หลังจากที่เจ้านายกลับมาจากเมืองตากาล็อก ด้วยความคิดถึงถนนเมืองไทย แต่ไม่รู้จะไปที่ไหน เอาแบบว่า

1. ไม่ไกล เพราะร่างกายยังเหนื่อยล้าอยู่บ้างกับการเดินทางต่างเมือง

2. ประหยัด เพราะหมดไปเยอะกับการอยู่บ้านเมืองคนอื่น

3. ธรรมชาติสวยๆ อากาศสบายๆ ไม่วุ่นวาย เพราะอยากพักทั้งกายทั้งใจ โหยหาความสงบขั้นรุนแรง

เจ้านายบอกว่าไป สังขละบุรี เมืองกาญฯ ล่ะกัน ไม่ไกลและเป็นที่คุ้นเค๊ย คุ้นเคย ก่อนไปเพื่อความมั่นใจ เจ้านายพานายสีนิลไปเข้าโรงหมอตรวจเช็คความพร้อมก่อนเดินทางกัน สุดท้ายต้องเปลี่ยนแผนเพราะได้รับคำแนะนำว่า "พี่อยากเห็นหมอกหน้าฝนไหมพี่ ลองไปหมู่บ้านอีต่องซิครับ ได้เล่นโค้งด้วย" เจ้าหน้าที่MOTOแนะนำเสียงดัง

สรุปงั้นไปหมู่บ้านอีต่องกัน!!!

การเดินทาง : นายสีนิลขอเริ่มต้นที่ปากเกร็ดนนทบุรีวิ่งเส้นบางบัวทองเข้าทางซ้าย ทางหลวงหมายเลข 340 ถึงแยกนพวงศ์เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 346 ผ่านเข้าจ.นครปฐม อ.บางเลน วิ่งตรงไปอ.กำแพงแสน เจอไฟแดงให้เลี้ยวซ้ายตามป้ายอ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ตรงไปจนเจอสามแยกเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 324  ไปตรงๆเข้าเมืองกาญฯ เข้าถนนสายหลักตัวเมืองกาญจนบุรี ถึงสี่แยกแก่งเสี้ยน เลี้ยวซ้ายไปอำเภอไทรโยค - ทองผาภูมิทางหลวงหมายเลข 323 เส้นทางจะต่อกับเส้น 3272 เข้าอ.ทองผาภูมิ วิ่งผ่านตัวอำเภอ เลียบอ่างเก็บน้ำในเขื่อนไปอีกประมาณ​ 30 กิโลเมตร จะถึงสามแยกบ้านไร่-ปิล๊อก ให้เลี้ยวซ้ายไปทางปิล๊อก จากจุดนี้จะเป็นเส้นทางคดเคี้ยวขึ้นเขา ควรขับขี่ด้วยความระมัดระวัง วิ่งเลยอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิมาประมาณ 13 กิโลเมตร เลยทางเข้าน้ำตกจ๊อกกระดิ่น เหมืองสมศักดิ์ เนินช้างศึก เส้นทางนี้จะไปสุดทางที่หมู่บ้านอีต่อง เมื่อเลยจากอุทยานฯ​ เส้นทางบางช่วงมีผิวถนนชำรุด เป็นช่วงลงเขา และมีโค้งหักศอกหลายจุด แม้บางจุดจะมีกระจกโค้ง แต่เพื่อความปลอดภัยควรใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ เช่นใช้เกียร์ต่ำ ไม่ขับรถเร็ว ไม่แซงทางโค้ง นายสีนิลคิดว่าปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุดจ้า

ประวัติเบาๆ: "หมู่บ้าน 399 โค้ง" ชื่อเสียงเรียงนามนี้เกิดขึ้นมาเพราะเมื่อก่อนถนนหนทางมันลำบากต้องผ่านป่าเขา และเส้นทางที่คดโค้ง ตอนนี้นายสีนิลก็ยังคิดว่าโค้งมันก็ไม่หายไปไหนเลยนะ ยังคดโค้งเลี้ยวไปเลี้ยวมาพาเวียนหัวได้เหมือนกัน หมู่บ้านอีต่อง มาจากคำว่า "หมู่บ้านณัตเอ็งต่อง" ซึ่ง "ณัต" แปลว่า เทพเจ้า หรือเทวดา "เอ็ง" แปลว่า บ้าน "ต่อง" แปลว่าภูเขา รวมกันแล้วจึงแปลได้ว่าเป็นหมู่บ้านที่อยู่บนเขาเทวดา ต่อมาคงขี้เกียจเรียกยาวๆ เลยตัดเหลือแค่ "หมู่บ้านอีต่อง" นอกจากวิถีชีวิตที่สงบ เรียบง่าย และเป็นมิตรของชาวบ้านอีต่องแล้ว สภาพอากาศยังเย็นสบายตลอดทั้งปี

เหมืองปิล๊อกเก่าอยู่ฝั่งตรงข้ามตลาดอีต่อง

หลังจากผ่านโค้งผ่านคดของถนนมาอย่างสนุกสนาน นายสีนิลไม่ได้วิ่งเร็วมากมายเพราะยังไม่ชินกับถนนเส้นใหม่ ความระมัดระวังจึงถูกเลือกมาเป็นอันดับต้นๆ ความเร็ว90-120 กม./ชม.ดูจะสอดคล้องกับความไม่รีบเร่งและบรรยายกาศที่สายฝนโปรยปรายไม่ขาดเม็ด เสื้อกันฝนที่คุณภาพดีหน่อยช่วยได้มากที่เดียวที่จะไม่ทำให้เจ้านายต้องเปียกปอน

เห็นหมอกฝนไหมครับ สวยงามอลังการระรานตาสุดๆ จริงๆ กับฝนใหม่ที่เพิ่งเริ่มมาเยือนแบบนี้ ไม่น่าเชื่อใช่ไหมล่ะคับ

ที่นี่มืดเร็วคับ...วันนี้นอนพักผ่อนเอาแรงก่อน ขอหลับไปพร้อมกับเสียงระนาดเอกจากสายฝนคลอเล้ากับเสียงออเคสตร้าวงใหญ่จากไพรพนาราตีสวัสดิ์..พรุ่งนี้นายสีนิลจะพาเที่ยวนะคร้าบ

เช้าตรู่ ณ เมืองในหมอก หมอกๆๆๆๆๆๆเยอะมากคับ อยากเจอหมอกๆก็มา จากการสังเกตเห็นเลยว่าทุกๆบ้านจะมีผ้ายางพลาสติกปิดหน้าหมู่บ้าน พอถามได้ความว่า คุณหมอกเนี่ยมาไม่เป็นเวล่ำเวลา นึกอยากมามากๆก็มา มาน้อยๆก็มี บางทียกพวกกันลอยเข้าในบ้านแบบไม่ต้องเชื้อเชิญ บ้านไม้ชั้นเดียวที่เหมือนกันแทบทุกหลังคาเรือนจึงพร้อมใจกันใช้ผ้ายางพลาสติกปิดไว้กันหมอกเข้าบ้าน กันไม่ให้บ้านขึ้นราคับ

วันนี้โชคดีคับ เดี๋ยวเจ้าของโฮมสเตย์"สะพานหมอก" จะพาไปจุดท่องเที่ยวใกล้ๆบริเวณนี้คับ แต่ตอนนี้ฝนตก งั้นให้เจ้านายพาเดินชมรอบหมู่บ้านไปก่อนนะคับ

เดินไปพลาง ทักทายพูดคุยกับชาวบ้านไปด้วย รู้สึกดีทีเดียวคับ สบายใจช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น ความเหนื่อยล้าที่ผ่านมาหายเป็นปลิ้ดทิ้ง ยิ่งได้ยืนตัวตรงๆยืดอกให้สุด แล้วสูดหายใจเอาโอโซนที่แสนสดเข้าปอดไปเต็มๆแบบนี้ มันสุดยอดจริงๆนะคับ ไม่เชื่อลองมาทำดู

ฝนหยุดไปยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คุณเธอกลับมาอีกครั้งมาแบบหนักกว่าเดิมคับ ทำเหมือนว่าพาความคิดถึงและเป็นห่วงจากใครมาส่งให้ก็ไม่อาจรู้ได้(อาจเป็นสาวจากฟิลิปปินส์..อิอิ) ชื่นใจจังนะคับ..ว่าไหม ชาวบ้านที่นี่บอกว่า อย่าถามว่าฝนจะตกไหม จะตกเมื่อไหร่ เพราะฝนตกไม่เคยจะนัดหมายบอกกล่าวล่วงหน้า คงเป็นเพราะได้อิทธิพลจากลมทะเลฝั่งอันดามันบ้าง ลมบกบ้าง กรมอุตุฯก็คงยากคาดเดา(นายสีนิลคิดเอาเอง)

เขาช้างเผือกเป็นไฮไลท์ของที่นี่ก็ว่าได้คับ ช่วงเปิดให้ขึ้นช่วงนั้นไม่ต้องถามหาที่พักถ้าไม่ได้จองกันมาก่อน เต็มหมดคับ แม้แต่ลาน ฮ. ก็เป็นที่กางเต้นท์ของนักท่องเที่ยวแนวผจญภัยนี้แบบเนืองแน่นคับ

ที่หมู่บ้านอีต่อง ไม่ต้องถามหา 7Eleven นะคับ เพราะไม่มี มีแต่ตลาดสด และโรงเรียน อย่างละแห่ง ไม่มีร้านกาแฟหรูๆ หรือสถานบันเทิงใดๆ โรงหนังเก่าที่เคยมีได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นร้านขายของชำ ร้านค้า และร้านอาหารมีเพียงไม่กี่ร้าน เช่นร้านเจ๊ณี ครัวสุดแดน เป็นร้านอาหารตามสั่ง ราคาไม่แพงมากมายอะไร เริ่มต้นตั้งแต่ 30 บาทขึ้นไป แล้วแต่ประเภทอาหารที่สั่ง ถ้าเป็นอาหารทะเลขอบอกว่าสดมากคับ คงเป็นเพราะที่นี่อยู่ใกล้ทะเลฝั่งพม่า ห่างกันประมาณ 60 กิโลเมตรเท่านั้นเอง ส่วนของใช้ทั่วไปราคาปกติไม่ต่างจากในเมือง ทั้งที่การเดินทางไม่ได้สะดวกเท่าที่ควร แบบนี้เรียกว่ามีน้ำใจไม่เอาเปรียบใช่ไหมคับ

เป็นโฮมสเตย์ที่ดูคลาสสิคดีอยู่หน้าหมู่บ้าน ไม่รู้ราคาเป็นยังไง แต่สวยดีคับ

มีบ่อน้ำอยู่กลางหมู่บ้านด้วยคับ หมู่บ้านนี้มีน้ำมีไฟฟ้าใช้ตลอดทั้งปีนะคับ น้ำก็เป็นน้ำแร่ธรรมชาติ ก็เปิดเหมืองแร่น้ำก็ต้องน้ำแร่มันใช่อยู่แล้วจริงไหมคับ ถึงว่าเจ้านายของสีนิลแอบมองผิวสวยๆของสาวที่นี่ตลอดเลย ส่วนไฟฟ้าใช้ฟรีคับ เพราะได้รับความเอื้อเฟื้อมาจาก ปตท. ที่วางท่อก๊าซจากพม่าผ่านมาไทย แต่ก็ให้ใช้แบบจำกัดนะคับ แต่ละบ้านต้องจัดการกันให้ดีเพราะถ้าใช้ไฟเกิน ไฟฟ้าก็ดับทั้งหมู่บ้านเลยล่ะคับ แต่ก็แอบเป็นเสน่ห์ของที่นี้ไปอีกแบบเพราะเวลาไฟดับ ช่วงที่นักท่องเที่ยวเข้ามามากๆ ทุกบ้านก็จะจุดตะเกียง ผู้คนที่ออกมาเดินเล่นก็ถือตะเกียงบ้าง เทียนบ้าง ถ้ามองมาไกลๆ เราจะเห็นแสงไฟสีส้มลอยไปมาเต็มหมู่บ้าน สวยงามไปอีกแบบ(ชาวบ้านเล่าให้ฟัง)ถ้ามีโอกาสจะของมาช่วงไฮซีซั่นดูบ้าง อยากเห็นบรรยายกาศแบบนี้

ไม่มีรถส่วนตัวก็มาได้นะคับ ขึ้นรถที่อำเภอทองผาภูมิ เป็นรถสองแถวประจำทาง สีเหลือง เขียนข้างรถว่า ทองผาภูมิ - อีต่อง ค่าโดยสารคนละ 70 บาท
- ออกจากตลาดทองผาภูมิ เวลาประมาณ 10.30 น. (ถ้านั่งรถบขส. 999 จากกรุงเทพฯ - ด่านเจดีย์สามองค์ ต้องขึ้นรถเที่ยว 5.00 น.)
- ออกจากหมู่บ้านอีต่อง มีสองเที่ยวคือ เวลาประมาณ 6.30 น. และ 7.30 น.

ส่วนขากลับ รถก็จะออกเวลาตามป้ายเลยคับ

ฝนหยุดตกแล้ว นายสีนิลขออาสาพาไปเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวใกล้ๆแถวนี้มีหลายจุดนะคับ มีเนินช้างศึก มีน้ำตกจ๊อกกระดิ่น มีอุทยานทองผาภูมิ ลองไปดูว่าไกด์กิติมศักดิ์จะพาเราไปไหนกันบ้าง ไปกันๆ

เวลาหมอกลอยคลุ้งคลุมหมู่บ้าน หมู่บ้านอีต่องเหมือนตกอยู่ในเมืองลับแล นายสีนิลคิดไปตามจินตนาการจากภาพที่เห็นตรงหน้า สวยงาม เงียบสงบ บางครั้งหายไปเหลือเพียงหมอกหนาสีขาวโพลน

ก่อนเข้าไปเราต้องปลดอาวุธประจำกายฝากไว้ที่หน้าป้อมก่อนคับ อาวุธนี้คือสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซด์จริงไหมคับ

อนุสรณ์สถานแห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์และระลึกถึงคุณงามความดีของพลตรีตะวัน เรืองศรี ตอนที่ดำรงตำแหน่ง ผบ.พล.ร.9 และ ผบ.กองกำลังสุรสีห์ ซึ่งได้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกที่อำเภอแก่งกระจาน เมื่อปี 2554 ซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่เฮลิคอปเตอร์ตกเกือบพร้อมกันถึง 3 ลำ ในป่าแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี โดยเริ่มจากเครื่องเฮลิคอปเตอร์แบบ ฮิวอี้ ชนภูเขาที่บริเวณเนินพันร้อย เมื่อช่วงสายๆของวันที่ 16 ก.ค.2554 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน กระทั่งเครื่องแบล็กฮอว์กตกอีกเป็นลำที่สอง ในวันที่ 19 ก.ค.2554 และเครื่องเบลล์ 212 ตกอีกลำในวันที่ 25 ก.ค.2554 เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้พลตรีตะวัน เรืองศรี ผบ.กองกำลังสุรสีห์ ต้องเสียชีวิตในเครื่องแบล็กฮอว์ก พร้อมด้วยสื่อมวลชนและทหารรวมทั้งสิ้น 17 ศพ...ขอยกย่องด้วยความเคารพ

จากเนินช้างศึก นายสีนิลพามาเล่นน้ำตก ไกด์บอกว่าน้ำตกที่นี่มีน้ำตลอดทั้งปีมากน้อยตามปริมาณน้ำฝน สังเกตดีๆ จะเห็นว่าน้ำที่นี่เป็นสีเขียวอมฟ้า ด้วยความรู้ที่มีมารู้มาว่าน้ำสีแบบนี้เป็นแหล่งที่ดีมากๆ แน่นอนซิคับก็น้ำที่นี่เป็นน้ำแร่ เจ้านายของสีนิลคงตัวขาวแล้วล่ะได้อาบน้ำแร่เชียวนะ..คริๆ

พบเพื่อนร่วมทางเห็นไหมคับมิตรภาพอยู่ที่ไหนก็มีได้ เล็กใหญ่ไม่สำคัญ มันสำคัญที่ใจ ยินดีที่รู้จักคับผม นายสีนิลขออยู่ต่ออีกสักคืน พรุ่งนี้ค่อยกลับ ใจจริงอยากอยู่แบบถาวรมากกว่า แต่ยังไม่ได้เพราะต้องกลับไปเมืองตากาล็อกตามเสียงหัวใจที่เรียกร้อง เอาเป็นว่าจะกลับมาใหม่เร็วๆนี้แน่นอน555555

ขอปิดท้ายทริปนี้ด้วยขนมแสนอร่อยของหมูบ้านอีต่อง แต่ต้องขอโทษเพราะลืมถามว่าชื่ออะไร..ขออภัยด้วยนะคับ แต่ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า หมู่บ้านอีต่องมาสัมผัสได้ทั้งปี เพราะอากาศที่นี่เย็นสบายตลอดทั้งปี ไม่ต้องรอช่วงไฮซีซั่นก็ได้ สลับๆกันมา จะได้ไม่แออัด แต่ถ้าอยากเห็นหมอกหน้าฝน มาตอนนี้ได้เลยนะคับ...เจอกันใหม่ทริปหน้านะขอร้าบบบบ...by นายสีนิล

"จงอยู่กับปัจจุบัน..อย่าเสียเวลากับสิ่งที่จากไป..จงใส่ใจกับสิ่งที่เหลืออยู่..ชีวิตที่ผ่านมาคือครู..ชีวิตที่เหลืออยู่คือโอกาส" ไม่เกี่ยวอะไรกับทริปนี้ แต่ชอบและอยากบอกต่อ..^..^