ปล่อยไปตามหัวใจ...ณ 'ดอยทูเล'
การท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะภูเขาสูง
มันมาจากความหวัง ความตั้งใจที่จะมีโอกาสได้เห็น ได้มองพระอาทิตย์ขึ้นจากทุกๆสถานที่ในโลกใบนี้
ชีวิตนี้เกิดมาโชคดีอย่างนึงค่ะที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และหนึ่งในนั้นก็คือ...การออกเดินทาง
มีความสุขมากๆค่ะ ยังขอบคุณ 'เขาใหญ่' (หัดเดินป่าครั้งแรก เมื่อ 12 ปีที่แล้ว) มาจนถึงทุกวันนี้
ที่ฝึกทำให้ปีกกล้าขาแข็งขึ้น กล้าที่จะออกเดินทาง กล้าเสี่ยง และกล้าที่จะใช้ชีวิตตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ
แต่ความฝันในการเดินทางก็ยังไม่หยุดอยู่แค่นี้หรอกนะคะ
ยังอยากเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ที่หามาด้วยความเหนื่อยเพื่อวันนึงจะได้เดินทางไปในทุกที่ที่อยากไป...
แล้วตะโกนเสียงดังๆว่า "ฉันมาถึงแล้วนะ”
จนถึงตอนนี้ อายุ 28 ปี ย่าง 29 สะสมความฝัน ความทรงจำในการเดินทางได้พอสมควร
ถึงจะไม่เยอะมากถ้าเทียบกับอีกหลายๆท่านในนี้..แต่คุณภาพแน่น
ตั้งใจว่าภายในอายุ 35 ปี อยากไปจะไป check in บนยอดเขาให้ครบทุกยอดในเมืองไทย
แค่นี้ก็นอนตายตาหลับแล้วจริงๆ
การเดินทางของความฝันก็ยังคงมีมาเรื่อยๆและจะยังคงมีต่อๆไป
ไม่คิดว่าในชีวิตนี้จะมีสักวันหรือวินาทีเดียวที่จะสามารถใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีความฝันล่อเลี้ยงหัวใจได้
...เพราะอะไรน่ะเหรอ?
เพราะ...
ยังมีสถานที่อีกหลายแห่งในโลกใบนี้ที่อยากไปเยือน
ยังมีอีกหลายคนในโลกนี้ที่อยากเจอ
ยังมีอีกหลายความฝันที่อยากทำให้สำเร็จ
ยังมีอีกหลายคนที่อยากสร้างแรงบันดาลใจให้
และยังมีอีกหลายชีวิตที่อยากดูแล
ถ้าพร้อมแล้ว..
เดินทางไป... 'ผจญภัย'...ด้วยกันนะคะ ^^
_____________________________________________________________________________________
ดอยทูเล อยู่ในพื้นที่ ต.ท่าสองยาง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก บุกเบิกและดูแลด้านการท่องเที่ยวโดย อบต.ท่าสองยาง
ชาวปกาเกอะญอ เรียกภูเขาลูกนี้ว่า "ทูเลโค๊ะ" ซึ่งมีความหมายถึง ภูเขาสีทอง
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6-7 ชั่วโมง
ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเดินทาง คือ เดือน พ.ย.-ม.ค. ของทุกปี
____________________________________________________
เรานั่งรถทัวร์กรุงเทพฯ - แม่สอด ของบริษัท บขส. เที่ยวเวลา 20.20 น.
มาถึงที่ บขส. แม่สอด ประมาณเกือบๆตีห้า
ก่อนที่จะมาถึงแม่สอด จะมีด่านตรวจประมาณ 2 ด่าน
(หากใครจะไป โปรดเตรียมบัตรประชาชนไว้ด้วยนะคะ ^^)
จากหลังจากนั้น เราก็ต่อรถสองแถว(คันสีส้ม)
สายแม่สอด-แม่สะเรียงจาก บขส. แม่สอด ไปยัง อบต. ท่าสองยาง
เที่ยวแรก เวลาหกโมงเช้า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง
(อันนี้ต้องขอบอกนิดนึงค่ะ ว่า อบต.ท่าสองยาง
จะอยู่ห่างจากตัวอำเภอท่าสองยางไปอีกประมาณ 60 กม. เราต้องนั่งรถสองแถวไปลงที่ อบต.ค่ะ)
_____________________________________________________________________________________
รักความรู้สึกนี้ที่สุด..การนั่งรอลุ้นว่ารถจะเป็นยังไง? การไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นแบบไหน?
การไม่รู้ว่าสองเท้าเราจะก้าวไปเจออะไรบ้าง?
4 ชั่วโมง 20 นาที กับรถสองแถวกระป๋องสีส้มคันนี้ สายแม่สอด-แม่สะเรียง เที่ยวแรกเวลาหกโมงเช้า
บอกเลยว่านั่งนานสุดๆ ทุลักทุเลสุดๆ จอดรับ จอดส่งตลอดเวลา
ผู้คนมากหน้าหลายตา ที่ต่างคุยกันตลอดทาง แต่เราฟังไม่ออกสักคำ...ได้แต่นั่งยิ้มให้อย่างเดียว
เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก..มันตื่นเต้นมากๆ ทำให้ได้เห็นในอีกวิถีชีวิตหนึ่ง
ท่ามกลางความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติ แต่ผู้คนที่นี่กลับอยู่ร่วมกันอย่างสงบ..เราต่างสื่อสารกันด้วยรอยยิ้ม..
....จริงๆแล้วเคล็ดลับความสุขคืออะไร?
....อยู่ที่สถานที่? หรือ อยู่ที่ใจกันแน่นะ? _____________________________________________________________________________________
หลังจากติดต่อ ศึกษารายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ อบต. ท่าสองยาง เสร็จเรียบร้อย
ก็นั่งรถต่อมาที่บ้านแม่จวาง ต.ท่าสองยาง อ.ท่าสองยาง
เป็นจุดเริ่มต้นการเดินขึ้น…”ม่อนทูเล”
เราเริ่มเดินเวลาประมาณ 10.40 น. ของวันที่ 5 ธันวาคม 2557
ภาพเบื้องหน้าภาพแรกที่เราได้สัมผัส คือ...ภาพนี้ ^^
_____________________________________________________________________________________
ด่านที่ 2 อาจจะเรียกว่า ด่านทรงตัว
ถ้ายังเบลอๆจากการนั่งรถอยู่ล่ะก็..อาจจะก้าวพลาดก็ได้นะคะ ^^
_____________________________________________________________________________________
ระหว่างทาง...ที่ไร้สัญญาณโทรศัพท์ ไร้อินเตอร์เนต
สุดท้ายแล้ว อินเตอร์เนตมันกลับสำคัญน้อยลง เมื่อได้ออกไปท่องเที่ยว...
แค่เราลอง...."ออกจากระบบ"...เราอาจจะได้เห็นรายละเอียดของโลกใบนี้ได้มากขึ้น
_____________________________________________________________________________________
ประมาณครึ่งทาง จะพบลำธารเล็กๆ ไหลผ่าน
น้ำเย็น ใสสะอาด สามารถใช้ดื่มได้ เราขอนั่งพักตรงนี้ก่อนที่จะเดินขึ้นสันเขา เพราะขาเริ่มล้า...
_____________________________________________________________________________________
ไม่สำคัญหรอกว่าจะไปถึงจุดหมายหรือเปล่า
สำคัญที่ก้าวแรกต่างหาก
เราคงจำก้าวแรกที่เดินไม่ได้..เพราะยังเด็กเกินไป
แต่ก้าวแรกที่เดินตามความฝัน เชื่อว่า..'คงไม่มีทางลืม'
...สันเขาเบื้องหน้าคือเส้นทางที่เราต้องเดินฝ่าแดด ฝ่าฝนต่อไป..
คงเป็นแบบนี้เองสินะ..ที่เค้าพูดกันว่า "เส้นทางไปสวรรค์...มันมักจะยากลำบากเสมอ"
_______________________________________________________
Ps. เดินมาทันอีกกลุ่ม ได้พูดคุยทักทายทำความรู้จักกันเล็กน้อย
ก่อนที่จะชวนกันปีนขึ้นต่อ...
เราได้มิตรภาพใหม่จากที่นี่..ได้ช่วยดึงกันขึ้น พยุงกัน ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
มันเป็นความบังเอิญที่ไม่บังเอิญจริงๆนะ...(ขอแอบถ่ายหน่อยนะคะ ^^)
_____________________________________________________________________________________
พอพ้นการปีนป่ายในด่านสุดท้ายที่เป็นการพิสูจน์ว่า..
พื้นรองเท้าของใครที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด..
เดินฝ่าพงหญ้ามาอีกไม่ไกล..ก็จะเจอกับลำธาร..
มาถึงตรงนี้...นั่นคือสัญญาณว่า...พอก้าวข้ามสายธารนี้ไป..สวรรค์กำลังจะอยู่ตรงหน้าเราแล้ว ^^
_____________________________________________________________________________________
และแล้ว....
คุณเมฆมาต้อนรับก่อนคนแรกเลย...
แต่มาแป๊บเดียวนะคะ...แล้วคุณเมฆก็รีบจากไป...สงสัยจะมีธุระ..^^
_____________________________________________________________________________________
เวลา 24 ชั่วโมงใน 1 วัน เวลา 7 วันใน 1 สัปดาห์
เวลา 52 สัปดาห์ใน 1 ปี ทุกคนมีอย่างเท่าเทียมกัน
เวลาทำหน้าที่ไปเรื่อยๆไม่เคยหยุด เข็มนาฬิกายังคงวิ่งวนไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย..
แต่เราสามารถหยุดเวลาของเราเองได้โดยการดึงถ่านที่ใส่นาฬิกาก้อนนั้นออก
เวลาของเราหยุดอยู่กับที่แล้ว...
-ชั่วโมงต้องมนต์ เหมือนโดนมนต์สะกดจริงๆค่ะ-
_____________________________________________________________________________________
แรงผลักดันบางอย่างทำให้ต้องเดินทางตะลอนๆไปในสถานที่ใหม่ๆทุกครั้งที่มีโอกาส
...สถานที่ที่แค่เคยเห็นในหนังสือ หรือเพียงอ่านรีวิวของคนอื่น
ลองออกไปลองสัมผัส ไปเห็นด้วยตาตัวเองดีไหม?
_____________________________________________________________________________________
เคล็ดลับของการเดินทางที่มีความสุขแบบเรา คือ ความช้าค่ะ..
ช้าในการสัมผัส ค่อยๆละเลียด ใส่ใจรายละเอียด นั่งมอง นั่งสูดอากาศ
นั่งใช้ชีวิตกับปัจจุบันขณะข้างหน้า ใครจะไปรู้ว่าหลังจากนี้จะมีโอกาสได้กลับมาที่นี่อีกหรือเปล่า
เพราะฉะนั้นมันอาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน
ชีวิตก็แค่นั้น!
การเดินทางบ่อยๆ จะสอนให้เราอยู่กับปัจจุบันให้เป็นมากขึ้น
เพราะทุกสถานที่ที่ได้ไปเยือน อาจจะไม่มีรอบสอง
อาจจะไม่มีวันได้กลับไปเยือนหรือกลับไปสัมผัสมันอีก พลาดแล้วอาจคือพลาดเลย
คิดว่าจริงไหมคะ?
_____________________________________________________________________________________
ทุกสถานที่...ที่ไปด้วยแรงบันดาลใจ
มักจะให้ความสุขและความทรงจำที่หอมหวาน..
แปลกดีนะ...แม้จะแบกกระเป๋าเดินทางจะหนักแค่ไหน...
แต่มันกลับรู้สึกเบาสบายกว่าการแบกกระเป๋าโน๊ตบุ๊คเพียง 1 เครื่องเป็นร้อยเท่าพันเท่า..
....เพราะการเดินทางคือชีวิต และชีวิตคือการเดินทาง...^^
_____________________________________________________________________________________
อ้อ..ลืมบอกไปค่ะ
เราถึงที่ตั้งแคมป์เวลาประมาณ 16.30 น.
เราตั้งแคมป์ข้างๆลำธาร
______________________________________________
Ps. ที่นอนเราอันเล็กๆ ซ้ายมือสุด (นอนคนเดียวเปล่าเปลี่ยวใจ)
ส่วนที่เหลือ เค้ามากันเป็นกรุ๊ปค่ะ...แอบเนียนไปตั้งเต๊นท์ใกล้ๆเค้า..เผื่อมีอะไรจะได้มีคนมาช่วยทัน ^^
_____________________________________________________________________________________
พระอาทิตย์ดวงเดียวกัน...แต่เมื่อมองคนละสถานที่
ความสวยงามย่อมไม่เหมือนกัน..
และจะสวยมากสวยน้อย...ก็อยู่ที่ว่า..ณ ตอนนั้น...เรานั่งอยู่ข้างๆใคร
_________________________________________________
Ps. แอบอิจฉาคนไปเป็นคู่ๆ แต่มองแล้วก็รู้สึกดีค่ะ..ชอบจังเวลาเห็นคนรักกัน ^^
_____________________________________________________________________________________
ยังยืนยันว่าการเดินทางไม่เคยเป็นเรื่องไร้สาระ
ถ้าเราหมั่นหาแง่มุมให้ตัวเองได้ออกไปเจอบททดสอบ ท้าทายขีดความสามารถ
เราจะเติบโตขึ้น จิตวิญญาณของเราจะแข็งแรงและมั่นคง
กิจกรรมแอดเวนเจอร์ก็เป็นอีกบททดสอบหนึ่งของชีวิต จะก้าวหรือจะถอย?!
การตัดสินใจอยู่ที่คุณและมันก็จะสร้างนิสัยนั้นให้คุณด้วย!...
_____________________________________________________________________________________
ความธรรมดาที่ไม่ธรรมดา
ทุกอย่างดูเรียบง่าย เงียบสงบ
ก่อเกิดความรู้สึกสุขสงบทางใจเล็กๆ ให้กับคนเดินทางอย่างเรา
...ได้เห็นธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่อลังการ มหัศจรรย์เกินกว่าจินตนาการ
ความสวยงามเกินความคาดหวังทุกอย่างจริงๆค่ะ...^^
_____________________________________________________________________________________
-อรุณสวัสดิ์-
ได้เวลาไปตามล่าจุดสูงสุดกันบนยอดเขา
วิวสวยจับใจสมกับการที่ต้องเดินขึ้นเป็นกิโล การเดินทางก็สนุกอย่างนี้ล่ะค่ะ
ทดสอบความอดทน ท้าทายทั้งร่างกายและจิตใจ อาจจะมีความอยากวกกลับหลายรอบ
แต่ถ้าเราไม่ย่อท้อซะอย่าง ตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะเดินไปให้ถึงยอดเขาให้ได้
เป้าหมายก็เหมือนลูกไก่ในกำมือคุณแล้วล่ะค่ะ ^^
_____________________________________________________________________________________
ป้ายบอกระดับความสูง 1,350 เมตร เป็นจุดสูงสุด
แม้ทางเดินจะแสนไกล แต่จุดหมายปลายทางที่ไปถึงก็คุ้มค่า..
_____________________________________________________________________________________
Wherever we look, there's something to be seen.
_____________________________________________________________________________________
ได้เวลาบอกลา...ชีวิตมีพบก็ต้องมีจาก...เป็นเรื่องธรรมดา
__________________________________
ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ
ทุกสิ่งล้วนมีข้อบกพร่องทั้งนั้น..อยู่ที่ว่าจะมากหรือน้อย..
เสน่ห์ของทุกสรรพสิ่ง..อยู่ที่ความไม่สมบูรณ์แบบ
เพราะความสมบูรณ์แบบ ..มันไม่มีเสน่ห์..
(ลองมีขั้นบันใด ให้เดินขึ้น-ลง ได้แบบสบายๆ คุณว่า..ความพยายามจะยังเกิดขึ้นอีกมั๊ย?)
Ps. ขอบคุณเพื่อนใหม่ ที่ถ่ายภาพนี้ให้ค่ะ ^^
_____________________________________________________________________________________
เป็นช่วงเวลาที่เปลี่ยนชีวิตมากๆ
ได้ทำหลายอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้ แต่ก็ทำได้
(แม้กระทั่งการโบกรถคนแปลกหน้ากลับเข้ามาในเมือง...เพราะรถโดยสารหมด)
เพียงแค่เอาชนะความกลัวในใจตัวเอง นี่แหละค่ะถึงรักการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ
มันเต็มไปด้วยบททดสอบและความท้าทายที่จะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นและแข็งแรง
พร้อมที่จะเผชิญอะไรก็ตามที่จะเข้ามาในชีวิต..
ธรรมชาติมีความสวยงามและมีความมหัศจรรย์อยู่ในตัวของมัน
ธรรมชาติจะดึงดูดให้เรากลับไปหามันเสมอ เสน่ห์ของมันจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
แค่เราเปิดโอกาสให้กับตัวเองออกไปสัมผัสมันอย่างใกล้ชิด
และสร้างผลกระทบต่อธรรมชาติให้น้อยที่สุด
เราจะเห็นธรรมชาติอย่างที่มันควรจะเป็น ควรจะอยู่ ในที่ที่มันเป็นตัวของตัวมัน
ประสบการณ์ตรงจากธรรมชาติสามารถเปลี่ยนมุมมองและชีวิตของคุณได้จริงๆนะคะ
_____________________________________________________________
...หลงรักเส้นทางนี้..เป็นอะไรที่ต้องบอกตัวเองไว้เลยว่า.."จะกลับไปอีก"
Place : ดอยทูเล ท่าสองยาง จ.ตาก
Date : 5-6 ธันวาคม 2557
ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้ทุกคนหลงเข้ามาในนี้นะคะ
และขอบคุณที่ติดตามจนจบค่ะ... ^^