ถ้ำภูผาเพชร อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเทือกเขาบรรทัด หมู่ที่ 9 ตำบลปาล์มพัฒนา อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล เป็นถ้ำที่มีขนาดใหญเป็นอันดับต้นๆ ของไทยและยังติดอันดับต้นๆ ของโลก(ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีนักวิชาการออกมาฟันธงแน่นอนถึงขนาดของถ้ำว่าอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่..?? บ้างก็บอก อันดับ1 ของไทย และอันดับ 3 ของโลก) มีเนื้อที่ภายในถ้ำกว่า 50 ไร่ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ทางธรณีวิทยาที่เพิ่งได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานธรณีโลกจากยูเนสโกอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา
ในอดีตถ้ำภูผาเพชรเคยเป็นแหล่งพักพิงของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ มีการค้นพบหลักฐานกระดูกมนุษย์โบราณ ส่วนกะโหลกศีรษะ เศษภาชนะดินเผาเคลือบลายเชือกทาบ และกระดูกสัตว์ต่างๆ ซึ่งถ้ำภูผาเพชรถูกค้นพบโดยพระธุดงค์ชื่อว่า "หลวงตาแผลง" และชื่อเดิมของถ้ำภูผาเพชร คือ “ถ้ำลอด, ถ้ำยาว หรือถ้ำเพชร” เนื่องจากถ้ำมีความยาว มีลักษณะคดเคี้ยว และภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อย ที่เมื่อกระทบกับแสงไฟ ผนังถ้ำจะมีประกายแวววาวเหมือนเพชร จึงเป็นที่มาของชื่อ “ถ้ำเพชร"
และก่อนที่จะถึงทางเข้าถ้ำจะต้องเสียเหงื่อกันนิดหน่อย เพราะต้องเดินขึ้นบันไดกว่า 300 ขั้น ประมาณ 50 เมตรได้ ส่วนภายในถ้ำจะโล่งกว้าง และอากาศถ่ายเทได้ดี แต่ค่อนข้างจะมืดมีไฟให้ไม่มีกี่จุด จำเป็นต้องมีไฟฉายเข้าไปด้วย (ก่อนเดินขึ้นไปมีจุดให้เช่าไฟฉาย ราคา 20 บาท)
ถ้ำภูผาเพชร เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30 น. – 15.30 น. มีค่าเข้าชม คนละ 30 บาท
การเข้าไปชมต้องมีเจ้าหน้านำ ซึ่งจะมีไกด์ท้องถิ่นอยู่บริเวณหน้าถ้ำ ค่าบริการคนละ 50 บาท
**ที่สำคัญ อย่าจับ สัมผัส พวกหินงอกหินย้อยเป็นอันขาด เพราะทำให้ หินงอกหินย้อยหยุดการเจริญเติบโต ไม่มีการงอกออกมาอีก ห้ามทิ้งขยะ และกินอาหารภายในถ้ำด้วย**
ทางเข้า-ออก ของถ้ำภูผาเพชร เป็นช่องที่เล็กมาก เรียกว่าทางเข้าขนาดพอดีตัว แต่ข้างในถ้ำกลับมีขนาดที่ใหญ่และกว้างขวาง
ทางเดินภายในถ้ำจะมีสะพานไม้ให้สำหรับเดินชม เดินสำรวจหินงอกหินย้อยซึ่งมีทั้งแบบตายและแบบเป็น มีรูปร่าง และลักษณะที่แตกต่างกันมีตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดที่ใหญ่มาก และบริเวณนี้เรียกว่า “ซุ้มประตูวัง”
บริเวณนี้ถูกเรียกว่า “ห้องม่านเพชร” ลักษณะจะคล้ายซุ้มประตู และเมื่อกระทบกับแสงไฟจะเกิดประกายแวววาวเหมือนมีกากเพชรเกาะอยู่
บริเวณนี้เรียกว่า "ห้องปะการัง" หรืออาจจะมองว่าคล้ายกับ “ป๊อปคอร์น”
ตรงนี้มีรูปร่างคล้ายกับ “แมงกะพรุน” และเวลาที่โดนแสงไฟจะมีประกายแวววาวคล้ายกับมีกากเพชรเกาะอยู่
เมื่อเดินมาถึงตรงกลางถ้ำจะพบกับห้องโถงขนาดใหญ่ มี "โดมศิลาเพชร" ที่ตั้งเด่นหราอยู่ ลักษณะโดมมีสีส้มอ่อนๆ เป็นโดมที่มีน้ำไหลออกมาตลอด และเมื่อกระทบแสงไฟจะมีประกายแวววาว บริเวณนี้อาจเรียกได้ว่าเป็น "หัวใจ" ของถ้ำนั่นเอง
ข้างๆ โดมศิลาเพชรจะมีแท่นเสาหินปูน มองเห็นเงาด้านบนคล้ายกับ “เจ้าแม่กวนอิม"
ด้านบนของโดมศิลาเพชร ซึ่งมีบันไดให้เดิน จะเจอหินงอกที่มีลักษณะสีทอง มองดูจะคล้ายกับเส้นผมที่ยาวสลวยบนศีรษะของผู้หญิง หรือจะคล้ายกับ “สิงโตเมอร์ไลออน”
ภายในถ้ำจะมีสะพานไม้ไปตลอดทางเดินไปจนถึงลานแสงมรกต มีแสงไฟจากตะเกียงคอยแสงสว่างนำทางเป็นบางจุดเท่านั้น
ระหว่างทางที่เดินไปยังลานแสงมรกต เจ้าหน้าที่ส่องไฟให้เห็นรูปภาพบนก้อนหินที่อยู่ด้านบน เห็นเป็นภาพของ “ในหลวงรัชกาลที่ ๙” ลักษณะกำลังถือแผนที่อยู่ในพระหัตถ์
เมื่อเดินมาจนสุดทางของสะพานไม้ จะพบกับ “ลานแสงมรกต” เป็นจุดไฮเลท์ของถ้ำภูผาเพชร บริเวณนี้เป็นจุดเดียวภายในถ้ำที่มีช่องทำให้แสงสามารถลอดส่องผ่านลงมาได้ และช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ เป็นช่วงที่แสงจากดวงอาทิตย์จะลงมาทำมุมกับหินรูปพญาครุฑ ทำให้เกิดแสงสีเขียวสวยๆ บริเวณนี้ (ภาพนี้เราถ่ายช่วงเวลาประมาณเที่ยงๆ ทำให้แสงที่ส่องลงมาน้อย)
จุดไฮเลท์ของถ้ำภูผาเพชร
ถัดจากลานแสงมรกต ทางด้านซ้ายมือมีทางเดินให้เข้าไปด้านใน ทางเดินจะมีลักษณะเป็นปุ่มกลมๆ นูนขึ้นมาไปตลอดทางเดินไปให้ความรู้สึกเหมือนนวดเท้าหลังจากที่เดินกันมานาน
และด้านในสุดบริเวณนี้เป็นจุดที่มืดมากที่สุดของถ้ำ และตรงผนังถ้ำจะมีรอยเป็นสันนูนโดยรอบ ซึ่งเกิดจากถูกน้ำท่วมขังภายในห้องเป็นเวลานาน ทำให้เกิดตะกอนหินปูนจับตัวกัน คล้ายกับหลังของพญานาคจึงเป็นที่มาของชื่อ “ห้องพญานาค”
สำหรับการเดินทาง..
การเดินทาง จากตัวเมืองสตูล ไปตามถนนสายสตูล-หาดใหญ่ถึงสามแยกนิคมควนกาหลง เลี้ยวซ้ายผ่านที่ว่าการอำเภอควนกาหลงถึงสามแยกผัง 1 ต.อุใดเจริญเลี้ยวขวาเข้าสู่กิ่งอำเภอมะนัง ถึงสี่แยกบ้านผังปาล์ม 1 เลี้ยวซ้ายตรงไป 1 กม. ถึงสี่แยกบ้านไทรทองแล้วเลี้ยวขวาเข้าไปยังถ้ำภูผาเพชร พอถึงแยกบ้านปากคอกตรงไปถึงโรงเรียนบ้านป่าพน จากนั้นเลี้ยวซ้ายตรงไปอีก 8 กม.ก็จะถึงถ้ำภูผาเพชร