Search and share travel destinations and experiences in Thailand Sign up Log in
 
ทริปพิชิตหมอก ฝน ลม แดด ณ ดอยหลวงตาก (2 วัน 1 คืน) ดอยหลวงตาก (Doi Luang Tak) จ.ตาก
    • Posts-1
    Namee •  September 17 , 2017

    ทริปพิชิตหมอก ฝน ลม แดด ณ ดอยหลวงตาก (2 วัน 1 คืน)

    "ดอยหลวงตาก" #ความไกลไม่ใช่เรื่องลำบากเท่าความอยากที่เรามี
    มิตรภาพบวกกับการเดินทางมีมากถึง 2 วัน 1 คืน (2-3 กันยายน 2560)

    #ดอยหลวงตาก มีสภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวนถ้ามาเที่ยวช่วงฤดูฝนก็จัดเต็ม
    มาทั้งหมอก ฝน ลม แดด (ครบองค์ประชุม) แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่ป่าอุดมสมบูรณ์
    เหมาะสำหรับเหล่านักเดินป่าทั้งหลายที่ชอบการพิชิตยอดเขาสูง

     

              ส่วนเส้นทางศึกษาธรรมชาติดอยหลวงตากนั้น ตั้งอยู่ในวนอุทยานแห่งชาติห้วยแม่ไข ตำบลทุ่งกระเชาะ อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก โดยอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 14 (ตาก)

              - มีระยะทางการเดินเท้าอยู่ที่ 11 กิโล (ไปอย่างเดียวไม่บวกเดินกลับ)
              - มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางอยู่ที่ 1,175 เมตร
              - ระดับความยากอยู่ที่ปานกลาง (ไม่ยากสำหรับมือเก่าขาเดินทั้งหลาย แต่ก็ไม่ง่ายสำหรับมือใหม่พึ่งหัดเดิน เช่นกัน เพียงแค่เดินมันไกลเท่านั้นเอง)

     

    ที่ทำการวนอุทยานน้ำตกห้วยแม่ไข

              วนอุทยานน้ำตกห้วยแม่ไข อยู่ห่างจากตัวอำเภอบ้านตาก ระยะทางประมาณ 20 กม. ถึงสะพานข้ามแม่น้ำปิงบ้านตาก ตรงไปบ้านทุ่งกระเชาะ อีกประมาณ 6 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการวนอุทยานน้ำตกห้วยแม่ไข

    สอบถามข้อมูลติดต่อ : คุณศิริพงษ์ รังสีฐิติภัทร (หัวหน้าวนอุทยาน) 
    เบอร์โทรศัพท์ : 08-4817-8549

     

              จุดแรกสำหรับนักเดินป่าทั้งหลายของการจะมาพิชิตยอดดอยนี้คือ เทศบาลทุ่งกระเชาะ ซึ่งเป็นจุดสำหรับพักรถ จุดสำหรับอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งกายของเหล่านักเดินป่า และเป็นจุดสำหรับจัดเตรียมสัมภาระต่างๆ แต่พวกเรามาใช้บริการที่ "คุ้มป้าต๋อง" ที่นี่มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำให้บริการอยู่ 6 ห้อง มีร้านอาหารอยู่ 1 ร้าน วันที่พวกเราไปมีแค่กลุ่มเราเท่านั้นที่มาใช้บริการที่นี่ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะไปแวะกันที่เทศบาล (แล้วแต่สะดวกจ๊ะ) พวกเราเน้นสะดวกเพราะสามารถให้ทางที่นี่ทำข้าวเช้าให้พวกเรากินกันก่อนออกเดินทาง พร้อมให้ทำข้าวห่อสำหรับมื้อเที่ยงระหว่างเดินเท้าด้วย

     

              การจะไปยังจุดออกเดินเท้านั้นต้องเช่ารถกระบะหรือรถอะไรได้ไปส่งยังจุดเดินเท้า การเดินเท้าไปยังจุดกางเต็นท์บริเวณป่ากล้วยนั้นใช้เวลาในการเดินเท้าอยู่ที่ 5-6 ชั่วโมงเป็นส่วนใหญ่ พวกเราออกเดินเท้ากันตอนเวลา 9 โมง ถึงจุดกางเต็นท์ตอนบ่าย 2 โมงเกือบบ่าย 3 โมง ใช้เวลาในการเดินประมาณ 5 ชั่วโมงกว่า

    เป็นธรรมเนียมของทุกที่ก่อนออกเดินเท้าต้องได้ถ่ายรูปกับป้ายกันก่อน ไม่งั้นเหมือนไม่ได้มา

     

    สวัสดีฮะชาวโลก ขึ้นมาทำอะไรกันว่ะ! (เจอขี้วัวตลอดทาง)

     

              ที่นี่เดินไม่ยาก สบายๆ แต่ก็เชื่อได้ว่าทุกคนต้องมีโมเมนท์ของความเหนื่อยกันบ้างอะไรบ้างอย่างแน่นอน เพราะระยะทางมันไกลจริงอะไรจริง อย่าลืมนำผลไม้ติดตัวมาด้วยนะบอกเลยช่วยได้เยอะ พวกเราพกมาทั้งองุ่น กล้วย แอปเปิ้ล ถ้าไม่กลัวว่าต้องแบกของหนักคงจะพกติดตัวกันมาเยอะกว่านี้แน่ๆ 

    พี่เจ้าหน้าที่สุดหล่อของพวกเรา ที่ต้องเหนื่อยไปด้วยกันตลอดสองวัน

     

              ระยะทางนี้เป็นช่วงเวลาน่าจะเกือบบ่ายแล้ว พวกเราเลือกที่จะยังไม่พักกินข้าวกัน เพราะว่ามันใกล้จะถึงจุดพักที่กลุ่มนักเดินป่าส่วนใหญ่มานั่งกินข้าวกัน (ขาขึ้นอย่างเดียวขาลงเดินโลด)

     

              ข้าวเที่ยงมันไม่ได้อร่อยเพียงแค่รสชาติเท่านั้นนะ แต่ยังเป็นเวลาแห่งความสุขของทุกคนที่ได้มานั่งกินข้าวพร้อมกัน กลางป่าเขา เป็นโต๊ะอาหารที่แสนพิเศษมากๆ โต๊ะอาหารแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ นะจ๊ะ

     

              พร้อมกันแล้วก็ออกเดินท้ากันต่อ ระหว่างทางไม่ค่อยเจอคนเดินสนทางกลับมาเลย น่าจะด้วยวันเวลา และระยะทาง บวกกับพื้นที่ข้างบนมีจำกัด เขาให้ขึ้นได้ไม่เกินร้อย พวกเราเป็นกลุ่มแรกๆ ที่ไปถึงที่นั้นก่อน ไม่นับรวมพวกม้าเร็วทั้งหลายนะ ที่ต้องรีบเดินกันขึ้นไปก่อนเพื่อไปจับจองพื้นที่ตั้งแค้มป์กัน

    คำที่ได้ยินปล่อยมากที่สุดในทริปคือคำว่า "ขึ้นเป้" มันแสดงให้รู้ว่าทุกคนต้องพร้อมออกเดินกันต่อได้แล้ว

     

    เหนื่อยแค่ไหนถามใจทุกคนดูได้ (เหนื่อยแค่เพียงกายแต่ใจไม่มีใครท้อสามารถบอกแทนได้เลย 555)

     

              จุดทางชันสุดท้ายเพื่อขึ้นไปยังเนินป่าสนมีความชันประมาณเกือบ 80 อาศาได้ แต่ระยะทางขึ้นไม่ยาวมากแค่ช่วงสั้นๆ เป็นอีกหนึ่งจุดที่สามารถมองเห็นวิวด้านล่างที่ได้เดินผ่านมาระหว่างทาง บรรยากาศลมพัดเย็นสบายดี

     

              จากนั้นใช้เวลาเดินเท้าต่อมายังจุดชมวิว “ผานางพญา” ไม่ไกลมาก ที่นี่วิวสวยงาม มองเห็นทิวเขารายเรียงกันออกไปและก็เป็นอะไรที่โชคดีมากเดินไปถึง ณ จุดนั้นฟ้าเปิดพอดีเพราะช่วงเวลาก่อนที่เราจะเดินมาถึงก่อนหน้าฝนตกระหว่างทาง ถ้าฟ้าเปิดอากาศดีแนะนำว่าถ่ายรูปเก็บไว้กันเลยนะ เพราะถ้าเดินไปถึงยังจุดกางเต็นท์แล้วเชื่อได้ว่าคงไม่มีใครคิดเดินย้อนกลับมาถ่ายภาพกันต่อนะจุดนี้แน่ๆ หรือถ้าจะรอมาถ่ายตอนขากลับบอกเลยว่าที่นี่อากาศแปรปรวนถ้าออกแต่เช้าคงเจอแต่หมอกแน่ๆ ถ้าสายๆ โชคดีไม่ดีก็อาจจะยังคงเจอะหมอกอยู่

     

              จากจุดชมวิวผานางพญา ต้องเดินผ่านป่ากล้วยไปน่าจะประมาณ 400 เมตรได้มั้ง (ดงป่ากล้วยเป็นจุดที่นักเดินป่าทุกคนที่เคยมาพูดถึงกันอย่างหนาหูว่าเป็นจุดศูนย์รวมของเหล่าน้องทากทั้งหลายจะมีเยอะช่วงฤดูฝน) ดงป่ากล้วยจุดนี้ละที่ต้องเดินผ่านเลี่ยงไม่ได้เพื่อไปยังจุดกางเต็นท์ และเป็นเส้นทางที่น่าหวาดกลัวที่สุดละ ไม่รู้ว่าใช้เวลาเดินเท่าไรน่าจะประมาณ 30 นาทีได้ รู้แค่ว่าทำไมมันไกลแท้อยากออกไปจากจุดนี้ไวๆ เพราะอย่างที่บอกไปฝนเจ้ากรรมดันตกหนักก่อนหน้าระหว่างที่เดินเท้าอยู่กิโลที่เท่าไรก็ไม่รู้ บอกคำเดียวเลยว่าเละทางเละมาก บรรยากาศในดงป่ากล้วยจะออกชื้นๆ หน่อย แต่ยังดีลอดจากพวกเหล่าทากทั้งหลายมาได้

    *ศัตรูตัวอันตรายของที่นี่ คือ ไอ้คุณทาก (หากมาเที่ยวช่วงหน้าฝนควรมีอุปกรณ์ป้องกัน)

    ป่ากล้วยบ้านหลังใหญ่ของพวกเหล่าทากทั้งหลาย

     

              เมื่อถึงจุดกางเต็นท์ก็หาทำเลตั้งแค้มป์กันไปคะ ที่นี่มีพื้นที่หรือบริเวณสำหรับกางเต็นท์ไม่เยอะนะจ๊ะ (รู้สึกเหมือนจะจำกัดจำนวนคนขึ้นด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะในการที่จะขึ้นต้องทำการติดต่อกับทางหน่วยก่อน)  จะกางเต็นท์ก็ดูทำเลดีๆ (หากมีโอกาสได้เลือกก่อนนะ) ต้องระวังฟ้าฝน ลม หมอกด้วยแรงมากๆ ถ้ามาช่วงนี้ ต้องยึดเต็นท์ให้แน่นอะไม่งั้นมันลอยไปตามลมแน่ๆ แถมตอนเดินผ่านดงกล้วยไม่เจอทาก แต่ที่ไหนได้มาเจอที่จุดกางเต็นท์ และบริเวณรอบแค้มป์ของพวกเราเพียบเลย (มันคงว่างกันเลยเดินออกมาสำรวจผู้คนว่ามาเที่ยวมาเยี่ยมหามันกันเยอะหรือเปล่า ก็มีโดนกัดโดนไต่กันบ้างแบ่งปันกันไป)

    *หมายเหตุ ที่นี่ไม่มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำให้บริการนะจ๊ะ มีแต่ห้องน้ำธรรมชาติเท่านั้น

    ณ จุดกางเต็นท์ 

     

              รอบนี้ที่ขึ้นมาถึงคือเจอฟ้าปิดๆ เปิดๆ บอกแล้วอากาศมันแปรปรวนก็ทำนู้นนี้นั้นกันไปสักพักฟ้าเปิดจร้า หยุดทุกอย่างแล้วรีบขึ้นสู่ยอดดอยเพื่อชมวิวเก็บภาพบรรยากาศก่อนฟ้าจะปิดลงอีกครั้ง ที่นี่ลมแรงที่สุดละไม่เคยเจอที่ไหนลมแรงเท่าที่นี่มาก่อนเลย แต่สวยบรรยากาศดี ต้องขอบคุณธรรมชาติจริงๆ ที่ทำให้พวกเราได้มีโอกาสมาสัมผัสและจับต้องกับสิ่งเหล่านี้ได้

     

              จากจุดกางเต็นท์ขึ้นมาบนยอดดอยระยะทางไม่ไกลมาก ขึ้นมาถึงยอดดอยจะสามารถมองเห็นจุดกางเต็นท์และจุดชมวิวผานางพญาได้ วิวทิวทัศน์สวยงามตามท้องเรื่องค่ะ ใครโชคดีขึ้นมาช่วงฟ้าเปิดก็จะได้เห็นความงดงามของธรรมชาติด้วยความประทับใจ โชคร้ายหน่อยเจอฟ้าปิดก็จะเห็นแต่หมอกและก็หมอก ความสวยงามก็จะเป็นอีกบรรยากาศหนึ่งแล้วแต่ดวงนะจ๊ะ

     

              การพิชิตเนิน "โล้นหลวง" ยอดเขาดอยหลวงตากนั้นมีลักษณะเป็นลานหญ้าสีเขียวกว้างใหญ่ทอดตัวอยู่ในสันขอบอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช กับป่าสงวนแห่งชาติที่เขาบอกว่าอาจจะผนวกรวมวนอุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยแม่ไข จังหวัดตากด้วนนั้น บนยอดดอยสามารถเห็นวิวได้ 360 องศา บรรยากาศดี วิวสวย ลมแร๊งแรง

     

              มุมจากยอดเนิน "โล้นหลวง" ซึ่งจะสามารถมองเห็นจุดชมวิวที่สองอย่าง "ผานางพญา" ได้อย่างชัดเจนหากมองจากมุมนี้จะเห็นได้ว่ามีลักษณะเป็นหน้าผา

     

              ความงามยังไม่จบอยู่เท่านี้นะจ๊ะ เรายังสามารถเดินเลาะชายเขาไปกันต่อถึงทิวสนนู้นได้ด้วยต้องไปเองบรรยายไม่ค่อยถูก ดูภาพประกอบแทนละกันนะจ๊ะ

     

              ส่วนบรรยากาศยามค่ำคืนเหรอ 5555++ นั่งคุยกันไป กินข้าวไป อีกมือก็ยึดแค้มป์กันไปด้วยลมแรงมาก แถมกลางดึกมาทั้งหมอก ลม ฝน บอกเลยถ้าจะมานอนผูกเปลหรือนอนปลาทูไม่แนะนำช่วงนี้นะจ๊ะ นอนเต็นท์ปลอดภัยสุด

    ขอปิดทริปของวันนี้ด้วยอาหารมื้อเย็น

         
    • Posts-2
    Namee •  September 17 , 2017

    ส่งท้ายใจ "เขา" ด้วยหัวใจของ "เรา"

              ตื่นเช้ามาหมอกลงจัดต้องเรียกว่าจัดหนักเลยน่าจะดีกว่า กิจกรรมยามเช้าก็เลยกายเป็นการนั่งชิลๆ จิบกาแฟ ชมหมอกเช้าที่แค้มป์กลางกัน ไม่ได้ขึ้นจุดชมวิวเพราะขึ้นไปก็มองไม่เห็นอะไร เห็นบรรยากาศแบบนี้นั่งกันชิลเพลินยาวไปถึง 10 โมง โอ้ว! เพราะบรรยากาศทำให้รู้สึกได้ว่ามันยังคงเช้าอยู่ตลอดเวลา

    ทุกอย่างล้วนออกมาจากหัวใจจริงๆ

     

              การเดินเท้ากลับใช้เวลาในการเดินอยู่ที่ประมาณ 3-4 ชั่วโมง ซึ่งพวกเราออกจากจุดกางเต็นท์ตอน 11.00 โมง หยุดถ่ายรูปส่งท้ายก่อนกลับที่ผานางพญากันอีกครึ่งชั่วโมงเป็นช่วงที่ฟ้าเปิดพอดี เดินกันไปแบบชิลๆ จนถึงทำถึงจุดทางออกตอนบ่าย 2 โมง 50 ใช้เวลาในการเดินกลับประมาณ 3 ชั่วโมงแก่ๆ

     

    สิ่งที่ต้องเตรียมหากไปเองกัน

    • เต็นท์, ถุงนอน, ฟลายชีท, ผ้าใบ, แผ่นรองนอน เป็นต้น
    • ยารักษาโรคประจำตัว
    • อาหารและอุปกรณ์ทำอาหาร (มีลำธารไว้สำหรับนำมาทำอาหารได้)
    • น้ำสำหรับดื่ม
    • ไฟฉาย, เสื้อกันฝน, ถุงดำ

     

    รายละเอียดค่าใช้จ่าย

    • สมาชิกในกรุ๊ปมีทั้งหมด 10 คน (จัดไปกันเอง) ค่าใช้จ่ายอยู่ที่คนละ 2,000  บาท
    • เจ้าหน้าที่นำทาง กรุ๊ปละ 1 คน (1,200 บาท)
    • ลูกหาบ 2 คน คนละ 1,200 บาท (ไป-กลับ)
    • ค่าเช่ารถรับส่ง (ไป-กลับ) + ค่าอาหาร 3 มื้อ (ราคาเหมาจ่าย) เน้นที่ความสะดวกเป็นหลัก
    • ค่าเช่ารถตู้

     

    By : Namee Be Bear
    #เที่ยวให้มีความสุขและสุขกับสิ่งที่ทำ
    #เมื่อใดที่เราเข้าใจตัวเองเมื่อนั้นเราจะเข้าใจธรรมชาติ

     

    ขออภัยหากมีข้อมูลส่วนใดผิดพลาดไป
    ขอฝากเพจน้องใหม่ของเจ้าของรีวิวด้วยนะจ๊ะ ถ้าชอบให้กดไลน์ ถ้าถูกใจช่วยกดแชร์
    Fanpage : https://www.facebook.com/KanXengStudio

    • Posts-3
    Namee •  September 17, 2017