จากแนวกันไฟกินได้ ทางเริ่มจะสูงชันมากขึ้น ขุรขระมากขึ้น ฝุ่นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน เยอะมาก (ช่วยเปิดเพลงทางของฝุ่นของอะตอมประกอบไปด้วย) แต่ขอบอกเลยว่าถ้าหัวไม่แดงก็มาไม่ถึงถูบักไดนะเออ!!!!
![]()
ตอนนี้ยังนั่งหลังกันไปชิลๆ แต่หลังจากนี้จะไม่ชิลแล้วจ้า
![]()
พอทางเริ่มชันบวกกับถนนขุรขระ การถ่ายรูปเริ่มเป็นไปอย่างลำบาก มือขวาจับรถ มือซ้ายจับกล้อง รถก็สั่น ถ่ายไป20 คุณพระ!!!ชัดแค่ 1รูป ฝุ่นก็เยอะ ชีวิตทุลักทุเล โอ็ยเก็บกล้อง แล้วนั่งดูวิวชิลๆดีกว่า 5555
เสียง แต๊ก แต๊ก แต๊ก นอกจากจะเป็นเสียงของรถแล้ว เราคิดว่าน่าจะเป็นเสียงก้นของเราที่กระแทกกับรถด้วย
![]()
ขอบคุณรูปจากพี่ปืนค่า นานๆทีจะมีรูปคู่กับเพื่อน แต่ก็ใส่หน้ากากกันฝุ่น ใส่แว่นกันแดด แล้วจะดูออกมั๊ยเนี่ยว่าเป็นใคร ดีนะที่ไม่ใส่หมวกด้วย
![]()
หลังจากนั่งชิลชมวิว ผสม การโดด เด้ง ไปมา บนรถอีแต๊กเบาๆ ทางชันขึ้น เราก็เริ่มกรีดร้อง คือวิวมันสวยแต่ก็สูงจนหวาดเสียว ในรูปถ่ายดูไม่ชันมาก แต่ของจริงชันมาก!!!! นึกว่านั่งรถไฟเหาะ จนผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง เราจะถึงจะถึงสถานีป้องกันไฟป่าและที่นี้เราสามารถแวะเข้าห้องน้ำได้เป็นจุดสุดท้ายแล้วววว
พร้อมแล้วก็มาลุยกันต่อ ขึ้นเขา ผ่านป่า ผ่านดง ข้ามน้ำ ไต่หิน
![]()
รวมระยะเวลา 2 ชั่งโมงตั้งแต่ชมรม แล้วพวกเราก็ขึ้นมาถึงจุดชมวิว ก่อนจะลงจากรถอีแต๊ก ก็มีดอกไม้มาต้อนรับด้วย :D
![]()
![]()
ขอบคุณรูปจาก
ลุงไถ่ด้วยนะคะ :D
![]()
เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง พักทานอาหารกลางวันกันก่อน ปิ่นโตวันนี้มี ข้าวเหนียวห่อใบตอง หมูย่าง ไข่ต้ม น้ำพริก ผักสดที่เก็บมา และที่มีเสน่ห์ที่สุดคือการทำต้มยำไก่ด้วยกระบอกไม้ไผ่ มั่วแต่กินมือเลอะ เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาด้วย ถ้าใครอยากเห็นก็ลองขึ้นไปเที่ยวกันนะคะ
พอทานกินอื่มเรียบร้อย พ่อปามก็พาทุกคนเดินลัดเลาะแนวผา ช่วยกันปืนปายขึ้นหินก้อนใหญ่เพื่อขึ้นไปชมวิว
![]()
บนก้อนหินจุดชมวิวเราจะมองเห็นแนวเขาก้อนเล็กก้อนใหญ่สลับกันไปมา ถึงจะเป็นวันที่อากาศไม่ดี แต่แค่เราได้ขึ้นไปนั่งสูดอากาศก็คุ้มมากแล้ว
![]()
![]()
ปลายก้อนหินใหญ่ที่แอบมีความหวาดเสียว แต่พอมองจากอีกมุม มีความเป็นผาหลอกลวงอยู่เหมือนกันนะเนี่ย แต่จะลงไปห้อยตัวแบบผาหลอกลวงไม่ได้หรอกนะ โอ็ยหวาดเสียว ขอบคุณรูปจากพี่ปืนและลุงไถ่ด้วยค่า
ปืนลงจากหิน ไปนั่งพัก ดื่มน้ำ เข้าห้องน้ำ ห้องน้ำข้างบนเป็นห้องน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่เลือกหามุมเข้ากันได้ตามสบายเลย ซอกหิน ต้นไม้ ได้หมด ระหว่างที่ยืนรอเพื่อนๆอยู่ พ่อปามก็หันมาคุย แล้วก็ถามว่า
"ชอบดูกล้วยไม้ไหม"
ว่าแล้วก็เดินตามพ่อปามไป ลัดเลาะกิ่งไม้ ปืนขึ้นหิน หลบต้นไม้ พ่อปามบอกว่าบนนี้มีกล้วยไม้เยอะมาก จะออกดอกสลับกันไป แล้วพวกเราก็โชคดีเดินมาเจอ ...
![]()
เอื้องชะนี แต่เป็นเอื้องชะนีที่หล่นมาจากต้นไม้ใหญ่ เป็นโชคดีของเราเพราะถ้าอยู่บนต้นไม้เราคงไม่เห็นชัดขนาดนี้ หรือจะเป็นโชคร้ายของเอิ้องชะนีที่หล่อนลงมา T__T แต่พ่อปามบอกว่า ตอนนี้เค้าได้เกาะหินแล้ว สบายใจได้ เค้าน่าจะอยู่รอดปลอดภัย และออกดอกสวยงามต่อไป สู้ต่อไปนะเจ้าเอื้องชะนี
ออกเดินหากันต่อไป ปืนก้อนหินกันอีกก้อน แล้วก็เจอ ....
![]()
![]()
อยู่ต่อเลยได้มั๊ย~ พี่สิงโตก็มา
กลุ่มของสิงโตรวงข้าว แต่ส่วนใหญ่ร่วงกันไปเกือบหมด เกือบจะถอดใจเดินกลับ แต่แล้วสายตาของพ่อปามก็หันเข้าไปในเงามืดที่เต็มไปด้วยกิ่งไม้รก แล้วพวกเราก็ได้เจอกับ สิงโตรวงข้าวที่สมบูรณ์ :D
และแล้วก็ได้เวลาเดินทางลงจากภูบักได ระหว่างทางเราได้แวะเส้นทางเดินป่าฟังเรื่องราวของการอนุรักษ์ป่าไม้และธรรมชาติ การร่วมมือปลูกป่าทดแทน ของชุมชนชาวปลาบ่า และออกเดินตามหาปูหิน หรือ ปูเจ้าพ่อหลวง
![]()
![]()
เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ค้นพบปูชนิดใหม่ของโลก เป็นปูน้ําจืดตัวใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ณ บริเวณภูหลวง อําเภอวังสะพุง จังหวัดเลย โดย ศาสตราจารย์ ไพบูลย์ นัยเนตร ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทําหนังสือกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตอัญเชิญพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นนามปูน้ําจืดชนิดใหม่ของโลก โดยเรียกชื่อวิทยาศาสตร์ของปูที่พบใหม่ว่า Potamon bhumibol ชื่อไทยว่า ปูเจ้าพ่อหลวง มีชื่อสามัญว่า Giant Mountain Crab และได้รับพระบรมราชานุญาต เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2543.....ลักษณะเด่นของปูเจ้าพ่อหลวงมี 3 สี คือ สีน้ําตาลเข้ม สีม่วง และสีส้ม โดยกระดองจะเป็นสีน้ําตาลเข้ม ขาเดิน 4 คู่ และขาก้ามทั้งสองข้างเป็นสีน้ําตาลเข้ม ยกเว้นด้านในของก้ามหนีบอันล่างเป็นสีม่วง และปลายก้ามหนีบทั้งสองข้างเป็นสีส้ม เป็นปูน้ําจืดตัวใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
![]()
แล้วเราก็เดินทางกลับลงมาที่สถานีป้องกันไฟป่าอีกครั้ง พักเข้าห้องน้ำ และชมวิวยามเย็น
![]()
เอาล่ะจับที่นั่งของท่านให้แน่น เราจะออกเดินทางกันต่อแล้ว
![]()
![]()
นั่งชมพระอาทิตย์ตกตลอดเส้นทางกลับ
![]()
![]()
จบการเดินทางแล้ว ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณเพื่อนร่วมเดินทางทุกคน และพี่ๆจากชุมชนปลาบ่าที่คอยดูแลพวกเราอย่างดี ถึงจะเป็นทริปทดลองเที่ยวแต่ก็สนุกและประทับใจมาก และโปรแกรมทั้งหมดอาจจะมีการปรับเปลี่ยนไปจากนี้บ้าง เพื่อให้เหมาะสมกับเวลาและการเดินทางตามฤดูกาล
รูปภาพอื่นๆสามารถเข้าไปชมได้ใน Instagram และค้นได้จาก #ภูบักได #เที่ยวชุมชนไปกับคนอพท2560
หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยเปิดเส้นทางใหม่ให้นักผจญภัยขาลุยทุกคน ภูบักได คุณค่าที่สายลุยคู่ควร