ภูทอก ทะเลหมอกเชียงคาน ภูลูกเล็กๆ ที่ทำให้ผมตกหลุมรักเลย
ชีวิตติดหมอก ภูทอก เชียงคาน
อาทิตย์กว่าๆ กับการเริ่มต้นหาข้อมูล พิกัด และ การเฝ้าตามอากาศของภูทอก ผมไม่ชอบเดินทางโดยปราศจากข้อมูล แต่ด้วยทริปนี้ผมอยากเก็บเป็นความลับ จึงไม่ได้สอบถามข้อมูลจากใคร ทุกเช้าผมจะเข้าไปส่องจุดเช็คอินของภูทอก ว่าวันนั้นมีหมอกไหม มากหรือน้อย ท้องฟ้าเป็นแบบไหน แล้วเอามาเปรียบเทียบกับค่าตัวเลขของพยากรณ์อากาศ
จนในที่สุดกรมอุตุก็ประกาศว่าลมหนาวแรกทางเหนือจะพัดลงมาถึงกรุงเทพ นั่นเป็นจุดที่ทำให้ผมต้องตัดสินใจออกเดินทาง เสาร์และอาทิตย์น่าจะเป็นวันที่อากาศลงตัวที่สุดสำหรับทริปนี้ แต่ถ้าผมจะออกเดินทางคืนวันศุกร์เกรงว่าร่างกายจะไม่ไหว ผมจึงวางแผนว่าจะลางานวันศุกร์ เพื่อไปถึงก่อน 1 วัน สำหรับพักเอาแรง แต่ก็ไม่อยากพลาดเช้าศุกร์ คืนวันพุธผมเก็บของทุกอย่างพร้อม เพื่อมาทำงานวันพฤหัส และหลังเลิกงานผมจะออกเดินทางทันที
ระยะทาง ราวๆ 600 กม. กับ 8 ชม. จากกรุงเทพ กับหนทางที่ไม่เคยไป ทุกนาทีมีค่าเสมอ ... 4 โมงตรงผมออกจากที่ทำงานขึ้นทางด่วนอนุเสารีย์ชัย มุ่งหน้าสู่บางปะอิน แล้วเลยยาวไปถึงสระบุรี หลังจากเลยตัวเมืองสระบุรีผมแวะปั้มเพื่อพักรถและตุนเสบียงสำหรับมื้อเย็น เพราะคิดว่าไม่อยากไปถึงหลังเที่ยงคืน จึงต้องเซฟเวลาแม้กระทั่งการกิน
เมื่อมาถึงหล่มสักหนทางหลังจากนี้คือการเดินทางที่ไม่คุ้นเคย กับการฝากความหวังไว้กับ Google Map ตลอดเส้นทางในความมืดกับการขับรถคนเดียว ที่สองข้างทางมีแต่ป่าเขา ทุกอย่างดูเงียบ แม้กระทั่งยอดหญ้าที่ท่วมอยู่สองข้างทางยังไม่ไหวเอน นานๆ จะมีรถวิ่งสวนสักคัน
ผมขับรถมาไกลเท่าไรไม่รู้จนมาถึงทางแยกสักแยกหนึ่ง ผมเลี้ยวตาม Google Map ขับต่อไปได้สักพักกับความมืดที่เหมือนจะมากขึ้นกับถนนที่ดูเงียบกว่าปกติ ในสมองหยุดคิดและประมวลผลภายใน 5 วินาที ผมตัดสินใจกลับรถตรงนั้นเพื่อเข้าสู่เส้นทางเดิมและตัดสินใจที่จะขับรถต่อไป เรื่อยๆ เพื่อให้ถึงตัวเมืองเลย
ปัญหาตอนนี้คือ ผมพึ่งสังเกตว่าน้ำมันผมกำลังใกล้จะหมดถัง ห๊ะ น้ำมันหมดกลางป่าเขา! แล้วผมจะไปเติมที่ไหน? ปั้มอยู่ไหน? เพราะตลอดทางที่ผมวิ่งมาตั้งแต่หล่มสัก ก็ยังไม่เห็นปั้มสักปั้ม .... ผมจึงหยิบโทรศัพท์มาเช็คดูระยะทางเพื่อเทียบกับน้ำมันที่เหลือ อย่างน้อยถ้าผมไปถึงตัวเมืองเลยน่าจะมีปั้ม ... เอ้าลุ้น
เมื่อผมมาถึง...เลย สิ่งแรกที่ทำ ไม่ใช่เข้าปั้มเติมน้ำมันแต่ผมเข้าปั้มเพื่อไปฉี่ ผมอั้นฉี่ตั้งแต่ออกจากหล่มสัก ซึ่งตลอดทางมันมืดมากจนผมไม่กล้าจอดและก็หาปั้มไม่ได้เลยจริงๆ 555 หลังจากปลดปล่อยและเติมน้ำมันจนเต็ม ผมดูนาฬิกาประมาณ 5 ทุ่มได้ นับว่าผมทำเวลาได้พอดิบพอดีเพราะเช็คระยะแล้วอีกราวๆ 60 กม. จากตัวเมืองเลยสู่เชียงคาน
ผมขับรถมาอีกราวๆ ครึ่งทาง ก็ต้องตาลุกวาวเพราะว่า ณ เวลานี้มีม่านหมอกลงปกคลุมบนถนนจำนวนมาก เหมือนตอนหนึ่งในรีวิวของคุณชานมที่ชอบหนีเที่ยวได้กล่าวเอาไว้ ผมรู้สึกตื่นเต้นและมีความหวังขึ้นมาทันที ว่าพรุ่งนี้เช้าผมจะได้เจอกับทะเลหมอกที่ภูทอก ซึ่งไม่มีหมอกมา 3-4 วัน
ผมก้มๆเงยๆ อยู่กับโทรศัพท์เพื่อมุ่งหน้าต่อไป และเหมือน Google Map จะรู้ว่าผมกำลังง่วงและอยากไปถึงจุดหมายให้เร็วที่สุดจึงพยายามหาทางลัดให้ ผมอยู่เรื่อย แล้วผมก็เป็นคนเชื่อคนง่าย ผลคือ หลงซิครับ! ... ไม่เอาแล้ว ผมวางโทรศัพท์และตัดสินใจขับต่อไปด้วยตัวเอง
ผมมาถึงเชียงคานตอนเที่ยงคืนพอดี จอดรถริมถนนและมองป้ายหน้า รร เชียงคานแกรนด์ ที่เขียนไว้ว่าว่าง(500บาท) ผมตัดสินใจนอนที่นี่แหละ เพราะอีก 3 ชั่วโมงก็ต้องตื่นเพื่อไปลุ้นหมอกแล้ว พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่
ตี 4 กว่าๆ ผมตื่นมาแง้มกระจกดูอากาศโดยรอบและสัมผัสอากาศด้านนอก สัมผัสแรกรู้สึกอากาศกำลังดีไม่ได้หนาว ไม่มีลมหนาวเลย แต่มองเสาไฟที่ลานจอดรถก็เหมือนมัวๆ แล้วจึงกลับเข้าไปอาบน้ำ
ผมขับรถออกจาก รร เพื่อมุ่งหน้าสู่ภูทอก หลังจากที่ได้สอบถามเส้นทางจากทาง รร ไว้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ราวๆ 15 นาทีผมก็มาถึงทางขึ้น ภูทอก มีแม่ค้ากำลังตั้งร้านขายของ ผมก็สอบถามเรื่องที่จอดรถว่าจอดตรงไหนได้บ้าง แม่ค้าบอกว่าตรงนั้นก็จอดได้ 30.- แต่ถ้าจอดตรงนี้ 20.- เอ้าก็เลือกจอด 20 ใช่ไหม
ผมเดินไปซื้อตั๋ว(ค่าตั๋ว 25 บาท) แล้วก็เดินไปซื้อข้าวจี่กินรองท้องเพื่อเตรียมตัวขึ้นรถสองแถวในเวลาตี 5 แล้วก็สอบถามพูดคุยถึงเรื่องหมอก ทุกๆ ครั้งที่มีโอกาสคุยกับคนในพื้นที่ผมจะถามวิธีว่าเขามีวิธีดูไหมว่าวันนี้จะ มีหมอกหรือไม่? อย่างน้อยจะได้รู้สึกว่าเช้านั้นน่าลุ้นแค่ไหน
ผมขึ้นรถเที่ยวแรก (ไม่ค่อยตื่นเต้นเลยใช่ไหม 555) เมื่อรถออกผมพยายามสอดส่องดู 2 ข้างทางในความมืด เผื่อว่าจะเห็นกลุ่มหมอกบ้าง แต่ว่าช่วงนี้ต้นไม้ค่อนข้างรกมองเห็นวิวค่อนข้างยาก .... รถวิ่งมาราวๆ 10 นาที เอ้า ถึงแล้วครับ ห๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทำไมมันช่างไวเช่นนี้!
ท้องฟ้ายังมืดอยู่เลย ผมถือโอกาสเดินสำรวจดูโน่นนี่นั่น ไหนๆ มุมไหนที่เขาไปเบิ่งตะเว็นมื้อเช้ากัน และเมื่อผมเดินมาถึง กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า.....ช่างน่าผิดหวังเสียเหลือเกิน ทำไมผมยังมองเห็นแสงไฟและพื้นพสุธาเบื้องล่าง ไหนๆ ทะเลหมอกที่ผมวาดมโนเอาไว้ ไม่ต้องสวยแบบของคนอื่นก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่แบบนี้ ไม่จริงใช่ไหม T.T
ผมค่อยๆ นั่งลงตรงนั้นแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตรวจวัดดูตัวเลขอีกครั้ง หรือวันนี้ลมจะยังแรงไป หรือความชื้นไม่ได้ หรือ... ไม่เป็นไรเนอะ เป้าหมายหลักคือพรุ่งนี้เช้า ไม่มีใครรู้นี่ว่าเรามา ไม่โดนประนามแน่นอน 555
แต่แล้วเมื่อท้องฟ้าค่อยๆ สว่าง กับสิ่งที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปตรงหน้า กลุ่มหมอกที่ค่อยๆ รวมตัวจับกันเป็นแพ และกำลังไหลมาเติมเต็มในช่องว่าง ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นอีกครั้ง...ถ่ายรูปและส่งต่อไปยังที่ไหนสักแห่ง ผมมาถึงแล้วนะครับ ภูทอก ทะเลหมอกเชียงคาน ภูลูกเล็กๆ ที่ทำให้ผมตกหลุมรักเลย