แบกเป้สะพายกล้องขึ้นดอย บ้านระเบียงดาว บ้านแม่กำปอง ม่อนเหนือ
สวัสดีครับเจอกันอีกแล้วอันนี้เป็นรีวิวอันที่สองแล้วครับเหมือนเดิมครับผิดพลาดประการไดขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยครับ เริ่มกันเลยครับ ปีนี้ขึ้นเหนือเหมือนเดิมครับแต่ไม่ได้ไปคนคนเดียว มีภาระมาเพิ่มอีกหนึ่งคนคือ มนุษแฟน นั้นเอง (หวังว่าเธอคงไม่ได้เข้ามาอ่าน 555) ต่อกันเลยครับ สำหรับที่พักต่างๆ เราก็จองไว้เรียบร้อยทุกอย่างแล้ว คือ
14/11/2016 บ้านระเบียงดาว โฮมสเตย์
15/11/2016 บ้านพักลุงปุ๊ด & ป้าเป็ง แม่กำปอง
16/11/2016 ม่อนเหนือโฮมสเตย์
โอเค พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลย
เริ่มเดินทาง 13/11/2016 ด้วยรถทัวร์ สาย กรุงเทพ-บ้านท่าตอน จองตั๋วรถทัวร์ บขส. 999 ผมจองเป็นรถ ป.1 ไปลงที่ อำเภอเชียงดาว ราคาต่อคนก็ 533 บาท ต่อคนครับผม สามารถขึ้นรถได้ที่ หมอชิต 2 หรือ สถานีรังสิตก็ได้ครับ ผมขึ้นที่รังสิต รถมาถึงก็ประมาณ 19.00 น
อย่าถามครับทำไมไม่นั่งเครื่องบิน ไม่มีเงินครับง่าย ๆ เลย 555 อีกอย่าง ถ้านั่งเครื่องบินผมจะต้องไปต่อรถบัสเพื่อไปที่เชียงดาวอีกต่อนึง และที่เลือก ป.1 ไม่เอา VIP เพราะว่า ถ้าเป็นรอบ VIP รถจะไปถึงประมาณ 04.30 น. ส่วน ป.1 ผมไปถึงที่เชียงดาวก็ 06.00 น ถ้าไม่อยากไปนอนรอรถขึ้นดอยก็ ป.1 เหมือนผมเลยครับจบ โดยรวมก็ถือว่า โอเคครับ แอร์เย็น มีขนม น้ำเปล่า เบาะปรับนอนได้ ขับรถก็โอเค แต่จอดรับคนบ่อยไปหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไรครับ พอขึ้นรถไปแล้วก็บอกเค้าว่าจะไปลงที่ โลตัสเชียงดาวได้เลยครับจะได้ไม่ต้องเดินไปต่อรถใกล แต่ถ้าเค้าไม่จอดก็ไปลงที่ท่ารถของเค้าก็ได้ครับแล้วเดินย้อนกลับมาไม่ไกลครับ ให้เดินมารอรถขึ้นบ้านระเบียงดาวที่ซอยนี้ได้เลยครับ
จะเจอคนขับรถเป็นลุงรออยู่หน้าปากซอยแล้วก็เรียกเราเลยว่าจะ"ไปเชียงดาวใช่ใหมครับขึ้นรถได้เลยครับ" ค่ารถก็คนละ 60 บาท เองครับ(ผมว่าราคาถูกครับกับเส้นทางที่ขึ้นไป) ลุงบอกให้รออีกสองสามคนกำลังมา ผมก็เลยไปซื้อของ...กิน เป็นอย่างแรกเลย ขอแนะน้ำร้านอาหารพื้นบ้านนิดนึงตรงปากซอยจะมีป้าๆเค้ามาตั้งขายกัน มี ห่อนึ่งไก่ ขนมใส้ ขาวเหนืยว ผมก็เลยจัดซะทุกอย่าง เดียวค่อยไปกินกันบนดอยครับ เสร็จสรรพก็มีเพื่อนเดินทางมาเพิ่มอีก 1 คน รวมทั้งหมดเป็นสาม แล้วก็ออกเดินทางประมาณ 08.30 น. อากาศกำลังดีครับ แต่เส้นทางผมถือว่าโหดอยู่เหมือนกันสำหรับคนที่ไม่เคยใช้เส้นทางนี้ ใช้เวลาเดินทางก็ประมาณ 40 นาทีครับ แต่เป็น 40 นาที ที่มันมากๆในการนั่งรถ ไม่ใช่ว่าลุงแกขับเร็วครับ แต่มันทางบังคับแกให้ขับแบบนั้น และแล้วเราก็มาถึงครับ "สวัสดี บ้านระเบียงดาว"
วิวจากหน้าห้องพัก สวดยอด
อย่างที่บอกไว้ตอนต้นแล้วว่าผมจองไว้ที่บ้านระเบียงดาว มันจำไว้ 500 บาท ไปถึงก็จ่ายเพิ่มอีก 500 บาท รวมอาหารเย็นและอาหารเช้า ทั้งหมดก็ 1000 บาท ขอบอกเพิ่มเติมนิดนึงครับก่อนที่ผมจะไปหนึ่งอาทิตทางเจ้าหน้าที่ได้มีการรื้อถอนบ้านพักบางส่วนออกไปเนื่องจากมีการขยายบ้านพักกันมากเกินไปเพื่อให้มีความเป็นระเบียบมาขึ้น โชคดีที่บ้านที่ผมจองไว้ยังไม่ถูกรื้อถอน แต่จากการสอบถามเจ้าของเค้าบอกว่าตอนนี้เค้ายังให้เวลาอยู่ถ้าเกิดท่านได้จะไปก็สอบถามให้ชัดเจนครับว่าได้นอนเป็นบ้านหรือกางเต้น จะได้เตรียมตัวถูกครับ(ต้องโทรหลายๆครั้ง เพราะโทรติดยากไม่ค่อยมีสัณญาน) หลังจากที่เก็บของเข้าห้องพัก อาบน้ำ (น้ำโคตรเย็นๆๆๆๆ) เสร็จแล้ว ก็หิวซิครับผมๆๆ ทางบ้านพักมีร้านอาหารขายครับสั่งได้เลยครับ ด้วยความหิวก็จัดเต็ม จัดหนักกันเลยทีเดียวเชียว
เนื่องจากความหิวโหย เราก็ยัดกันเต็มที่ครับอิ่มมากๆ ห่อนึงไก่อร่อยมากๆๆ ครับแนะนำเลย เป็นธรรมดาครับพอหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน นอนซิครับ ห้องพักก็ มีห้องน้ำในตัว ที่นอน หมอน ผ้าหม สะดวกสะบายครับ
ตื่นมาก็บ่ายสามครับ ได้เวลาถ่ายรูปครับ ไปๆๆๆ
กำลังเมามันกับการถ่ายรูปจนถึงประมาณ 17.30 น เวลาทานข้าวเย็นของทางบ้านพักคือ18.00 น. ระหว่างที่ผมกำลังรอพระอาทิตย์ตกเพื่อที่จะได้ถ่ายรูปสวยๆ อย่างใจจดใจจ่ออยู่นั้น มันก็เริ่มมีเสียงพลังงานบางอย่างอยู่ข้างหลัง พรึมๆพรําๆๆ ผมก็รับรู้ได้ทันที่ว่าเสียงเกินขึ้นจากอะไรครับ นั้นคือ มนุษแฟน นั้นเองเนื่องจากเธอแอ็คท่าถ่ายรูปมากเกินไป มันเลยทำให้เธอเหนื่อย แล้วทำให้เครื่องจักรในร่างกายเธอบางอย่างเริ่มทำงาน นั้นคือ กระเพาะอาหารนั้นเอง พอมันเริ่มทำงานมันก็สั่งงานไปที่สมอง แล้วสมองก็สั่งงานไปที่ปาก แล้วพอปากไม่ได้รับอาหาร มันก็กายเป็นเสียง บ่น โดยเฉียบพลัน ผมก็เลยต้องพากระเพาะอาหารของเธอไปทำหน้าที่ในทันได
พระอาทิตย์ไกล้ตกแล้ว
หลังจากที่มาถึงห้องพักพนักก็จัดอาหารให้ทันทีเลยครับ อาหารก็จะมี ต้มจืดหมูสับ ผัดผัก น้ำพรัก ผักลวก ไข่เจียว ข้าวหนึ่งโถ อาหารของทางบ้านพักอร่อยมากๆๆๆ ผมคอนเฟริม โดยเฉพาะหมู่สับผมชอบมาก ไม่มีมันเลยครับ
เมื่อกระเพาะอาหารเธอได้ทำงานแล้วก็ตามภาพครับ ผมลืมบอกไปว่าอาหารเติมได้ไม่อั้นครับ กินไม่อิ่มบอกเค้าได้เลย ส่วนผมไม่รีบครับ อากาศดีๆ เครืองดื่มเย็น เลื่อยๆ ชิวไปยาวๆๆ มันได้ฟิวจิงๆ 555555555 "มีความสุขโว้ย"
ก็ตามที่เห็นในภาพครับ
ด้วยความที่บรรยากาศดี ผมก็นั่งไปเลื่อย จนมืดประมาณซัก 19.00 น ผมโชคดีมากคือ วันที่ผมไปเป็นวันลอยกระทงพอดีและเป็นวันที่พระจันทร์ใกล้โลกที่สุดในรอบ 68 ปี มัน สวยม๊ากๆๆ ค่อยๆ ลอยโผ่ลขึ้นมาจากหลังเขาจนเต็มดวง เป็นอะไร สวยงานมากๆ ผมพยายามถ่ายรูปอยากได้รูปเก็บไว้ แต่ กล้องผมและตัวผมไม่มีปัญญาทำได้ครับ ทำได้แค่เพียง
555555
"ทำดีที่สุดแล้ว มันมองไม่เห็นอะไร โว้ๆ เยๆ 55"(เพลงก็มา)
นั่งไปซักพักก็เริ่มหนาวครับ ผมก็เริ่มจะได้ที่ละ 55 ได้เวลานอนพักผ่อนครับเดียวพรุ้งนี้ตื่นแต่เช้า
ราตรีสวัสดิ์พี่น้องชาวไทย
ตื่นๆ อรุณสวัสดิ์ ครับ ผมตื่นมาประมาณ 05.00 น สงสัยตื่นเต้น คิดอยากจะสัมผัสน้ำเย็นๆกับอากาศเย็นๆ พอเปิดฝักบัวอาบน้ำเท่านั้น "ผิดตั่งแต่คิดละ " น้ำมันเย็นม๊ากๆ ลองนึกภาพว่าคุณนั่งอยู่ในห้องแช่เย็นแล้วมีถังใส่น้ำแล้วใส่น้ำแข็งลงไปอีก แล้วคุณกระโดดลงไปในนั้นจะขึ้นจากถังก็หนาวแช่อยู่ในถังก็หนาวแล้วคุณจะทำยังไง ส่วนผม เฮอ ก็ต้องอาบต่อละครับมาถึงขนาดนี้ เป็นการอาบน้ำที่มันมาก อาบนำเสร็จก็แต่งตัวถ่ายรูปครับ เป็นช่วงเวลาที่ผมรอคอยครับ
ถ่ายรูปไปซักพักอาหารก็เริ่มมาเสริฟครับก็จะมี ข้าวต้ม น้ำชา กาแฟ โอวัลติน ตามสะดวกเลย ข้าวต้มอร่อยมากๆๆ
เอาละครับ หลังจากได้นั่งจิบชาอุ่นๆ ซดข้าวต้มร้อนๆ กับทะเลหมอกสวยๆ อากาศเย็นๆ กินกันเต็มอิ่มแล้วก็ได้เวลาเก็บของเดินทางกันต่อครับ ผมนัดกับลุงคนขับรถที่มาส่ง 08.30 น ครับ
ลุงมารับตรงเวลามากครับ ถึงเวลาต้องบอกลาบ้านระเบียงดาว กันแล้ว สรุปประทับใจทุกอย่างครับ แล้วเจอกันใหม่
ผมออกจากบ้านระเบียงดาวก็ 08.30 น กลับเพื่อนร่วมเดินทางอีกสองคนรวมทั้งหมดสี่คน เป้าหมายต่อไปคือ
"บ้านแม่กำปอง"
หลังจากที่มีเป๋าหมายแล้วก็ลุยกันต่อเลยครับผมให้ลุงไปส่งที่สถานีขนส่งของอำเภอเชียงดาวเพื่อรถไปที่เชียงใหม่ไปถึงที่คิวรถก็ประมาณ 09.30 น.รอรถก็ประมาณครึ่งชั่วโมง ขึ้นรถโดยสารสาย เชียงใหม่-ท่าตอน ว่าแล้วก็ขึ้นรถกันเลย ค่ารถก็อยู่ที่ ราคาคนละ 40 บาทครับ รถจะไปจอดป้ายสุดท้ายที่อาเขตเลยครับนอนยาวไปเลย ผมลืมบอกไปอย่างลืมพกบัตรประจำตัวประชาชนไปด้วยณะครับ ไม่งั้นก็นอนยาวเหมือนกันแต่ไม่ใช่นอนบนรถณะครับ
เพาะมีด่านตรวจครับ
ผมไปถึงเชียงใหม่ก็ประมาณ 12.30 น.ครับ จากนั้นก็ไปเช่ามอเตอร์ไซค์กันต่อเลยครับ
ส่วนร้านเช่าก็เดินออกมาจากอาเขตเลี้ยวซ้ายเจอร้านเลยครับไม่ต้องไปไหนใกล
ส่วนราคาคาเช่าก็วันละ 300 บาท มันจำ 1000 บาท พร้อมกับบัตร ผมเช่าไป 3 วัน ก็ 900+1000 +ใบขับขี่รถยนต์
มอเตอร์ไซค์พร้อม ใจพร้อม ไปเลยๆๆๆๆๆ เส้นทางผมก็ถามไปเลื่อยๆ ครับเพราะผมเคยใช้ GPS เดินทางปีที่แล้วสรุป หลง ครับ ก็เลยถามเอาดีกว่า หลังจากสอบถามเส้นทางได้รับข้อมูลเรียบร้อยก็ออกเดินทางกันต่อ หลักๆ ที่เราต้องไปให้ถึงก่อนคือ อำเภอสันกำแพง แล้วก็ขับต่อไปที่อำเภอ แม่ออน แล้วก็ บ้านแม่กำปอง ไปกันเลย ตอนอยู่ในเชียงใหม่เส้นทางก็ลำบากนิดนึง ถามไปเลื่อยๆ จนออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ได้ครับ พอออกจากตัวเมืองก็สะบายละ มีป้ายบอกตลอดทางขับตามป้ายเลยครับ ข้างทางก็จะป้ายบอกสถานที่ท่องเที่ยวให้แวะกันเยอะแยะเลย หลังจากขับตามป้ายมาเลื่อย ก็เจอป้าย บ้านแม่กำปอง 10 ก.ม. ใจชื้นขึ้นมาหน่อย แวะเติมน้ำมันแปบ เติมน้ำมันรวมสองรอบก็ประมาณ 160 บาทครับ เส้นทางตอนขึ้นแม่กำปองก็ไม่โหดเท่าไรครับขับได้เลื่อยๆ แต่ ธรรมชาติก็มีเซอร์ไพรส์ ฝนตกครับหนักเลยๆๆๆ ต้องรีบจอดหลบกันด่วนเลย เอาถุงห่อกล้องเป็นอันดับแรก เอากระเป๋าหลบฝนอีลุงตุงนังไปหมด (แอดเวนเจอร์สมใจใหมละ) ตอนฝนตกอันดับแรกที่ห่วงคือ กล้องครับ 55 ฝนตกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เปียกๆๆๆๆ
หลังจากที่ฝ่าฟัน แดดอันเร้าร้อน เส้นทางอันคดเคี้ยว สายฝนอันเหน็บหนาว และแล้วเราก็มาถึงครับ
ผมมาถึงที่บ้านแม่กำปองก็ประมาณ16.00 น ครับ ก็เข้าเช็คอินที่ บ้านลุงปุ๊ดป้าเป็ง ชำระเงินไว้เรียบร้อยหนึ่งคืน
ราคา 1300 บาท อันดับแรกที่ต้องจัดการคือ จัดการกับสถาพตัวเองที่เปียกยังกะหมาตกน้ำกันก่อนเลยครับ
วิวบนบ้านน้ำตกหน้าบ้านพัก
หลังจากอาบน้ำเสร็จอันดับแรกที่ทำเลยคือ กิน ครับหิวมากๆๆ ร้านที่เราไปกินคือร้านนี้เลยครับผมแนะน้ำอาหารอร่อยราคาไม่แพง
จัดหนักกันอีกรอบครับ หิวๆๆ
อร่อยทุกอย่างจริงๆครับ ผมคอนเฟริม
เอาละเติมพลังกันแล้ว ก็ได้เวลาถ่ายรูปกันเลยครับ
ร้านกาแฟชื่อดังของหมู่บ้านแต่ตอนที่ผมไปเค้าปิดแล้วครับร้านปิดเวลา 18.00 น ครับอากาศเริ่มหนาวแล้ว
หลังจากถ่ายรูปมาซักพักฟ้าก็เริ่มจะมืออากาศก็เริ่มเย็นแล้วครับร้านค้าต่างๆ ก็เริ่มปิด จริงๆ ที่นี้ก็มีที่ถ่ายรูปและที่เทียวอื่นๆ เยอะครับแต่เนื่องจากเวลาผมมีน้อยก็เลยได้รูปวิวมาไม่เยอะครับ อากาศเริ่มเย็นผมก็เลยยากได้อาไรเย็นๆ มากินซักหน่อย 555 แวะซื้อกลับแก้มแปบ
ผมกินด้วยได้กับแก้มละจัดซิครับรอไร เครื่องดืมซื้อที่ร้านขายของชำได้ครับ ซักประมาณ 19.00 น.ร้านขายของต่างๆก็เริ่มปิดเกือบจะหมดแล้ว ผมนั่งกินหน้าบ้านพักครับ อากาศเย็น นั่งฟังเสียงน้ำตกที่ใหลอยู่หน้าบ้านตลอดเวลา มีแมลงต่างๆ บรรเลงเพลงขับกล่อม จิงเบียเย็นๆ มันช่างมีความสุขจริงๆ ผมนั่งไปเลื่อยจนประมาณซักสี่ทุ่ม ก็พักผ่อนเพาะพรุ้งนี้ต้องเดินทางต่อครับ
สวัสดีครับผม ตื่นๆ อาบน้ำแต่งตัวที่นี้มีน้ำอุ่นครับ สะบายเลย เก็บของเตรียมตัวเรียบร้อย ไปกินข้าวที่ทางบ้านพักเตรียมไว้ให้ พี่เค้าแนะน้ำให้ไปก่อนจะได้ที่นั่งวิวดีๆ เราก็ไปกันก่อนครับ
แต่ไปก่อนเกินไปครับ "ร้านยังไม่เปิด" อ่าว ถ่ายรูปเล่นกันก่อนก็ได้
ในที่สุดสิ่งที่เรารอค่อยก็มาถึง "ร้าน เปิด แล้ว" พอเข้าไปในร้านพนักงานก็จะบอกว่า มีข้าวต้ม แล้วก็ของหวานหนึ่งอย่างเลือกตามเมนูได้เลยครับ ฟรี(เฉพาะลูกค้าที่พัก ลุงปุ๊ดป้าเป็ง) ระหว่างที่ของอาหารผมก็ถ่ายรูปเล่นไปเลื่อยๆ ครับ
น้ำตกก็มีครับข้าวต้ำมาแล้ว
ตามด้วยของหวาน
อร่อยเวอร์
เอาละครับหลังจากนั่งฟังเสียงน้ำตกตอนเช้า สูดอากาศดีๆ บรรยกาศสวยๆ ซดข้าวต้มร้อนๆ ตบท้ายด้วยขนมหวาน
อร่อยๆ แล้วก็กลับไปเก็บกระเป๋าเตรียมเดินทางต่อครับ ผมลืมบอกไปตอนเข้าเช็คอินมีค่ามันจำกุญแจ 500 ครับ
เก็บของเสร็จเอากุญแจไปคืน ออกเดินทางกันต่อเลย
บ้าย บาย แม่กำปอง
ไปกันต่อเลย ขาลงจากดอยขับช้าๆ ไปเลื่อยๆ อากาศดี ไม่ต้องรีบเพื่อความปลอดภัย ไม่ต้องคิดไรมากครับขับกลับทางเดิมได้เลย ขอแจ้งเป้าหมายต่อไปของเราครับคือ "ม่อนเหนือโฮมสเตย์" ตั้งอยู่ที่ บ้านหนอนหอยใหม่ แม่แรม แม่ริม เชียงใหม่ ขับมาเลื่อยๆ มันจะมีป้ายบอกว่า น้ําพุร้อนสันกําแพง 3 ก.ม. ป้ายมันอยู่ก่อนถึงอำเภอสันกำแพงครับถ้ามาจากอำเภอแม่ออน สังเกตขวามือไว้เลยครับ อย่างผมเหลอ จะพลาดได้ไงแวะซิครับ ขับไปซักพักก็ถึงแล้ว
ซื้อบัตรเข้าน้ำพุ ซื้อใข่ ตรงนี้ได้เลยครับ
ค่าเข้าก็คนละ 40 บาท ค่าจอดรถมอเตอร์ไซค์ 10 บาทครับพอเข้าไปข้างในมีบริการมากมายหลากหลายครับ อาบน้ำแรแช่น้ำร้อน จะไปนอนเล่น กินข้าวพักผ่อน ถ่ายรูป มีหมด
ร้อนจริง
ไปที่นี้พลาดไม่ได้คือ
ระหว่างที่รอใช่สุขเราก็ไปแช่เท้ากัน
มีเพื่อนบ้านชาวจีนเยอะเลย
หลังจากที่รอดูว่า ใข่มันจะสุกจริงรึเปล่า
สุกอร่อย แซบมากๆ
กินเสร็จก็เดินยอยอาหาร ถ่ายรูปเล่น
กินอิ่ม พักผ่อน กันพอสมควรแล้วก็เดินทางต่อครับ ขับกลับมาทางเดิมมาเลยครับ จนถึงสี่แยกมอเตอร์เวย์ ถ้าตรงไปเข้าเมืองเชียงใหม่ ให้เลี้ยวขวาเข้ามอเตอร์เวย์จะมีป้ายบอกว่าไปดอยสุเทพ พอเลี้ยวเสร็จก็ตรงตามป้ายไปเลือยๆเลยครับจนกว่าจะเจอป้าย แม่แรม พอเจอป้ายก็ไปตามป้ายเลยครับ พอถึงอำเภอแม่แรมก็ตรงไปอีกครับ สังเกตป้ายซ้ายมือเลย มอนแจ่ม ก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลยครับ ขับตามป้ายไปเลย มีน้ำตกให้แวะตามทางไปเลื่อยๆ
ขับตามเส้นทางตามป้ายไปเลยครับ ขับไปจนเจอป้ายที่บอก ม่อนแจ่ม เลียวขวา ก็เลียวเลยครับ
พอผมเลียวเข้ามาเท่านั้นแหละ จากปกติขับมา 80 เจอป้ายนี้เข้าไป คันเร่งมีเท่าไรใส่ให้หมด 5555555
ป้าย
.
.
.ไป ๆๆๆๆ
ในที่สุดก็ถึงม่อนแจ่มครับ แวะถ่ายรูปกันก่อน
ถ่ายรูปกันพอหอมปากหอมคอ ต้องไปกันต่อเป้าหมายของเราคือ "บ้านหนองหอยใหม่" 5555 (ชอบชื่อหมู่บ้านมาก)
เป้าหมายมีใว้พุ่งชน ไป ไป ไป ไป
ต่อกันเลย ขับตาป้าย บ้านหนองหอยใหม่ ไปเลื่อยๆ แล้วจะเจอป้ายของบ้านพักเลยครับ ในที่สุดก็มาถึง
ไปถึงก็เช็คอิน เก็บของพักผ่อน ถ่ายรูปครับ
น้ำอุ่นก็มี
วิวหน้าที่พักหนู่มาเก็บสตอเบอรี่
หลังห้องพัก
ช่วงที่ผมไปสตอเบอรี่ กำลังจะออกแต่ยังไม่เยอะ กินฟรีได้ครับ อร่อยๆ ไม่ต้องล้างเลย
ที่ออกไปชมวิวครับ เจ้าของที่พักบอกถ้าถึงหน้าหนาวมากๆ หมอกจะเต็มด้านล่างนี้เลยเจ้าบ้าน
อย่าทิ้งหนู
เริ่มจะเย็นแล้วพอเริ่มเย็นแล้วอากาศก็เริ่มหนาวครับ ส่วนเรื่องอาหารผมฝากท้องไว้ที่บ้านพักเลยครับไม่รวมกับค่าห้องพัก ค่าห้องพักหนึ่งคือ 1200 บาท ค่าอาหารต่างหากนะครับ พี่เค้าถามตั้งแต่มาถึงแล้วว่าจะเอาอะไรใหม พอดีพี่เค้าบอกมีหมูกระทะด้วย ก็เลยจัดเลย อยากกินพอดีเลย อาหารจะเสริฟตามเวลาที่แจ้งไว้เลยณะครับ ผมแจ้งหนึ่งทุ่ม
วิวสวยครับตอนกลางคืนด้านหน้าเป็นภูเขา ด้านบนดาวบนดาวเต็มท้องฟ้า ด้านขวาเป็นแสงสีจากตัวเมือง ครบ
หมูกระทะมาแล้วครับ
นี้ก็หมูกระทะครับผักเก็บมาจากสวนเลยครับไม่ต้องซื้อ
ลุยๆผมว่าบรรยากาศมันได้มาก อากาศเย็น หมู่กระทะร้อน จิบเบียชิวๆ ดูดาว ผมว่าที่สุดละ นั่งกินไปเลื่อย ซักประมาณสี่ทุกก็พักผ่อนครับเพราะ พรุ้งผมมีนัดตอน 05.30 น.ไปจุดชมวิวของม่อนเหนือกันครับ เจ้าของบ้านพักจะขับรถพาไปค่าใช้จ่ายคนละ 50 บาท จะไปหรือไม่ไปก็ได้ครับ ผมเหลอไปซิครับมาตั้งใกล เจอกันพรุ้งนี้เช้า
ราตรีสวัสดิ์ พี่น้องชาวไทย
สวัสดีตอนเช้าครับ อาบน้ำแต่งตัว (มีน้ำอุ่นสะบายครับ) ไป ไป ไป ........................................ถึงแล้ว
ที่ชมวิวจะมีสองวิวเลยครับทางด้านหมู่บ้านจะเป็นพระอาทิตขึ้น อีกด้านนึงจะเป็นทะเลหมอก สุดยอดมากๆ
อีกด้านึง ที่ตรงนี้เป็นที่ ที่ พ่อของประเทศไทยทรงมาจอด เฮลิคอปเตอร์ ครับ แต่ก่อนเท่าที่ถามมาตรงนี้ปลูก ฝิ่น หมดเลย แต่ตอนนี้เป็นผักหมดแล้วครับ
ถ่ายข้างบนเสร็จเดินลงมาถ่ายข้างล่างต่อได้เลยเป็นไร่ ผักกาด กะหล่ําปลี
บางส่วนก็เก็บไปแล้ว ตรงนี้ก็เห็น เรามาจากตรงนั้นบ้ายบายครับม่อนหนือ
จากนั้นก็กลับมาที่พักครับ เก็บของเรียบร้อย ออกมากินข้าต้มกันครับ ผมขอเตือนครับถ้าใครไป ปกติผมกินเผ็ด เครื่องปรุงก็มี พริกไทย พริกป่น ซอส ด้วยความที่กินเผ็ด จัดพริกไทยไปเต็มช้อนจ้า สรุป แดก ไม่ได้ต้องไปเติมข้าวต้มครับ พริกไทย ตำเอง โคตรเผ็ดๆ
เอาละครับหลังจากข้าวต้มพริกไทยแล้วก็เช็คเอ้าเดินทางกลับ ขากลับไม่รับมีเวลาเยอะ ก็เลยเอามอเตอร์ไซค์ไปคืน รับเงินมันจำคืน ไปซื้อของฝากกันที่ ตลาดวโรรส ส่วนวิธีไปก็เดินมาฝังตรงข้ามร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ โบกรถแดง ค่ารถคนละ 20 บาท ที่ไม่ขับมอเตอร์ไซค์ไป เพาะ หลงแน่ๆ ครับ
ถึงตลาดก็เลือกซื้อของได้เลย มีทุกอย่าง มีทุกย่างจริงๆ ร้านขายอาหารอยู่ด้านล่างสุดครับ ข้าวซอยอร่อยผมคอนเฟริม มีร้านเดียวเดินลงมากินได้เลย
คลาสสิค
กินอิ่มได้ของฝากแล้วก็ได้เวลากลับโบกรถแดงกลับเหมือนเดิม 30 บาท ถึงสถานีรถไฟ ผมจองล่วงหน้าไว้แล้วครับรถออก 18.00 น.
ระหว่างรอรถไฟก็ถ่ายรูปกันครับ
ลวงหน้าไปก่อนเลยครับ
ขบวนของเรามาแล้วๆ โชคดีมากๆ ที่ขบวนที่ผมขึ้นเป็นขนบานรถไฟใหม่ที่พึ่งเปิดใช้งานครับ ตื่นเต้นๆๆ
ขึ้นๆ พอขึ้นไปจะรูปสึกเลยทุกคนตื่นเต้นกับการได้ขึ้นรถไฟขบวนนี้รวมถึงผมด้วย ทั้งคนไทย ต่างชาติ(เยอะมาก)
ที่นอนข้างบน นอนข้างล้าง ที่ชาร์จแบต เก็บของประตูอัตโนมัติ
ทุกอย่างโอเคหมดคบ ปลอยภัย มีเจ้าหน้าที่เดินตรงตลอดครับ ส่วนเรื่องอาหารบนรถก็เป็นอาหารสำเร็จรูปเหมือนเซเว้น ราคาก็พอๆ กัน มีทุกอย่างยกเว้นเครื่องดื่มทีมีแอลกอฮอล์ ร้านอาหารเปิดสี่ทุ่มเปิดตีห้า ถ้าใช้บริการรถไฟ ให้ตรงเวลาด้วยณะครับ รถไฟออกตรงเวลามาก
เดียวผมจะสรุปค่าใช้จ่ายหลักให้ดูไม่รวมค่าอาหารต่างๆ ทุกอย่างคุณ 2 เพาะไปสองคน
ค่ารถทัวร์ 1066 บาท
ค่ารถขึ้นดอยไปกลับ 120 บาท
บ้านระเบียงดาว 1000 บาท
ค่ารถบัส เชียงใหม่-ท่าตอน 80 บาท
ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซค์ 900 บาท
เติมน้ำมันประมาณ 250 บาท
บ้านแม่กำปอง 1300 บาท
ค่าเข้าน้ำตก 60 บาท
น้ําพุร้อนสันกําแพง 80 บาท
ม่อนเหนือโฮมสเตย์ 1200 บาท
ค่ารถแดงไปกลับตลาดวโนรส 100 บาท
ค่ารถไฟ 1672 บาท
ยอดรวม 7828 บาท
เอาเฉพาะหลักเลยณะครับ ค่ากินไม่ต้องพูดถึง 55
การไปเทียวครังนี้ก็ สนุกมากครับ ขอบคุณมิตรภาพดีของทุกคนที่ผ่านเข้ามาระหว่างการเดินทาง ส่วนอะไรที่ไม่ดีระหว่างการเดินทางก็ทิ้งมันไปช่างแหม่ง เก็บแต่สิ่งดีๆ ไว้ในความทรงจำ ตัวผมเองผมคิดว่าการไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยว ต่างๆ ก็เหมือนกับการดำเนินชีวิตของคนเรา ทุกๆ สถานที่ในการท่องเทียวล้วนมี จุด หรือ ช่วงเวลา ที่ดีที่สุด สวยงามที่สุด ถ้าคุณไปไม่ถูก จุดที่เหมาะสม เวลาที่เหมาะสม สิงสวยงานที่คุณต้องการสัมผัสก็ไม่มีทางเป็นไปได้ชีวิตคนเราก็เหมือนกันครับ ผมเชื่อว่าชีวิตคนเราทุกคนก็มีล้วนมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชวิตเหมือนกันครับ หามันให้เจอครับ (ส่วนผมเอง ก็......ยังหาไม่เจอครับ 55555 ขอบคุณครับผม) เจอกันปีหน้า