DAY 1
หากเราถามใคร ๆ ว่า อยากสูดอากาศบริสุทธิ์ให้ชุ่มฉ่ำปอดจะไปเที่ยวที่ไหนดี เชื่อว่าเกินครึ่งต้องตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ลองไปเที่ยว "หมู่บ้านคีรีวง" นครศรีธรรมราชดูสิ นอกจากที่นี่จะได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ที่อากาศดีที่สุดในประเทศไทยแล้ว ยังเคยได้รับรางวัลยอดเยี่ยมเกี่ยวกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (Thailand Tourism Awards) ประจำปี 2541 อีกด้วย เราต้องขอเล่าถึงประวัติของหมู่บ้านนี้กันก่อน ความหมายของ คีรีวง ก็ตรงตัวคือเป็นหมู่บ้านที่รายล้อมด้วยหุบเขา แต่เดิมหมู่บ้านคีรีวงมีชื่อว่า “บ้านขุนน้ำ” เพราะที่ตั้งอยู่ใกล้กับต้นน้ำจากยอดเขาหลวง บนเทือกเขานครศรีธรรมราช ด้วยความที่ใกล้กับต้นน้ำนี้เองจึงมีลำคลองไหลผ่านหมู่บ้านหลายสาย แต่ในปัจจุบันเราจะเห็นเพียง 3 สาย ได้แก่ คลองปง คลองท่าหา และคลองท่าชาย คลองทั้ง 3 นี้จะไหลมารวมกันที่หน้าหมู่บ้านมีชื่อว่า “คลองท่าดี” ในอดีตหมู่บ้านแห่งนี้เคยเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในปี พ.ศ. 2531 ทำให้บ้านเรือนของชาวบ้านถูกน้ำพัดหายไปกว่า 100 หลัง ต่อมาชาวคีรีวงได้อนุรักษ์บ้านที่ประสบภัยไว้เป็นอนุสรณ์สถาน และบูรณะซ่อมแซมวัดคีรีวง วัดประจำหมู่บ้านให้กลับสู่สภาพเดิม
เรามาถึงคีรีวงในช่วงเที่ยงของวันพอดี ระยะทางจากตัวเมืองก็ถือว่าไม่ไกลมาก นั่งรถเพลิน ๆ ประมาณ 30 กิโลเมตร จุดหมายแรกที่เราตั้งใจแวะเลยคือ ร้านขนมจีนป้าเขียว ร้านนี้ขึ้นชื่อเลยว่าถ้าหากใครมาคีรีวงต้องแวะทานขนมจีนเส้นสดที่ทำเองวันต่อวัน เสิร์ฟพร้อมน้ำยารสเด็ด ทั้งน้ำยากะทิ น้ำยาป่า น้ำพริกสำหรับคนทานไม่เผ็ด และทีเด็ดเลยคือแกงไตปลาที่รสชาติจัดจ้านสมกับเป็นแกงเมืองคอนจริง ๆ ใครชอบทานขนมจีนคู่กับผัดสด ๆ ร้านป้าเขียวก็มีบริการผักแบบบุพเฟ่ต์เติมได้ไม่อั้น ไหนจะไก่ทอดกรอบ ๆ ร้อน ๆ ปิดท้ายด้วยสละลอยแก้ว หรือขนมหวานตามฤดูกาล จัดเป็นมื้อที่อิ่มในราคาเบา ๆ ควรค่าแก่การมาลองมากครับ
หลังจากท้องอิ่ม ก็ถึงเวลาเช็คอินเข้าที่พักกันก่อน หมู่บ้านคีรีวงมีบ้านพัก และโฮมสเตย์ต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่หลายแบบแล้วแต่เราเลือกว่าชอบแบบไหน จะติดลำธารต้องการใกล้ชิดธรรมชาติ หรือใครชอบแบบง่าย ๆ เราแนะนำโฮมสเตย์ของชาวบ้านในหมู่บ้านเลย จะได้เรียนรู้ถึงวิถีชีวิตแบบใกล้ชิดของชาวคีรีวง แต่ที่พักในคืนนี้ของเราเลือกติดลำธารนอนฟังเสียงน้ำไหลได้ทั้งวัน แถมอยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวหนานหินท่าหา ที่ในตอนเย็นจะเห็นทั้งเด็ก ๆ และวัยรุ่นมาพักผ่อนเล่นน้ำในลำธาร ที่พักแห่งนี้มีชื่อว่า คีรีวงริเวอร์วิว ได้ข้อมูลมาว่าเป็นที่พักที่ติด 1 ใน ลิสต์ที่พักอันดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวคีรีวงเลย ดีงามทั้งเรื่องทำเลที่ตั้ง และรสชาติอาหาร การบริการของพนักงานก็จัดว่าดี บรรยากาศในห้องพักทุกห้องจะมีระเบียงให้นอนฟังเสียงน้ำไหล ที่สำคัญที่นี่มีเครื่องปรับอากาศ เพราะฉะนั้นใครมาเที่ยวหน้าร้อนก็นอนสบายไม่ต้องห่วงเรื่องอุณหภูมิ ราคาห้องพักจะอยู่ที่ 1,500 บาท / คืน แล้วแต่เราเลือกแบบห้องพักเลยครับ
ช่วงเย็น ๆ พอแดดเริ่มเบา ถึงเวลาปั่นจักรยานเที่ยวรอบชุมชนไปตามหามุมยอดฮิต และร้านกาแฟน่ารักในหมู่บ้านกันดีกว่า เริ่มจากร้านแรกที่เช่าจักรยานกันก่อน "บ้านนายทั่ง" จักรยานของที่นี่จะออกแนววินเทจนิด ๆ มีตะกร้าด้านหน้า ราคาอยู่ที่คันละ 50 บาท / วัน นอกจากเป็นร้านเช่าจักรยานแล้ว บ้านนายทั่งยังเป็นคาเฟ่สุดฮิปที่มีการตกแต่งร้านแบบย้อนยุค ประมาณยุค 90 มีอุปกรณ์เครื่องใช้เก่า ๆ ที่หาดูได้ยากในปัจจุบันให้เราชม และยังมีบริการไอศกรีม เครื่องดื่ม ขนมปังปิ้ง ของหวาน ไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วย แน่นอนว่าร้านน่ารักขนาดนี้มีหรอสาว ๆ จะไม่ชอบ รับรองว่าได้ถ่ายรูปกันเพลินจนลืมเวลาเลย
ร้านกาแฟร้านต่อมาคือ "ร้านกาแฟลุงโรม" บ้านไม้เล็ก ๆ ที่ถูกปรับมาเป็นร้านกาแฟ ร้านนี้พิเศษตรงนี้จะมีรูปเก่า ๆ ของชุมชนทำให้เห็นภาพของคีรีวงในอดีตในมุมต่าง ๆ มากขึ้น รวมถึงที่นี่เป็นกาแฟสดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มาร้านนี้ให้ความรู้สึกเหมือนมาพักผ่อนบ้านญาติ ทุกอย่างดูเป็นกันเอง และเป็นมิตรกับท่องเที่ยวต่างถิ่นแบบเรา ๆ หน้าร้านกาแฟลุงโรมเราจะมองเห็นสะพานปูน สะพานที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของบ้านคีรีวงที่ใครไปใครมาต้องแวะถ่ายรูป อากาศในช่วงเย็นของที่นี่ดีมาก ๆ เต็มไปด้วยความเขียวต้นไม้ ภูเขา ขี่จักรยานชมวิวได้เพลิน ๆ หากเริ่มเหนื่อยก็แวะพักที่ริมน้ำ นั่งแช่เท้า ให้อาหารปลา ถ่ายรูปเล่น สุขกาย และแสนจะสบายใจ พระอาทิตย์ใกล้ตกเราก็ไปคืนจักรยานและกลับมาที่หนานหินท่าหาซึ่งเป็นจุดเล่นน้ำใกล้ที่พัก ช่วงเย็น ๆ แบบนี้คนจะมาเล่นน้ำพักผ่อนกันเยอะมากเปรียบเหมือนสวนลุมในกรุงเทพเลย มื้อเย็นของเราฝากท้องไว้ที่คีรีวงริเวอร์วิวที่พักของเรานั่นเอง อาหารแนะนำก็จะเป็นปลาทอดขมิ้น ต้มกะทิ ผัดกะปิอาหารพื้นเมืองของภาคใต้นี่แหละ อื่มท้องเราก็กลับไปนอนฟังเสียงน้ำไหลที่ห้องพักกันต่อ