จาก คลองปากประ ถึง ทะเลน้อย
พื้นที่ชุ่มน้ำโลก แห่งแรกของไทย
ทริปกินลมชมวิว ส่องนกนั่งมองควาย นอนโฮมสเตย์
เริ่มต้นการเดินทางโดยรถยนต์ จากหาดใหญ่ - ปากประ ระยะทางประมาณ 130km มุ่งสู่สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ยาว 8 กิโลเป็นสะพานที่ยาวที่สุดในไทย สร้างเชื่อมระหว่าง จ.พัทลุง กับ จ.สขลา เป็นสะพานที่ทอดผ่านทะเลสาบ สามารถมองเห็นวิวทะเลสาบได้ทั้งสองฝั่งสะพาน
จุดนี้มองเห็นฝูงควายน้ำไกลลิบๆ ช่วงเมษาน้ำมันแห้ง จึงไม่ค่อยจะเป็นควายน้ำ
คอกควายน้ำ น้ำไหมละ 555
บ้านร้างแฝด แลนด์มาร์คของจุดชมวิวกลางสะพานเลยจา
บนสะพานจะมีพื้นที่จอดรถสำหรับชมวิวไว้ให้ด้วยนะ เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ จะได้ไม่ต้องจอดแอบๆกัน
แสงท้ายสุด จากบนสะพาน
ถ้าได้นั่งเรือลำนั้น แล้วเสพเเสงสุดท้ายมั้นจะฟินไหมหนอ
Skipเมื่อวานไปละ เช้านี้ตื่นตีสี่ครึ่งเลย เอาจริงไก่โห่ตั้งแต่ตีสอง ตีห้านิดๆ ก็ออกเรือแล้ว
ออกมารอชมแสงเเรก บริเวณปากคลองปากประจะเต็มไปด้วย 'ยอยักษ์' ไม่ใช่ยอยักษ์เขี้ยวใหญ่นะ แต่มันคือยอยักษ์ที่เป็นเครื่องมือประมง เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของผู้คนที่นี่ มันแจ่มจันทร์ยามเช้ามากมาย
'ยอยักษ์' เบอเร่อเลย
ล่องเรือยล ยอยักษ์ แบบนี้เลย
เรารักฟิลลิ่งแบบนี้จัง
'ยอ' ปกติก็จะใช้มือยกขึ้นมา แต่ 'ยอยักษ์' จะต้องใช้น้ำหนักของคนหนึ่งคน เดินไปถ่วงอีกฝั่งเหมือนคานกระดก เพื่อยกยอขนาดใหญ่นี้ขึ้นจากน้ำ
"เด็กใต้ลีวาย อย่างเดียว"
และแล้วนกตัวแรกก็มา นกยางเปีย : Egretta garzetta
คุณพระ!! อาทิตย์ขึ้นแล้ว กระทบผิวน้ำระยับระยิบ นี่กะลังล่องเข้าทะเลน้อยแล้วจา
อันนี้เป็นเครื่องมือประมงพื้นบ้าน เขาเรียกว่า 'ไซผี' ใช้ดักปลา ทำด้วยตาข่ายโดยทำให้ทางเข้าใหญ่แล้วค่อยๆ เรียวเล็กในส่วนปลาย เปิดช่องให้ปลาเข้าได้ แต่ตาข่ายตรงส่วนปลายจะปิด ทำให้ปลาไม่สามารถว่ายออกมาได้ จะวางไซผีในแนวตั้งหรือเฉียง ชาวประมงจะเผื่อพื้นที่ของไซผีโผล่เนื้อน้ำ ให้ปลาสามารถขึ้นมาหายใจได้ ทำให้ปลาไม่ตายคาไซผี ตอนมากู้ไซจะได้ปลาสดๆเสมอ
นกอีโก้ง : Porphyrio porphyrio
นกกระสาแดง : Ardea purpurea
มาแวะพักกินข้าวเช้ากันตรงเรือนกลางน้ำหลังนี้นาจา
ข้าวคลุกขมิ้นกับไข่มะตูม อื้อหือออ
อิ่มท้องแล้ว ออกเรือมาก็เจอกับนกทั้งโขลง เอ้ยฝูงงง
นกยางโทนใหญ่ : Ardea alba
นกนางนวลแกลบเคราขาว : Chlidonias hybrid
นกแซงแซวหางปลา : Dicrurus macrocercus
นกยางควาย : Bubulcus ibis
คอกควาย ตั้งอยู่กลางน้ำหลังเบ่อเร่อเลย ชวนให้คิดว่าตอนที่เขาสร้าง จะขนวัสดุมายังไง
เหยี่ยวแดง : Brahminy kite มีทั้งบินเดี่ยวและฝูงบิน
กระท่อมเฝ้าควายกลางน้ำ 'กระท่อม' หรือ 'กระต๊อบ' ภาคใต้เรียกว่า 'ขนำ' (ขะ-หนำ)
เจออีกคอกนึงแล้ว แสดงว่าเราใกล้จิเจอฝูงควายน้ำแล้ว
นกยางโทนใหญ่ : Ardea alba
จ๊ะเอ๋ คือเรียกว่า 'ควายน้ำ' เพราะมันอาศัยและหากินอยู่ในน้ำ ช่วงนี้น้ำน้อยเราจึงไม่ได้เห็นภาพควายว่ายน้ำ จริงๆ มันก็เดินนี่แหละ แต่ช่วงน้ำเยอะๆ มันจะต้องมุดน้ำลงไปกินหญ้าใต้น้ำ อะเมซิ่ง
เอ้าาา มองกล้องหน่อยยย
พื้นที่ทะเลน้อย ไม่ได้เป็นทุ่งน้ำโล่งๆ เพียงอย่างเดียว แบ่งเป็นป่าพรุ ป่าเสม็ด และอีกมากมายก่ายกอง
ล่องเรือไปเรื่อยๆ ก็จะเจอป่าในแบบต่างๆ
ดง ใบบัวสาย
บัวสายสีชมพู
นกกาน้ำเล็ก : Microcarbo niger
ดงบัว เป็นเช่นนี้เอง เต๊มมมมมเลย ทอดยาวสุดสายตาเลยจาาา
นี่ก็ใช่
และก็นี้ด้วย ^^
ยอยักษ์และยอน้อย ในคลองปากประ
เทียบสเกลกับบ้านแล้วมันใหญ่มากจริงๆ
เมื่อเช้ามาลงเรือตรงนี้ ห่างจากที่พักสามร้อยเมตร
[center]เก้าโมงกว่าๆ ก็กลับมาถึงที่พัก เมื่อคืนเข้าที่พักก็มืดแล้ว มิล่ายถ่ายรูปเลย
เราพักที่นี่แหละ โฮมสเตย์ ลุงสนั่น บ้านปากประ ดีงามมากมายอะ ทริปล่องเรือชมนกชมทะเล ก็เป็นบริการของที่นี่ด้วยนะ ลุงสนั่นทำโฮมเสตย์มานานมาก เราจึงได้รับข้อมูลเชิงลึกของคนพื้นที่โดยแท้
คุณป้ากำลังเตรียม สายบัว ที่เก็บมาจาก ดงบัวสาย ในคลองปากประ เมื่อครู่
มื้อเที่ยงวันนี้ อาหารใต้ง่ายๆ บ้านๆ แต่บอกเลยแซปปป
นี่เป็นแผนที่ ไม่ใช่สิ... มันเป็นไดอะแกรมเส้นทางล่องเรือท่องเที่ยวคลองปากประและทะเลน้อย
โฮมสเตย์หลังนี้ลุงสร้างเองตามภูมิปัญญา สร้างนู้นนิดนี่หน่อย ต่อเติมเรือนไม้จนออกมาเป็นโฮมสเตย์
มุมเล็กๆในโฮมเสตย์
ห้องพระในบ้าน
เเม้มันจะไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกให้ครบทุกอย่าง แต่เราก็ได้รับการดูแล เอาจริงรู้สึกเหมือนเป็นลูกหลานกลับมาบ้าน ยังไงอย่างงั้นเลย