เดินป่าสายโหด จ.แม่ฮ่องสอน
เดินป่าสายโหด | ดอยปุยหลวง - ดอยสะเงาะ - ดอยเลโจ๊ะ จ.แม่ฮ่องสอน
ทริปเดินป่า 4 วัน 3 คืน | 10-13 ธันวาคม 2563
เดินป่าไทยให้ได้บรรยากาศเหมือนเดินป่าต่างประเทศ
ทริปนี้เป็นการเที่ยวแบบจอยทริปนะจ๊ะ (เน้นสะดวกสบาย) ไปช่วงต้นเดือนธันวาคมอากาศยังไม่หนาวมาก
จุดเด่นของดอยปุยหลวงคือไปชมทะเลหมอกและชมทุ่งดอกเอ็นอ้า แต่ในช่วงปลายปีเริ่มไม่มีให้เห็น
อยากไปสัมผัมทะเลหมอกให้ไปเดือนตุลาคม ทริปนี้ไปกันทั้งหมด 11 คน แต่วันที่ไปมีเจออีก 2 กรุ๊ป
#อยากเที่ยวป่าต้องกินง่ายอยู่ง่าย #นอนกลางดินกินกลางทาง
วิวบนยอดดอยปุยหลวง
::จุดเด่น จุดอ่อน จุดโหด ของ 3 ดอย::
1. ดอยปุยหลวงมีระยะเส้นทางการเดินเท้าไม่ไกลไม่โหด และในช่วงฤดูหนาวจะพบกับดอกเอ็นอ้าสีชมพูอมม่วง ซึ่งมี 5 กลีบ มีเกสรสีเหลือง มีผลกลมเหมือนรูปถ้วย ที่บานสะพรั่งต้อนรับนักท่องเที่ยว (ในช่วงเดือนธันวาคมเริ่มมีให้เห็นไม่เยอะ)
2. เป็นดอยที่ไม่ค่อยมีสัญญาณโทรศัพท์ ที่แค้มป์ดอยปุยหลวงมีเฉพาะของทรูเท่านั้น ส่วนบนยอดดอยจะมีทรู กับ AIS (สัญญาณมาตามลมขาดๆ หายๆ) ส่วนดอยสะเงาะไม่ต้องพูดถึง และดอยเลโจ๊ะมีสัญญาณให้เห็นแต่เล่นไม่ได้ เล่นได้เป็นบางช่วงจังหวะตามแรงลม 555++ ส่วนระหว่างเส้นทางเดินเท้าทั้ง 4 วัน สัญญาณแถบไม่มีเลย
3. ดอยปุยหลวงสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกได้ในจุดชมวิวเดียวกัน เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองวิวได้รอบ 360 องศา
4. บนยอดดอยปุยหลวงจะมีหมุดและป้ายจุดฝึกทหารเสือราชินี และมีสัญญาณโทรศัพท์มือถือมากที่สุดกว่ายอดดอยอื่นๆ
5. ดอยสะเงาะระยะเส้นทางการเดินเท้าไกลกว่าทุกๆ ดอย เดินโหดระดับบานกลางมีทั้งทางราบ ขึ้นเขา ลงเขา เลาะสันเขา เดินครบทุกรสชาติ ซึ่งเส้นทางเดินเท้าระหว่างไปดอยสะเงาะ และดอยเลโจ๊ะ ค่อนข้างโหดร้ายพอควร ต่างจากดอยปุยหลวงเดินง่ายสบายๆ แพร๊บเดียวถึง
6. ดอยสะเงาะสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกได้ในจุดชมวิวเดียวกัน แต่บริเวณจุดชมวิวมีพื้นที่ค่อนข้างแคบ ระยะทางในการเดินไปยังจุดชมวิวไม่ไกลและไม่โหดร้ายมาก มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือแต่ไม่ค่อยแรง จะแรงเป็นบางเครือข่ายเท่านั้น
7. ดอยเลโจ๊ะระยะเส้นทางการเดินเท้าไม่ไกลแต่โคตรของโคตรโหดร้ายทั้งขาขึ้นและลงเขา
8. บนยอดดอยเลโจ๊ะสามารถตั้งแค้มป์บนยอดดอยได้เลย และสามารถชมวิวที่จุดพักแค้มป์ได้ แต่มีพื้นที่จำกัดในการตั้งแค้มป์ พื้นที่สามารถรับได้ 2 - 3 กรุ๊ปเท่านั้น
9. ที่พักแค้มป์บนยอดดอยเลโจ๊ะไม่มีแหล่งน้ำใดๆ ทุกคนต้องเตรียมน้ำและแบกน้ำกินส่วนตัวเองขึ้นมาเองจากดอยสะเงาะไปดอยเลโจ๊ะ
::กฎระเบียบและข้อห้าม::
1. เสียค่าธรรมเนียมในการเข้าชุมชนคนละ 30 บาท
2. ต้องมีผู้นำหรือไกด์นำทางทุกครั้งในการเดินเท้า หรือติดต่อ 086-432-7255
3. ต้องฟังคำแนะนำและปฏิบัติตามผู้นำทางที่เป็นจุดอันตรายและจุดเสี่ยงอันตราย
4. ห้ามทิ้งขยะและสิ่งของในพื้นที่ชุมชนและในป่า
5. ห้ามเก็บดอกไม้หรือกล้วยไม้ทุกชนิด
6. ให้พักได้เฉพาะที่แค้มป็นนอนเท่านั้น และห้ามก่อไฟบนยอดดอย
::การเดินเท้า 4 วัน 3 คืน::
DAY-1 | จากจุดเริ่มเดินเท้า ณ บ้านห้วยฮี้ - ถึงจุดพักแค้มป์ ระยะทางประมาณ 2 กิโล ใช้เวลาในการเดินเท้าประมาณไม่เกิน 2 ชั่วโมง (แล้วแต่กำลังขาของแต่ละคน) และจากจุดพักแค้มป์ - ไปยอดดอยปุยหลวง ระยะทางประมาณ 500 เมตร ใกล้ๆ ใช้เวลาในการเดินเท้าไม่ถึง 30 นาที (เส้นทางเดินไม่โหดร้าย)
DAY-2 | จากจุดพักแค้มป์ดอยปุยหลวง - ไปดอยสะเงาะ ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง (แล้วแต่กำลังขา) ระยะทางประมาณ 8 กิโลครึ่ง เป็นเส้นทางที่เดินไกลสุด เดินเลาะตามสันเขา ขึ้นเขา ลงหุบเขา เส้นทางไม่ถึงกับโหดร้ายแต่ทำให้ร่างกายล้ามากๆ ส่วนเส้นทางเดินเท้าไปจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกและพระอาทิตย์ขึ้น น่าจะประมาณ 2 กิโลได้ เส้นทางมีไต่ระดับขึ้นยอดแต่ไม่ถึงกับโหดร้าย แถมเส้นทางพาชวนหลงทางแนะนำให้เดินกันไปเป็นกลุ่ม จุดชมวิวที่นี่สวยสู้อีก 2 ดอยไม่ได้
DAY-3 | จากจุดพักแค้มป์ดอยสะเงาะ - ไปดอยเลโจ๊ะ ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ระยะทางประมาณ 4 กิโลครึ่ง (ลูกหาบบอกมา) เส้นทางเดินเท้าขึ้นชัน-ลงชัน มาพร้อมของแถมคือไต่เขาแบบขึ้นยอดสุด-ลงสุด เดินขึ้นลงก็ประมาณเขา 3 ลูก ส่วนจุดพักแค้มป์นั้นเป็นจุดเดียวกับจุดชมวิวเลย พักบนยอดดอยเลโจ๊ะ (ดอยหัวโล้น) แต่ความสวยงามของวิวนั้นโคตรคุ้มค่าเหนื่อยมากๆ เลยแม่จ๋าาาาา
DAY-4 | จากจุดพักแค้มป์ดอยเลโจ๊ะ - กลับเข้าหมู่บ้าน ใช้เวลาประมาณเกือบ 3-4 ชั่วโมง ระยะทางประมาณ 3 กิโลครึ่ง เป็นการเดินลงแบบไต่เขาลงเกือบตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะครึ่งทางช่วงแรกเส้นทางลงเขาอย่างชัน ต้องไต่เชือกลงเขาทั้งหมดประมาณ 3 จุด ถือว่าพีคสุดๆ โหดร้ายแบบสุดๆ ต่อด้วยการเดินเท้าลงเขาแบบทางราบชันยาวๆ จนถึงทางออก เส้นทางขากลับจะเป็นคนละเส้นทางกับตอนเดินเท้าไปดอยปุยหลวงนะ
มาเริ่มออกทริปกันเลยดีกว่าเนอะ!
วันที่ 9 - 10 ธันวาคม 2563
--------------------------------------------
วันพุธที่ 9 ธันวาคม 2563
>> กลุ่มเราไปกัน 11 คน มีผู้ชาย 3 คน ผู้หญิง 8 คน เดินทางจาก กทม. - ตาก - เถิน - ฮอด - แม่สะเรียง
วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม 2563
>> ถึงแม่สะเรียง ประมาณ 8 โมงกว่า แวะกินข้าวเช้าและมุ่งหน้าต่อเข้าตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เพื่อเตรียมตัวและจัดเตรียมสัมภาระสำหรับเดินป่ากันที่ปั้ม ปตท.
ข้าวเช้ามื้อแรกของพวกเรา ในหมู่บ้านแม่สะเรียง
>> จัดการสัมภาระเสร็จก็ประมาณเที่ยงเกือบบ่ายโมงได้ โดยเราจะต้องเปลี่ยนถ่ายสัมภาระขึ้นรถกระบะแทน สำหรับเดินทางต่อไปยังจุดเริ่มเดิน ณ บ้านห้วยฮี้ เพื่อออกเดินเท้าขึ้นแค้มป์ปุยหลวง จากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนเดินทางไปถึงชุมชนบ้านห้วยฮี้ รวมระยะทางประมาณ 36 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง
แวะจ่ายค่าธรรมเนียมในการเข้าชุมชนคนละ 30 บาท
ห้ามพลาดนะกาแฟดริป บ้านห้วยฮี้ แก้วละ 30 บาท
ระหว่างจัดเตรียมสัมภาระ กินข้าวมื้อบ่ายๆ ก่อนเริ่มออกเดิน
จุดสตาร์ท >> เส้นทางที่ใช้สำหรับเริ่มออกเดินเท้า
>> การเดินเท้าสำหรับวันแรก หัวหน้าแก๊งบอกว่าเป็นการซ้อมขา เดินเบาๆ สบายๆ ชิลๆ ใช้เวลในการเดินประมาณ 2-3 ชั่วโมง ระยะทางประมาณ 2 กิโล (ชิลเปล่าไม่รู้นะต้องลองไปเดินกันเอง)
>> เดินมาถึงที่ตั้งแค้มป์กันแบบไม่รู้ตัว เพราะไม่คิดว่าจะถึงเร็วขนาดนี้ ก็ว่าทำไมขนาดบ่าย 2 บ่าย 3 ยังให้เดินขึ้นได้ ก็ไม่พูดพรำทำเพลงใดๆ รีบช่วยกันตั้งแค้มป์ ก่อนออกไปจุดชมวิวบนยอดดอยปุยหลวงเพื่อเฝ้ารอดูพระอาทิตย์ตกกันจร้า
จุดตั้งแค้มป์แรก ณ ดอยปุยหลวง
>> พวกเราช่วยกันตั้งแค้มป์เสร็จประมาณ 4 โมงเกือบ 5 โมงได้ ก็เริ่มออกไปยังจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกบนยอดดอยปุยหลวง ระยะทางจากจุดพักแค้มป์ไปยอด ประมาณ 500 เมตรได้ เส้นทางเดินสบายๆ ชิลๆ
ดอกเอ็นอ้า (มีให้เห็นแค่ดอยปุยหลวง)
"ดอยปุยหลวง" ตั้งอยู่ที่ บ้านห้วยฮี้ ตำบลห้วยปูลิง อำเภอเมือง เป็นดอยที่สูงที่สุดในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ความสูงประมาณ 1,700 เมตร (เขาว่ากันเช่นนั้น) บนยอดดอยมีลักษณะเป็นภูเขาหัวโลนไม่มีต้นไม้ปกคลุม ระยะทางในการเดินขึ้นยอดไม่ไกลจากจุดพักแค้มป์ เดินสบายๆ ไม่โหดมาก ระยะทางประมาณ 500 เมตร และถ้าใครอยากจะมาสัมผัสกับทะเลหมอกแนะนำให้มาช่วงปลายฝนต้นหนาวช่วงเดือนตุลาคม (อย่าลืมพวกดวงมาด้วย) ซึ่งเป็นช่วงที่ทุ่งหญ้ากำลังเขียวขจี แต่ถ้าชอบแบบทุ่งหญ้าสีทองแนะนำให้มาช่วงหน้าหนาว
>> ช่วงตอนกลางคืนที่ปุยหลวงดาวสวยมากๆ พวกเรานั่งกินข้าวและนั่งดูดาวกันไป แถมได้สัมผัสกับบรรยากาศเย็นๆ โคตรฟินเลยเพื่อน นั่งจิบน้ำชาอุ่นๆ นั่งเมากับเพื่อนๆ ไม่ใช่ๆ นั่งเมาส์กับเพื่อนในกลุ่มกันแบบสนุกสนามแต่ไม่ได้เสียงดังรบกวนใครนะ เพราะวันที่ไปรวมแล้วมีแค่ 3 กรุ๊ป และตั้งแค้มป์กันอยู่ห่างๆ แต่มีอีกกลุ่มไปตั้งแค้มป์อีกฝั่งของดอย
>> แค้มป์กรุ๊ปนี้ไม่ธรรมดานะมีบริการถุงกรองน้ำไว้ให้ที่แค้มป์กลางด้วย ให้ลูกทริปสามารถนำขวดน้ำเปล่ามาไว้เติมน้ำกันได้ (เหมาะสำหรับพวกขี้เกียจแบกน้ำกินขึ้นดอยจริงๆ)
อาหารมื้อเย็นของพวกเรา (อิ่มอร่อยเพราะปลาตะเพียรทำให้กินแบบจัดเต็ม)
>> นอนดึกได้ เมาได้นิดหน่อย เพราะพรุ่งนี้ก่อนออกเดินเท้าไปดอยสะเงาะ พวกเราจะขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดดอยปุยหลวงกันต่อ