จุดชมวิวเขาแดง
เขาแดง อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติสามร้อยยอด ตำบลเขาแดง อำเภอกุยบุรี ประจวบคีรีขันธ์ อยู่ในหมู่บ้านเขาแดง เวลาที่เหมาะจะขึ้นไปชมวิวได้สวยที่สุดคือไปดูพระอาทิตย์ขึ้น เพราะพระอาทิตย์จะขึ้นมาจากขอบทะเลด้านบ้านเขาแดงพอดี แต่เราไปไม่ทันช่วงที่สวยที่สุด เราขึ้นไปตอนประมาณ 10โมงเช้า แดดร้อนกำลังได้ที่เลยแหละ
ตรงนี้เป็นถนนก่อนที่จะถึงจุดปีนเขา เป็นถนนยาวๆตรงๆ ด้านข้างมีภูเขาสูงเด่นตั้งอยู่เป็นแนว ท้องฟ้าและเมฆสวยมากๆวันนี้
ทริปนี้มากับเพื่อนสองคน ขับรถตาม GPS มากัน ตอนปักหมุดปักไว้ที่จุดชมวิวเขาแดง แต่แผนที่กลับพามาที่วัดแทนแต่ไม่ต้องตกใจไปค่ะ ถามแม่ค้าที่วัดว่าจุดขึ้นเขาอยู่ไหน เค้าบอกว่าเลยไปอีกนิดก็ถึงแล้วค่ะ
ป้ายทางเข้าสู่จุดปีนเขา ระยะทางเดินเท้าขึ้นเขาประมาณ 400 เมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 30 นาทีค่ะ ถ้าหยุดพักบ่อยก็อาจจะใช้เวลานานกว่านั้น
จากป้ายทางเข้ามองขึ้นไปเห็นยอดนั้นมั๊ยคะ นั่นแหละที่เรากำลังจะปีนขึ้นไป (คงยอดไหนสักยอด เราก็เดาไม่ถูกเหมือนกันค่ะ)
จุด start ตรงใกล้ๆกันนี้มีเจ้าหน้าที่ประจำทางขึ้นอยู่ 1คนค่ะ ป้ายตรงไม้กันเขียนว่า "ห้ามเข้าหลัง 16.30น" ส่วนป้ายด้านข้างเขียนว่า "กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่(ที่ทำการอุทยาน) ก่อนเวลา 8.30น. และหลังเวลา 16.30น. ฝ่าฝืนปรับ 500บาท" คงเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเองค่ะ ขึ้นเขาแดงนี้ไม่เสียค่าบริการใดๆค่ะ
เห็นภาพแบบนี้จริงๆคือถ่ายย้อนลงไปหลังจากปีนมาระยะหนึ่งแล้ว มองให้มันเป็นความชันค่ะไม่ใช่ทางเรียบๆและขึ้นมาไม่ง่ายเลย ยิ่งออกแรงเยอะ ยิ่งเดินไว เราจะยิ่งเหนื่อยเร็วค่ะ แนะนำให้ค่อยๆเดิน เหนื่อยก็นั่งพักสักแป๊บ อย่าหักโหมหรือวู่วามค่ะ
คำแนะนำในการขึ้นไปจุดชมวิวเขาแดง
ควร ใส่รองเท้าผ้าใบ เพราะวิธีการขึ้น เราต้องปีนไปตามก้อนหินที่ค่อนข้างตะปุ่มตะป่ำและแหลมคมมาก แถมยังมีความชันมาก บางครั้งต้องปีนขึ้นปีนลงก้อนหิน รองเท้าอื่นๆที่บอบบาง อาจไปกับเราได้ไม่ถึงยอดเขา ทีนี้หล่ะงานเข้าแน่นอนค่ะ
อีกอย่างคือ น้ำดื่ม เวลาเหนื่อยๆ จิบน้ำน้อยๆพอช่วยดับกระหายได้ ขวดเล็กๆพอไม่ต้องเอาขวดใหญ่ไป ลดน้ำหนักสัมภาระให้มากที่สุด ขวดน้ำนี่เราเหน็บกางเกงไว้ข้างหลัง เพราะสองมือต้องคอยปีนก้อนหินเกือบตลอดเวลา แล้วก็สะพายแค่กล้องไปตัวเดียว เคลื่อนไหวก็ระวังแค่กล้องจะไปกระแทกก้อนหินพอ (ใครจะเอาเป้ หรือกระเป๋าไปก็ได้ ตามแรงกำลังเลยค่ะ)
ขวดน้ำ ดื่มหมดขวดแล้ว เอาลงมาทิ้งด้านล่างหรือเก็บกลับไปทิ้งที่บ้านนะคะ อย่าทิ้งไว้ข้างบน เจอขยะอะไรกลางทางก็เก็บลงมาด้วย ช่วยๆกันดูแลที่ท่องเที่ยวของเราให้สะอาดสวยงามกันค่ะ
ยาหอม ยาดม ยารม ยาหม่อง เอาไปด้วย เผื่อได้ใช้ค่ะ เป็นออฟชั่นเสริม
มีเชือกให้เกาะอยู่ช่วงนึง ตรงทางที่ชันมากๆ
ปีนขึ้นไปค่ะ ร้อนก็ต้องอดทน วิวสวยๆรอเราอยู่
ตอนขึ้นๆไปบางทีก็สงสัยเหมือนกันว่า ปีนมาถูกทางหรือเปล่า เพราะไม่ได้มีป้ายบอกที่ชัดเจนแบบนี้ ตลอดทางที่ขึ้นมาจะมีป้ายที่วาดอยู่บนก้อนหิน เป็นลูกศรชี้บอกทางสีเหลือง ต้องสังเกตถึงจะหาเจอ เราใช้การดูสิ่งแวดล้อม ดูต้นไม้รอบๆทางค่ะ ถ้ามันขึ้นหนาแน่นแล้วไปไม่ได้ก็อย่าฝืนไปค่ะ ไปทางที่มันโล่งๆหน่อย เพราะคนที่ขึ้นเขานี้มีจำนวนไม่น้อย เดินกันจนก้อนหินเป็นมันแล้วในบางจุด เดินตามรอยเค้าไปค่ะ
ช่วงไหนไม่แน่ใจว่าถูกทางไหม ก็เผื่อใจดูบ้างค่ะ ถ้าปีนไปแล้วมันถึงขั้นต้องแหวกต้นไม้เดินก็คิดไว้ก่อนว่าผิดทางแล้ว กลับมาสังเหตหาป้ายลูกศรว่ามันชี้ไปทางไหนกันแน่ (เขียนจากประสบการณ์ตรง ของผู้หญิงสองคนที่ไม่ได้มีสกิลแกะรอยเท้าเท่าไหร่นัก ปกติเดินฟุตบาททางเท้าก็ไม่ต้องสังเกตอะไรมากนี่นา)
นี่ขนาดมาตอนกลางวัน ยังจ้องจะหลงขนาดนี้ ถ้ากลางคืนนี่ไม่ต้องสืบ
เหนื่อยก็พัก ไม่ไหวก็ลากจูงกันไป ยาดมเตรียมไปให้พร้อม วิงเวียนขึ้นมาก็สูดสักปื้ด สองปื้ด ให้ชื่นใจค่ะ
อากาศตอนกลางวันนั้นร้อนระอุ ยิ่งออกแรง เหงื่อก็ยิ่งไหลเป็นสายน้ำ
ถ้าเห็นป้ายแบบนี้แปลว่าอีกไม่ไกลแล้ว อีกสามโค้งจะถึงยอดแล้วค่ะ (โค้งอ้อมเขานะคะ)
ทางบนยอดเขา ใกล้ถึงแล้วพวกเรา
ปีนขึ้นไปอย่าหยุด!!! โค้งสุดท้ายแล้ว
แล้วเราสองคนก็ลากกันจนมาถึงยอดเขาจนได้ค่ะ
"สวยเหมือนในรูปเลยยยยยยย" (คำอุทานของเรา ที่ดูรีวิวคนอื่นมาเยอะ ก่อนจะมา)
ถ่ายรูปให้คุ้มกับความเหนื่อยค่ะ ด้านล่างคือหมู่บ้านเขาแดง วิวนี้เลยที่เห็นจากรีวิวคนอื่น ตอนนี้มีรีวิวเป็นของตัวเองแล้ว ต้องอวดค่ะ
ตอนขึ้นมามีน้องผู้หญิงกลุ่มหนึ่งขึ้นมาก่อนเรา ก็ช่วยน้องถ่ายรูปหมู่ให้ สลับกับน้องก็ถ่ายให้เราสองคนค่ะ
เข้าใจหัวอกการเซ้วฟี่ภาพหมู่มันจะเห็นแต่หน้าคนเต็มจอมองแทบไม่เห็นวิวสวยๆข้างหลัง ให้คนอื่นถ่ายให้ จะได้มีรูปหมู่สวยๆ กลับบ้านไปด้วย
มุมถ่ายรูปกับป้าย ที่เคยคิดว่ามัน แมสมากๆ มาถึงยอดเขาแดงนี่ขอหน่อยเถอะ รู้สึกภูมิใจกับป้ายอันนี้มากๆ ที่สามารถมาถึงจุดนี้ได้
ด้านบนไม่มีต้นไม้สูงบังแดดเลย ปิ้งย่างตัวเองกลับหน้ากลับหลังไปมาจนสุกได้ที่ เกรียมกำลังดี
ผลัดกันถ่ายมุมนั้นมุมนี้ จนสาแก่ใจแล้วก็กลับค่ะ ขาลงใช้เวลาไม่นานเลย รวดเร็ว ว่องไว ไม่กลัวหลงแล้ว เพราะมุมมองของตอนลงนั้น สังเหตุก้อนหินได้ง่ายกว่าตอนขึ้นค่ะ (ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า 5555)
กลับลงมาปลอดภัยทั้งคู่ แต่น้องที่ไปด้วยกันโดนมดป่าตัวเป้งกัดเข้าที่ข้อมือ ลงมาถึงมือบวมอย่างเห็นได้ชัด อ่านดูข้อมูลในอินเตอร์เน็ทบอกว่า พิษของมดนี้อาจทำให้เป็นอัมพาตหรือตาบอดได้ ก็บอกน้อง เก็บมือถือไปก่อน อย่าเพิ่งไปเชื่อทุกอย่างในนั้น เพราะจากคนไม่เป็นอะไรมาก อาจกลายเป็นว่าเราใกล้ตายเพราะข้อมูลผิดๆเหล่านั้นก็ได้
ปล.น้องแค่บวมปวดแสบปวดร้อนจากพิษ โชคยังดีที่ยังไม่แพ้ และทุกวันนี้น้องยังสบายดีอยู่ค่ะ
เวลาครึ่งชั่วโมงของการพิชิตยอดเขาแดงนี้ เป็นช่วงเวลาสั้นๆ กับระยะทางเพียงแค่ประมาณ 400เมตร แต่เหมือนรู้สึกว่ามันไกลมากและเหมือนเดินอยู่สักครึ่งวัน เพราะมันทั้งร้อน ทั้งเหนื่อย ทั้งต้องปีนป่าย ต้องคอยหายลูกศรบอกทาง
ไอ้ประโยคที่ตะโกนเรียกน้องข้างหน้า ว่า "หยุดพักก่อน ไม่ไหวแล้ว" ยังก้องอยู่ในหู พร้อมเสียงหอบ เหมือนหมาหอบแดด แฮ่กๆๆ
มันเป็นการเที่ยวที่แฝงด้วยการผจญภัย ไปด้วยในตัว เลยสนุกไปอีกแบบ เป็นความสนุกที่ต้องลองมาหอบแฮ่กๆด้วยตัวเองค่ะ ฟังคนอื่นเล่ามันยังไม่ได้เสี้ยวนึงของความสนุก แล้วมันจะกลายเป็นความประทับใจ ตามมาด้วยความภูมิใจ ที่จะไปเล่าให้คนอื่นฟังต่อได้ว่า
" จุดชมวิวเขาแดงหน่ะ เราไปมาแล้วหล่ะ "
ฝากติดตามเพจน้อยๆ เป็นเพจท่องเที่ยวและเม้าท์มอยแบบสบายๆ เหมือนนั่งเล่าให้เพื่อนฟัง
https://www.facebook.com/sandysohappy/
"แสนดีแฮปปี้ คนอ่านก็แฮปปี้"