สำหรับวันหยุดพักผ่อนคราวนี้ เราจะเดินทางออกจากกรุงเทพ มุ่งหน้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี ไปยังอำเภอที่เป็นชายแดนไทย-พม่ากัน จากตัวเมืองกาญจน์ขับรถไปอีกประมาณ 146 กิโลเมตร เราก็จะมาถึงอำเภอทองผาภูมิ หลายๆ คนอาจจะเคยมีโอกาสได้มาสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติในอำเภอทองผาภูมิแห่งนี้แล้ว แต่เชื่อเถอะว่า การเดินทางมาพักผ่อนยังอำเภอทองผาภูมิจะไม่เหมือนกับครั้งไหนๆ เพราะนอกจากจะได้สัมผัสกับอากาศเย็นสบาย ที่มาพร้อมกับความชุ่มฉ่ำของสายฝนแล้ว เรายังมีกิจกรรมผจญภัยท่ามกลางธรรมชาติมาฝากด้วย รับรองว่าคุณจะประทับใจไปอีกนาน

“ภูไอยรารีสอร์ท” ที่พักอิงธรรมชาติ ที่รายรอบไปด้วยสายน้ำและขุนเขา ทำให้บ้านพักทุกหลังถูกโอบล้อมไปด้วยทิวทัศน์ของธรรมชาติอันสวยงาม ซึ่งบ้านพักแต่แบบก็มีบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป เพราะด้วยพื้นที่ของภูไอยรารีสอร์ทที่ตั้งอยู่ระหว่างภูเขาสองลูก และมีลำน้ำไหลผ่าน จึงให้ความรู้สึกเหมือนเราได้เขาไปอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ท่ามกลางหุบเขา และหมู่บ้านนี้ก็มีขนาดกะทัดรัดไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป ด้วยบ้านพักจำนวน 20 หลัง แบ่งออกเป็น “บ้านไม้ไผ่” กลุ่มบ้านเดี่ยวจำนวน 10 หลัง ที่ปลูกเรียงรายอยู่ริมน้ำ ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาอันห่างไกลจากความวุ่นวาย เมื่อข้ามลำห้วยมายังอีกฝากหนึ่งของหุบเขา เราก็จะเข้าสู่หมู่บ้านไม้ไผ่แล้ว

ส่วนบ้านพักอีก 10 หลังที่เหลือนั้นคือ “บ้านเชิงเขา” ซึ่งแฝงตัวอยู่ท่ามกลางแมกไม้นานาชนิด บ้านแต่ละหลังถูกปลูกลดหลั่นกันลงมาตามแนวเขา ถึงแม้จะไม่มีสายน้ำไหลผ่านหน้าบ้าน แต่ด้วยความได้เปรียบของพื้นที่บนเขา ก็ทำให้บ้านแต่ละหลังมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแตกต่างกันออกไป บ้านพักทุกหลังของภูไอยรารีสอร์ท เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างพอเพียง ไม่มากจนทำให้เราลืมสนใจธรรมชาติรอบตัว แต่ก็ไม่น้อยไปจนทำให้เรารู้สึกไม่สบายตัว ซึ่งนอกจากบ้านพักที่แสนจะน่ารักคล้ายหมู่บ้านเล็กๆ ในป่าใหญ่แล้ว ที่ภูไอยรารีสอร์ท ก็มีกิจกรรมอีกมากมายไว้เอาใจนักท่องเที่ยวที่มีหัวใจรักการผจญภัย รับรองว่าแต่ละกิจกรรมของที่นี่ ทั้งสนุก ตื่นเต้น และหวาดเสียว ไม่รู้ลืมแน่ๆ

เริ่มต้นกันด้วยกิจกรรมแรกที่ถือว่าเป็นกิจกรรมขึ้นชื่อของภูไอยรารีสอร์ทเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ การขับขี่รถเอทีวี ATVไป ในเส้นทางธรรมชาติ ซึ่งตลอดเส้นทางการผจญภัยแบบออฟโรด เราจะได้ชมความงามของทิวทัศน์ธรรมชาติรอบตัว สลับกับการบังคับรถผ่านทางวิบาก ที่คุณจะได้สนุกสนานไปกับเส้นทางลูกรัง ท้าทายด้วยเส้นทางลาดชัน และตะลุยผ่านถนนดินแดงที่เฉอะแฉะเป็นหลุมเป็นบ่อ ก่อนจะได้ไปชมความงามของถ้ำหินงอกหินย้อย ดูค้างคาวที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกอย่าง “ค้างคาวกิตติ” หรือไปดู “ปูราชินี” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ปูสามสี” ปูน้ำจืดที่พบได้ในบริเวณอำเภอทองผาภูมิแห่งเดียวเท่านั้น สำหรับมือใหม่หัดขับเอทีวีก็ไม่ต้องวิตกกังวลไป เพราะเส้นทางของการขับขี่เอทีวีนั้นมีให้เลือกมากมายหลายแบบ ทั้งเส้นทางชมธรรมชาติแบบชิลๆ เป็นปฐมบทของการผจญภัย หรือจะจัดเต็มด้วยเส้นทางวิบากสุดมันส์ก็เลือกได้ตามความถนัด ซึ่งก่อนออกเดินทางทุกครั้ง ทางรีสอร์ทก็จะมีเจ้าหน้าที่แนะนำการขี่รถเอทีวี และนัดแนะสัญญาณมือเวลาขับขี่ เมื่อเราได้ลองขับวนไปรอบๆ รีสอร์ทจนคล่องแล้วจึงออกไปผจญภัยกันได้ ซึ่งทุกทริปของเอทีวีจะมีไกด์ร่วมขบวนไปด้วยอย่างน้อย 2 คน หนึ่งคนจะทำหน้าที่คอยนำทาง ส่วนอีกคนจะทำหน้าที่คุมท้ายขบวนเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทุกคน

หมดจากการผจญภัยด้วยรถเอทีวีแล้ว ถ้าใครยังไม่สะใจหรือยังรู้สึกสนุกอยู่ไม่หาย เราแนะนำให้ทำตัวเป็นทาซานไปท้าทายความสูงกับ “กิจกรรม Iyara Flying” หรือ ที่รู้จักกันทั่วโลกในชื่อ “Zip Line” กิจกรรมผจญภัยตามเส้นทางสลิง ซึ่งเราจะได้ห้อยโหนจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่ง ด้วยการใช้รอกเคลื่อนที่ไปบนสายสลิง ปีนป่ายไปบนสะพานเชือก และดิ่งไปตามแรงโน้มถ่วงของโลกด้วยการกระโดดหน้าผาด้วยรอก รับรองว่าคุณจะได้สัมผัสกับมุมมองที่แตกต่าง ทดสอบความกล้า ท้าทายความกลัว พร้อมสัมผัสความเสียวแบบสุดๆ จนต้องกรี๊ดเสียงหลง สำหรับกิจกรรม Iyara Flying นี้ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมาก ส่วนเรื่องของความเสียวนั้น ถ้าอยากเสียวมากก็ขอให้จัดไปแบบเต็มๆ ทั้ง 13 ฐาน แต่ถ้าอยากเสียวน้อยหน่อย ก็มีให้เลือกเสียวเล็กๆ ทั้งแบบ 6 ฐาน และ 4 ฐาน ในเรื่องของความปลอดภัยนั้นหายห่วงไปได้เลย เพราะตลอดกิจกรรมจะมีเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการเรียนและฝึกจนเชี่ยวชาญดูแลอย่างใกล้ชิด รวมทั้งอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ใช้ก็เป็นอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานสากล เป็นที่ยอมรับและนิยมใช้กันทั่วโลก

อย่าเพิ่งคิดว่ากิจกรรมสนุกๆ ของภูไอยรารีสอร์ทจะหมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะยังมีการผจญภัยผ่านสายน้ำด้วยการพายคายัคในกิจกรรม “คายัคแอดเวนเจอร์ ลำห้วยปากคอก” ซึ่งลำน้ำที่มีต้นน้ำมาจากประเทศพม่านี้จะไหลลงสู่เขื่อนวชิราลงกรณ์ ผ่านเส้นทางที่เป็นเขาสูง ป่าทึบ ซึ่งมีโขดหินน้อยใหญ่ในลำน้ำทำให้เกิดแก่งให้เรามีเส้นทางผจญภัย กิจกรรมนี้แนะนำให้มาในช่วงเดือนมิถุนายน-พฤศจิกายนเนื่องจากเป็นช่วงที่มีความแรงและปริมาณน้ำเหมาะแก่งการพายคายัคล่องแก่งมาก เพราะเราจะทั้งเปียก ทั้งตื่นเต้นไปกับการบังคับเรือหลบหลีกโขดหินต่างๆ กันอย่างสนุกสนาน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างการแคมปิ้งที่แคมป์ช้าง ซึ่งเราจะได้ไปนอนบนห้าง แอบซุ่มดูช้างป่าออกหากิน รับรองว่าคุณจะได้ประสบการณ์ใหม่ที่หาที่ไหนไม่ได้ ถ้าอยากรู้ว่าจะตื่นเต้นแค่ไหนแนะนำว่าให้ไปสัมผัสด้วยตนเอง

เอาล่ะ....หลังจากออกแรงไปกับกิจกรรมต่างๆ มากมาย ถ้าจะไม่พูดถึงเรื่องอาหารการกินเลยก็คงเหมือนขาดอะไรไป ที่ภูไอยรารีสอร์ทมีบริการอาหารไทยพื้นเมืองรสชาติดีที่ “เรือนรัตนาภรณ์” ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมน้ำใกล้กับบ้านไม้ไผ่ เราสามารถฝากท้องไว้กับห้องอาหารเรือนรัตนาภรณ์ได้ทุกมื้อ โดยที่ไม่ต้องขับรถออกไปทานข้าวข้างนอกรีสอร์ทให้เสียเวลา สำหรับอาหารแนะนำและจัดว่าเป็นอาหารขึ้นชื่อที่อยากให้ได้ลองสั่งมาทานกันดู นั่นก็คือ “แกงฮังเลมอญ” ซึ่งรสชาติออกจะแตกต่างจากแกงฮังเลทางเหนืออยู่ซักหน่อย ทั้งเรื่องรสชาติที่เข้มข้นเครื่องเทศและหวานน้อยกว่า จานต่อไปคือ “น้ำพริกอ่อง” ทานคู่กับผักสดๆ ช่วยให้เจริญอาหารได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วน “ผัดผักกูด” ผักพื้นถิ่นที่หาได้ง่ายในพื้นที่ เพียงแค่นำมาผัดน้ำมันแบบง่ายๆ ก็อร่อยแล้ว และถ้ากลัวจะติดคอแนะนำให้สั่ง “ต้มยำไก่บ้าน” รสเจ็บมาซดไปด้วย รับรองว่ามื้อนี้จะอร่อยคล่องคอขึ้นอีกหลายเท่า หลังจากอิ่มอาหารคาวแล้ว ขอแนะนำให้ปิดท้ายมื้อด้วย “ขนมทองโย๊ะ” ขนมพื้นบ้านที่ทำจากข้าวเหนียวและงาดำ นำมาตำจนละเอียดก่อนนำไปทอดจนเหลือง รสชาติเค็มๆ มันๆ ปกติจะนำไปจิ้มกับนมข้นหวาน แต่สำหรับเรือนรัตนาภรณ์ต้องไม่ธรรมดา เพราะซอสที่นำมาให้ทานคู่กันนั้นเป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน ถึงหน้าตาจะคล้ายนำข้นหวานแต่รสและกลิ่นนั้นหอมหวานกว่ากันมาก

การเดินทางไปยังอำเภอทองผาภูมิของเราในครั้งนี้ ทั้งสนุก ทั้งประทับใจเป็นอย่างมาก เพราะเราได้มีโอกาสทำกิจกรรมมันส์ๆ สุดหวาดเสียวหลากหลายกิจกรรม ถือเป็นการเปิดประสบการณ์อีกหน้าของชีวิต สำหรับใครที่อยากจะมาทำกิจกรรมสนุกสุดมันส์ ประลองความกล้า ท้าทายความหวาดเสียวแบบเรา ก็รีบรวบรวมสมัครพรรคพวกในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ แล้วเลือกแพคเกจสุดจี๊ดให้ตรงใจ พร้อมแล้วก็ออกเดินทางมายังภูไอยรารีสอร์ทแห่งนี้ได้เลย แล้วคุณจะได้สนุกสุดขีดจนอะดรีนาลีนหลั่งแทบไม่ทัน