ชวนไปดูฟอสซิล ให้อาหารนกอินทรีย์ ที่...สตูล
สตูลไม่ได้มีแค่หลีเป๊ะนะ รู้ยัง ??
วันนี้ตั้งเป้าหมายไว้ 3 ที่ ค่ะ คือ
พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ทุ่งหว้า จ.สตูล
ถ้ำเล-สเตโกดอน
และให้อาหารนกอินทรีย์ค่ะ
การเดินทาง ด้วยเราเป็นคนพื้นที่ ไปเช้า - เย็นกลับ ไม่ได้ค้างคืน
แต่หากเพื่อนๆ ที่มาจากที่อื่นถ้าขับรถมาไม่มีปัญหาค่ะ มาง่าย
แต่หากไม่ได้ขับรถมาเอง จะนั่งรถหลายต่อนิดนึงนะคะ
--
การเดินทางเริ่มต้น....
เราออกจากบ้านตั้งแต่ 7.00 น. เช้ามาก ^^ หยิบกล้องได้ก็ออกมาเลยค่ะ
เริ่มต้นกันที่ ที่แรก เราขับรถ จากบ้านไปยัง
" พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ทุ่งหว้า จ.สตูล "
ที่ตั้ง: องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งหว้า ต.ทุ่งหว้า อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล
เวลาทำการ คือ จันทร์ - ศุกร์ เวลา 8.30 - 16.30 น. ค่ะ
ขับรถมาเรื่อยๆ ก็ถึง ค่ะ จริงๆ คนพื้นที่จะมาไม่ยาก แต่คนต่างจังหวัดจะเดินทางยากนิดนึงค่ะ
แต่รับรองว่าสวยจริงๆ นะคะ ^^ อยากให้มากันค่ะ
เมื่อมาถึงแล้ว จะบอกว่า ฟอสซิลเด่นของที่นี้จะเป็น กรามช้างสเตโกดอน ฟันแรด ค่ะ
เลยเก็บภาพมาฝากกันค่ะ
- เริ่มกันที่ภาพของกรามช้างนะคะ -
นี้แค่ฟันนะคะ ยังใหญ่มากขนาดนี้ แล้วตัวช้างจริงๆ จะใหญ่ขนาดไหน ??
- ส่วนนี้จะเป็นฟันแรดค่ะ -
เช่นเดียวกับช้าง รู้สึกได้ถึงความตัวใหญ่ แบบใหญ่มากๆ เลยล่ะค่ะ 55+
ระหว่างเดินชม จะมีเจ้าหน้าที่ค่อยบรรยายรายละเอียดให้ฟังด้วยนะคะ
การเจอซากฟอสซิล เจ้าหน้าที่เล่าว่า ชาวบ้านเป็นคนเจอค่ะ จากนั้นก็เอามาถามเจ้าหน้าที่
เราได้กำเนิดพิพิธภัณฑ์นี่ ขึ้นมาค่ะ
แต่ก็ไม่ได้มีเท่านี้นะคะ ก็ยังมีฟอสซิลอื่นๆ ให้เราได้ดูกันค่ะ
จะมีเยอะหน่อย ก็เป็นพวกฟอสซิลหอยค่ะ จากพื้นที่ ที่เป็นทะเลซะส่วนใหญ่ ^^
สำหรับเหตุผลที่เรามาที่นี้เป็นที่แรก เพราะ จ.สตูลพึ่งมีพิพิธภัณฑ์เป็นที่แรก
และพึ่งเปิดได้ไม่นาน พอหาเวลาไปได้ก็ไปเลยค่ะ
(เราคนเขียนมีความอินมาก ในการไปที่แบบนี้ ^^ เพราะชอบเป็นส่วนตัวอยู่แล้ว)
นอกจากการบรรยายแล้ว ก็มีป้ายความรู้ต่างๆ ให้อ่านค่ะ
จริงๆ ตัวอาคารไม่ได้กว้างมากนะคะ มีทางให้เดินวน 1 รอบ
เราก็จะเห็นฟอสซิลที่จัดแสดงครบค่ะ
รายละเอียดส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องช้างจากยุคโบราณจนมาปัจจุบันนะคะ
ที่นี้ยังเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ นะคะ ไม่ได้ใหญ่มาก
เมื่อเดินดูฟอสซิลจนครบแล้ว สถานีต่อไปของเราก็คือ "ถ้ำเล-สเตโกดอน"
ที่ตั้ง : ถ้ำเลสเตโกดอน หมู่ 7 หมู่บ้านคีรีวง ต.ทุ่งหว้า จ.สตูล
แค่ฟังชื่อก็ เฮ้ย!! มันคืออะไร ที่ไหนหรอ ?? แล้วใช่มั้ยล่ะ
เดิมชื่อถ้ำวังกล้วย แต่เปลี่ยนชื่อเพราะมีชาวบ้านเจอ กรามช้าง ที่เราไปดูที่พิพิธภัณฑ์ในถ้ำนี้ค่ะ ^^
เป็นถ้ำที่อยู่ติดทะเล และมีน้ำทะเลท่วมขังตามการขึ้นลงของน้ำทะเล
คือขอพูดด้วยความเป็นคนในจังหวัดสตูล ไม่เคยคิดว่าจะมีที่เที่ยวแบบนี้เลยค่ะ
จริงๆ ที่นี่ซ้อนตัวอยู่นานมากแล้วค่ะ
ชาวบ้านเล่าว่า อยู่ๆ วันหนึ่งปากถ้ำก็เปิดออกมา พวกเขาเลยลองเข้าไปหากุ้งกันค่ะ
แล้วก็พบว่า ข้างในนี้มีระยะทางที่ยาวมาก ยาวติดอันดับโลกนะจ๊ะ ความยาวอยู่ที่ 4 กิโล จ้า..
และที่สำคัญ สวยมากกกก...
(สวยมาก นี่เราเติมเอง 55+)
เราเดินทางจากพิพิธภัณฑ์มาที่ ถ้ำเลสเตโกดอน ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีค่ะ
สังเกตุป้ายบอกทางชื่อถ้ำเลสเตโกดอนชี้เข้าสวนยางพาราทางซ้าย
เลี้ยวเข้าไปตามสวนยางอีก 100 เมตร สุดทางแล้วเดินต่ออีกหน่อยก็จะถึงปากถ้ำ
ระหว่างทางอากาศดีมากนะคะ มีต้นไม้เยอะไม่ร้อนเลย มองเห็นพื้นหลังเป็นภูเขาด้วยนะ ^^
อวยเรื่องธรรมชาติสุดๆ เพราะหายใจสบายปอด จริงๆ ค่ะ
เมื่อมาถึงแล้ว กฎของที่นี้คือ ทุกคนต้องใส่เสื้อชูชีพ และหมวกกันน็อคนะคะ
จากนั้นเราจะพายเรือคยัคเที่ยวภายในถ้ำเลสเตโกดอนแล้วค่ะ
โดยที่จะมีเจ้าหน้าที่พายเรือให้เรานะคะ เพื่อความปลอดภัย
ลำหนึ่งนั่งได้ไม่เกิน 3 คน รวมคนพายนะคะ
เดินข้ามสะพานแขวนไปยังปากถ้ำเพื่อขึ้นเรือค่ะ
เริ่มต้นการเดินทางเข้าสู่...แหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่จะทำให้คุณตะลึง !! เพราะครั้งแรกที่ไปเราก็ตะลึง
ถ้ำดึกดำบรรพ์ ที่สวยงามและยาวที่สุดในประเทศไทย กว่า 4 กิโลเมตร ตื่นเต้นมากแล้วตอนนี้ เพราะขนาดปากถ้ำเรายังเห็นเป็นรูปหัวช้างเลยค่ะ
แต่ เมื่อเริ่มเข้าไปก็จะเจอกับ ความมืด....^^"
สำหรับใครที่จะมาเที่ยวที่นี่ แนะนำว่าไม่ต้องพกของมาเยอะมากนะคะ เดี่ยวเปียก
ใส่ซองกันน้ำมาด้วยนะคะ
เราจะสัมผัสอากาศเย็นสบายๆ ในถ้ำค่ะ
แต่ในถ้ำขอย้ำว่า มืดมาก มีเพียงไฟที่เจ้าหน้าที่พายเรือสวมไว้บนหัวเท่านั้นค่ะ
มืดมากจริงๆ นะคะ บอกเลย อาจจะไม่เหมาะกับคนี่กลัวความมืด ^^"
พี่คนที่พายเรือให้เรา เล่าให้ฟังว่า หินงอกหินย้อย ที่นี่ ยังมีชีวิตนะ
นั้นหมายความว่า หินยังสามารถ งอกหรือย้อยได้เรื่อยๆ ค่ะ และยังมีแร่แคลไซต์
ที่ทำให้หินเหมือนมีแสงกระพริบๆ ด้วยค่ะ
ข้างในมีหินรูปร่างต่างๆ มากมาย สวยมากกกกก...
รูปเต่า รูปช้าง แล้วแต่จินตนาการเราเลยค่ะ
- สำหรับเราคุ้มมากที่ได้มา-
แนะนำให้ไปเป็นกลุ่มๆ นะคะ ไปคนเดียวคิดว่าจะเหงาๆ หน่อย
แต่ถ้าไปกับเพื่อนเยอะๆ จะมันส์มาก
สำหรับใครที่ชอบถ่ายรูป แนะนำให้พกแฟลชมาด้วยนะคะ
เพราะในถ้ำมืดมาก...
ถึงจะมืดแต่ข้างในถ้ำกว้างมากนะคะ มีลมผ่าน ไม่น่ากลัว ไม่อึดอัด อย่างที่คิดค่ะ
(แต่คนกลัวความมืดอาจจะไม่คิดแบบนี้ TT)
จริงๆ เมื่ออยู่ในถ้ำ เราจะรู้สึกสงบมากเลยนะ ตอนอยู่ในนี้ทุกอย่างจะเงียบมาก
ทุกคนที่เข้าไป จะค่อยๆ ดูลักษณะหินแต่ละก้อน...ได้ยินเสียงน้ำไหล ได้ยินเสียงลม ฟินดีค่ะ
พายเรือผ่านหินแต่ละก้อน โอ้โฮ !! ใหญ่อลังการมากกกกก....!!
มีบางช่วงต้องเก็บขา และแขนด้วยนะคะ เพราะบางจุดหินมีความคมอยู่ค่ะ อาจจะบาดได้
จริงๆ ระหว่างที่เราล่องเรือกันนั้น จะมีบางจุดที่น้ำตื้นมาก เราสามารถลงจากเรือไปถ่ายรูปได้ค่ะ
และจะมีบางช่วงที่เราต้องยกเรือข้ามก่อนหินด้วยค่ะ หินมีความลื่นพอสมควรนะคะ
(ตอนยกเรือข้ามจะทุลักทุเลมาก ก็เลยเก็บกล้องก่อน กลัวกล้องจมน้ำ 55+)
ตลอดการล่องเรือชมหินรูปร่างต่างๆ ภายในถ้ำยังมีฟอสซิลอีกด้วยค่ะ
ถ้าสังเกต ก็จะเห็นฟอสซิลอยู่ตลอดทางเลยค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกหอยนะคะ
ภาพอาจะเบลอหน่อย เพราะ ฟอสซิลที่เจอมีขนาดเล็กมากค่ะ ^^
(ซากสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่มีอายุโดยเฉลี่ยถึง 500 ล้านปี)
ล่องเรือมาเรื่อยๆ เราก็มาถึงทางออกกันแล้วค่ะ
พี่คนที่พายเรือบอกเราว่า ดูดีดีนะ ทางออกเป็นรูปหัวใจ ด้วย ^^
ในความสวยของทางออกนั้น ก็มีความลำบากเล็กน้อย เห็นในรูปแบบนี้
แต่ตอนออกจริงแอบน่ากลัวนะคะ เนื่องจากเราต้องปีนหินขึ้นไป
จากนั้นก็ต้องลงบันไดไม้อีกที ตื่นเต้นดีค่ะ
รวมเวลาการล่องเรือชมถ้ำ ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งค่ะ
เมื่อออกมาจากถ้ำแล้ว ก็จะเจอกับป่าชายเลน 2 ข้างทาง ค่ะ
แต่เนื่องจากมัวแต่เอาหน้ารับลม เลยไม่ได้เก็บรูปเลย ^^
จากนั้นเรามีการเปลี่ยนเรือ เป็นเรือหางยาว เพราะเจ้าหน้าที่จะพาเราไปดู " นกอินทรย์ " ค่ะ
เราใช้เวลา ประมาณ 30 นาที ก็ถึงจุดดูนกอินทรีย์...
และเราโชคดีมากที่เจอนกอินทรีย์ค่ะ แล้วก็ได้ให้อาหารนกด้วยค่ะ
และอาหารที่พี่ๆ เอามาให้นกอินทรีย์กิน เป็นไส้ไก่สด จ้า...
จริงๆ หากไปดูด้วยตาตัวเอง จะเห็นกอินทรีย์ เป็นฝูงเลยค่ะ ตัวใหญ่มาก
จะเห็นเยอะกว่าในรูป เพราะเราถ่ายไม่ค่อยทัน แต่ละตัวบินเร็วมาก
สตูลมีนกอินทรียร์เยอะมากนะคะ ^^ (ขอบอก)
ในวันที่ไปเราเจอสันทรายด้วยค่ะ เพราะน้ำน่าจะลดพอดี สามารถลงไปถ่ายรูปได้
จบทริปนี้ เราเดินทางกลับมาที่ "ท่าเรือบ้านท่าอ้อย" เป็นท่าเรือขนาดใหญ่ของชาวบ้านค่ะ
จากนั้นจะมีรถเจ้าหน้าที่มารับเรากลับไปยังหน้าถ้ำนะคะ
คืนอุปกรณ์เรียบร้อย เราก็เสร็จสิ้นเป้าหมายการเที่ยวบ้านตัวเองแล้วค่ะ
- จบการเดินทางในเส้นทางผจญภัยแล้วค่ะ -
จริงๆ อยากชวนเพื่อนมากันนะคะ มีความแปลกใหม่ดีค่ะ
ที่นี่เหมาะสำหรับคนที่ชอบในการผจญภัย สำรวจธรรมชาติ
และต้องการใช้เวลาในการสัมผัสกับสิ่งที่อยู่รอบตัวค่ะ
อยากให้ทุกคนไปเจอด้วยตา และสัมผัสด้วยหัวใจนะคะ
สตูลเมืองเล็กๆ แต่ธรรมชาติใหญ่มากค่ะ
--
MOOMIKE-P