บังเอิญทริป...ล่องเรือชมวิวจากเชียงใหม่ไปเชียงราย
เสร็จจากพาลูกค้าเที่ยวดอยหลวงเชียงดาวที่เชียงใหม่ ก็กะว่าจะกลับกรุงเทพฯ เลย แต่เพื่อนเจ้ากรรมอันเป็นที่รักดันจองตั๋วเครื่องบินผิด ให้จองเชียงใหม่-กรุงเทพฯ แต่คุณเพื่อนจอง เชียงราย-กรุงเทพฯ เพลีย เพลีย เพลียกับการจองครั้งนี้มาก อิชั้นลงเขาจากเชียงใหม่แต่ต้องเดินทางไปเชียงรายเพื่อขึ้นเครื่อง เอ้าาาคิดซะว่ามันจองให้ก็บุญหัวแระ ไอเรามัวแต่อยู่บนเขา ...ไม่เป็นไรเราเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสกันเถอะ (เที่ยวซะเลย)
จากเชียงใหม่ไปเชียงรายมี 2 วิธี 1. นั่งรถไปแบบคนปกติทั่วไป 2. ล่องเรือไปแบบที่นักท่องเที่ยวทั่วไปเขาไม่ทำกัน....เราอ่ะเหรอ หึหึหึ (เสียงในลำคอ) เราไม่ใช่คนปกติค่ะ ความคิดที่จะเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสของเราก็เริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้...ลาก่อนนะเชียงดาว เดี๋ยวปีหน้ามาใหม่
พอเราลงจากดอยหลวงเชียงดาวก็อาศัยรถลูกค้า (ที่เราพาเขาเที่ยวนั่นแหละค่ะ ลูกค้าใจดี๊ดี) มาลงปากทาง แล้วโบกรถต่อมายังสถานีขนส่งเชียงดาว นั่งรอรถไม่นานรถก็มาจอดเทียบท่า ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเป็นรถโดยสารคันเดิมที่เราโบกขึ้นมาจากจอมทองมาลงเชียงดาว (ก่อนหน้าทริปนี้ เราพาลูกค้าไปเที่ยวผาสองฤดู (ผาแง่ม) พอจบทริป เราก็ขึ้นรถจากจอมทองมาลงเชียงดาว เดี๋ยวว่างๆ จะรีวิวผาแง่มให้ดูชมนะคะ) คนขับเขาจำเราได้ด้วย เพราะเราก็ผู้หญิงตัวเล็กๆ ดำๆ แต่แบกเป้ใบใหญ่สีแดงจัดจ้าน แว่นก็ยังสีแดงอีกด้วย ^^
รถคันนี้ค่ะ เชียงใหม่ ท่าตอน เบอร์ 55 ช่างรื่นรมย์ดีแท้
บนรถมีแต่ชาวบ้านค่ะ ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย รถขับไปเรื่อยๆ ขึ้นเขา ทางโค้ง ชาวบ้านขึ้นรถลงไปตลอดทาง ส่วนเรานั่งหลับๆ ตื่นๆ จากความอ่อนเพลียของร่างกายที่ขึ้นเขาลงเขามาครึ่งเดือนติดต่อกัน
ให้ชมวิวข้างทางเบาๆ เป็นภูเขาสลับทุ่งนาแบบนี้เป็นส่วนใหญ่ แล้วก็มีช่วงที่ขึ้นเขาเป็นป่าทึบๆ ด้วย แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปมา ตัวเราละลายติดกับเบาะไปแล้วตอนนี้...เพลีย
นั่งรถมาสองชั่วโมงกว่า ก็มาถึงแล้วค่ะ ลงตรงสะพานนี้เลย
แล้วยังไงต่อล่ะ ไม่มีข้อมูลใดๆ นอกจากที่นี่สามารถนั่่งเรือไปเชียงรายได้ ฮ่าาาาา....สมองกลวงมากค่ะ ต้องไปหาอะไรมาใส่สมองหน่อยแล้ว มาถึงก็เกือบมืดแล้วด้วย ต้องหาที่พักก่อนเลย เดินๆ วนๆ ใกล้ๆ สะพานนี่แหละค่ะ เพราะเห็นท่าเรือแล้วพรุ่งนี้เราคงต้องลงเรือที่นี่แน่ๆ ที่พักที่นี่หลักร้อยจนถึงหลักพัน...สำหรับเราเหรอคะ หลักร้อยสิคะไม่ต้องสงสัย ^^" ....หาอยู่นานจนมืดและแล้วก็เจอจนได้ที่พักติดริมแม่น้ำเลย เช็คอินเข้าที่พักเกือบสองทุ่ม สั่งข้าวมาทานริมแม่น้ำพร้อมกับดูวิวชิลๆ ไป พี่ที่ดูแลอยู่หน้าเคาน์เตอร์เขาบอกว่าที่นี่มีสถานที่น่าสนใจ คือ วัดท่าตอน (พระอารามหลวง) ควรขึ้นไปชมวิวตอนเช้า เพราะวัดอยู่บนภูเขาเสร็จแล้วค่อยลงมาเตรียมตัวลงเรือไปเชียงราย
วันที่เรามายังเป็นช่วงต่อเนื่องที่บ้านท่าตอนประดับไฟฉลองงาน 5 ธันวา มหาราช แสงไฟจึงเป็นสีธงชาติสวยงามอย่างที่เห็น แต่ ปล. เราไม่มีขาตั้งกล้อง ปลอบใจตัวเองว่า...ได้เท่านี้ก็ดีแล้ว (บางรูปเราก็ถ่ายจากมือถือ)
นั่งชมวิวให้ลมเย็นๆ ลอยมาปะทะหน้าเพลินอารมย์จริงๆ จนเวลาล่วงเลยไปเกือบห้าทุ่ม ก็รีบไปอาบน้ำนอน กะไว้ว่าไม่ต้องตื่นเช้ามาก เพราะเมื่อวานเห็นวัดอยู่ใกล้ๆ สายอึดถึกทนอย่างเราเดินไม่นานคงถึง ตอนเช้าก็เลยตื่นหกโมง กว่าจะออกจากห้องก็หกโมงครึ่ง เราเดินเรื่อยเปื่อยๆ ผ่านสะพานที่ลงรถเมื่อวานเห็นพระอาทิตย์ส่องแสงกระทบมวลเมฆตรงนี้เท่านั้นแหละ วิ่งเลยค่ะ วิ่งวิ่งวิ่งขึ้นวัด ฉันพลาดไปแล้ววว T T
จากถนนใหญ่ ทางไปวัดเข้าไปลึกพอควรแล้วก็ชันและคดเคี้ยวทีเดียวเชียว ตอนแรกกะจะเดินขึ้นแต่พอเดินมาเกือบครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้เพิ่งขึ้นมาได้แค่ 2 ชั้น (คนที่นี่บอกว่าทั้งหมดมี 9 ชั้น โว้ววว) ชั้นที่ 8 เป็นจุดชมวิว....ปฏิบัติการโบกรถเที่ยวจึงเริ่มต้นอีกครั้ง (ปกติเขามีแต่ขนทรายเข้าวัด แต่อิชั้นโบกรถเข้าวัดค่ะ)
ขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงชั้นที่ 8 ให้ชมรูปยาวๆ ค่ะ
พระบรมธาตุรัชมังคลาจารย์สมานฉันท์ เข้าไปกราบสักการะกันได้ค่ะ
บนนี้มีโรงทานด้วยนะคะ เรามานั่งทานข้าว ดื่มน้ำ กาแฟ โอวันติน เข้าห้องน้ำ ที่ชั้น 8 นี้ค่ะ แล้วก็ทำบุญสมทบทุนโรงทานกับทำบุญสมทบทุนสร้างวัดต่อไป...ดูเป็นคนดี นั่งชื่นชมตัวเองอยู่เบาเบา
พอเสร็จจากตรงนี้ก็สายแล้ว จึงไม่ได้ไปชั้นที่ 9 เพราะชั้นที่ 9 ต้องอ้อมภูเขาไปอีกลูกนึง เราจึงตัดสินใจเดินลงมาเรื่อยๆ สักพักก็ได้โบกรถนั่งมาถึงสะพาน แล้วเดินไปซื้อตั๋วเรือ หลังจากนั้นก็เดินกลับเข้าที่พักเตรียมตัวลงเรือรอบ 12.30 น.
เรือโดยสารจากท่าตอนไปเชียงราย (ล่องเรือตามลำน้ำแม่กก) มีเที่ยวเดียวรอบ 12.30 น. ไปถึงเชียงราย 16.30 น. ค่าเรือก็ 350 บาท (ราคาปี 58) จริงๆ มีเรือท่องเที่ยวนะคะ เขาจะพานำเที่ยวตามจุดต่างๆ ตามหมู่บ้านป่าเขา ถามได้จากโรงแรมที่พักเลย เราแบกกระเป๋ามาขึ้นเรือ ระหว่างเดินจากที่พักมองไปรอบๆ ไม่มีนักท่องเที่ยวคนไทยเลยมีแต่ฝรั่งเต็มไปหมด หนุ่มๆ ล่ำๆ น่าค้นหาจริงๆ คิดในใจสงสัยนั่่งเรือไปวันนี้ฉันคงจะเป็นคนพิเศษแน่ๆ คือ เป็นคนไทยคนเดียวในลำเรือเที่ยวเมืองไทย...เตรียมตัวนั่งสวยๆ เป็น Mysterious girl...
ไปถึงท่าเรือประมาณ 11.30 น. ต้องหาที่กินข้าวก่อน เจอร้านนึงขายข้าวมันไก่และส้มตำในร้านเดียวกัน ช้าอยู่ใย...สั่งสองเมนูเลยสิคะ คนเยอะอ่ะทั้งคนไทยคนต่างชาติต้องนั่งรอสักพักนึงเลย พอได้อาหารมาเท่านั้นแหละซัดเรียบทุกเม็ดทุกเส้นแบบไม่ดูเวลาขึ้นเรือ ข้าวมันไก่ก็อร่อย ส้มตำก็แซ๊บบบแซ๊บจนต้องบอกต่อ มาได้สติก็ตอนที่ได้ยินเสียเขาเรียกคนให้ขึ้นเรือนี่แหละคะ ทิ้งจานวางช้อนปล่อยส้อมกันทันที (แต่ไม่ลืมจ่ายตังนะคะ) วิ่งอีกแล้ว เหนื่อยมาทั้งทริปแล้วนี่ ก็เหนื่อยก็ตื่นเต้นมันให้ตลอด
แล้วก็เป็นจริงตามคาด ดูสิคะ...ฝรั่งเต็มลำเรือ กิกิ อิชั้นนั่งสวยนั่งแปลกเด่นเป็นสง่าเลยค่ะ
เรือออกจากท่ามาไม่ถึงสิบนาที คนขับเรือก็เอาลำเรือเสยเข้ากับโขดทรายในลำน้ำ เราก็สงสัย ฝรั่งก็งงว่าเป็นเพราะอะไร สอบถามคนขับเรือได้ความว่า...ขับอยู่ดีๆ น๊อตเครื่องยนต์หลุดกระเด็นหายไปไหนไม่รู้ดีนะเครื่องยนต์ไม่หลุดตกน้ำไปด้วย...5555 ได้ยินแล้วขรรมเลย นี่ล้อกันเล่นชิมิคิ 5555 ขำซ้ำอีกที พี่คนขับเรือบอกมาอีกว่า จอดเรือแปปนึง เดี๋ยวหาอะไหล่มาใส่ก่อน จำได้ว่าน่าจะมีอยู่นะ เรางี้ยิ้มรอเลยค่ะ
ฝรั่งก็งง เราก็เลยอาสาอธิบายให้ฝรั่งทั้งลำเรือฟัง เขาก็ยิ้มๆ ไม่ทุกไม่ร้อน นั่งชมวิวเรื่อยเปื่อย เราก็เข้าใจเขานะคือเขามาเที่ยวชิลๆ มาสัมผัสวิถีชีวิตมาแบบเที่ยวให้ถึงที่ ฉนั้นเขามีใจรับสิ่งต่างๆ ที่เจอะเจอระหว่างทาง ส่วนเราอ่ะเหรอ คือกันค่ะ คือกันเลย ไม่ตกใจกับอะไรพวกนี้ ว่าแล้วก็หันกลับไปยังเบื้องหลังที่เรานั่งเรือมา ยกกล้องถ่ายรัวๆ
ซ่อมเรือเสร็จแล้วก็นั่งเรือยาวๆ ชมวิวกันค่ะ ฝรั่งที่มาเที่ยวเขาก็มาชมอะไรกันแบบนี้ บ้านเรายังสวยยังสดอยู่ตามหมู่บ้านห่างไกล
มีเกาะมีแก่งจับเรือกันไว้ให้มั่น อย่าได้ไว้ใจเพราะเรือโคลงเคลงไปมา น้ำก็สาดอิชั้นกับลูกเรือคนอื่นๆ เปียกกันเป็นแถวๆ
ปล.ภาพเกาะแก่งที่แรงกว่านี้ไม่ได้ถ่ายมาค่ะ เพราะอิชั้นเก็บกล้องแล้วคล้องแขนไว้กับลำเรือ...เราจะแกร่งและแข็งแรงเฉพาะตอนอยู่บนบกเท่านั้นค่ะ
นั่งเรือมาถึงท่าเรือเชียงรายแล้วก็โทรหาเพื่อนสาวสวยชาวเหนือมารับไปทานข้าวแล้วไปเที่ยวงานเชียงรายดอกไม้บาน หลังจากนั้นเธอก็ไปส่งเราที่สนามบินแม่ฟ้าหลวงจังหวัดเชียงรายอีกด้วย เพื่อนน่ารักมาก ขอบใจเพื่อนสาว
....เฮ้ออออ ถึงซะทีสนามบินเชียงราย (นึกถึงหนังหน้าเพื่อนที่จองตั๋วเครื่องบินให้ขึ้นมาทันที)
หมั่นไส้มัน แต่ก็ขอบใจนะที่ทำให้ฉันได้เจอสถานที่ใหม่ๆ ที่ยังสดสวยและน่าสนใจ
....ขอบใจมันที่ทำให้ถึกควายทุยแบบฉันได้เดินทางอีกครั้ง แต่คราวหน้าอย่าจองตั๋วผิดอีกนะ เดี๋ยวมันจะยาวกว่านี้
..................................................................................
บ้านท่าตอน เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในตำบลท่าตอน เรามีเวลาเที่ยวบ้านท่าตอนแป๊ปเดียวแค่ช่วงเช้าเท่านั้น คิดว่าที่นี่มีสิ่งน่าสนใจอีกมาก คงต้องหาโอกาสไปเยือนอีกสักครั้ง...บังเอิญทริปล่องเรือ บังเอิญมามาบ้านท่าตอน แม้จะไม่ใช่จุดหมายปลายทาง แต่ถ้าได้มาเยือนต้องติดใจในความละมุนของที่นี่เหมือนเราแน่ๆ ค่ะ
สามารถเข้ามาดูรูปที่เราถ่ายมาเพื่อแบ่งปันเพื่อนๆ และกดติดตาม + Subscribe กันได้ที่เพจ
https://www.facebook.com/TrekThai/
เป็นกดถูกใจเป็นกำลังใจให้เราที่ Trippacker ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ