สวรรค์ของนักเดินทาง "ดอยหลวงเชียงดาว"

 

 

ตรงหน้าฉันมีแต่... เ ข า 
รอบตัวฉันในตอนนั้นก็มีแต่... เ ข า
เ ข า ...ที่ทำให้ฉันสบายตา สบายใจ 

สวัสดี…
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
“ ด อ ย ห ล ว ง เ ชี ย ง ด า ว ”
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -



ดอยหลวงเชียงดาว
เขาหินปูนที่สูงที่สุดในประเทศไทย ที่ระดับความสูง 2,225 เมตร จากระดับน้ำทะเล 
1 ใน 12 เส้นทางเดินป่า ที่หลายคนอยากไปพิชิต
กับเส้นทางวิวทิวเขา ดอกไม้นานาพันธุ์ที่มีที่นี่ที่เดียวในประเทศไทย
..เราก็เป็นหนึ่งในนั้น 

ทริปนี้เป็นทริปปีนเขา backpack ทริปที่ 2 
เพิ่งจะพักขาไปได้ 2 สัปดาห์ หัวใจก็สั่งให้มาหาเขาอีกแล้ว 555

ทริปนี้เราไปกับ แบกกล้องเที่ยวและชิลดีทราเวล 
ดอยหลวงเชียงดาว 3 วัน 2 คืน ( 12-14 ธ.ค.58 )
ออกเดินทางจาก รังสิต ตอน 19.30 น. ไปถึงเชียงใหม่ เกือบ 7 โมงเช้า
แวะทานอาหารเช้าที่ตลาดเชียงดาว จากนั้นก็ออกเดินทางไปจุดพักรวมพลของพวกเรา
ไปถึงก็จัดเตรียมเคลียร์สัมภาระ ล้างหน้าแปรงฟัน เตรียมพร้อมปีนเขาพิชิตยอดดอยหลวงเชียงดาว



มองเหมือนน้อยนะ แต่รวมๆกันแล้ว แก๊งเราของเยอะเว่อออ สงสัยลูกหาบเลยฮะ
กว่าลูกหาบจะเคลียร์ แพ็คของกันเสร็จ ก็กินเวลาไปพอสมควร
จนได้รับข่าวดีว่า “วันนี้เราจะขึ้นทางปางวัวนะ” 
หูยยยย...สตั๊นไป 10 วิ ไม่ได้เตรียมใจมาอะ นี่เตรียมใจเตรียมขาสำหรับทางเด่นหญ้าขัด อย่างเดียว 
คือดอยหลวงเชียงดาว จะมีเส้นทางเดินเท้า 2 ทาง คือ
ทางเด่นหญ้าขัด-อ่างสลุง (8.5 กิโลเมตร) นิยมใช้เดินขึ้น 
ทางปางวัว-อ่างสลุง (6.5 กิโลเมตร) นิยมใช้เป็นขาลง เพราะระยะทางสั้นแต่ชันกว่ามาก 

อ่อ.. ที่นี่มีสัญญาณ อยู่แค่ 3 จุดนะ สามแยกปางวัว, ยอดดอยหลวงเชียงดาว, ยอดสันกิ่วลม



ว่าแล้วก็ออกเดินทางด้วยรถ4x4 ไปจุดสตาร์ททางเดินเท้า

ระหว่างที่รออาหารกลางวันไว้ทานระหว่างทาง เราก็รวมพล แชะภาพกันหน่อย




ได้เวลาสตาร์ท 11 โมงเช้า หึหึ สตรองดิคะ!! 
สมองคิดอย่างเดียว เดินยังไงให้ทันแสงตะวันลับขอบฟ้ายามเย็น



ตลอดทาง เจอมิตรภาพเยอะแยะเลย นักท่องเที่ยวขาลง มีแต่คนทักทายแซวถาม
อ้าว งงกันดิ่ ทำไมขึ้นทางนี้ 5555555555555



ตลอดทางนี่ก็นะ ลื่นด้วย ชันด้วย แอบหอบเล็กน้อย
แบกกล้องเที่ยว แต่ไม่ค่อยได้หยิบกล้อง แค่เดินก็เหนื่อยแล้ว




จากจุดสตาร์ทเดินเท้าปางวัวเรามาถึงสามแยก 13.00 น. 
เหนื่อยจัง 2 ชั่วโมง ได้ครึ่งทาง แต่อากาศดี ก็ชิลๆกันไป ชิลดี



13.30น. ออกเดินทางกันต่อ ยอดวิวทิวเขาสลับซับซ้อน
สวยงามมากมาย เดินชิลไป ถ่ายรูปกันไป















ฟองหินเหลือง (Sedum susanae Hamet)
เป็นพืชล้มลุก สูง 5-12 ซม. ลำต้นอวบน้ำ ขึ้นเป็นพุ่มขนาดเล็กตามซอกหินที่ชื้น แตกกิ่งจากโคนต้น ใบเดี่ยวขนาดเล็กคล้ายลำต้น รูปแคบยาว ปลายแหลม ลักษณะดอกสีเหลืองสด ออกเป็นช่อจากบริเวณปลายยอด ดอกบานขนาด 1 ซม. กลีบรองดอกรูปไข่แกมสามเหลี่ยม 




"ชมพูพิมพ์ใจ" 
พรรณไม้ชนิดนี้จะขึ้นในเขตหนาวของเทือกเขาหิมาลัยจากเนปาลถึงภูฏาน ที่ระดับความสูง 1,300-2,000 เมตร 
เป็นพืชหายากของประเทศไทยพบเฉพาะที่ดอยเชียงดาว จ.เชียงใหม่ เท่านั้น 
เป็นไม้พุ่ม อยู่ในวงศ์  RUBIACEAE ต้น สูงราว 1-2 เมตร แตกกิ่งก้านเป็นทรงพุ่ม 
ใบ เป็นเดี่ยวออกเวียนสลับตามกิ่งเป็นรูปไข่กลับกึ่งใบหอก กว้าง 5-10 ซม. ยาว 14-20 ซม. โคนใบสอบ ปลายใบแหลมมีติ่ง ขอบใบเรียบ 
ดอก ออกเป็นช่อตามซอกใบและปลายกิ่ง มีใบเลี้ยง 4 ใบ เวลาบานโคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอดยาว ปลายดอกแยก 5 แฉกคล้ายปากแตร ปลายแฉกมนกลม สีชมพู ตรงกลางมีเกศรตัวผู้สีเหลือง 5 อัน  



กว่าจะถึงอ่างสลุง 16.30 น.
Mission complete !! 5 ชั่วโมง 30 นาที สำหรับเราถือว่าทำเวลาได้ดีกว่าทริปก่อน
อ่อ.. บนนี้ มี 7-ELEVEN บนดอย เครื่องดื่มคลายหนาว 3 กระป๋อง 200 บาทไทย
นี่วิ่งหาสปอนเซอร์ ก่อนเลยฮะ กระป๋องละ 40 บาทไทย เย็นเจี๊ยบด้วยอุณหภูมิบนดอย

นั่งพักได้ไม่ถึง 20 นาที พี่ก็ชวนขึ้นยอดดอย 
ระยะทางเหมือนไม่ไกลนะ กิโลกว่าๆ แต่ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า
ยังไม่หายเหนื่อยดี ก็ต้องรีบดีดตัว เพราะกลัวไม่ทันแสงเย็นลับขอบฟ้า
เอาว่ะ ค่อยไปพักเหนื่อยบนนั้นละกัน



ระหว่างทางปีนสู่ยอดดอยที่ชั๊นชัน ก็ยังมีดอกไม้แอบตามซอกหินให้เราสบายตาตลอดทาง



นางจอย (Aster ageratoides ssp. alato-petiolata Kitam.)
แอสเตอร์เชียงดาว 
เป็นพืชล้มลุก อายุหลายปี ลำต้นแข็ง ขึ้นเป็นพุ่ม ขนาดเล็ก สูง 60-100 ซม. ใบเป็นใบเดี่ยว รูปไข่แกมหอก ขอบขนาน โคนใบสอบ ปลายใบแหลม ขอบใบจักเล็กน้อยเป็นซี่ ผิวใบสากคาย ดอกวงนอกสีขาว วงในสีเหลือง ออกเป็นช่อที่ปลายยอด และซอกใบใกล้ปลายยอด ผลรูปขอบขนาน ส่วนปลายมีขนเป็นพู่ปลิวได้ตามลม การกระจายและนิเวศวิทยา จากอินเดีย จีนตอนใต้ ถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยพบขึ้นกระจายบริเวณป่าหญ้า ที่ระดับความสูง 1,700-2,200 เมตร นางจอยเป็นพืชที่ให้ดอกเป็นจำนวนมาก บานทนและสวยงาม สามารถนำมาพัฒนาเป็นไม้ดอกได้ 
ข้อมูลจากสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ องค์การสวนพฤกษศาสตร์



for get me not หรือ หญ้ามวนฟ้า (Cynoglossum lanceolatum Klw.)
เป็นไม้ล้มลุก สูง ๑-๑.๕ เมตร ใบเดี่ยวรูปหอก ใบช่วงใกล้ยอดมีขนาดเล็ก ใบที่โคนต้นมีขนาดใหญ่กว้าง โคนใบสอบปลายใบแหลม ผิวใบมีขนทั้งสองด้าน ดอกสีม่วงแกมน้ำเงิน ขนาดดอกประมาณ ๑ ซม. ออกเป็นช่อปลายกิ่ง ช่อดอกม้วนงอ กลีบดอก ๕ กลีบ พบขึ้นบนความสูง ๑,๕๐๐ เมตรขึ้นไป มักอยู่บนที่โล่งแจ้งมีแสงแดดส่องถึง 



ชมพูเชียงดาว (Pedicularis siamensis Tsoong)
เป็นไม้ล้มลุก เป็นพืชเบียนของพืชวงศ์หญ้า สูง 40-60 ซม. ใบเป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้ามเป็นคู่ หรือรอบต้นในระนาบเดียวกัน แผ่นใบคล้ายใบเฟิน รูปขอบขนานแกมรูปไข่ มีหยักเว้าลึกเกือบถึงเส้นกลางใบ ขนาดกว้าง 1-2.5 ซม. ยาว 1.5-4.5 ซม. ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อย ผิวใบด้านบนมีประขาวด้านล่าง เป็นนวลแป้งขาว ก้านใบสั้น ดอกสีชมพูแกมม่วง ออกเป็นช่อสั้นตรงซอกใบ ดอกยาว 2-4 ซม. ไม่มีก้านดอก กลีบรองดอกห่อเป็นถ้วย กลีบดอกบนเป็นหลอดยาว ตอนปลายเป็นจงอยโค้งแหลม กลีบล่างแผ่กว้างแยกออกเป็น 3 แฉก แผ่นกลางกลมมน แผ่นข้างรูปรี ผลเป็นกระเปาะแข็ง รูปไข่ ขนาด 6-12 มม. มีกลีบรองดอกหุ้มตอนปลายเป็นหยักแหลม เป็นพืชเฉพาะถิ่นพบที่ดอยเชียงดาว จ.เชียงใหม่ ขึ้นเป็นกลุ่มแทรกปะปนกับกอหญ้าและไม้พุ่มเตี้ยๆ ที่ระดับความสูง 1,800-2,100 ม. ออกดอกช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม
แหล่งข้อมูล : หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 5




เฮ้อออออ.... ถอนหายใจแรงๆ เห็นวิวละหายเหนื่อยหยิบกล้องออกมาถ่ายรูปสิฮะ จะรอไร !!



เธอเห็นเลียงผานั่นไหม.. ฉันเก็บเอาไว้เธอ 55555 



สวยงาม สวยจริงๆ สวยจนบรรยายไม่ถูก






หลังจากแสงเย็นลาลับ เราก็ยังไม่กลับลงจากยอดดอย
ดูดาวสิคะ ทางช้างเผือก ที่ฝันมานาน สักวันเราคงเจอกัน
ระหว่างที่รอเขา ให้ฉันนั่งคุยเป็นเพื่อนได้มั๊ย....
ไม่ใช่ละ!! ยืนสั่นกันไป อากาศเริ่มเย็นเข้าไปอีก ลมก็ก็แรงเข้าไปอีก
เริ่มยืนนิ่งๆอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวสั่น


                                          
และวันนี้ก็ได้เจอ มันฟินอย่างบอกไม่ถูก 
ดาวคืนนี้ สวยกว่าทุกคืนที่ผ่านมา.....



หลังจากที่ได้ฟินกับบรรยากาศ และได้รูปสมใจอยากแล้ว
ก็ฝ่าความมืดและความหนาวเย็น ลงมาจากยอด
อ่อ...ใครที่อยากมารอดูแสงยามเย็นและดาวล้านดวงบนนี้
อย่าลืมพกไฟฉายนะ เพราะขาลงมันมืดมากกก มีกลิ้งแน่

ถึงที่พักอ่างสลุง เกือบสามทุ่ม ล้อมวงกินข้าวสิฮะ จะรออะไร