ด อ ย ผ า แ ง่ ม ต้องลอง
สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสำหรับผู้ที่(หลง)เข้ามาอ่าน กับรีวิวการท่องเที่ยวครั้งแรกของผมนะครับ ไหนๆ ก็หลงเข้ามาแล้ว ก็อยู่อ่านต่อสักหน่อยนะ ว่าแล้วก็เริ่มเลยดีกว่า
สำหรับปีใหม่ที่ผ่านมา หลายๆคนคงมีทริปกันแหละเน้อะ สำหรับพวกเราเองก็ไม่พลาด มีทริปเหมือนๆคนอื่นๆเขา แต่ที่เดาๆดู เหล่าฝูงคนต้องแห่ไป ปาย เชียงใหม่ เชียงคาน รวมไปถึง กิ่วแม่ปาน ซึ่งรู้สึกว่าจะฮอตฮิตมากในปีนี้ ใครๆก็พูดถึงกัน แต่สำหรับเราๆแล้ว เลือกที่จะเลี่ยงครับ อยากไปในที่ที่คนอื่นเค้าไม่(ค่อย)ไปกัน ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันเท่าไหร่ ค้นไปค้นมาเลยเจอกับสถานที่แห่งนี้ "ดอยแบวี ดอยผาแง่ม ผาสองฤดู" ในอุทยานแห่งชาติอินทนนท์ จ. เชียงใหม่ครับ
อย่างที่กล่าวไป ดอยแห่งนี้ ตั้งอยู่ใกล้ๆศูนย์วิจัยเกษตรขุนวาง ในอุทยานฯอินทนนท์ครับ มาถึงก็เอารถไปจอดเล้ย ซึ่งจริงๆ เราควรจะทำการติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนมาถึง แต่ด้วยความที่เราไม่สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ เลยมาหาเอาดาบหน้า ( ไม่ควรอย่างยิ่ง)
หลังจากที่เราได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ (ราคา 1000 บาท ขึ้นไปค้างคืน) ก็ทำการหยิบเฉพาะสัมภาระที่จำเป็นติดตัวไป จะได้ไม่ต้องจ้างลูกหาบ
ทางตอนเริ่มก็ประมาณนี้ ชิลๆ
ยังสู้ตาย
สักพัก เราก็เดินตามทางนี้ไปเรื่อยๆ เป็นระยะทางประมาณ 800 เมตร เจอทางแยก ก็จะพบกับทางที่อารมณ์ว่า เส้นแบ่งแยกเขตแดนอะไรแบบนั้น คือ สถาพเปลี่ยนไปแบบฉับพลันมาก จากถนนราดยาง เปลี่ยนเป็นลูกรังซะงั้น แล้วความชันก็เพิ่มมาเป็นประมาณ 40 องศาได้ ก็ถือว่าลำบาก แต่ก็ไม่มาก... เนอะ ซึ่งสองข้างทาง ก็เป็นไร่สตรอเบอร์รี่ของชาวบ้าน ระยะทางประมาณอีก 400 เมตรได้ และพอหลังจากนั้น ก็พบกับ ทางเดินขึ้นเขาที่โคตรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรชัน แรกๆก็ตื่นเต้นดีหรอก เดินๆไป ถามแต่ลุงไกด์ ลู๊งงง จะถึงยัง ลุงแกก็ตอบมา อีกไม่ไกลๆๆ หึหึ เดี๊ยวๆๆๆๆๆ ไอ้หึหึ มันคืออาร๊ายยยยย
สภาพทางเดิน นี่ชิลๆ TT
เพราะลุง ให้กำลังใจตลอดทาง พวกเราเลยเดินอย่างไม่ย่อท้อ แล้วทางก็ชั้นชึ้นเรื่อยๆ จนกำลังใจของลุง ก็ผลักพวกเราต่อไปไม่ไหว พักแป๊ปปป
พอเดินต่อ ก็พบกับทางที่โคตรชันอีกระรอก และทางที่ชันมากกกกกก ชันจนมองลงไปไม่เห็นพื้น
และเมื่อเดินไปเรื่อยๆ ก็เห็นเป็นแสงลอดจากพุ่มไม้ แบบประมาณว่าวิ่งออกจากอุโมงแล้วงี้ พอออกมา เห้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย มันเด็ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด หมอกที่โอบกอดภูเขาอยู่งี้
แต่ดูเหมือนฟ้าไม่เป็นใจ ฝนตกซะงั้น แรกๆก็คิดว่าซวย คำเดียว แต่ที่ไหนได้ นี่มันฝนแหวกเมฆานี่หว่า แสงสว่างที่ลอดมาจากดวงอาทิตย์นี่มันช่างเด็ดดดดดอะไรแบบนี้ในใจ คิดแค่ว่า หมดแล้วโว้ยยยย ถึงแล้ววววว แต่ หยุด!!! หยุดมโน ลุงบอกว่า เราจะต้องไปกางเต้นตรงนู้น ยังไม่ถึง อีกไม่ไกล พร้อมกับชี้นิ้วข้ามจักรวาล ประเมินด้วยสายตาก็ประมาณเกือบๆ 2 กิโล(แม้ว) ก็เอาวะ ฮึด สู้ จนในที่สุดก็ถึงจนได้ และก็สลบในเต็นท์อย่างไว เนื่องจากคืนนั้นฟ้าปิด
ตอนเช้ามืด ผมสะดุ้งตื่นมาสักประมาณ ตี ห้าได้ แล้วก็ตัดสินใจออกจากเต็นเท์คนเดียวพราะอากาศหนาวมาก (แต่เพื่อนๆขอขลุกตัวในเต็นท์แทน) และเดินไปลานกางเต็นท์ที่อยู่สูงขึ้นไปอีกประมาณ 300 เมตร กางขาตั้งกล้อง ถ่ายดาวซะหน่อย
ด้วยความที่มืดมาก และไม่ค่อยมีใครมาเที่ยวเท่าไหร่ เลยยังไม่กล้าเดินไปยังยอดดอย ในรูป รอจนกระทั้งมีคนออกมาจากเต็นท์ละแวกข้างๆ ออกมา และมุ่งหน้าไปยังยอดเขา ผมเลยติดสอยห้อยตามไปด้วย
ขณะเดียวกัน ตะวันก็โผล่มาทักทายเรา พร้อมกับทำหน้าที่เริ่มต้นเช้าวันใหม่ไปด้วยกัน
สำหรับทริปนี้ ถือว่าผิดความคาดหมายไปที่ ตามจริงแล้ว ตัวเขานี้ควรจะแบ่งท้องฟ้าออกเป็นสองฝั่ง คือฝั่งที่เต็มไปด้วยหมอก กับฝั่งที่ไม่มีหมอก (เป็นที่มาของชื่อผาสองฤดู) แต่เอาจริงๆแล้ว เพียงแค่นี้ ก็ประทับใจมากแล้วแหละเพราะอย่างที่ว่า " สำหรับการเดินทางแล้ว ปลายทางอาจไม่สำคัญเสมอไป เพราะข้างทาง แม่งเด็ดกว่าเย๊อะ "
ยังไง รบกวนไปดูรูปภาพอื่นๆ ได้อีกที่ www.facebook.com/ishinfoliophoto นะครับ
#เพิ่มเติมเส้นทาง
มองจากทางขวามือของเรา ( จากทางซ้ายของศูนย์วิจัย ) จะเห็นเป้าหมายของเราอยู่ลิบๆ เริ่มจากศูนย์วิจัยเกษตรนะครับ จะไปทางขวาเลย #แนะนำให้ไปกับเจ้าหน้าที่นะครับ #เดี๋ยวได้เลยไปแม่แจ่มละยุ่งเลยจากด้านหน้าศูนย์วิจัย ไปทางซ้ายเลย โก โก โก