CHIANGMAI TRIP : #ไปเหอะเชียงใหม่ไปง่าย 3000 เอาอยู่ !
สวัสดีพ่อแม่พี่น้องสายท่องเที่ยวทั้งหลาย ( ฮ้ายยยยยยยยยย )
/// ขอออกตัวก่อนว่านี่เป็น กระทู้แรกก็ว่าได้ที่เป็นทางการและมีสาระ 555555555
นี่เป็นครั้งแรกของการไปเชียงใหม่ การนั่งรถไฟ และการเขียนรีวิวในครั้งนี้
ผิดแผนอยู่บ้าง ยังไงก็ลองอ่านกันดูก่อนนะครับ | แอบงบบานโดยบังเอิญ O.o
#ไปเหอะเชียงใหม่ไปง่าย3000เอาอยู่ ไปเที่ยวเชียงใหม่ โดยไม่ทันตั้งตัวและไม่สนฤดูการเอาซะเลย ด้วยรถไฟ จากเมืองหลวงสู่ดินแดนล้านนา แค่งบ3000ก็เอาอยู่ ทั้งดอยหลวงเชียงดาวเอย ม่อนแจ่มเอย น้ำตกเอย แกรนด์แคนยอนเอย ดอยอินทนน์เอย เยอะแยะไปหมด ตลอด 5 วัน 4 คืน เลยอะ งบน้อยก็เที่ยวได้แค่ใจอยากไปก็พอแล้ว
ทริปนี้ที่เรkไป ไม่เน้นกิน เน้นเที่ยวตัวเมือง เพราะเราเน้นไปป่าไปเขา ไปสูดอากาศให้เต็มปอด
และเอาหน้าไปปะทะหมอกกัน
#nininchiangmai by #nininanywhere
><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><
ขอออกตัวก่อนนครับ ทริปนี้ ไม่เน้นกิน ไม่เน้นเที่ยวตัวเมือง แต่ทริปนี้จะไปป่าเขา !
- ดอยหลวงเชียงดาว ( บ้านระเบียงดาว )
- ม่อนแจ่ม ม่อนตะวัน
- น้ำตกบลาบลา (มีแวะเขื่อนแม่งัดด้วยนะ)
- ดอยอินทนนท์ และในระแวกนั้น
- ระยะทางทั้งทริปเกือบ 700 กิโลเมตร โดยรถเครื่อง (จักรยานยนต์)
- สรุปค่าใช้จ่ายตลอดทริป 5 วัน 4 คืน ในจังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทยของเรานี่เอง ; P
จุดเริ่มต้นของทริปนี้ มันเริ่มจากการไปนั่งร้านนมปั่นใกล้ๆหอกับเพื่อน อยู่ๆเราก็ถามเพื่อนขึ้นมา ว่าไปเชียงใหม่กันมั้ย (แต่ไม่ได้หวังว่าเพื่อนจะไปด้วย) เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น “ ไปดิ " เพื่อนตอบ เฮ้ย ! จริงดิทำไมมันง่ายจังเลยวะ คือเร็วมาก เร็วสุด และกระทันหันสุด และคือไปจริงจริงไม่ติงนัง
วันต่อมาเราก็เริ่มวางแผนทันทีจนเสร็จสรรพ คือได้ฤกษ์ ไปคืนวันที่ ** 09/07 -14/07 ** | ทริปนี้ไม่ได้สนใจดินฟ้าอากาศฤดูกาลแต่อย่างใด ความอยากล้วนๆ // ; พอถึงวันไป วันนั้นตลอดวันมันมีกิจกรรม บลาๆ ที่ต้องทำ ก็เลยยังไม่ได้เตรียมของ เก็บกระเป๋าอะไรทั้งนั้น
ส รุ ป ได้ว่าเราจะไปรถไฟเที่ยว 19.35 น. (ของวันที่ 09/07) แต่ทว่าวันนั้นกิจกรรมมันเสร็จก็ 18.00 น. ละ กว่าจะกลับห้อง กว่าจะเก็บของก็ปาเกือบชั่วโมงแล้ว ก็เลยออกจากห้องเวลา 19.05 น. รีบกันมาก ทั้งวิ่งทั้งเดิน เพื่อมาพบว่ารถเต็ม อ้าว ! (รถไฟเต็ม) เราได้แต่มองหน้ากันแล้วพูดว่า “ ขนาดรถไฟยังเทตูเลยอะ " แบบคือก่อนหน้านี้โดนเค้าเทมาไง เสียความรู้สึกมากอะ ทั้งสองคนเลย ก็เลยกลายมาเป็นชื่อของการเดินทางครั้งนี้แบบอึนๆ
แต่สุดท้ายชื่อมันไม่เป็นศรีมงคลแก่ชีวิตก็เลยเปลี่ยนเป็น # ไ ป เ ห อ ะ เ ชี ย ง ใ ห ม่ ไ ป ง่ า ย 3 0 0 0 เ อ า อ ยู่
หลังจากที่เราถูกรถไฟเที่ยว 19.35 น. เทนั้น เราทำได้เพียงอดทนกับความหนาวในสถานีหัวลำโพง รอรถไฟเที่ยว 22.00 น.
ระหว่างนั้น ก็เลยไปหาของกินกันฆ่าเวลา อิ๊ ! ( ฝากท้องไว้กับ KFC ที่สถานีหัวลำโพง )
(อย่าลืมตุนมื้อเช้าไว้ด้วยนะ เผื่อหิว) แล้วก็กลับมานั่งรอรถไฟเที่ยว 22.00 ซึ่งจะถึงปลายทางตอนเที่ยงของวันพรุ่ง 17 ชั่วโมงอะนะ
ก็นั่งแช่ไปดิ๊ ! ชิล ชิล และก็นึกขึ้นได้ว่าทริปที่วางไว้ของพรุ่งนี้ก็พังอะดิ โอ้ย ! ** โอเคจ้า
นี่ยังไม่ทันออกจากสถานีเลยนะเออ ความหายนะก็มารอแล้วอะ
การรอคอยก็สิ้นสุดลง รถไฟมาละดีใจจัง
แต่ดีใจใจดียังไม่ทันไร รถไฟยังไม่พ้นเขตกรุงเทพฯ เพื่อนที่มาด้วยร้องไห้เปื้อนน้ำตาอีกแล้ว
ตลอดการเดินทาง เพื่อนร่วมทางของเราส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ และมีนี่กับเพื่อนที่เป็น 2ใน5คน ของคนไทย บนขบวนรถเที่ยวนี้ หุหุ
><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><
{ Day 1 } : หลับเป็นตาย รู้สึกตัวอีกทีแสงพระอาทิตย์ก็สาดส่องมายังโลกแล้วอะ
แต่รถไฟฉึกฉักยังวิ่งอยู่และพึ่งถึงลำปางครับคุณ อีกชาติหนึ่งนู่นแหละคงถึงเชียงใหม่ แต่จะบอกว่า ในวิกฤตก็มีสิ่งดีดีซ่อนอยู่นาจา คือระหว่างที่รถไฟวิ่งอยู่และตาเริ่มมองเห็นสิ่งรอบข้าง โอ้โห!
วิวทิวทัศน์ ภูขงภูเขามันโอ่อ่าอลังการดีแท้ (ชอบมากเพราะสวยมาก) ยิ่งตอนที่รถไฟวิ่งข้ามสะพานเชื่อมที่ข้างล่างเป็นเหวอะนะ ยิ่งตื่นเต้น ใจนี่เต้นตุบตุบเล้ย ทว่าถ้านั่งเครื่องหรือรถนอนมา ก็คงจะไม่ได้เห็นอะ รู้สึกดีใจ
><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><
| ตัดภาพมาที่เชียงใหม่ เวลา 12.15 น. ถึงที่หมาย (ขอบใจเด้อ) ถึงซะทีเถอะ ลงรถปุ๊บสิ่งแรกที่ทำคือ ถ่ า ย รู ป
แวะเข้าห้องน้ำห้องท่าแป๊ปนึง ก็เดินหารถไป ร้าน Bikky Bike ที่ขนส่งอาเขต
ไปถึงร้าน เค้าบอกรถหมด เหลือ 2 คัน เค้าถามเอาคันไหน ? สุดท้ายได้ Filano 125CC (ขึ้นเขาแนะนำสุด โดยเฉพาะอีบ้านระเบียงดาวนะ ไม่อยากบรรยาย ถ้าอยากรู้มาดูเอาเอง) เออได้มาในราคา เช่าวัน 300 บาท แต่นี่เช่า 4 วัน รวม 1200 แต่สมัครสมาชิกพิเศษ (ไปดูในเว็บเอาเอง) ลดวันละ 25 บาท รวมลด 100 สุทธิจ่าย 1100 บาทสำหรับค่าเช่ารถ น้ำมันเต็มถึงว่างั้น (ตอนเอามาคืนต้องน้ำมันเท่าเดิม) ได้รถปุ๊บแว้นปั๊บ ตรงดิ่งไป แกรนด์แคนยอนที่หางดง ด่วนๆ ถึงปุ๊บ เย่ ! ดีใจจัง พอเข้าไปปั๊บ โอ้โห ฝรั่ง ฝรั่ง ฝรั่ง คน คน คน คน คน เยอะแยะไปหมด
สรุปได้ถ่ายรูปไก่กามาไม่กี่รูปเอง
(น้องของพื้นที่ในการชักภาพด้วย) คือเค้าแห่ไปเล่นน้ำกันไง อากาศมันร้อน แต่นี่ว่ายน้ำไม่เป็น ก็เลยอดไป ส่วนคนที่หวังจะไปถ่ายรูปแล้วอยากได้โอกาสตรงนี้แนะไปช่วง 4-5 โมงแต่เค้าปิด 17.30 น. นะเออ ค่าเข้า 50 บาทครับคุณ
(เอาจริงก็ไม่มีอะไรแถมค่าเข้าก็แอบแพง ถ้าไม่เล่นน้ำคือไม่คุ้ม / คหสต )
และเนื่องจากมันไม่มีอะไรมาก ก็เลยรีบไปดอยหลวงเชียงดาวดีกว่า เพราะคืนนี้ต้องค้างที่นั่น บึ่งรถเครื่องไปจ้า 103 กิโลเมตรแบบน่ารักๆ
**ลืมบอกตรงอุทยานดอยหลวงเชียงดาวมีค่าเข้าคนละ 20 นะ
ทานข้าวเสร็จอาบน้ำนอน อากาศดีไม่มีพัดลมไม่ต้องใช้แอร์ใช้แต่ผ้าห่มและยาทากันยุง 8>
><><><><><><>><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><
{ Day 2, } ; นี่ตั้งนากาปลุก 05.00 น. รีบตื่นนะจ๊ะ แหกขี้หูขี้ตาขึ้นมาดู หมอกมันเคลื่อนเข้าช่องเขาตรงหน้าที่พักอะ อีตรงจุดที่มีม้านั่ง คนฮิตๆไปถ่ายรูปนั่นอะ อีหมอกนั่นจะขึ้นมาแค่ตอนเช้ารอบเดียว และรีบถ่ายรูปนะ ก่อนมันจะฟุ้งและลอยเข้าหาตัวเรา (หูว์ มันดีย์จริงๆ) และหายไปเลย
(หมอกเยอะจริง แต่มีเยอะกว่านี้ อ่านต่อไป) หลังจากเดินดุ่มๆ แถวนั้นถ่ายรูปไก่กาซักพัก เริ่มหิวก็เลยจัด สุกี้แห้งผักจากโครงการหลวงหนองหอย (คือโนเนื้อสัตว์ เปรี้ยวมากและเผ็ดสุด) ราคา 80 บาท มีของกินอื่นๆด้วยนะ จะเป็นกับข้าวก็มีนะ
\ \ ระหว่างนั้นฝนก็เทลงมา เทลงมา เทลงมา บวกกับแบตมือถือกำลังจะหมด ก็เลยนั่งชาร์จไฟแป๊ปนึง จน 15.20 น. เลยตัดสินใจย้ายแหล่งไปม่อนอื่น อีกม่อนคือ ม่อนตะวัน แต่ทว่าอีม่อนตะวันกำลังต่อเติมและรีโน โมดิฟายอยู่ คือไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่(แต่ก็อยากให้ไปเห็นด้วยตาตัวเอง) แต่ก่อนถึงม่อนตะวันนะ มันจะมีจุดชมวิวซึ่งไม่รู้ชื่อจุดอะไร สงสัยคงชื่อจุดชมวิวนั่นแหละข้างๆศาลาชมวิว มีเสาสัญญาณของทรู คลื่นทรูจึงเต็มและเร็วจี๊ดจ๊าดมาก live facebook อัดคงอัดคลิปไปอวดชาวบ้านชาวช่องได้สบายๆเลยจ้า (จุดชมวิวคือพีคและขอดอกจันทน์ไว้อีกที่) จากนั้นมันก็ไม่ค่อยมีที่ไปต่อแล้วม่อนต่างๆก็เฉยๆสำหรับนี่ (คหสต)
**ขออวย บ้านระเบียงดาวหน่อยนะ ที่นี่เค้าอยู่กันน่ารักมาก สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของความเป็นเครือญาติ ทำให้รู้สึกเหมือนเค้ากำลังดูแลเราเหมือนคนในครอบครัว (ดูเว่อไปปะ แต่รู้สึกแบบนั้นจริง) พูดแล้วก็คิดถึง ช่วงเวลานั้นกับการตื่นมาแต่เช้าเพื่อรอดูหมอกมันเคลื่อน อากาศเย็นเย็น บวกกับกลิ่นกาแฟตอนเช้า มันโคตรฟิน มันอิ่มอกอิ่มใจ ไงไม่รู้บอกไม่ถูก รู้สึกอินหนักมากและอิจฉาคนที่อยู่ที่นั่นหนักมาก ชีวิตเค้าดีนะเนอะไม่ต้องเร่งรีบแบบวิถีคนเมือง
ต่อต่อ / สุดท้ายไม่รู้จะไปไหนกลัวค่ำก่อนก็เลยกลับเข้าเมืองดีกว่า ระหว่างทางลงเขา จะมีสวนพฤกษศาสตร์อยู่ขวามือ ปิด 16.30 น. รีบมากไม่มีรูป(เสียใจเล็กน้อย) ค่าเข้า นักศึกษา 40 บาทลด 50% ผู้ใหญ่วัยโต 50 บาท ขับลงมาอีกนิดนึงมีน้ำตกมาสาน้อย และน้ำตกแม่สา แต่เขตน้ำตกปิด 16.30 น. เช่นกัน สรุปว่าอดจ้า ต้องจำยอมกลับเมือง คืนนี้(คืนที่2) เราพักที่ Your space hostel ราคาน่ารักเริ่มต้น 150 บาท (หาข้อมูลเอาโลด) ห้องพัดลมนะ แต่เรานอนแอร์ไง ราคา 200 บาท/คืน ดีย์ไปอี๊ก ! มีค่ามัดจำคีย์การ์ด 100 บาทด้วยนะครัช
(เฮ้ยๆ ขอพูดถึงนิดนึง ที่ ur space เนี่ยะ เค้าบริการดีจริงๆ ถึงมันจะเป็น Hostel แต่สะอาดมากและสะดวกสบายด้วยนะ
ทั้งป้าแม่บ้าน พี่นุ่ม และพี่ต่างๆ เค้าน่ารักมาก ชอบตรงที่พี่เค้าอู้กำเมืองยิ่งน่ารักไปใหญ่)
และที่นี่คือที่พักในคืนนี้
*******/ ส่วนของกินทริปนี้เราไม่เน้นอะไรเลย เรามาแบบจนๆ เน้นไปให้ทั่วเที่ยวให้ทั่วเป็นพอ ******
><><><><><><>><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><
{ Day 3, }
ทูเด้ย์ ! จุดหมายปลายทางของเราคือ ดอยอินทนนท์ กิ่วแม่ปาน และอื่นๆ ระแวกนั้น และค้างคืนที่นั่น 1 คืน
- เราตั้งนากาปลุก 07.00 น. ล้อหมุน 08.00 น. แต่ด้วยความขี้เกียจอันเนื่องมาจากเตียงมันนุ่มมาก ออกจริงจริง 09.20 น. โดยประมาณ เราเลือกเฉพาะของที่จำเป็นต้องใช้ไป แล้วฝากของบางส่วนไว้ที่ Your Space ไหนไหนคืนสุดท้ายก็ต้องกลับมาค้างที่นี่ ฝากที่นี่ไว้เลยละกันอิอิ
| แถมละกัน ภาพสุดท้ายเนี่ยะเป็นวิวจากปลายเตียงครับผม ฟินมากฮะ ตื่นมาพร้อมกันวิวดอยสุเทพ บวกกับอากาศเย็นในห้อง
มันสุดจริงๆ เล้ยอยากหลับต่อ |
/ / ระยะทางจากตัวเมืองไปดอยอินทนนท์ 130 กิโลเมตรเบาๆ วิ่งรถเครื่อง 2 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว โธ่จิ๊บๆ แต่เราแวะทานข้าวระหว่างทาง จากนั้นแว๊นรถต่อเล้ย !!
(ด่านอยู่ถัดจากจุดบริการที่พักขึ้นไปนะ) ขับไปเรื่อยๆถึงเรื่อยๆ จะเจอที่ติดต่อที่พักอยู่ขวามือ เราวางแผนไว้ว่าจะเช่าเต็นท์ ราคา 250 บาท แต่เนื่องจากมันหน้าฝน ทางอุทยานงดให้บริการเต็นท์ จึงเหลือแต่บ้านพัก ก็มีหลายราคา ตั้งแต่ 1000 - 3500 บาท (จึงทำให้งบเราบานไปคนละ 200 กว่าบาท)
, ไปต่อเลยจ้า อีก 13 หรือ 16 กิโลเมตรเนี่ยะแหละ มันคือความทรหดอันแสนสุดในชีวิต ทางขึ้นชันมาก บวกกับฝนตกถนนลื่นมาก ระหว่างทางก็เริ่มมีหมอกบ้าง แต่หมอกลงหนาสุดๆ ที่ พระมหาธาตุ(นภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ)
เริ่มเพลาลง
ก็เลยขับรถต่อ แต่ความซวยที่แท้จริงก็มาเยือน นอกจากจะโดนฝนเท หมอกเท ด้วยแล้ว น้ำมันรถกำลังจะหมด ขีดสุดท้ายเริ่มกระพริบเตือนใจ โหยยิ่งรู้สึกหดหู่และท้อแท้ไปใหญ่ ไม่นึกว่าฤดูฝนบนดอยจะรุนแรงขนาดนี้ ขับไปบีบแตรไปตลอดทางเพราะมองเห็นทางแค่ระยะ 3 เมตรเท่านั้น ไปถึงกิ่วแม่ปานซ้ายมือ อุ๊แม่เจ้า ! ขาวโพลนไปหมดอีกแล้วไม่เห็นทิวทัศน์อะไรทั้งนั้น และก็ต้องผิดหวังอีก สำหรับใครที่จะมาดูพระอาทิตย์ขึ้นต้องฤดูหนาวเท่านั้นช่วงปลายปี ฤดูฝนหมอกลงแบบนี้ตลอด (อันตรายมากสำหรับรถเล็กเพราะมองไม่เห็นทางเลย)
อีก 5 กิโล ต่อจากกิ่วแม่ปานนี้คือจุดมุ่งหมายที่แท้จริง ด้วยทั้งความฝนตก ความหมอกลง ความเปียก ทำให้เกิดความหนาวเหน็บ มือแข็ง แข็งทุกส่วนของร่างกาย น้ำมันรถก็จะหมด ความรู้สึกมันดิ่งลึกลงสู่ก้นเหวตลอดเวลา ลองคิดภาพตามนะ มันทั้งหนาว ทั้งเปียกและด้วยใส่ขาสั้นเสื้อยืดธรรมดา ไม่มีเสื้อแขนยาว คือมีชีวิตรอดขึ้นไปถึงยอดดอยก็เก่งมากแล้ว ไปถึงบนยอดเวลา 15.30 น. หมอกกับฝนทำหน้าที่ผสานกันได้ดีเกิ้น ! ( ช่างทำรุนแรงเหลือเกิน เกินใจของคนจะทน ) เลยไปหลบฝนตรงป้อมเจ้าหน้าที่ทหารอากาศ ทั้งหนาวทั้งสั่นทั้งเปียก ความรู้สึกตอนนั้น ทแม่รู้นะคงเป็นลมแน่ๆ เพราะรอบนี้หนีที่บ้านไปเที่ยว
เค้าก็ใจดีนะ บอกให้เข้าไปหลบข้างใน หน้าดีและยังใจดีไปอีก ซักพักเราถามว่าพระธาตุไปทางไหนเค้าก็บอกทาง แต่เราก็ลังเลที่จะไป เพราะฝนมันตกแรงขึ้นอีก ลมพัดเอาหมอกมากระแทกร่างนี่แทบปลิวเถอะ โชคดีหรือเปล่าไม่รู้ มีคนขับรถยนต์ขึ้นมาเราก็เลยทำเป็นเดินเกาะกลุ่มไปกับเค้า เข้าไปถ่ายรูปกับ ป้ายบ้าง หมุดที่ตอกอยู่ตรงจุดสูงสุดบ้าง และก็พระธาตุอัฐิของเจ้าเมืองเชียงใหม่ ขอพรให้ฝนหยุดตก แต่ก็ไม่เป็นผลแต่อย่างใด 555555555
/ / สุดท้ายเลยเดินกลับมาที่ป้อม ซึ่งพระธาตุที่สวยๆสวนดอกไม้งามๆอะ อยู่ข้างใน (ไปรอบนี้คืออด) และด้วยเวลา 16.46 น. หมอกลงหนัก จนเจ้าหน้าที่เค้ามาบอกว่า ถ้าอยู่นานกว่านี้จะลงไปไม่ได้แล้ว หมอกจะหนักกว่านี้อีก ก็เลยกลับ สรุปคือพลาด ขากลับตลอดทางภาวนาให้รถอย่าดับนะ ขอร้องจริงๆ ไหว้หละ ขอกลับไปให้ถึงจุดบริการที่พักเถอะ 15-16 กิโล ไถลรถลงไปเรื่อยๆบีบแตรตลอดทาง ไม่มีรถสวนขึ้นมาซักคัน เหงาสุดหัวใจ
คือ กำลังจะบอกว่ารถของนี่คือคันสุดท้ายที่ลงจากยอดดอย โอ้โหห รู้สึกพิเศษสุดในความเป็นส่วนตัวครั้งนี้
กำเบรคอย่างเดียว กำจนมิดมืออะ แต่รถก็ยังไถลลงไปอย่างไว ยังกะติดไอพ่น ผ่านกิ่วแม่ปานเหมือนมันร้างไปนานมาก ไร้ซึ่งวี่แววมนุษย์ อื้อหือ หวิวๆไปอีก ผ่านพระธาตุลงมาก็ไม่มีใครเล้ย ไปเรือยๆจนถึงจุดบริการที่พัก เริ่มหัวใจชื้นขึ้นมาบ้าง บังเอิญมีตู้เติมน้ำมันอัตโนมือ อยู่ข้างทาง หึหึในความโชคซวยก็มีความโชคช่วยอยู่นะเออ เติมน้ำมันเสร็จสบายใจแล้วทีนี้ หาข้าวทานจนเสร็จสรรพก็กลับที่พัก ไปอาบน้ำนอน (คือเหนื่อยจริงจังอะไม่เคยทรหดขนาดนี้)
><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><
{ Day 4, }
| อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว อยากจะบอกว่า สถานการณ์ ณ เวลานั้นมัน Extreme กว่านี้เยอะ แต่ก็พยายามจะเขียนให้เข้าถึงกับความรู้สึกตอนนั้นมากที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่อยากให้ไปลองเองมากกว่า เป็นประสบการณ์ชีวิต 555555555555 * / / มาต่อกัน วันสุดท้ายแล้วอะที่จะได้เที่ยว ใจจริงไม่อยากกลับเมืองหลวงเลย ชีวิตที่นี่มันดีมากอะชอบเชียงใหม่ , วันนี้จริงๆคือไม่มีแพลนไปไหนเลย ฟรี 1 วัน
ตั้งนากาปลุก 07.00 ตื่นจริง 08.00 ออกจริง 09.30 น. วันนี้โนแพลนคือไปเรื่อยๆอยากแวะก็แวะ ตอนแรกเพื่อนบอกไปแม่กำปองมั้ย บ้า! 180 กิโล แดดแรงขนาดนี้ไม่ไหวครับ ยอมแพ้ ก็เลยไปโครงการหลวงใกล้ๆที่พัก ค่าเข้า 20 บาท ถ่ายรูปได้ มีหงส์ดำหลายตัว มีหงส์ขาวตัวเดียว
ซึ่งมันหยิ่งมาก เล่นตัวสุดสุด
*** เพิ่มเติมนิดนึง คือเราก็มีรถใช่มั้ย ตอนกลางคืนก็ออกไปทานข้าวบ้างไรบ้าง ไหนไหนก็วันสุดท้ายแล้ว ก็เลยไปกันที่ กาแลไนท์บาร์ซ่า อยู่ตรงไหนลองค้นดูเอานะ มีของขายเยอะแยะเลย เสื้อพงเสื้อผ้า ของฝากจิปาถะบลาบลา
><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><
\ แต่ว่าความแน่นอนคือความไม่แน่นอน เช้าวันกลับ การดีดตัวออกจากที่นอนกลายเป็นเรื่องที่ยากที่สุดในชีวิต ตั้งนากาปลุก 05.30 กะจะออก 06.00 เอามอไซแสนรักไปคืน ละกลับรถไฟฟรีฉึกฉัก แต่ทุกอย่างกลายเป็นออก 08.30 น. ละต้องไปขนส่งอาเขต ถึงค่อยมาสถานีรถไฟ มาถึงเราก็สตั้นอย่างแรง รถไฟเป็นสปรินเตอร์ ตั๋ว 641 บาทเงิบกัน (งบบานอีกครั้ง) แต่อีก 2 นาที รถออก ไม่อยากรอแล้ว ก็เลยคิดซะว่าซื้อตั๋วชมวิว เชียงใหม่ - กรุงเทพฯ แล้วกัน (บนรถมีอาหาร 1 มื้อ ของว่าง 2 รอบ)
ถึงเมืองหลวง 19.40 น. " เป็นอันว่าจบการท่องเที่ยวครานี้ "
><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><
สรุปค่าใช้จ่ายแป๊ปนึง แบบไม่วุ่นวายค่ากินนะ
สรุปค่าใช้จ่าย ต่อ 1 คนแต่มา 2 คนนะ
1.รถไฟขามา 271ต่อคน บาทจากหัวลำโพงรอบ 22.00 น. (แนะนำรอบนี้เพราะตื่นเช้าจะได้ชมวิวข้างทางขามาเป็นพรีทริป)
2.ค่ารถจากสถานีรถไฟเชียงใหม่ไป ขนส่งอาเขต 35 บาท 2 คน 70.-
3.ค่าเช่า Bikky bike 4 วัน วันละ 300.- รวม 1200.- แต่สมัครสมาชิกพิเศษ ลดวันละ 25.- สุทธิจ่าย ค่ารถ 1100/2 คนละ 550 (ค่าน้ำมันไปกันประมาณ700กิโล เติมไป 330/2 คนละ 165 บาท
4.ค่าที่พักคืนแรกบ้านระเบียงดาว(ดอยหลวงเชียงดาว 500/คน(รวมอาหารเย็นและเช้า)
คืนที่2และ4 พัก Your space hostel (ห้องแอร์คืน 200.- ) สุทธิ 400 ต่อคน
คืนที่สาม พักบนดอยอินทนนท์ (แพลนว่าจะจองเต็นท์แต่ผิดแพลน) พักบ้านพักอุทยาน 1000.- (ฤดูฝนลด 30%) เหลือ 700/2 คนละ 350 บาท
4.ค่าเข้าดอยหลวงเชียงดาว คนละ 205.ค่าเข้าชมสวนพฤกษศาสตร์ คนละ 40 (นศเหลือ20)
6.ค่าเข้า Grand canyon คนละ 50
7.ค่าเข้าอุทยานดอยอินทนนท์ คนละ 50 มีมอไซเก็บเพิ่มคันละ 20 คนละ 60
8.ค่าเข้าโครงการหลวงคนละ20
9.ค่าเข้าพระธาตุนภเมทนีดล (บนดอยอินทนนท์) คนละ 40
10.ค่ารถจาก ขนส่งอาเขตไป สถานีรถไฟคนละ 40
= 2,521 บาท / ราคานี้ไม่รวมค่ารถไฟสปรินเตอร์ขากลับนะครับ อิอิ จริงๆ ต้องกลับรถไฟฟรี ^^
(ไม่รวมค่ากิน คือค่ากินมันถูกมากเว้ยตามใจเลย) 5 วัน 4 คืน เที่ยวขนาดนี้มันแบบดีมากอะ ต้องมาๆเชียงใหม่ สายภูเขาพลาดไม่ได้ คิดเล่นๆ งบ 3500 ที่มากันเนี่ยะ / คือรอดอะ ที่พักสบายๆไม่ลำบาก
*** ค่าใช้จ่ายหลักก็ประมาณนี้ครับผม ถ้าแพลนมาดี ไม่ปรับเลยก็น่าจะประหยัดตามเป้า แต่ไปเที่ยวทั้งทีครับ ก็ลงทุนนิดนึง
เท่าที่พอไหว ถือซะว่าเป็นประสบการณ์ มันคุ้มค่ามากครับ (ขอย้ำอีกที)
*ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามตั้งแต่ต้นจนถึงตรงนี้ ขอบคุณทุกสิ่งอย่างตลอดการเดินทางครั้งนี้ ขอบคุณที่ผ่านไปด้วยดี
ไว้เจอกันโอกาสต่อไป สวัสดีครับ
#ปล.จริงๆมีรูปอีกเยอะมากที่อยากจะลงให้ได้ดูกัน แต่เดี๋ยวจะรกเกินไป ^^'
ส่วนเรื่องที่พัก และพาหนะ สามารถหาข้อมูลได้ใน Google เลยนะครับ หรือสอบถามได้ครับ ( :