คนหลงทาง #7 : สูดไอดิน ฟินไอหมอก ออกล่าช้าง ที่ 'ป า ง อุ๋ ง

ทริปนี้ผมได้มีโอกาสเดินทางไปเมื่อประมาณ พฤศจิกายนปีที่แล้ว ในวันนี้ผมยังคงจำเรื่องราวการเดินทางในครั้งนั้นได้เป็นอย่างดี การจะไปแม่ฮ่องสอนนั้น ถามว่าต้องใช้เวลากี่วันถึงจะพอกับการเดินทางไกลๆแบบนี้ แต่สำหรับผม ทริปนี้เรียกว่า เป็นทริปสั้นๆ...

ใช่ครับ มันเป็นทริปสั้นๆจริงๆ การเดินทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-แม่ฮ่องสอน ผมใช้เวลาเริ่มต้นออกเดินทางกันในคืนวันศุกร์ และเดินทางกลับกทม. เย็นวันอาทิตย์ เรียกว่าเลิกงานวันศุกร์กลับมา ก็แบกเป้ขึ้นรถแล้วขับไปแม่ฮ่องสอนกันเลยทันที และที่สำคัญคือวันจันทร์ผมตั้งใจไว้แล้วครับว่ากลับไปทำงาน!!!!

เอาเป็นว่า...แค่คิดว่าจะได้ออกเดินทาง ผมก็ลืมเหนื่อยแล้วครับ 5555+

ที่ผมเลือกไปช่วงเดือนนี้ เพราะผมคิดว่าคนจะยังไม่เยอะมาก แล้วก็ยังจะมีหมอกให้เราได้เห็นกัน การขับรถกว่า 14 ชม. กว่าจะถึงปางอุ๋งต้องเรียกว่า อุปสรรคเพียบ!!! คนอื่นไปอาจจะเร็วกว่านี้ ไม่น่าจะใช้เวลาเยอะขนาดนี้ แต่สำหรับผมคือ...ผมหลงครับ 555+ ขับวนอยู่ที่ตาก หลงอยู่ตามแถวนั้นแหละครับ แล้วช่วงที่ผมไป คือเส้นทางช่วงตากไปแม่ฮ่องสอนกำลังทำถนน โอ้โหววววว อย่าให้พูดครับ = ="

แล้วผมงี้พา น้องเก๋งมาสด้า 2 ของผมไป ถามว่ามันใช่ที่จะลุยกับทางเเบบนี้มั้ย ?

ตอบทันทีเลยครับว่าไม่สิพี่น้องงงง รถผมนี่ครืดคราด....ครืดคราด ตลอดทาง หินก็ดีดจังเลย ขับรถไปเครียดไปครับผม เกือบละครับ...ผมเกือบจะไปไม่ถึงปางอุ๋งละ เพราะทางแบบนี้ ด้วยความที่ถนนกำลังทำ คือประนึงว่าคุณต้องพาโฟร์วีลสูงๆมาสิวะ แล้วระยะทางเป็นแบบนี้ค่อนข้างจะยาวมาก ผมงี้เกือบเปลี่ยนใจกลับลำแล้วมุ่งหน้าไปเชียงใหม่แทนแล้ว แต่ไหนๆก็ลุยมาขนาดนี้แล้ว ถ้าขึ้นไปไม่ถึงฝันมันจะไม่สุดน่ะสิ ก็ต้องลุยต่อสิครับผมมมม

บรรยากาศที่นี่ เรียกว่าขึ้นมาแล้วไม่มีผิด หวังจริงๆครับ หมอกยามเช้า มาที่นี่อาจจะไม่ได้มีความหวือหวาอะไรให้มากมาย แต่มันเหมาะมากกับการมาปล่อยใจไปกับธรรมชาติที่อยู่ตรงหน้า...เก็บกลิ่นไอหมอกกันให้เต็มปอด อิ่มเอมกับความเรียบง่ายของธรรมชาติ แค่นี้คุณก็จะพบความพิเศษ ที่หาได้จากความเรียบง่ายเหล่านี้

คืนแรกที่มาถึง ผมแอบหวังอยู่ไม่น้อยเลยครั บ เรื่องการมาล่าช้างที่นี่ แอบมีดูปฏิทินช้างเผือกมาล่วงหน้า แล้วกะเวลาไว้ล่วงหน้าแล้ว ถึงเวลาก็ไปนั่งเฝ้าเลยครับ 5555+ นั่งรอลุ้นนนน ว่าจะขึ้นชัดมั้ย แต่พูดตรงๆว่าวันนี้ ท้องฟ้าเป็นใจมากกกก มืดสนิท จะได้เห็นช้างชัดๆ ก็ตั้งกล้องรอเก็บภาพกันเลยยย

หลังจากเก็บช้างกันจนพอแล้ว ผมก็กลับเต๊นท์ไปนั่งกินหมูกระทะกันเลยครับ ตรงด้านหน้าอุทยาน จะมีร้านค้าชาวบ้านชาวเขา และที่สำคัญมีร้านหมูกระทะ ก็ต้องจัดสิครับแหม่!! อากาศเย็นๆ กินหมูกระทะร้อนๆ ที่ริมอ่างเก็บน้ำ โอ้วววว ฟินระดับสิบ+++

เช้ามากิจกรรมที่พลาดไม่ได้ คือการนั่งแพไม้ล่องในอ่างเก็บน้ำนี่แหละครับ ยิ่งถ้าได้นั่งกันไปเป็นคู่ๆ บอกเลยจะคุณจะอินเป็นพิเศษ เพราะบรรยากาศ มันจะเหมือนหลุดมาจากหนังยังไงยังงั้นเลยทีเดียว

เสร็จแล้ว เรามาเดินตระเวนถ่ายบรรยากาศรอบๆกันหน่อยดีกว่า

สัญลักษณ์ที่เรียกว่า ขาดมาไม่ได้ถ้าคุณมาเยือนที่นี่ คือเจ้าหงส์นี่แหละครับ จะมีทั้งหงส์ขาว และดำ ซึ่งส่วนตัวผมว่า หงส์ดำมันดูมีเสน่ห์แบบบอกไม่ถูก มากันเป็นคู่ตุนาหงันแบบนี้ ได้บรรยากาศมากกกก ความรักมันช่างอบอวล

โชคดีมากครับ ที่ช่วงที่ผมไป คนค่อนข้างจะน้อย ทำให้ไม่แออัด พลุ่นพล่านจนเกินไป พอมีคนให้คึกคักเฉยๆ แต่งแต้มบรรยากาศให้ดูไม่เงียบเหงาจนเกินไป ถ่ายออกมาก็ได้ฟีลแบบนี้แหละครับ

การมาพักที่นี่ จะมีทั้งแบบลานกางเต๊นท์ หรือจะเป็นเต๊นท์เช่า/ ห้องพัก ของทางอุทยานก็มี แต่เอาจริงๆ การไปเที่ยวแบบนี้ ผมชอบแบบกางเต๊นท์นอนเองมากกว่า ผมว่ามันได้บรรยากาศดีครับ

สำหรับปีนี้ หนาวนี้ผมเองก็ยังไม่ได้แพล นว่าจะไปที่ไหนดี...แต่ก็อดคิดถึงสถานที่แห่งนี้ไม่ได้ ภาพของธรรมชาติสีเขียวๆและหมอกบนพื้นน้ำรอบๆอ่าง ยังคงอยู่ในความทรงจำของผมทุกวัน แน่นอนครับ...รวมทั้งความทรหดในการเดินทาง ผมเองก็จดจำได้เป็นอย่างดี 5555+

ช่วงฤดูปลายฝนต้นหนาวที่กำลังจะใกล้เข้ามา...อย่าลืมลองหาโอกาส ตามไปหลงกันที่ #ปางอุ๋ง เช่นผมดูนะครับ ซึ่งผมคิดว่าถนนน่าจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว พวกคุณน่าจะโชคดีว่าผมเยอะครับ 555+ เวลาของคุณในการเดินทาง จะสั้นลงกว่าผมแน่นอน ...

ผมเชื่อว่า ไม่ว่าใครที่ได้ไปที่แห่งนี้ นาฬิกาชีวิตของคุณ จะเดินไปพร้อมๆกับธรรมชาติ ไม่ต้องหวือหวา ไม่ต้องมากไป สุขแบบพอดีๆ แค่นี้ผมว่าพอแล้วครับ กับสิ่งที่คนในเมืองใหญ่อย่างเราต้องการ

-------------------

พูดคุยการเดินทางเพิ่มเติมกันได้ที่ : https://www.facebook.com/Lost.Somewhere.Together