ดอยหนอกเขาบอกว่าสวยมากออกไปพิสูจน์หน่อย
ได้ฟังคำบอกเล่าว่าเส้นทางที่สวยมาก ขอลองไปพิสูจน์สักครั้ง เช้าวันเสาร์แวะกินข้าวที่ตลาด แค่ตลาดก็หลงรักพะเยาเข้าให้แล้ว ตลาดที่มีผลไม้ขายเยอะไปหมด ราคาไม่แพงด้วย เห็ดนานาพันธุ์เห็นแล้วอยากกินแกงเห็ดตอนนั้นเลย ของพื้นบ้าน อาหารป่า อยากรู้จริงๆแถวนั้นมีโฮมสเตย์ไหม อยากไปนอนสักคืนสองคืน กินอาหารและผลไม้ที่นั่นมาก น่าเสียดายที่วันนั้นเป้าหมายของเราคือดอยหนอก เราต้องจำใจเดินผ่านไปเฉยๆ แต่ก็ซื้อขนมห่อใบตองย่างมาอย่างหนึ่ง เป็นข้าวเหนียวกับถั่วเหลือง กินตอนอุ่นๆ น่าจะอร่อยกว่านี้ แต่เราเก็บไปกินบนเขา หลังจากกินข้าวเช้าที่ตลาดเราก็เดินทางไปที่หมู่บ้านเพื่อไปขึ้นรถอีแต๋น เพื่อไปส่งที่ตีนเขา ทริปนี้ลูกหาบน้อยแค่แบกของส่วนกลางก็หมดแล้ว ปัญหาอยู่ที่ถุงนอนที่ซื้อมาใหญ่เกินไป แต่ว่านอนสบายอยู่นะ คนอื่นอาจจะร้อนแต่สำหรับเรากำลังสบายเลย และขาตั้งกล้อง แก้ปัญหาด้วยเอาถุงนอนยัดเข้าไปในเป้เลย ทำให้เล็กที่สุด กล้องใส่ถุงกันน้ำ ขาตั้งกล้องก็ห้อยกับเป้ ก็เลยดูพะรุงพะรังไม่คล่องตัวเลย ตั้งแต่ออกจากหมู่บ้านมาเราก็เห็นยอดดอยหนอกมาแต่ไกลเลย ลูกหาบบอกว่าให้เดินตามแนวประปาไป ไม่มีหลง เส้นทางก็กว่าจะถึงต้นทางแนวประปา ก็ยังเป็นแนวที่ 45-60 องศา ต้นไม้ขึ้นห่างๆกัน แดดส่องถึงพื้นรำไร พื้นดินแต่ใบไม้ร่วงปกคลุม แรกก็เดินกันเป็นกลุ่มหลังๆนี่แตกแยกกันเป้นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย ตามความถนัดก้าวเดินแต่ละคน ท้องฟ้าวันนี้เป็นสีฟ้าสดใส ตัดสีเขียวของใบไม้ หันหลังกลับไปมองเห็นกว้านพะเยา มองถัดไปหน่อยต้นไม้บังดอยหนอกอยู่แต่ก็ยังเห็นยอด เจ้าหน้าที่ใจดีช่วยถือถุงกันน้ำให้ แต่กล้องยังอยู่ที่คอ อยากถ่ายรูประหว่างทางเพราะขากลับไม่ได้กลับทางเดิมการเดินที่นี่ต้องคอยสังเกตุเส้นทางดีๆและมองหลังเพื่อนที่เดินนำหน้า อย่าเดินห่างจากเพื่อนมาก เส้นทางมีทางแยก บางทีก็เดินหลงไปแล้วทางไม่ชัด บางจังหวะต้องถอยหลังกลับไปจุดทางแยก บางจังหวะต้องรอเพื่อนที่ตามมาข้างหลัง ที่แน่ๆ เดินคนเดียวหลงไปครั้งหนึงดีที่ทางหายไป เลยถอยหลังกลับมารอเพื่อนข้างหลัง รอบสองเดินกันสามคนเดินผิดทางแยกแล้วทางไม่ชัด ดีพี่ลูกหาบเรียกแล้วบอกทาง อีกครั้งหนึ่งนี่จำไม่ได้ตามทางจะมีป้ายบอกว่าเราถึงไหนแล้วบ้างเช่น กิ่วยาง จำบอน กิ่วค่า กิ่วก่อ กิ่วปางพ่วง และบันไดก่ายฟ้า ป้ายนี้ก่ายฟ้าจริงๆ ชันมาก และตามทางก็เห็นรอยหมูป่ามากินพืชหัว มีเห็บด้วยไต่ที่ขาตัวหนึ่ง รีบเดินต่ออย่างไว เราพักกินข้าวที่กิ่วก่อ และเดินขึ้นมาถึงกิ่วปางพ่วง ลูกหาบลงไปเติมน้ำให้ ระหว่างรอเราก็โอกาสเงียบ พักสายตาหลังจากกินข้าวเหนียวหมูย่างเมืองพะเยาเข้าไป เป็นครั้งแรกเลยที่หลับกลางทางระหว่างเดินป่า แต่ก็ไม่ได้หลับสนิท หูยังฟังสิ่งรอบข้างอยู่ เพื่อนที่เดินตามหลังมาก็รู้ตัว ลูกหาบกลับมาเราก็เดินทางต่อ พ้นจากบันไดไต่ฟ้าแล้วก็ถึงทางแยกระหว่างทางไปดอยหลวงพะเยากับดอยหนอก เราพักที่ดอยหนอกเราจึงเดินไปถ่ายรูปที่ดอยหลวงพะเยา บนยอดดอยหลวงพะเยาเห็นวิวได้ 360 องศา ป้ายชี้ทิศทางว่าทิศไหนจังหวัดอะไร มองเห็นพะเยา เชียงราย เชียงใหม่ ฯลฯ จำไม่ได้ เห็นกว๊านพะเยา เห็นดอยหนอก เห็นภูเขาโล้นๆบ้าง บางเขาก็เขียวบ้าง หญ้าเขียวๆ บนยอด ต้นไม้แกรนๆ เพราะลมแรง ขนาดหญ้ายังเอียงไปทางเดียวกันหมดตามแรงลม วิวที่สวยที่สุดก็น่าจะเป็นวิวที่เห็นยอดดอยหนอกนั่นและ เพราะเป็นวิวที่เขียวที่สุด สูงต่ำลดหลั่นกันไป การที่เราเห็นยอดดอยหนอกทำให้เราชะล่าใจ เราขึ้นมาถึงข้างบนนี่น่าจะบ่ายโมงถ้าจำไม่ผิด แต่เราใช้เวลาถ่ายรูปและเดินอยู่บนนี้นานกว่าจะไปถึงที่พักก็ห้าโมงเย็นเลยทีเดียว เดินตามเส้นทางบนเขามีหินบ้าง ทางขึ้นลงบ้าง บางที่ก็ชันถึง 90 องศา ยิ่งถึงตรงฐานดอยหนอก จำได้แล้วตรงนี้แหละที่เราเกือบหลง เพราะมีเส้นทางที่เดินลงข้างล่างกับเดินบนหิน เราเลือกเดินบนหิน เส้นทางรอบฐานดอยหนอก ก็ใช่เล่นต้องใช้ทักษะปินป่ายเยอะอยู่เหมือนกัน ต้องเก็บกล้องกันเลยทีเดียว เดินออกจากฐานได้ก็ต้องเดินต่อไปให้ถึงที่พักอีก ที่พักเป็นศาลา นอนปลาทูไม่ต้องกางเต็นท์ เย็นวันนั้นก็หนือยล้ากันพอสมควร อยากจะเดินขึ้นข้างบนยอดดอยหนอก แต่เดินออกไปแล้วเห็นคนกำลังเดินลง ให้เดินลงเร็วขนาดนี้แสดงว่า อยู่ได้ไม่ถึงพระอาทิตย์ตกแน่ ประกอบเมือยขาและไม่มีเพื่อนไป ดูท่าทางแต่ละคนก็เหนื่อยและหิวกันมาก เราเองก็หิวเหมือนกัน จึงได้แค่ถ่ายอยู่ข้างล่าง สวยเหมือนกัน บนหินบางก้อนมีรูปพระพุทธรูปแกะสลักนูนต่ำอยู่ กินข้าวเสร็จ เราก็ออกมาถ่ายทางช้างเผือก และดาวยิ้ม แล้วก็กลับไปนอน นอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ ได้ยินเสียงลมเหมือนฝนตกตลอดเวลา เช้าตีห้าครึ่งตืนไปดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่เราคงตื่นช้าไปเพราะตีห้าแสงเช้าก็ออกแล้วฟ้าแดงๆ ระหว่างเดินขึ้นดวงทิตย์ก็ค่อยๆทอแสงสีทองออกมา ระหว่างทางเดินก็ปีนป่ายตามช่องหิน บางช่วงก็จับเชือกสลิงช่วย เดินจนถึงยอดแสงสีทองอ่อนก็กระจายตามเต็มท้องฟ้า ทอแสงลงตามช่องเมฆ ไอหมอกบางตามเขาก็ขึ้นมาแล้วจางหายไป ลมพัดเย็นจนหนาว ธงหลากสีสะบัดไปมา บนยอดดอยหนอกก็เห็นวิวได้ 360 องศา มีองค์พระประดิษฐสถานอยู่ข้างบน เราใช้เวลาชื่นชมอยู่บ้างสักพักใหญ่แล้วค่อยๆ ทยอยลงมาจากยอด สนุกตอนขึ้นลงบนยอดนี่แหละ แล้วก็กินข้าวเตรียมตัวลง แล้วก็หาถุงกันทากไม่เจอ ไม่รู้หายตอนไหน ขากลับเดินกลับตามทางน้ำ กลัวอยู่เหมือนกันในเมื่อไม่มีก็ไม่ใส่ โชคดีไม่เจอสักตัว ขาลงทางก็โหดใช่เล่น ทาง 60-90 องศา ทางเรียบๆ ไม่มีต้นไม้ข้างๆให้จับ มีแต่หญ้าสูงท่วมหัว ลื่นหลายครั้งเหมือนกันแต่ไม่ล้ม พอลงจากดอยหนอกต้องเดินผ่านเขาอีกลูกหนึ่ง ทางนี้ชันมาก 90 องศาตลอดทาง ่ลูกหาบช่วยเอาก็เป๋าไปถือช่วงทางชัน ค่อยเดินสะดวกหน่อย เดินไปจะถ่ายรูปไป เพื่อนบอกเก็บกล้องดีกว่ามันเกะกะ แล้วเพื่อนถามว่าถือให้ไหม ก็อยากจะให้ถือแต่ว่าคนอื่นเขายังเดินกันได้เลย หนูก็ต้องเดินได้ เดินได้แต่ช้าหน่อย ตั้งแต่เคยเจ็บเข่ามาก็กล้าทิ้งน้ำหนักที่เข่าเหมือนแต่ก่อน ไม่มั่นใจ แต่คราวนี้ไม่มีอาการก็ดีใจ หลังจากเดินถึงหน้าผาที่มีน้ำเหมือนน้ำตก พี่ลูกหาบเรียกน้ำตก ก็แบกกระเป๋าเอง หลังจากนั้นจากนั้นทางก็เดินไม่อยาก เส้นทางเดินลัดเลาะตามลำธารไปเรื่อยๆ มีน้ำให้กินตลอดการเดินทาง มาถึงจุดนัดหมายก็ประมาณสิบเอ็ดโมงกว่าๆมั้งถ้าจำไม่ผิด แล้วเราก็ขึ้นรถอีแต๊กกลับไปอาบน้ำที่บ้านลูกหาบ น้ำที่นั้นเย็นมาเพราะเป็นน้ำประปาจากภูเขา มีภูเขามีป่าก็ดีอย่างนี้แหละ