สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นตลาด ไม่ว่าจะเป็นตลาดสด ตลาดบก ตลาดน้ำ ตลาดเก่า ตลาดใหม่ แต่ไม่ว่าจะตลาดไหนๆ เชื่อเถอะว่าวิถีชีวิตของตลาดไหนๆ ก็มีเสน่ห์ในตัวเองมากพอที่จะดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเยี่ยมเยือนกันได้บ่อยๆ เช่นเดียวกันกับตลาดชื่อดังอย่าง “ตลาดสามชุก” แห่งจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสรรค์ของเหล่าบรรดานักชิมตัวยง เพราะหลายๆ คนต่างก็ยกให้ตลาดสามชุดเป็นแหล่งรวมความอร่อย แต่นอกจากเรื่องอาหารการกินแล้ว ภายในตลาดยังมีสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมากมายเช่นกัน

ถ้าจะพูดถึงความเป็นมาของ “ตลาดสามชุก” นั้น คงต้องบอกกันว่าตลาดแห่งนี้เป็นตลาดเก่าแก่ที่มีอายุอานามมานับ 100 ปี ซึ่งแต่เดิมในอดีตที่ตั้งของตลาดนี้นับเป็นจุดแลกเปลี่ยน ติดต่อค้าขายที่สำคัญของจังหวัดสุพรรณบุรี เพราะด้วยความที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีนจึงทำให้ชุมชนบริเวณนี้คึกคักไปด้วยกลุ่มชาวไทยเชื้อสายจีนที่เข้ามาตั้งรกรากทำมาหากินกันเป็นจำนวนมาก แต่ต่อมาเมื่อการสัญจรทางบกเข้ามาแทนที่ จึงทำให้การเดินทางทางน้ำค่อยๆ ลดบทบาทลง และตลาดสามชุกเอาก็เริ่มซบเซาลงเช่นกัน แต่เสน่ห์ของประวัติศาสตร์ชุมชน วิถีชีวิตที่ยังคงอยู่แบบดั้งเดิมไว้ รวมถึงอาคารบ้านไม้เก่าแก่ที่ชาวชุมชนยังคงรักษาไว้เป็นอย่างดี จึงทำให้เอกลักษณ์เหล่านี้สามารถดึงดูดให้ผู้คนกลับมาเที่ยวที่ตลาดสามชุก ความเข้มแข็งของคนในชุมชนที่ช่วยกันอนุรักษ์ตลาดและที่อยู่ของตนไว้ นับเป็นอาวุธสำคัญที่ช่วยคืนชีวิตชีวาให้ตลาดอีกครั้งอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน

อย่างที่เราบอกกันไว้ว่า ตลาดแห่งนี้เป็นแหล่งรวมความอร่อยจนบรรดาสาวกนักชิมต้องยกนิ้วให้ ถ้าจะไม่พูดถึงเรื่องอาหารการกินเลยก็คงจะผิดธรรมเนียม และหลายๆ ร้านก็มีอาหารหน้าตาชวนน้ำลายไหลไม่น้อยเลย เริ่มกันตั้งแต่ “ร้านนิสา ลูกชิ้นยักษ์” ที่ซอย 1 ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าดังประจำตลาด ที่เด่นด้วยขนาดของลูกชิ้นที่ใหญ่คับชาม ไม่ว่่าใครเห็นก็อยากแวะชิม แวะถ่ายรูปลูกชิ้นยักษ์ไว้เป็นที่ระลึกแทบทุกคน ต่อมาที่สุดซอย 1 จะมีร้านขาย “ข้าวห่อใบบัว”ซึ่งขึ้นชื่อจนใครๆ ต้องลองแวะชิม ถัดมาอีกหน่อยจะมี “ร้านเป็ดย่างจ่าเฉิด” และ “ร้านเจ๊ตี๋” ที่ต่างก็มีเป็ดวางเรียงรายเต็มแผงชวนให้เข้าไปลิ้มลอง ถัดไปอีกซอยที่ซอย 2 ก็มี “ร้านห่อหมกยกหม้อ” ห่อหมกประยุกต์มาใส่ในภาชนะหม้อดินชวนสะดุดตาเป็นที่สุด ส่วนบริเวณทางเดินเชื่อมระหว่างซอย ก็ยังมีร้านขนมไทยอีกหลายเจ้า ทั้งทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง สาลี่ ขนมเปี๊ยะ ท๊อฟฟี่ถั่ว ตังเม กล้วยเชื่อม ผลไม้แช่อิ่ม  ขนมโบราณต่างๆ และขนมที่ห้ามพลาดเลยต้องยกให้ “ทองม้วนโบราณ” ส่วนอาหารคาวทั้งที่ปรุงสำเร็จ หรือของแห้งของฝากอีกสารพัด ก็มีขายอีกหลายร้านเต็มตลาดเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ปลาสลิดตัวโตๆ ปลาช่อนแดดเดียว ปลาแห้ง ปลากรอบ หมูแดดเดียว หมูสเต๊ะ กุนเชียงปลา ไข่เค็ม สารพัดน้ำพริก หมี่กะทิ หมี่กรอบ ทอดมัน ขนมจีบ กุ้งเผา แกงถุงหลากชนิด และอีกมากมายจนสาธยายกันไม่หมด เอาเป็นว่ามาครั้งเดียวไม่มีทางชิมครบแน่นอน ส่วนใครจะรักชอบ ถูกใจ ถูกลิ้นที่ร้านไหนก็คงต้องมาชิมกันด้วยตัวเอง

แต่ก็ใช่ว่าที่ตลาดสามชุกจะมีดีแค่เรื่องอาหารการกินเท่านั้น เพราะอย่างที่บอกไว้แล้วว่าที่นี่ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกมากมายซึ่งเราก็ไม่อยากให้ทุกคนพลาดชม หรือพลาดการสังเกตุซึมซับบรรยากาศของตลาดโบราณนี้ให้เต็มอิ่ม เริ่มกันตั้งแต่อาคารไม้เก่าแก่ที่ยังมีลวดลายฉลุลายขนมปังขิง ประตูบานเฟี้ยมที่เห็นได้น้อยในเมืองกรุง ร้านถ่ายภาพ ร้านตัดผม ร้านขายของชำ ร้านจักรยาน ร้านกาแฟ รวมถึงร้านขายยาแบบโบราณก็ยังคงมีให้เราได้เห็น ส่วนจุดแวะชมสำคัญๆ ของตลาดก็มีไม่น้อย เช่น“โรงแรมอุดมโชค” โรงแรมเก่าแก่ที่ปัจจุบันไม่มีโรงแรมแบบนี้ให้เห็นแล้ว “ร้านมหาสนุก” ที่รวบรวมของเล่นโบราณสีสันสดใสไว้ล่อตาล่อใจเด็กๆ “ร้านบ้านโค้ก” ที่มีของสะสมและของที่ระลึกเกี่ยวกับโค๊ะทุกชนิด และเพื่อให้เข้าถึงชุมชนในตลาดสามชุกอย่างเต็มที่ ก็ต้องห้ามพลาดที่จะแวะ “พิพิธภัณฑ์บ้านขุนจำนงจีนารักษ์” ซึ่งมีข้าวของโบราณมากมาย

และนี่ก็แค่ส่วนหนึ่งที่เรานำมาสาธยายกันให้ได้พอเห็นภาพของตลาดสามชุก ที่ซึ่งยังคงความคลาสสิคและวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะแวะเวียนมาอีกซักกี่ครั้งก็ไม่รู้เบื่อ เพราะเราจะได้อิ่มท้อง อิ่มตา อิ่มใจไปกับบรรยากาศ และน้ำใจ อัธยาศัยดีๆ ของพ่อค้าแม่ค้าทุกคน ซึ่งทุกองค์ประกอบในตลาดแห่งนี้ยังคงมีชีวิตชีวา แบบที่ไม่ได้ปรุงแต่งหรือจัดวางไว้ให้ได้ชมเพียงชั่วครั้งชั่วคราว แต่ทุกอย่างในตลาดนี้คือวิถีที่สืบทองกันมาตั้งแต่อดีต จนหลอมรวมกันมาเป็นตลาดสามชุกในปัจจุบันที่เราอยากให้ทุกคนได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนและสัมผัสด้วยตัวเองซักครั้ง

- ตลาดสามชุกเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.30 น. ไปจนถึงเย็น ซึ่งถ้าเป็นวันธรรมดาตลาดจะเริ่มวายตั้งแต่ 4 โมงเย็น แต่ถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์หรือวันหยุด ก็จะเปิดขายเลยไปจน 6 โมงเย็น

- นอกจากอาหารการกินที่โดดเด่นแล้ว ที่ตลาดยังมีเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ เครื่องครัว งานฝีมือ อีกมากมาย ซึ่งแต่ละร้านก็เปิดขายกันเป็นปกติทุกวัน

- ถ้าหากมาเที่ยวที่ตลาดสามชุกแล้ว ก็อย่าลืมแวะไปเที่ยวที่ “พิพิธภัณฑ์บ้านขุนจำนงจีนารักษ์” ที่แห่งนี้จะมีเรื่องราวของตลาดสามชุกตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันรวบรวมไว้ให้ได้เรียนรู้กัน

- ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ตลาดจะคึกคักเป็นพิเศษ เพราะมีนักท่องเที่ยวมากันเป็นจำนวนมาก ซึ่งบางวันจะมีนักเรียนในชุมชนมาแสดงการละเล่นพื้นบ้าน ร้องเพลงฉ่อย เพลงอีแซวให้ได้ชมกันด้วย

ที่อยู่ : อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี

GPS : 14.755520, 100.094970

เบอร์ติดต่อ : 0 3557 1571 แฟกซ์ : 0 3557 1571

Website : http://www.samchuk.in.th/

เวลาทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่ 8.30 – 17.00 น.

ค่าธรรมเนียม : ไม่มี

ช่วงเวลาแนะนำ : ตลอดทั้งปี 

จากกรุงเทพมุ่งหน้าสู่จังหวัดสุพรรณบุรี โดยใช้เส้นทางถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340) เมื่อเข้าสู่ตัวเมืองจังหวัดสุพรรณบุรี ให้มาตามถนนสายหลัก ทางหลวงหมายเลข 340 (ถนนสุพรรณบุรี-ชัยนาท) มุ่งหน้าสู่อำเภอสามชุก ผ่านอำเภอศรีประจันต์มาจนถึงสี่แยกเข้าอำเภอสามชุก ให้เลี้ยวซ้ายไปจนเจอวงเวียนแล้วเลี้ยวไปทางขวา ตัวตลาดจะอยู่ในซอยฝั่งตรงข้ามให้กลับรถ แล้วเลี้ยวเข้าซอยเพื่อไปยังตลาด ซึ่งจะมีป้ายบอกทางชัดเจน

หรือเมื่อมาถึงสี่แยกเข้าอำเภอสามชุก ให้ตรงมาอีกเล็กน้อยจะมีซอยเล็กๆ เข้าตลาดสามชุก เดินข้ามสะพานไปประมาณ 100 เมตรก็จะถึงตัวตลาด