วันที่แรกของทริปนี้
เริ่มต้นด้วยครั้งที่ 2 ในรอบปีกับการมาภาคเหนือ ครั้งนี้ผมตั้งใจว่า อยากจะไปทำตามความฝันของตัวเอง เพราะเคยเห็นภาพนึงที่คนพูดถึงจังหวัดเชียงราย แล้วเราต้องไปนั่นคือ "ภูชี้ฟ้า" ผมวางแผนในครั้งนี้ด้วยการจองตั๋วเครื่องบินในราคาประหยัดจากหาดใหญ่-เชียงใหม่ก่อน ได้มาในราคา 1,000 บาทเองครั้งนี้มีสมาชิกร่วมทีม 3 คนโดยผมเดินทางไปกับรุ่นพี่จากหาดใหญ่ 2 คนและมีตามมาสมทบอีกคนจากกรุงเทพ เราถึงเชียงใหม่ในเวลา 10 โมงกว่า นัดกับทางรถเช่าให้มาส่งรถที่สนามบินในเวลา 11 โมง ครั้งนี้เราได้รถใหม่ป้ายแดงมาขับกันเลยกับ All New Vios ในราคา 1,000 บาท/วันครับ ร้านที่ผมเช่าติดต่อผ่านทางเพจในเฟสนะครับตามลิ้งเลย https://www.facebook.com/kinteawrentacar/ สามารถจองล่วงหน้ากันได้เลยนะครับ รถใหม่บริการดีครับ การเช่าก็ง่ายๆเลย เตรียมบัตรประชาชนกับใบขับขี่ประกอบการเช่ารถครับ โดยมีค่าเช่ารถรวมกับเงินประกัน 3,000 บาท ตรวจสอบรถกันเรียบร้อยน้ำมันเต็มถังก็รอสมาชิกอีกคนนึง แล้วก็เตรียมเดินทางกันได้เลยครับ
สมาชิกอีกคนเดินทางมาถึงก็เที่ยงพอดี พวกเราเลยหาอะไรทานกันก่อนเดินทาง กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เมื่อต้นปีผมมาเชียงใหม่ครั้งนึงแล้ว แต่พลาดที่ไม่ได้ไปกินข้าวซอย เคยได้ยินหลายคนพูดถึงร้านลำดวนฟ้าฮ่ามอยู่แถววัดฟ้าฮ่าม ที่คนมาเชียงใหม่ก็มักจะรีวิวและบอกว่ามาเชียงใหม่ต้องมาทาน ซึ่งไปถึงร้านที่ร้านนอกจากข้าวซอยแล้ว ก็ยังมีขนมจีน หมูสเต็ก ลูกชิ้นด้วยนะ แต่ความตั้งใจมันเหมือนเป็นศูนย์ เพราะเราเข้าใจว่าจะได้มาทานข้าวซอยอร่อยๆ แต่ไม่อร่อยเลย ผิดกับบางร้านที่ไปทานมาในเชียงใหม่ ซึ่งทราบภายหลังแม้แต่คนเชียงใหม่แท้ๆก็ยังพูดถึง ว่าเดี๋ยวนี้ร้านนี้ไม่อร่อยซะแล้ว เราเข้าไปในร้านแล้วก็ต้องทานนะ ให้อยู่ท้องกันก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่จังหวัดเชียงราย
เราเริ่มออกจากเชียงใหม่ในเวลา 13.00 น. กด GPS บอกให้วิ่งบนเส้นทาง 118 ใกล้สุดระยะทาง 186 กม.กับเวลา 3 ชั่วโมงกว่าๆ เส้นทางนี้เป็นเส้นทางหลักที่จะไปเชียงราย ซึ่งจะผ่านหลายอำเภอเลยครับ ผมมีนัดกับรุ่นพี่ที่เคยร่วมงานกัน เป็นหนุ่มใต้แต่มาได้ภรรยาเป็นคนเหนือ เค้าอยู่อำเภอแม่สรวยซึ่งเป็นทางที่จะผ่านไปเชียงรายพอดี ก็เลยแวะไปเยี่ยมเยียนกันสักหน่อย เส้นทางนี้ต้องบอกว่าถ้าใครเคยไปอ่างขาง วิ่งไปอำเภอไชยปราการคล้ายกันครับ ไม่ยากเลยจะมีช่วงของถนน 4 เลนและ 2 เลนช่วง 2 เลนอาจจะต้องใช้ความระมัดระวังกันหน่อยนะครับ ถึงบ้านรุ่นพี่ผมก็แวะไปดื่มน้ำชมสวนลำไยกันแป็บนึง ดูที่ทางไว้มาครั้งหน้าได้ที่พักฟรีแล้วครับ มานอนบ้านรุ่นพี่ผมดีกว่า บ้านที่ใต้ถุนกางเต็นนอนได้สบายๆเลย เราเดินทางมาถึงบ้านรุ่นพี่ก็ประมาณบ่าย 2 เกือบบ่าย 3 ได้เวลาต้องเดินทางกันต่อแล้ว เพราะเดี๋ยวถึงเชียงรายค่ำแล้วจะแย่ เพราะไม่เคยไปเส้นทางนี้ แล้วก็ไม่คุ้นชินกับทาง แต่ทำเวลาได้ดีจุดแรกที่มาถึงเชียงราย จะสังเกตุเห็นศิลปะลวดลายไทยสวยๆ ตามเสาไฟบ้างป้ายเฉลิมพระเกียรติบ้าง ถึงแล้วครับเชียงราย จุดแรกที่เราแวะกันคือวัดร่องขุ่น ที่อยู่ก่อนถึงตัวเมืองเชียงราย เราถึงในเวลา 16.30 น.ได้ยินเสียงประกาศ เราจะอนุญาติให้เข้าชมวัดถึงเวลา 17.00 น.นะครับ มองดูนาฬิกาครึ่งชั่วโมง เอาไงดีพรรพวกเข้าไปก็มีเวลาถ่ายรูปกันได้แค่ครึ่งชั่วดมงไม่พอแน่ๆ บวกกับผมเพิ่งรู้ว่าจะเข้าไปชมในวัดต้องจ่ายค่าเข้าชมด้วยนะครับ คนละ 50 บาท จากหลายเสียงก็บอกว่าเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติหรือเปล่า หรือคนไทยด้วยหลายเสียง แต่พวกเราไม่ได้เข้าไปหรอก เพราะด้วยเรื่องเวลาจึงทำให้พวกเรา ยืนซูมเอาจากด้านนอกก็ได้ภาพมารูปนึง
เสร็จจากวัดร่องขุ่นเข้าที่พักสิครับ แต่ก่อนที่พวกเราจะเข้าไปที่พักก็ลองปรึกษารุ่นน้องที่เคยอยู่เชียงรายดูว่า มาเชียงรายต้องไปที่ไหนบ้างแล้วก็ได้คำตอบมาคือต้องไปไหว้พ่อขุนเม็งรายมหาราช เป็นบุคคลสำคัญและเป็นที่เคารพศักการะของคนเชียงรายครับ เสร็จจากไหว้พ่อขุนกันแล้ว พวกเราได้เวลาเข้าที่พักเราพักกันที่ Chezmoi handicraft & homestay อยู่ในตัวเมืองเชียงรายเลยครับ เป็นโฮมสเตย์ราคาไม่แพงคืนละ 400-600 บาท นอนได้สูงสุด 5 คนต่อห้องพัก มีทั้งห้องแอร์และห้องพัดลม ห้องน้ำรวมนะครับ มี 4 ห้องด้วยกัน ก็ถือว่าสะดวกดีอยู่ในเมืองราคาไม่แพง พวกเราไปกัน 3 คนเลือกห้องนอนได้ 3 คนห้องพัดลมราคาถูกดี ทางที่พักจะมีอาหารเช้าก็พวกขนมปังกับกาแฟโอวัลตินให้นะครับ เดินออกมาจากที่พักก็มีร้านอาหารให้ทานกันเต็มเลยครับ แต่พวกเราแพลนกันไว้ว่าเดี๋ยวจะไปหาอะไรทานที่ตลาดไนซ์พลาซ่าเชียงรายครับ
ร้านค้าในตลาดไนซ์พลาซ่าก็จะมีหลายร้านให้ได้เลือกทานกันเลย แต่ที่ผมสังเกตุเห็นคนที่นี่นิยมทานจิ้มจุ่มกันครับ มีให้เลือกหลายร้านมาก พวกเราไม่รู้หรอกนะครับว่าร้านไหนอร่อย แต่ผมกระซิบอย่างนึงว่าอย่าหลงเชื่อภาพที่เค้าโชว์ เพราะคุณหลอกดาว ราคาก็จะอยู่ที่ 100-200 บาท มีของทอดมีอาหารทะเลด้วย ทานไปมีการแสดงของน้องนักเรียนมารำให้ดูด้วยครับก็เพลินดี หลังจากทานของคาวกันเสร็จก็ถึงเวลาของหวานแล้วสิครับ ก่อนหน้านี้มีรุ่นน้องแนะนำมาว่ามีร้านบัวลอยใกล้นาฬิกาอร่อยใครไปเชียงรายต้องไปลองชิมนะ แต่ถามว่าพวกเราไปไหมไม่ได้ไปครับ ผมไปเปิดเจอในแอป Wongnai ความพิเศษของแอปนี้ต้องบอกเลยว่า หากเราไปในจังหวัดไหนแล้วไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของอาหารเปิดเลยครับ ในแอปนี้จะแนะนำอาหารที่นิยมและร้านใกล้เคียงในพื้นที่นั้นๆให้แก่ท่านเลย ผมอยู่ตลาดไนซ์พลาซ่าไปสะดุดกับบัวลอยมือถือ เอ๊ะมันคุ้นๆเหมือนจะเคยดูรายการอะไรสักอย่าง ก็อยากไปลองชิมดูนะครับ พวกเราไม่รอช้าไปลองกันเลย ร้านบัวลอยมือถืออยู่ตรงซุ้มประตูทางเข้าตลาดเลย ราคาไม่แพงเลย 20-25 บาท มีทั้งบัวลอย สลิม และไอศกรีม ให้ได้ลองทานกันครับ ถามว่ารสชาติอร่อยไหมในส่วนตัวผมว่าใช้ได้เลยครับ หอมหวานอร่อย มีโอกาสก็แวะเวียนไปลองชิมกันนะครับ
หลังจากอิ่มท้องกันแล้วอีกกิจกรรมที่ผมคิดสดๆเลยคือ ไปถ่ายรูปหอนาฬิกาเชียงรายดีกว่า เหมือนจะเคยเห็นหลายคนไปเชียงรายก็ไปถ่ายรูปกับที่นี่มาเหมือนกัน เราไปถึงนาฬิกาเชียงรายซึ่งอยู่ไม่ไกลกันกับตลาดไนซ์พลาซ่า เวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่าเซทอุปกรณ์กันแล้วก็ถ่ายรูปกันครับ ถ่ายไปอยู่ดีๆไฟก็ดับลงอ้าวเฮ้ยไหนเป็นงี้ไปได้ ที่ไหนได้ครับหอนาฬิกาที่นี่มีเอฟเฟคแสงสีเสียงตอน 3 ทุ่มด้วยครับ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับพวกเราและนักท่องเที่ยวคนอื่นที่ไปถ่ายรูปหอนาฬิกากันครับ ใช้เวลาประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง ไฟก็กลับมาติดตามปกติถ่ายรูปกันเพลิดเพลินแล้ว ก็ถึงเวลาต้องพักผ่อนกันแล้วครับ เพราะเราเดินทางมาไกลพอสมควร และต้องเก็บแรงเพื่อจะเดินทางต่อกันในวันรุ่งขึ้น ซึ่งเมื่อถึงที่พักอาบน้ำอะไรเสร็จ ผมก็มานั่งจิ้มแผนที่เพื่อดูสถานที่ต่างๆแล้ววางแผนเพื่อจะเดินทางกันต่อในวันต่อไป โดยที่ตั้งใจจะไปมี วัดพระแก้ว สิงห์พาร์ค มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ไร่ชาฉุยฟง และมุ่งหน้าเดินทางต่อไปยังภูชี้ฟ้า เราแพลนไว้ว่าคืนที่ 2 จะไปนอนกันที่นั่นครับ
หมายเหตุ: ขออนุญาติเครดิตภาพ 2 ภาพให้ทาง Chezmoi handicraft & homestay นะครับเนื่องจากผมได้ถ่ายภาพมาจริงๆ เพราะมัวแต่คิดถึงของกินเลยพลาดไปจริงๆ