราหรอก.. ได้แต่ปลอบตัวเองว่า... ไปกินข้าวดีกว่า ทางออกที่ดีที่สุด 555
มื้อเช้าแน่น ๆ เพราะหิวมาทั้งคืน... สายนั้นรอยังไงฝนก็ไม่หยุดสักทีไม่ใช่หรอก.. ไม่ใช่เราแน่ที่จะจับเจ่าอยู่ที่ที่พัก...
.
.
.
8th July 2017
หลังฝนรินทั้งคืน ยันรุ่งของอีกเช้าวันใหม่.... เช้าวันเข้าพรรษาที่คึกคักเพราะ นทท.ไทย เกาหลี เยอะเป็นพิเศษ
พิเศษในที่นี้คงเป็นพี่ไทยเรานี่แหล่ะ... หยุดยาวนี่เนาะ... ค่อนวังเวียงคือประชากรไทย คาดว่ายังงั้น ไม่รู้สึกว่าอยู่ลาวเลย อยู่ไทยค่ะ เพราะแม้แต่ที่ Mountain View Botique Resort ที่ห้องอาหารเช้าพี่ไทยเราทั้งนั้น คุยไปคุยมา เอ้า... เชียงใหม่เจ้าก็มีกะเขา... กะเราด้วย 5555
ที่นี่ได้เพื่อนใหม่เพิ่มในไอจีด้วย... คือเราไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นใคร เราเป็นใคร คือความชอบเหมือนกันไง เจอกันที่ดาดฟ้าโรงแรม เพราะเราเก็บหมอกยอดเขาเหมือน ๆ กัน ทักไปทักมา จนมาเจอในไอจีเพราะแฮทแทกวังเวียง ก็ว่ากันไป เห็นไหม มิตรภาพเบ่งบานได้ทุกเส้นทาง...
สายนั้น... ข้าวเช้าก็แล้ว เซลฟี่ก็แล้ว เก็บหมอกตามยอดเขาก็แล้ว ฝน(ห่า) หรือว่าห่าฝนก็ยังไม่ยอมหยุดสักที... ก็น่ะ คนอยากเที่ยวแล้วนี่นา วังเวียงกวักมือเรียกให้ออกเที่ยวแล้ววววว... ฝนก็ฝนเนาะ เราไปติดต่อขอแผนที่เมืองที่เคาท์เตอร์ พนง.ก็นะ แนะนำแต่ตุ๊ก ๆ ให้นั่งชมเมือง คือมันไม่ใช่น่ะ เราอยากจุ่ม ดื่มด่ำกับวิถีชีวิตและสภาพเมืองที่นี่นะ ไม่ใช่นั่งมองผ่าน ๆ อย่างมองในเน็ต สรุปแล้วได้แผนที่ และได้ยืมเสื้อกันฝนด้วย ใจดีเนาะ .... มีแซวว่าขอให้เดินเที่ยวให้ทั่วนะ และขอให้เจอ รร.ที่เธอจองด้วย หึ ๆ ๆ
ว่าละ ก็ไปกันเลยเนาะ .... ตามเดิม วนซ้าย อะไรนักหนาก็ซ้ายนะ .... ไม่ใช่หรอก เพราะซ้ายมีน้ำซองต่างหากล่ะ
เดิน ๆ ไป ทายได้ไหมเราเจออะไร??? คือเจอแล้วกรี๊ดเลย
สะพาน - เขา - สายน้ำ
และเป็ด
และพี่สาวถาม... เมิงกรี๊ดทำมายยยยย
................
เห็นคนสวยกลางร่มไปวัด.. อดเดินตามไม่ได้พลางขอถ่ายรูปด้วย นี่ ๆ อิชั้นถึงวังเวียงละนะ
เดินผ่านร้านรวงหลายร้านทำเอาหิว...
แต่มันก็ยังไม่ใช่เวลายัดของใหม่เข้าท้องนี่เนาะ.. ไม่เป็นไรเอาไว้ลองพรุ่งนี้ละกัน
..........................
สาม สี่ เก้า ก็ได้เจ็ดเก้า อ่าาาาา ไม่ใช่ ๆ ประเด็นคือเดินไป ๆ แล้วเราเจอสะพานอีกแล้ว ...
ดี๊ ด๊า ร่าเริง เหมือนเป็ดเจอน้ำฝน หึ ๆ ๆ
ท่าสวย ๆ ไม่ยักกะทำกะเขาเนาะ ... สังเกตแขนซ้าย... มีผ้าใบในถุงคือไม่ไหวจะเคลียร์ มันต้องเปลี่ยนเนาะ... เสียไปอีก 10,000 กีบ 80 บาทไทยได้อีแตะมาคู่นึงรองเท้านอกซะด้วย (ผลิดในไทย)
คนบ้า ๆ กะ สายฝนที่ลงหนักหน่วง แลไม่เข้ากะวิถีชีวิตป้าที่กำลังหาปลา นี่ดีป้าไม่ไล่ เพราะทำปลาเขากระเจิง
.
.
.
ວັງວຽງจากสายน้ำซอง และสะพานที่ได้ยลกะตาตัวเองแล้ว แม้จะขุ่น ๆ เพราะหน้าน้ำหลาก แต่ไม่เป็นไรเนาะ รับได้
เดินไปตามทาง ไปเรื่อย ๆ โดยจำคำพนักงานต้อนรับ รร.ว่า ถ้าจะหาวิลล่าน้ำซอง โฮเทลให้ไปทางซ้ายเข้าไว้ เราก็ตามทางที่เขาบอกไปเรื่อย ๆ ๆ และเรื่อย ๆ จนเจอร้านแลกเงินเกลื่อนตามทาง แลกเงินไว้ใช้ แลกไป 1 พัน ได้มาตั้งสองแสนสีกีบกว่า ๆ มันมหาศาลจนป่านนี้ก็ยังไม่หาย งง
ตอนเดิน ๆ ก็หักกิ่งไม้ตามทางไว้กันหลง เผื่อหลงจะกลับมาทางเดิม ม่ายช่าย พยายามจำตึกค่ะ มีความเป็นไปได้ว่า อาจหลง เพราะเราชำนาญการหลงเป็นอย่างดี ไปไหนเราก็หลง ถ้าไม่หลงเราไม่ถึง ว่างั้น
เจอคน ๆ นึงมันเท่ห์นะ นี่เมาแต่หัววันเลยเหรอ??? ไม่แคร์ฝน ไม่แคร์ฟ้า ไม่แคร์สายตาอิชั้น เก็บรูปซะเลย
และไม่แคร์ไปกว่านั้นคือมาประชิดตัว แล้วชวนคุย ชื่ออะไรไม่รู้ shake hands ตามธรรมเนียมชาวเปอร์โตริโก้ แนะนำตัวเสร็จสรรพเห็นเข้ามาร์ทไป เอาเบียร์ลาวเพิ่ม เจ๋งโน๊ะ หึ ๆ ๆ Chill Mode โพด ๆ มีคนถึงวังเวียงกว่าอิชั้นซะอีก นี่งายยยยช่ายเลย
keep walking ก็เดินต่อไป ห้ามหยุด แต่ก็ต้องหยุดเพราะเจอโมเม้นท์เซอร์ ๆ วินเทจขึ้นสนิมอย่างนี้ อดใจม่ายล่าย
แหม... เข้ากั๊น เข้ากัน สังกะสีก็เก่า ป้าก็แก่ 555
ขณะที่เดินนึกถึงที่อโคจรฮิต ๆ กลางคืนกัน เลยทำการบ้าน survey ไว้ มันอยู่ไหนเดี่ยวคืนนี้มา 555 ซากุระบาร์ หาพิกัดไว้ไม่เสียหายเนาะ
แหมยังกะอยู่ไทย
จนเจอโรงพยาบาล ดีละ เกิดเหตุด่วน เหตุร้าย เรารู้ที่รักษาละ หายโห่ง ๆ
หิวไหม... หิวนะ เดินจนหิว ข้าวเที่ยงมื้อแรก ปลาร้าลาวอร่อยนะ
ที่เลือกส้มตำน่ะ เพราะนอกจากโรตี กะฮอทดอกแล้ว เราไม่เห็นอะไรเลยนอกจากร้านส้มตำ เอาเนาะมาถึงที่ละ อีกอย่างที่เข้าร้านนี้เพราะบิ๊กไบค์ป้ายอุดร กะ กทม. จอดเพียบเลยเนียนเข้าด้วยซะเลย 555
จ่ายค่าเสียหายอย่างน่าตกใจ ทั้งหมดนี่ 65,000 กีบ แม่เจ้าเอามือทาบอก ยกเครื่องคิดเลขเป็นเงินไทยเบา ๆ คือ งง สรุปสองสามร้อยกว่าบาท โล่งอก 555 มึน
.............
ວັງວຽງเดินจนได้เวลาไปเช็คอิน เก็บหมอกยอดเขาอีกนิดแล้วกลับไปชาร์ตแบตมือถือ ชาร์ตแบตคนด้วย... พักเอาแรงแล้วย้ายโรงแรมกันค่ะ
ลาด้วยคอลเลคชั่น "สายหมอก" หลังม่านฝนที่วังเวียงเนาะ
"
"
"
8th July 2017
หลังป้า ๆ พักชาร์ตแบตให้ร่างโทรม ๆ >> กล้อง และมือถือแล้ว
เราอัดพาราฯกันหวัดเพราะเกรงป่วยจากย่ำกลางฝนทั่วเมืองวังเวียงค่อนเช้า... ออกจากที่พักบ่ายหน้าหาทัวร์ และตั๋วรถกลับอุดรในอีกสองวันข้างหน้า เพราะกลัวตกรถ ยันตกเครื่อง...
แพลนมั่ว ๆ ของเราคือ... ซื้อวันเดย์ทัวร์ของพรุ่งนี้ ส่วนวันนี้เน้นเดินจ้าววว... เดิน เดินเข้าไป
เพราะจากที่เก็บของ ลั้ลลาที่ที่พัก นั่งนับเงินกีบและพยายามทำความเข้าใจกับมันแล้ว... ณ เพลานั้นมันบ่าย 2 กว่า ๆ ดูจากเวลาแล้วคงไม่เหมาะที่จะเช่าจักรยาน กะ มอร์ไซค์แว้น ๆ กันหรอกเนาะ ว่าแล้วก็เดิน จนเจอร้านขายทัวร์และขายตั๋วรถบัสกลับอุดร จริง ๆ ออกจากที่พักแล้วเลี้ยวซ้ายเนี่ย.. ก็เจอไปหลายค่าย หลายร้านแต่เราเลือกไปอย่างใจเย็นจนมาเจอร้านพีชายใจดีคนนึง... ขายทัวร์ ขายตั๋วรถบัส ม้วนเดียวจบ สรุปไม่ได้ซื้อทัวร์แต่ได้ข้อมูลเพียบ แต่ได้ตั๋วรถบัส อันหลังนี่อุ่นใจที่สุด... คือจะเป็นตายร้ายดียังไง ตรูก็ได้กลับไทยแล้วเฟร้ย.. ปล.กลับต่อเดียวด้วยนะ ไม่ได้ 5 6 ต่ออย่างขามา 55555 เงิบ
หลังได้ข้อมูลทัวร์จากพี่ชายใจดีคนนั้น... ซึ่งลืมชื่อเจ้าของ กะชื่อร้านไปแล่วววว (จริงๆ พี่เขาก็กะขายทัวร์นั่นแหล่ะ แต่เราคงเป็นลูกค้าสาย "งก" คืออยากลุยเอง) ยิ่งทำให้มั่นใจว่าวันนี้เราเดินกันเถอะจากร้านส้มตำ...
จขบ.ถามหาสะพานสีส้ม และถ้ำจังไว้ก่อนแล้วทำให้ได้ข้อมูลว่า.. จากวิลล่า น้ำซอง เดินไปสะพานส้มไม่ไกลเลย (ถ้าไม่หลง) ประมาณโลกว่า ๆ เหยียดสองโลได้ซึ่งมันไม่ใช่ปัญหาสายลุยอย่างเราเลย ยิ่งฝนไม่ตกแล้วด้วยอากาศดีน่าเดิน....
การหลง คือเสน่ห์ของการเดินทาง
เราหลงที่สะพานทางไปภูคำ
หลงเพราะเห็นคนหมู่มากเลี้ยวขวาลงทางนั้น
หลงเข้าไปเจอสะพานวันเวย์ที่ต้องจ่ายเงินหมื่นกีบ...
หลังถามได้ความว่า.. ทางนั้นไม่ใช่ทางไปถ้ำจังเราบ่ายหน้าอย่างอาย ๆ (ยังเหลืออีกเหรอ)
เดินย้อนกลับออกมา จากนั้น...ถามทุก 50 เมตร พี่น้องลาวก็ใจดี กินข้าวกันอยู่ อธิบายยับถึงทางเดินไปสะพานส้มเดินไป กลัวหมาลาวงับน่องไปเจ๊บอกอย่าไปสบตาหมา หมาจะกัดน่องเอา เอ้า.. เหรอ ที่บ้านไม่ได้สอนมาอย่างนี้
เดินไป.. ถามวงเหล้าที่เรียงรายข้างทางไป แหม..ซิลจุงเบย รู้สึกเมืองนี้เขาดื่มกันแทนน้ำเลยเนาะ เข้าพรรษาเขาก็จัด จัดกันเป็นวง ๆ แหะ ๆ ๆ
ซึ่งในระหว่างที่เดินนั้น.... ฝนไม่ใช่อุปสรรคของเราอีกต่อไป แต่ศัตรูตัวฉกาจของเราคือรถค่ะ ... รถ
มันดีดน้ำใส่ขาสวย ๆ อีชั้น... หลบจะตกคูอยู่ละ
..........
ตอนที่เดิน... รู้สึก
ถ่ายดอกหญ้าที่ไหน ก็ไม่ฟินเท่าถ่ายที่วังเวียง มันสวย บ้าน ๆ สมเป็นหญ้าของวังเวียง (เมริงบ้าไปละ)
...........
สะพานส้ม
อยู่ในพื้นที่
ของ
วังเวียงรีสอร์ท
เราควักคนละ
สองพันกีบ
เป็นค่าเข้า
เข้าไปก็
ไม่ผิดหวังเนาะ
สมกับเป็นที่
เช็คอินอีกที่ของวังเวียง
ไปกันก่อนนะ ป้าเก็บวิวริมน้ำแป๊บ
มันแกว่ง ๆ เหมือนชิงช้า
คนอยู่บนสะพานก็กรี๊ดกันไป
เราก็ฟินกันไป ดูหน้าดิ
ชีวิต ดี๊ ดี (มองบน)
รอยังไง.. สะพานก็ไม่ว่าง เราถอดใจไปถ้ำจังกันค่ะ
ภาพข้างล่างไม่ได้เอียง แต่สะพานโดนลมเลยพาลเอียง
ข้ามสะพานมา เราเจอมาสคอตของวังเวียงฝูงใหญ่เลย แทะเล็มหญ้าร้องมอ ๆ ๆ
เป็นครั้งแรกที่เจอ ร้องเสียงหลง คือมันเยอะ ฝึกไว้.. เดี่ยวจะเห็นอีกเยอะจนชิน ไปทางไหนก็เจอ
ข้างทางขวามือของทางเดินไปถ้ำจัง... ขายของด้วยไม่ได้ซื้อ เก็บแต่รูปมา
มาถ้ำจังครั้งนี้... เราไม่เห็นสายน้ำใส ๆ
เพราะเข้าใจว่าน้ำหลาก
จริง ๆ ถ้ามาหน้าร้อนคงได้เล่นน้ำ
กะเขาบ้างแหล่ะ
ไม่เท้าจุ่มน้ำเย็น ๆ ก็ได้
ผ่านสวน และสายน้ำเล็ก ๆ
ไปเห็นทางขึ้นถ้ำ
ตรูถอนตัวทันไหมถามใจเธอดูวววว์
แต่ก็นะมาถึงที่แล้ว
เอาก็เอา จ่ายก็จ่าย
หมื่นห้าพันกีบค่าเสียหาย
ยังไม่รวมค่าแรง
ที่ต้องออกอีก 147 ขั้น
ชัน ๆ ขีดเส้นใต้
หลังจากจ่ายเงินแล้วอยากได้ประตูโดราเอม่อน
เหนื่อย
แต่เห็นวิวก็หายเหนื่อยละ
ในถ้ำไม่เหมาะอย่างยิ่งกับกล้องหนอนของเรามันเปียก บางทีน้ำหยดยังกะฝนรั่ว น้ำเยอะมาก มืดด้วย โหมดอะไรก็ช่วยม่ายล่ายยยย แต่มือถือช่วยล่ายยยย
หัวก็เปียก มือก็เปียก เท้าก็แช่น้ำบางช่วง
นี่เข้าถ้ำหรือมาอาบน้ำ ???
จนปลายถ้ำมีวิวงาม ๆ รออยู่ - มีพระรอให้กราบไหว้
.
.
.
บ่ายสี่ เกือบห้า ลากขากลับที่พัก ผ่านมาร์ทซื้อมาม่าไทย ราคา 5000 kip ไปลวกกินที่ห้อง ไม่ไหวจะเคลียร์กับร้านใด ๆ ทั้งนั้น เหนื่อย เหนียวตัวอยากอาบน้ำ อยากพัก
หายเหนื่อยอยากลองซากุระบาร์ตามที่หลายคนรีวิว ก็นะสักหน่อยถึงที่แล้วไปให้รู้ว่าเหล้าฟรีมีจริงด้วยเหรอ... ซึ่งมันก็มีจริง ฟรีบาร์ชั่วโมงนึงคนแน่นดี คนไทยทั้งนั้น ฝรั่ง เกาหลี นี่ตรูอยู่ไทยใช่ไหม มาเก็ทว่ากรุ้มกริ่มอยู่ลาวก็ตอนเพลงผู้สาวขาเลาะดังขึ้นนี่แหล่ะ อ้อ... บาร์ลาว
ปล. ภาพเบลอมือถือนะคะ ทิ้งกล้องใหญ่ไว้ที่ห้องพักละ
มาลองให้รู้ มาดูให้เห็น
ได้มิตรที่ซากุระบาร์ และครั้งแรกที่ลากแตะเข้าบาร์ จิบ้าตาย
อะไรก็รุงรังได้ที่วังเวียง
The old Tipsy ladies on Buddhist Lent Day in VangVieng.
ไป ๆ ป้า ไปนอน
9th July 2017
เช้านั้น...ผ่านคืนนั้นที่เมาหัวไม่ทิ่มสมใจหมาย ก็นะ..ผิดแพลนตั้งแต่คนเดินทางด้วยแล้ว ผิดแผนทุกอย่างจนกระทั่งวันได้เดินทางผิดแผนจนกระทั่งไม่มีรถจากอุดรไปวังเวียง ผิดแผนที่ได้ต่อรถตั้ง สี่ ห้ารอบจนถึงวังเวียงเที่ยงคืนกว่า ๆ เกือบตีหนึ่งผิดแผนที่หาที่ซุกหัวนอนกลางสายฝน ได้เรื่องรุงรังหลายเรื่องที่นั่น...ผ่านวันรุงรังไปหนึ่งวัน หนึ่งคืนแล้ว... เช้านั้น... เราหวังว่า เราคงไม่รุงรังกันอีกแล้ว (สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด)
แต่เช้านั้น...เราสวย เราแต่งหน้าทาปาก เขียนคิ้ว โป๊ะแป้งกันแดด บลา ๆ ๆ อ้าวแดดไม่มีเหรอ มีแต่ฝน ๆ ๆ และก็ฝน กินข้าวเช้าก็แล้วเก็บรูปรอบที่พักก็แล้ว ฝนที่หยุดไปสักพัก แต่ก็มีทีท่าว่าจะตกอีกแล้วและคงหนักกว่าเมื่อวานนี้อีกนะ ....ลางสังหรณ์เรื่องความรุงรังของอีชั้นมันกลับมาชัดเจนอีกครั้งนึง ชัดกว่าเดิม
เพราะเช้านั้น... ผ่านค่ำคืนเข้าพรรษาที่ฝนตกหนักหน่วง ความรู้สึกมันก็จะถ่วง ๆ อยู่นะว่า "เราจะรอดกันไหม" ทริปวันนี้ แต่มันเปลี่ยนแผนไม่ได้แล้วล่ะ เพราะเราไม่มีทางเลือกนัก ไม่งั้นไม่ถึง ไม่ถึงจริง ๆ นะวังเวียง
เก็บรูปที่พัก และบรรยากาศเช้านั้น หลังตื่นนอน ได้เรื่องเนาะ สวยดีแม้น้ำจะหลาก จนน่ากลัว แต่ก็สวยอีกแบบ
เวียงธารา จมธาราไปค่อนวัน... ณ เวลานั้นยังไม่รู้หรอกว่าฝั่งตรงข้ามกันนั้นคือเวียงธาราที่อยากพัก
ขอบคุณนะฝน ... อุตส่าห์ หยุดตกให้ได้แบกกล้องมาเก็บรูป ให้หายอยากได้บ้าง
กับเช้าที่น้ำหลาก... ทางเดินเข้าที่พักถูกท่วมไปซะครึ่ง..
ข้าวเช้าเสร็จแล้ว.. ฝนยังไม่หยุดหรอก แต่ก็ได้เวลาแล้วล่ะลุยวังเวียงกลางฝนอีกครั้งจะเป็นไรไป เป้าหมายวันนี้...ธรรมชาติรออยู่ตรงนั้น รอเราไปหา ว่าแล้วก็ไปหาที่เช่าแวนซ์ ๆสองล้อของเรากันเนาะ
จ่ายค่าเสียหายที่ปั๊มแล้ว... ขับกลับเข้าเมืองเพราะอยากไปที่บลูลากูนที่เขาร่ำลือกันหนักหนา
ถ้ายังจำสะพานที่เราพากันมาหลงวันก่อน...
ใช่ค่ะ เรามุ่งหน้าไปสะพานนั้นกัน เสีย 10000 kip เป็นค่าผ่าน
ตื่นเต้นดีนะ สะพานแขวนแบบวันเวย์
นี่ถ้าโชคร้ายรถพุ่งตกน้ำตายใครคงช่วยใครไม่ได้แหล่ะเนาะ น้ำเชี่ยวมาก
ผ่านสะพานที่ว่าจะถึงหมู่บ้านอีกชื่อ จำไม่ได้แล้วค่ะ หมู่บ้านนี้อยู่ตรงกันข้ามกับ วิลล่าน้ำซองที่เราพัก
แหล่ะนี่สภาพน้ำท่วมเวียงธารา.. สะพานทางเขา หายไปเลย
ไป ๆ ๆ ไปกัน
......
ธรรมชาติ กะ วิว สวย ๆ เรียกสาวกไปเข้าเฝ้าอยู่ ^^
ผ่านสะพาน ผ่านหมู่บ้าน ผ่านท้องนา และตะลึงกับสวรรค์บนดินข้าง ๆ ทาง
หยิกตัวเอง ตบตัวเอง
หมอกที่หลงรัก อยู่วังเวียงเต็ม ๆ
จะเอียงไปไหน 5555
พาราโนมาที่ไม่ต้องเสียตังค์
กับชบวนหนุ่มเกาหลีเท่ห์ ๆ ๆ มากันละ มารอบหน้าจะลองคันนี้บ้างละ
เจ๊บอก ถ่ายไปอย่าได้ยั้ง กรุ๊บกรอบ ๆ ๆ 555
ไปเรื่อย ๆ 7 km. แรก ๆ ถนนก็ดี ๆ อยู่หรอก คุณหลอกดาว !!!
ผ่านสองสาว และวิถีนี้ไปแล้ว ตับสลับกับม้ามกันเลยทีเดียว คุณพระ(เยซู)
และเพลงก็มา ไกลแค่ไหนคือใกล้ บลา ๆ ๆ
บางที่น้ำตัดถนน บางหลุมที่รถเกือบดับ แต่ขอบคุณพระเจ้านะ ถ้ามันดับขึ้นมานี่ยังไงกันละทีนี้ ขอบคุณซือเจ๊ด้วย ห้าวจริงไรจริง
และเพลงเพื่อชีวิตก็เริ่มมา แฮร่ !!!
ณ เพลานี้ถ้ามีหน้าอก นมคงตีหน้าไป 100 ครั้งละ เอิ่ม เป็น 7 km. ที่โหดมากอ่ะ
แต่ ๆ ๆ
แต่ !! ยอม
วิถีที่ตรึงใจ หาไม่ได้แล้วในสังคมไทย
ถึงหาได้ก็หายากนะ จขบ.ว่า
และมาสคอตของวัวเวียง เอ้ย วังเวียง
และซือเจ๊ ยกให้เป็นศัตรูตัวฉกาจของนาง มอ ๆ ๆ
ວັງວຽງ ผ่านหมู่บ้าน และฝูงวัวนี้ไปแล้ว ใกล้ถึงและเห็นป้ายบลูลากูน 2 นะคะย้ำ !!! เพราะมีบลูลากูนสาม
ที่เราเลือกที่นี่เพราะ..วันก่อนที่ซื้อตั๋วกลับอุดรพี่ที่ขายทัวร์บอก บลู 1 เหมือนปายไปแล้ว คือไม่เหลือความงาม ความใส ไว้ให้ชมละ เราเลยมาที่นี่ที่ยังถือว่าเวอร์จิ้นอยู่ให้เชยชม (ว่าไปนั่น)
คงพอดี กับที่ฝนก็หยุดตกพอดี ขอบคุณนะ
เราหาน้ำใส ๆ ล้าง แข้ง ขา กันก่อน ไม่ไหวจะเคลียร์
ได้ยินเสียงกรี๊ด ๆ นึกว่าป่านั้นมีชะนี
เอ้าคนเหรอ
... จับภาพได้ก่อนนางจะโดน ถีบ ลงมาแล้วก็โดนทิ้งให้ห้อย ๆ
อยู่อย่างนั้น.. ไปอีกนาน (นี่ถ้าเสียเงินเล่นแล้วมาแกล้งตรูอย่างนี้)
จากนางน้อย ห้อยโหน เราบ่ายหน้าหาสระน้ำสีฟ้า ที่ไม่ค่อยฟ้าเพราะน้ำเจิ่งนองได้ที่ ตลิ่งอยู่ไหน หาไม่เจอ
แหมบรรยากาศแบบ น่าเมาอ่ะ 555
เห็นเด็ก ๆ มันส์กันละป้าก็อยากบ้างนะ แต่กลัวกล้องเปียกจ๊ะ ไม่ไหว ๆ ป้าไปหาที่นั่งหย่อนขากันก่อนเนาะ
ฝนตกหนักมาก คืนที่ผ่านมา น้ำนองทั่ว
ตลิ่งอยู่ไหนค่าบ
ตาน้ำ
มันซิลดีนะ
เท้าไม่ได้แห้งกันเลยทริปวันนี้
หัวเหอ คิ้วเคิ้ว หาย !!!
สักพักใหญ่ ๆ ฟ้ามืดมาก ก่อนฝนลงอีกครั้ง...ที่นี่บูล 2
ขาออกมา...เอาสองล้อของเรา เสียงเพลงดังมากอ่า "แค่โสด" ฟังที่ไหนก็ไม่ฟินเท่าที่นี่ ถิ่นภาษาเขาเลยเนาะ ฟินนนนนนนนนมาจากคันนี้ ทะเบียนหลวงพระบาง
เราติดฝนกันที่นี่สัก15 นาทีก่อนแว๊นซ์ ๆ ไปถ้ำปูคา และบลู 3 ห่างเข้าไปอีก 5 km. (บลูสามจะไกลกว่าถ้ำปูคา) ที่ถามพี่เก็บตั๋วว่าไกลไหม ทางดีไหมเขาบอกไม่ไกล และทางดีกว่าที่มา เราดีใจ แต่... รู้สึกพี่จะพูดสลับกันนะคะ ฟันกระทบกันจนจะหลุดอยู่แล้ว... แฮร่ !!!
แต่แม้คุณจะหลอกดาว... เต็มใจขร่ะ (เสียงสู๊ง)
สำหรับ จขบ.แล้ว... ธรรมชาติคือหนึ่งคำตอบที่ตรึงใจ
แต่สิ่งที่ตรึงใจกว่านั้นคือ..
วิถีเด็กน้อยกลุ่มนึง เปลือยตัวเล่นน้ำฝน กวักน้ำ
วิดน้ำที่ขังที่พื้นใส่กันสนุกสนาน เขามีความสุขอย่างที่ตัวมี เขาไม่ทุกข์
ไม่ร้อน เขาพอใจ และรักสิ่งรอบตัว... "วังเวียง"
.........
ວັງວຽງ
จากมาร์คหน้า แล้วปล่อยให้ซือเจีพักผ่อนในห้องพักไป จขบ.คันปากไปถามรีเซฟชั่นถึงทางไป
เวียงธาราซึ่ง ณ เวลานั้น ยังไม่รู้เลยว่าอยู่จุดไหน ... ถามเสร็จถูกมองหน้าอย่างแปลก ๆ ว่า "นี่แกล้ง" หรือ "ไม่รู้จริง" ให้ตอบก็ไม่รู้จริงนั่นแหล่ะ เขาก็หัวเราะแหล่ะชี้มือไปฝั่งตรงข้ามของลำน้ำ
เอ้า อยู่ตรงกันข้ามนี่เหรอ ... นี่ถ้าน้ำแห้งจะเดินข้ามไปเลย
ติดตรงต้องข้ามนี่แหล่ะ เลยได้ขอแผนที่เขามา ...
พอมาถึงเท่านั้นแหล่ะ.. ถึงบางอ้อก่อนที่จะถึงข้างในของเวียงธาราเสียอีก เพราะเราเพิ่งผ่านสถานที่แห่งนี้ไปตอนสาย ๆ ของวันที่ผ่าฝนไปหาบลูลากูนน่ะเอง (โก๊ะอีกละตรู)
ซึ่งตอนที่ผ่านช่วงสาย ๆ นั้น... เราไม่เห็นสะพานค่ะ น้ำท่วมเกือบมิด
ตอนนี้เดินได้ละ ^^
จากประตู และทางเข้า เราเดินตามทางตามแบบมั่ว ๆ ของเรา จนเจอรีเซฟชั่น ณ เวลานั้น ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นค่ะ คิดว่าคงช่วยกันบิ๊กคลีนนิ่งอยู่แน่ ๆ เลย น่าเห็นใจเหมือนกันค่ะ น้ำมาเร็ว ไปเร็ว แต่สิ่งที่เหลือนี่สิ กว่าจะเข้าที่เนาะ...
แหล่ะ
ภาพแรกที่เห็น
และซือเจ๊ที่ขอสวยโฟโตบล๊อกเนาะ ต้องเข้าใจ
ไหน ๆ ก็มาแล้ว กดชัตฯรัว ๆ ไม่ยั้ง .... ว่าแล้วก็ได้แต่คิดถึงกล้องหนอนที่ชาร์ตแบตที่ไว้ที่ห้อง เศร้า
ตรูคิดผิดอีกแล้วววววว ตะโกนลั่นทุ่ง
แหล่ะ ก็ว่างจนเหลือแต่เรา
จนเจอพี่ชายสองคน
กลับจากหาปลาจากท้องนามา
ทักทายได้ชื่อ
อ้ายคำ... ลืม จำได้แต่คำ
หาปลาได้พอมื้อเย็นแกว่า...
ดีใจได้เจอวิถีดี ๆ คนดี ๆ ซื่อ ๆ
คุยด้วยสบายใจ
ไม่ต้องมากมายเห็นแต่น้ำใจและน้ำใจให้กัน
นางแบบแสนสวย
คิดว่าเป็นนางแบบเพราะนางคือ หอย
จวนหมดเวลา ได้เวลา "ลา"
กับโมเม้นท์ที่ถูกแอบถ่ายและหลาย ๆ ท่าที่ลงบล๊อกไม่ได้เดี่ยวโดนด่า
หันหลังให้ความฝัน... บายนะวังเวียง แล้วฉันจะกลับไป
เพราะหัวใจหล่นหาย "ที่นี่"
วังเวียง