เริ่มเดินทาง สมาชิก 8 คนรถ 3คัน มี2คันแรกออกแต่กลางวัน คันนึงไปรอที่คำสิงห์แต่กว่าจะถึงก็5ทุ่ม ส่วนพี่อีกคันไปรอที่แม่สอดรอขึ้นอุ้มผางพร้อมคันของผม รอบนี้ผมไม่ได้ขับขอโดดติดรถพี่อีกคนมา ช่วงนี้ทริปเยอะหมุนไม่ทัน555 ขับมาเองเปลืองน้ำมัน มาด้วยกันดีกว่าประหยัด คันผมออกจาก กทม. 6 โมงเย็น ตามประสาวันหยุดยาวรถมากมาย กว่าจะหลุดอยุธยา ฝ่าฝันมาถึงแม่สอด เที่ยงคืนกว่าๆ แวะรับแฟนพี่เจ้าของรถเขามาทำงานที่แม่สอดอยู่แล้วเดินทางต่อ ลุยอีก1219 โค้ง ถนนมาอุ้มผางแคบมากขับๆไปเจอแต่วัวนอนกันกลางถนน ต้องระวังให้ดี แต่ผมนั้งช่วยดูทางไปสักพักก็หลับซะงั้นตื่นอีกทีอ้าวถึงคำสิงห์โฮมสเตย์แล้ว555 นานๆจะเป็นคนนั้งก็เลยเมาแอร์หลับเลย ถึงคำสิงห์ ตี 5 กว่าๆ ก็ลุงกับป้าให้เอาของมาเก็บที่ห้องเตรียมแพคของและให้นอนกันซักงีบตื่นมากินข้าวเช้ากัน8โมง
เช้ามาก็ประทับใจเนื่องจากเราเลือกทัวร์แบบ นอนในป่าคืนเดียว นอนที่โฮมสเตย์อีกคืนคนละ 2200 บาท รวมอาหาร 6 มื้อแต่เรามาถึงแต่เช้าลุงกับป้าก็เลยแถมอาหารมื้อเช้านี้ให้อีกรวมเป็น 7 มื้อ ที่สำคัญบริการดีทั้งทริปครับ 2200 บาทคุ้มมากๆ
มีแกงจืดอีกอย่างไม่อิ่มก็เติมได้ แจ่มมากๆ
หลังจากกินอิ่มทำธุระตอนเช้าเรียบร้อยก็เตรียมลุยกันได้แล้ว เราต้องนั้งกระบะคันนี้ต่อไปอีกชั่วโมงกว่าๆเพิ่อไปเริ่มเดินเข้าป่าที่หมู่บ้านกุยเลอตอ
เริ่มเดินทาง ช่วงแรกๆก็เส้นทางปกติ
หลังๆก็จะเป็นหลุ่มเป็นบ่อซะส่วนใหญ่ประมาณนี้
เด้งๆดึ๋งดั๋ง กันสักพักพร้อมสายฝนตอนรับกันตกๆหยุดๆตลอดทาง
มาหน้าทางเข้าหมู่บ้านตกใจคนอะไรเยอะแยะ ที่แท้เป็นลูกหาบในหมู่บ้านกุยเลอตอครับ ก็เพราะวันนี้เป้นช่วงวันหุดยาววันแม่ แน่นอนคนมาเดินป่าเยอะมากๆ ลูกหาบเลยมารอเพียบครับ เห็นไหมครับสายฝนเป็นเม็ดๆตั้งแต่เริ่มทริปเลย
อันนี้เราถ่ายไปเรื่อยสรุปเป็นพี่ลูกหาบ 3 คนนี้แหละที่ดูแลทีมเราและที่คืนนี้ได้คุยได้รู้เรื่องราว น่ารักๆของหมู่บ้านกุยเลอตอชนเผ่า ปกากะญอ ไม่แน่ใจพิมชื่อชนเผ่าถูกไหมขออภัยไว้ด้วยครับ คนถือหมวกพี่จอคลี คนเสื้อดำพี่วันชัย คนเสื้อน้ำเงิน ไม่ทราบชื่อคนนี้พูดฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องเลยไม่ได้คุยกันเลย ส่วนคนหลังของอีกทีม
เลยมาอีกประมาณ200เมตร จุดเดินเท้าเข้าไปเอ้าฝนหยุดซะงั้น
ได้เวลาเริ่ม ประมาณ 10.40น. ถ่ายรูปรวมกันหน่อย อ้อ ราคา2200 นี้เราต้องแบบกระเป๋าสำพาระเองนะครับลูกหาบจะแบกอาหารเต็นถุงนอนให้เฉยๆ แนะนำว่าเตรียมไปให้น้อยที่สุดเอาเท่าที่จำเป็น เพราะต้องเดินไกลมากๆๆ อีกข้อแนะนำรองเท้าผมใช้สตั้ดดอยคู่ละ 120 ใช้ดีมาก จากที่เคยอวดสรรพคุณไปแล้วทริปเขาหลวง ทริปนี้ยังใช้งานได้ดี ทั้งทริปมีลื่นล้มแค่ครั้งเดียว ไม่แรงมาก ช่วยลดกำลังเราได้มากครับจิกทุกก้าว
หลังจากเริ่มเดินด้วยความฟิตเต็ม100 เดินมาได้แค่ 200 เมตร ฝนก็ตกอีกแล้วจ้าา เลยรีบใส่เสื้อกันฝนกันแล้วก็ตลอดทั้งวันทั้งคืนยันออกจากป่า ฝนก็ตกกันเดี๋ยวตกเดี๋ยวหยุดตลอดเวลา เหมือนไม่เคยตกกันเลยหรือยังไง5555 ก็นะมาเที่ยวป่าหน้าฝนจะหนีฝนได้ยังไง
เดินทางช่วงแรกตอนรับด้วยลำธาร ไม่สูงมากชุ่มฉ่ำ
ออกจากลำธารก็เป็นดินโคลนเยี่ยงนี่ มันดูดสะใจมากพอเหยียบแล้วมันดูดลงมิดถึงตาตุ่ม ต้องใช้แรงยก 555 สนุกมากครับช่วงนี้ผมชอบมาก ตามหาแถวบ้านไม่มีให้เล่นนะแบบนี้
ออกจากโคลนลงลำธารอีก ช่วงนี้ฝนตกๆหยุดๆตลอดครับไม่ค่อยได้เอากล้องใหญ่ออกมาเลย แคปจากวิดิโอในโกโปรเอา
ช่วงแรกเป็นทางดินโคลนส่วนใหญ่ยังไม่ชันแต่ต้องใช้แรงขาพอสมควรเพราะมันดูดอย่างที่บอก
ฝนตกข้อดีอีกอย่างคือเดินไม่ร้อนครับชุ่มฉ่ำกันตลอดทำให้ไม่ค่อยหิวน้ำเท่าไหร่
ผ่านทั้งไร่ข้าวโพดทุ่งนา
ข้ามน้ำก็มี ขากลับพรุ่งนี้เดินข้ามตรงนี้ไม่ได้น้ำสูงขึ้นเยอะเลยต้องไปอ้อมข้ามไมไผ่
เดินมาเที่ยงกว่าๆเลยแวะกินข้าวกลางวันริมน้ำตกเล็กๆ
กล้องเริ่มเป็นฝ้า หยิบเข้าๆออกเจอละอองฝน มื้อนี้เป็นกระเผาหมูไข่ดาว ห่อใบตอง อร่อยมากเยอะด้วยหรือว่าเหนื่อยจนหิว 555
หลังจากพักกินกัน 20 นาทีได้ ก็เดินต่อหลังจากตรงนี้ทางเริ่มโหดเข้าป่าทึบดิบขื้น คดเคี้ยวขึ้นลงเขาอยู่สักพักตอนนี้เริ่มไม่มีใครคุยกันแล้วเดินกันไม่หยุด แต่ผมหยุดเพราะเหนื่อย555 เครื่องยังไม่ร้อน อากาศมันเย็นฝน เดินกันมาพักใหญ่ๆ ก็มาถึงน้ำตกตรงนี้ที่เราแวะพักกันอีกรอบ
เหนื่อยแล้วตอนนี้
สภาพแต่ละคนตอนนี้ เปียกปอนกันหมดแต่ยังยิ้มได้ มีน้ำเย็นๆให้ชื่นใจ
พักจนหายเหนื่อยก็ลุยกันต่อหลังจากข้ามสะพานนี้ไปก็เริ่มของจริงแล้วทั้งขึ้นทั้งลงไม่หยุด ไม่รู้เมื่อไหร่จะถึงพักแล้วพักอีก
จนในที่สุดเราก็มาถึง น้ำตกรูปหัวใจที่ตามหามาเสียนาน เหนื่อยมากๆกว่าจะถึง เราใช้เวลาเดินกัน 3.30 ชม. ครับ สวยใหญ่อลังการมาก โชคยังดีพอมาถึงตัวน้ำตก ฝนหยุดได้ประมาณ 10 นาทีให้เรายกกล้องใหญ่มาถ่ายได้ หลังจากนั้นก็ตกลงมาอีกอย่างแรงเลย ไปดูรูปเลย
ยิ่งใหญ่แค่ไหน ถามใจเธอดู
มาถึงแล้วต้องเช็คอินท่าคู่รักตะลอนทัวร์
ชื่นชมได้ไม่นาน ฝนชุดใหญ่ก็มา โชคดีจริงๆที่ยังได้เก็บภาพทัน
หลักจากดูน้ำตกเสร็จต้องเดินขึ้นไปอีก 45 นาทีเพื่อไปยังแคมป์ของเราคืนนี้ ฝนแรงมากๆพอมาถึง ที่แคมป ลูกหาบคนต่างวุ่นเพราะ ลมพายุฝนแรงมากๆ โหมกระหนำอยู่ชั่วโมงกว่า ผ้าใบปลิวหลุดกันลูกหาบวิ่งกันวุ่นเลย ในใจเราก็กลัวไม่เคยอยู่ในป่าที่มีฝนลมแรงขนาดนี้ เดี๋ยวลมก็พัดหอบเหมือนผ้าใบจะหลุดเสียงดังน่ากลัวมาก แต่สักพัก ลุงคำสิงห์ก็ขึ้นมาถึงลุงแกมากับกรุ็บใหญ่ แกบอกเดี๋ยวสักพักก็หยุดไม่ต้องตกใจ พร้อมยื่นมะม่วงดองสูตรเด็ดของโปรดลุง อร่อยจริงๆอร่อยจนกลับมาที่พักบอกป้าว่าลุงให้ให้มาขอมะม่วงดองกิน อร่อยมาก555
เท่านั้นยังไม่พอ ลุงบอกหนาวๆแบบนี้ต้องจัดน้ำแก้หนาวสูตรเฉพาะของลุงอีก รสชาติดีเยี่ยมถูกใจ เหล้าต้มเหล้าป่า ที่นี้มันอร่อยจริงๆ แต่จริงๆผมแวะซื้อข้างทางมาแล้วล่ะแต่รสชาติไม่อร่อเท่าของลุง
สักพักประมาณ5โมง ฝนก็หยุดลงจริงๆ ลมสงบ ลูกหาบและลุงก็จัดเตรียมที่นอนให้เรา ขึงผ้าใบกันฝนให้เสร็จสรรพเราก็กางเต็นกันอย่างทุลักทุเล เลาะเทอะเฉอะแฉะไปหมด 555
สักพักเย็นๆ ลูกหาบก็เอาเข้าเย็นมาให้ มีหลายอย่างรสชาติอร่อยถูกใจครับมื้อนี้ แล้วฝนก็ตกอีกแล้ว พรำๆ กินข้าวกลางสายฝนหยดที่ขอบผ้าใบกระเด็นใส่เรามันได้รสชาติจริงๆครับ
หลังจากอิ่มข้าวกันแล้วก็นั่งคุยล้อมวงการตามประสา ดื่มน้ำแก้หนาวไปพลางๆสักพักพอมืดสาวๆเขาก็ล้าขาขอตัวไปนอนกันเหลือแต่หนุ่มนั่งโม้กันสักพัก แล้วก็มีพี่ลูกหาบมาร่วมวงกับเรา คราวนี้แหละยิ่งสนุก พี่เขาก็เอาน้ำแก้หนาวสูตรเฉพาะของเขามาให้ชิมอีก คุยไปคุยมา ก็ได้เห็นมุมมองน่ารักๆของพี่ๆลูกหาบมุมมองที่เราไม่เคยรู้ พี่ๆเขาเล่าว่าเขาก็เคยไปทำงานที่กรุงเทพที่ระยอง เหมือนกันไปทำตามๆกันได้2-3 ปี แต่เบื่อ ได้เงินเยอะแต่เบื่อก็เลยกลับมาทำงานที่บ้านทำสวนทำไร่ทำนา ใช้ชีวิตง่ายๆไม่ต้องมีเงินทองมากมายดีกว่า ที่นี้เขาคนรวยวัดกันที่วัวนะครับเห็นพี่จอคลีเขาว่างั้นว่าใครมีวัวเยอะก็แปลว่ารวย มิน่าเลยเห็นวัวเยอะแยะเต็มไปหมดตลอดทาง พี่เขายังบอกอีกว่าคนในหมู่บ้านเขาไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันเลย วัยรุ่นหนุ่มสาวก็ไม่เที่ยวกลางคืน ก็แน่ละจะมีที่ไหนให้ไปเที่ยว แต่เขายังบอกอีกนะว่ายิ่งเรื่องผู้หญิงยิ่งไม่มีทะเลาะกัน ถ้าเกิดมีหนุ่มชอบสาวคนเดียวกันเขาจะคุยเปิดอกกันเลยแล้วถามผู้หญิงว่าชอบใคร ถ้าฝ่ายหญิงเลือกแล้วอีกคนก็จะถอยออกมาลูกผู้ชายสุดๆ และอีกหลายเรื่องที่คุยกันสนุกสนานมาก ทำให้เรารู้สึกประทับใจในความเป็นอยู่การดำเนินชีวิตของพี่ๆเขาจริงๆ แถมพี่เขายังบอกว่าพรุ่งนี้ก่อนกลับต้องแวะไปเที่ยวบ้านเขาก่อน และยังชวนเรานอนกับพี่แกอีกคืนด้วย แต่น่าเสียดายเรานอนด้วยไม่ได้เพราะในทัวร์ผมต้องกลับไปนอนที่โฮมสเคย์เพราะรถจอดอยู่ที่นั้น คุยกันสนุกสนานจนถึง 4 ทุ่ม ก็เลยแยกกันนอน
พวกผมนอนกันในเต็นส่วนพี่ๆเขาอ่ะหรอ นี้นอนในรูปข้างล่างนี้แหละพอเรากินแยกย้ายกันพี่เขาก็นอนตรงนี้เลยนอนขดกันทั้งคืน อืดมากๆทุกคน แล้วกลางคืนใช้ว่าจะนอนสบาย ฝนตกตลอดจ้า ยิ่งกลางดึกขนาดผมนอนในถุงนอน สักพักหลังแฉะๆ ฝนตกตลอดทำให้พื้นมันแฉะทะลุขึ้นมาเรียว่านอนกันกลางน้ำเลยละคืนนี้ แต่นับถือพี่ๆลูกหาบจริงๆนอนกันได้ยังไงไม่มีอะไรรองเลยนอนกับผ้าใบเลย