วันแรก 11.11.58 ระหว่างทาง ถึง ดอยหลวงเชียงดาว
สวัสดี. . . นี่ไม่ใช่กระทู้รีวิว แต่เป็นกระทู้ที่แบ่งปันความคิดถึงผ่านภาพถ่าย
ความจริงเราอยากออกเดินทางเพื่อตามหาดอกไม้ เมฆ หมอกและภูเขา
จากคำบอกเล่าคนที่เคยไปมา จากหน้านิตยสารท่องเที่ยว จากภาพสวยๆในอินเตอร์เน็ตทั้งหลาย
เค้าว่ากันว่า. . .บนดอยนั้นมีดอกไม้เยอะเลย มีเมฆเต็มฟ้า มีหมอกยามเช้า
เราเลยวางแผนเดินทางไปที่นั่น. . .
ภูเขาที่สูงที่สุดเป็นอันดับ3ของประเทศ และได้ชื่อว่าเป็นภูเขาหินปูนที่สูงที่สุดในไทย
ทุกคนเรียกที่นั่นว่า ด อ ย ห ล ว ง เ ชี ย ง ด า ว
ค ว า ม คิ ด ถึ ง ที่ว่า. . .ที่เราเอามาแบ่งปัน เอามาแบ่งความสวย ความรู้สึกดีๆที่เราไปเจอมา
ให้กับเพื่อนๆหลายคนที่เราไม่มีโอกาสได้พาไปด้วย ให้กับคนไกลที่ไม่มีโอกาสได้มาชื่นชมตรงนี้
แบ่งความคิดถึงให้กับเพื่อนๆในโลกออนไลน์ ที่เราไม่เคยรู้จักกัน แต่เราชอบการเดินทางผ่านภาพถ่ายเหมือนกัน
เ ร า เ อ า ความคิดถึง ม า ฝ า ก.
เราแบกเป้ เต็นท์ กล้อง ไดอารี่ โดยที่ไม่ลืมพกความคิดถึงไปด้วย
เช้าวันพุธที่ 11 พฤศจิกายน เราถึงที่อำเภอเชียงดาว เวลา6.30น. โดยประมาณ
พวกเรามีสมาชิกในทีมไปด้วยกัน4คน และมีพี่สิงห์คำ(ไกด์นำทาง) รวมแล้วเราไปกัน5คน
เราเริ่มต้นเดินทางจากทางขึ้นปางวัว เวลา8.30น.
ก่อนเดินทางขึ้นพี่สิงห์คำบอกว่า เมื่อคืนฝนตกหนัก ทางเดินอาจจะเละบ้าง
ซึ่งเราก็เลยทำใจ จะไม่ถ่ายภาพมุมเละเทะของทางเดิน
แต่เราจะเก็บภาพความสวยงามระหว่างทางมาแทน
ไอ้ที่ฟุ้งๆเนี่ย หมอกนะ ไม่ใช่ควัน
ถ้าเอาแต่ก้มหน้าเดิน ก็คงไม่เห็นว่าต้นไม้ใบหญ้ามันทำให้เรามีความสุขระหว่างทางมากแค่ไหน
ดอกสีเหลืองยิ้มแฉ่ง อันนี้ชื่อดอกบัวตอง . . .อันนี้หลายคนคงรู้จัก
แต่หลังจากนี้เราจะจำชื่อดอกไม้ไม่ได้แล้วหล่ะ คือมันเยอะเราจำไม่หมด
คนนี้คือพี่สิงห์คำ คนที่เป็นคนพาเราเดินทางทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นที่เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว
พี่สิงห์คำเป็นคนนำทางมาประมาณ40ปีแล้ว จากที่พี่แกเล่าให้ฟัง
ระหว่างทาง มีทั้งเรื่องดอกไม้ ใบหญ้า สมุนไพร สัตว์ป่า และไร่ฝิ่นทั้งภูเขาก่อนที่จะมาเป็นภูเขาสวยๆให้เราเห็นอย่างทุกวันนี้
สายๆ เดินไปเรื่อยๆ หมอกเริ่มจาง ฟ้าเริ่มใส
แต่ก็ยังมีละอองความชื้น ละอองไอน้ำ เกาะอยู่ที่ก้านต้นหญ้าอยู่เลย
เอาเข้าจริงมาตามหาดอกไม้ แต่จำชื่อดอกไม้ต้นไม้ไม่ได้เลยนี่สิ
นี่ๆ....ไฮต์ไลท์ของการมาที่นี่ ดอกไม้ที่เราตามหา ด อ ก เ ที ย น น ก แ ก้ ว
แต่ว่า...ความกากของฝีมือเรานี่สิ ทำให้นกแก้วน้อยๆของเราเบลอมาก ตอนที่ล้างฟิล์มออกมานี่น้ำตาจะไหล
คือบอกกับตัวเองว่า ยังไงก็ต้องกลับมาซ่อม ต้องกลับมาถ่ายภาพดอกเทียนนกแก้วกลับไปแบบสวยๆให้ได้
หลังจากผ่านจุดที่เราปลื้มปริ่มกับดอกเทียนนกแก้วมาแล้ว เราก็เดินทางมาเรื่อยๆ
จนถึงจุดนี้ เราตั้งชื่อเรียกเองว่าทุ่งหินเพราะว่ามองขึ้นไปมันมีหินเต็มไปหมด คือจริงๆมันก็มีชื่อนะ แต่ว่าเราจำชื่อเรียกไม่ได้
หลายคนบอกกล่าวกันว่า บริเวณดอยหลวงเชียงดาวแห่งนี้ น่าจะเคยเป็นทะเลมาก่อน
อีกสิ่งหนึ่งที่เราอยากมาดูเพื่อเป็นการยืนยันคำบอกกล่าว นั่นคือ พวกเรามาดูหอย
หลังจากผ่านทุ่งหินและดูหอยไปแล้ว จากนี้เราเดินขึ้นไปยาวๆ จนถึงจุดกางเต็นท์
เรามาถึงจุดกางเต็นท์ประมาณ เกือบ4โมงเย็น
คือเอาง่ายๆมัวแต่ดื่มด่ำกับธรรมชาติ และมัวแต่ลื่นโคลนระหว่างทางกันจนใช้เลาในการเดินเยอะไปหน่อย
หลังจากกางเต็นท์ นั่งพักทานโค้กกระป๋องละ40บาทกันแล้ว (คือพี่ๆลูกหาบเค้าแบกมาขายกันบนเขากันกระป๋องละ40บาท)
พวกเรา3คน เตรียมไฟฉาย กล้องถ่ายรูปของแต่ละคน เพื่อไปถ่ายวิวบนจุดสูงสุดของดอยหลวงเชียงดาว...
อ่านไม่ผิดหรอก 3คนเนี่ยหล่ะ(อีกคนเดี้ยงไปละ) ส่วนพี่สิงห์คำไม่ได้ไปด้วย เนื่องจากว่าฝากพวกเรา3คนไปกับพี่คนนำทางอีกคนนึง
ทางเดินขึ้น ชันแบบที่เห็นนี่หล่ะ ระหว่างทางที่ขึ้นไปก็จะมีหมอกไหลผ่านตัวเราไปด้วย
มองข้างทาง ก็จะมีดอกไม้เล็กขึ้นตามซอกหิน และก็มีแบบที่เป็นต้น
อันนี้เป็นดอกสีขาว สวยดี คงอึดหน้าดูมาอยู่บนเขาสูงขนาดนี้ได้
พี่คนนำทางเค้าบอกว่า อันนี้คือต้นเหยื่อจง
เวลาเดินต้องระวังดีๆ คือหินเยอะมาก ค่อยๆเดิน ค่อยๆขึ้น แหงนหน้ามองฟ้าชมวิว
มองขึ้นไปเห็นเป็นเงาแสงพระอาทิตย์ตัดหมอก สวยดี สวยแบบพึลึก
ผู้บ่าวใส่หมวกคนนี้ มีชื่อว่าลุงจรูญ เป็นอีกคนที่เป็นคนนำทางที่ประสบการณ์แก่กล้ามาก
คุณลุงยืนอยู่บนยอดสูงสุด ในขณะที่เรากำลังไต่ๆขึ้นไป อยากถ่ายภาพคุณลุงเก็บไว้
เลยตะโกนบอกไปว่า "ขอถ่ายภาพคุณลุงหน่อยนะคะ"
ภาพนี้เป็นภาพแรกที่เราเห็น ตอนที่ขึ้นมายืนข้างบนสุด
และหลังจากนั้น ทั้งเมฆทั้งหมอกพัก หมอกมาเพียบ ความรู้สึกโคตรต่างจากเมื่อกี้แบบทันทีทันใดเลย
พี่ๆที่มารอถ่ายภาพก่อนหน้านี้นี่ ถอนหายใจกันยาวเลย
เราทำได้แค่รอ และหวังว่าเมฆก้อนใหญ่และหมอกจะพัดผ่านไปให้เราเห็นวิวตรงหน้า
ก็นั่งรอตรงโขดหิน นั่งตากลมทำตากลมไปอย่างนั้น
จนฟ้าเปิดให้เราเห็นยอดของดอยสามพี่น้อง
เรานั่งมองเมฆพัดไป หมอกพัดผ่านตรงหน้าและทำได้แค่ยิ้ม
คือมันอิ่มใจนะ ที่เรามาเห็นภาพที่เราอยากเห็น ภาพสวยๆที่ธรรมชาติมันสร้างสรรค์ออกมาให้แต่ละช่วงเวลาไม่เหมือนกัน
สุดท้ายของวันนี้เราก็ได้ภาพที่เราอยากได้. . .
ภาพป้ายจุดสูงสุด เมฆและยอดดอยสามพี่น้อง
หลังจากนั้นเราก็นั่งตรงนั้นซักพัก และค่อยๆเดินลงจากยอดเขากลับมาที่จุดกางเต็นท์
พี่สิงห์คำเตรียมไข่เจียวและผัดผักไว้ให้พวกเรา ในขณะที่พวกเราก็มีแกงมัสมันมาด้วย
เป็นอันว่าข้าวกระป๋องที่เราเตรียมมาไม่ได้ใช้ เพราะพี่เค้าหุงข้าวไว้ให้
แถมแกงถุงโรซ่าทั้งหลายแหล่ที่เราเตรียมมา สู้ไข่เจียวและผัดผักของพี่สิงห์คำไม่ได้เลย
มื้อนี้อร่อย แถมอิ่มใจ นั่งล้อมวงททานข้าวกัน5คน ทานไปแหงนมองดาวบนฟ้าไป
โคตรสุขใจเลย (':
ไว้พรุ่งนี้เราจะตื่นแต่เช้า ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดกิ่วลมกัน
(อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะ. . .เดี๋ยวเรามาเล่าต่อ)