จากที่จอดรถตั้งหน้าตั้งตาเดินฝ่าความมืดเพื่อขึ้นไปจุดชมวิว ด้วยความหวังที่จะได้เห็นทะเลหมอก
ท่ามกลางแสงไฟจากชาวบ้านหลายครอบครัวที่มาจับจองพื้นที่สองข้างทางขายของที่ระลึก
พลางได้ยินเสียงเด็กร้องเพลงที่พอจะจับใจความได้ว่า
"โผ อา แค เหราะ มา ฝ่า อย่า แห้ เทอ แด้ กี ผะ มี วิ ตา มี…" อย่างนี้ซ้ำ ๆ กันหลายรอบ ก็น่ารักดีนะ
เมื่อเดินผ่านน้องคนนี้ไป เสียงร้องเพลงสำเนียงเดียวกับน้องคนก่อนหน้าก็แว่วมา
"ผะ เท่ ไท รัว เลื่อ เนื้อ ช่า เชื้อ ไท เป ปะ ชา หระ…" เอิ่ม น่าชังดีแฮะ
ไม่เพียงเท่านี้
ก่อนที่จะเดินถึงยอดภูชี้ฟ้า เพลงสุดท้ายที่ได้ยิน
เหมือนเป็นสุดยอดแห่งลำเนาที่ขับกล่อมเรามาตลอดทาง 700 เมตรของทางขึ้นภูผาเลื่องชื่อ
"รา จะ ทา ตา สา ยา ขอ เว ลา อี่ ม่า นาน แล้ แผ่ ดี ที่ โงะ งา จะ คือ กะ มา…"
ฮา ๆ ๆ ๆ เราหัวเราะอยู่ในใจ ^^
ผมแยกขวาออกไปยังจุดชมวิวที่มองเห็นภูผาที่ดูราวกับชี้ไปยังท้องฟ้าที่กว้างใหญ่
และดินแดนฝั่งลาวเพื่อนบ้าน น่าแปลกที่ตรงนี้ยังไม่มีคนมาจับจองพื้นที่เลยแม้แต่คนเดียว
ท้องฟ้ายามตี 5 ยังมืดมิด แต่ก็ไม่สามารถบดบังแสงสว่างเรื่อเรืองของหมู่ดาวที่สุกสกาวเป็นร้อยพันได้...
เฮ้ย ๆ พอแล้วนาย นี่รีวิวที่เที่ยวจะกลายเป็นบทลิเกไปแล้วนาย 55555