3 วัน 2 คืน กับ 10 แลนด์มาร์คในเชียงราย
หากคุณกำลังอยากจะไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง
ที่ได้พักผ่อนแบบใกล้ชิดธรรมชาติ แถมยังมีความโดดเด่นทางศิลปะ
“ เชียงราย “
คงเป็นหนึ่งจังหวัดที่จะเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่คุณจะนึกถึง
เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและอากาศดีมาก
นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวเชียงรายกันในช่วงปลายปี
เพราะจะได้สัมผัสอากาศที่แสนจะสดชื่นในฤดูหนาวและยังมีโอกาสได้เห็นทะเลหมอกสวยๆตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่สำคัญของเชียงรายอีกด้วย
เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขามากมาย
ถึงแม้จังหวัดเชียงรายจะเป็นจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศ
แต่การเดินทางไปท่องเที่ยวจังหวัดเชียงรายนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย
เพราะมีไฟลท์บินตรงไปลงที่เชียงรายเยอะมาก ใช้เวลาเดินทางชั่วโมงนิดๆเท่านั้น
ก่อนการเดินทางเพื่อความอุ่นใจ ผมแนะนำให้ซื้อประกันการเดินทางติดตัวไว้
แม้จะเป็นการเดินทางในประเทศก็ควรมี เพราะจะได้ไม่ต้องมากังวลระหว่างเดินทาง
ผมมีประกันการเดินทางที่ “ดีที่สุด”
และราคาก็ถูกแสนถูกแถมความคุ้มครองก็สูงมากๆมาแนะนำ
ประกันเดินทางในประเทศ TIP FLY SURE จากทิพยประกันภัย
เบี้ยประกันเที่ยวเดียวแค่ 55 บาท ไป-กลับแค่ 129 บาท แต่คุ้มครองสูดสุดถึง 4,000,000 บาท
แค่ตัดเงินผ่านบัตรเครดิต ก็รอรับกรมธรรม์ทางอีเมลได้เลย
ขั้นตอนง่ายๆที่หลายคนไม่รู้ก็คือ เวลาเราจองตั๋วเครื่องบิน
ส่วนใหญ่จะไปเลือกซื้อประกันการเดินทางกับสายการบินซึ่งมีราคาสูงกว่า
ทริกเล็กๆน้อย ๆ แค่ เลือกไม่ซื้อประกันการเดินทางกับสายการบิน
จากนั้นมาซื้อประกัน TIP FLY SURE ผ่านหน้าเว็บไซต์
ยิ่งบินหลายคนยิ่งประหยัดแถมความคุ้มครองที่ดีกว่าอีกต่างหาก
มีประกันเดินทางพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลย
ไปดูกันว่าใน 3วัน2คืน กับ 10 แลนด์มาร์คในเชียงราย
จะมีที่ไหนกันบ้าง !!!
1. ภูชี้ฟ้า
เป็นภูเขารูปทรงแปลกตา ปลายชี้ขึ้นไปบนฟ้าที่มีลักษณะเป็นภูเขาสูงทำมุม 45 องศา
ซึ่งเป็นวนอุทยานที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากเพราะในตอนเช้า
จะเป็นจุดที่สามารถมายืนดูพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกได้ที่นี่ สวยจริงๆนะ
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : จากตัวเมืองเชียงรายระยะทางประมาณ 108 กิโลเมตร โดยใช้เส้นทางเชียงราย - เทิง ระยะทาง 64 กิโลเมตร และจากเทิง - ปางค่า ระยะทาง 24 กิโลเมตร จากนั้นเป็นลูกรังถึงภูชี้ฟ้าระยะทาง 19 กิโลเมตร
2. ภูชี้ดาว
จุดชมวิวแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเชียงราย ซึ่งการเดินทางไปภูชี้ดาวนั้น
จะต้องนั่ง 4x4 ของชาวบ้านขึ้นไป และเดินเท้าขึ้นไปที่ยอดภูชี้ดาวอีก 200 เมตร
ซึ่งวิวด้านบนนั้นสามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศาซึ่งสวยมากๆ
มองเห็นทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาว แถมยังเป็นจุดที่สามารถมาชมทะเลหมอกได้แบบฟินๆ
ค่าเข้าชม : ฟรี (แต่ต้องนั่ง 4x4 ขึ้นไป สอบถามจ้างรถจากชาวบ้านตรงทางขี้น)
การเดินทาง : ใช้เส้นทางภูชี้ฟ้า – ผาตั้ง ระยะห่างจากภูชี้ฟ้าไปภูชี้ดาว ประมาณ 12 กม. จะเข้าสู่หมู่บ้านร่มโพธิ์เงิน ขับรถจนถึงหมู่ 11 จะมีป้ายภูชี้ดาว อยู่ด้านขวามือ จอดรถด้านล่างและนั่ง 4x4 ขึ้นไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตรเป็นทางลูกรัง และ ต้องเดินเท้าต่อขึ้นไปอีกประมาณ 200 เมตร
3. ดอยผาตั้ง
เป็นจุดชมวิวที่มีความสวยงามมากๆ สามารถมาดูได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่นี่
เพราะวิวที่จุดชมวิวเนิน 102 และ 103 นั้นสามารถมองเห็นวิวได้แบบ 360 องศาเลย
แต่การเดินทางไปยังจุดชมวิวจะต้องใช้การเดินเท้าประมาณ 1 กิโลเมตร
ไปยังจุดชมวิว 103 ที่สูงที่สุด นอกจากนี้ยังมีประตูรักแห่งขุนเขาที่คู่รักนิยมมาจับมือ
เดินผ่านช่องเขาตรงนี้เพื่อเสริมความรักให้มั่นคงอีกด้วย
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : จากจังหวัดเชียงราย ใช้เส้นทางเชียงราย-เวียงชัย-พญาเม็งราย-บ้านเต่า (ทางหลวงหมายเลข 1233, 1173 และ 1152) 50 กิโลเมตร บ้านเต่า-บ้านท่าเจริญ (ทางหลวง 1020) 45 กิโลเมตร บ้านท่าเจริญ-เวียงแก่น-ปางหัด (ทางหลวง 1155) 17 กิโลเมตร และปางหัด-ดอยผาตั้ง อีก 15 กิโลเมตร แล้วเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ1 กิโลเมตร จึงจะถึงจุดชมวิว 103 สภาพเส้นทางบางช่วงสูงชัน
4. สิงห์ปาร์ค [ ไร่บุญรอด ]
แลนด์มาร์คสำคัญของเชียงรายที่ใครมาเยือนต้องห้ามพลาด
ที่ไร่บุญรอดมีจุดให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชมมากมาย ทั้งไร่ชา ทุ่งดอกไม้ ปั่นจักรยาน
นอนเต็นท์แคมป์ปิ้ง กิจกรรมแอดเวนเจอร์ต่างๆ ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและเครื่องดื่มไว้บริการอย่างครบครัน
เรียกได้ว่ามาใช้เวลาที่นี่ได้ทั้งวันเลยทีเดียว
ค่าเข้าชม : ค่าเข้าฟรี แต่ในส่วนกิจกรรมอื่นๆมีค่าใช้จ่าย
การเดินทาง : ไร่บุญรอดตั้งอยู่ริมถนน 1211 หรือถนนสายเด่นห้า-ดงมะดะ ห่างจากตัวเมืองเชียงรายไปประมาณ 16 กิโลเมตร ที่นี่ไม่มีรถประจำทางผ่านต้องไปด้วยรถส่วนตัวหรือไม่ก็ต้องเหมาสองแถวรับจ้างเข้าไป
5. วัดห้วยปลากั้ง
เป็นอีกหนึ่งวัดที่สวยงามในเชียงราย
มีเนินเขารอบวัดสามารถเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
สิ่งที่โดดเด่นของวัดนี้ คือ " พบโชคธรรมเจดีย์ " ซึ่งสวยงามมากๆ
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : ใช้เส้นทางถนนพหลโยธินฝั่งขาขึ้นสู่จังหวัดเชียงราย ผ่านห้าแยกอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ผ่านสะพานข้ามแม่น้ำกก ลงสะพานให้เลี้ยวซ้ายตรงบริเวณแยกไฟแดงเข้าสู่บ้านใหม่ตำบลริมกก มุ่งหน้าผ่านร้านอาหารเอกโอชาจนเจอ 3 แยก ให้เลี้ยวขวาไปทางตำบลแม่ยาว ผ่านไปประมาณ 1 กิโลเมตร สังเกตุจากป้ายบอกทาง ทางเข้าวัดจะอยู่ฝั่งขวามือของถนน ขับไปตามเส้นทางที่ป้ายบอก
6. วัดพระธาตุดอยเขาควาย
ชื่อนี้อาจจะไม่คุ้นหูเท่าไรนักสำหรับนักท่องเที่ยว
แต่ถือเป็นจุดแลนด์มาร์คที่สวยงามมากๆ เพราะวิวบนวัดนี้
สามารถมองเห็นเมืองเชียงรายได้ทั้งเมืองและในยามเช้าสามารถขึ้นมาชมหมอก
ที่ลอยปกคลุมเมืองเชียงรายทั้งเมืองได้อีกด้วยโดยสามารถขับรถส่วนตัวขึ้นมาได้
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : ห่างจากตัวเมืองเชียงรายไปตามถนนราชโยธา ประมาณ 3 กิโลเมตร จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยหนองปึ๋ง 1 ขึ้นดอยไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร
พิกัด GPS : 19.886213,99.810716
7. ไร่ชาฉุยฟง
ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ ปัจจุบันมี 2 แห่ง ที่ อ. แม่จัน และ อ.แม่ฟ้าหลวง
ซึ่งภายในไร่ชาจะมีจุดชมวิว และ ร้านค้า ร้านอาหาร มีชาและเบเกอร์รี่ขาย
ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมมาชมวิว จิบชากันที่นี่อย่างล้นหลาม
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง :
- ไร่ชาฉุยฟง อำเภอแม่จัน จากถนนสายหลักเชียงราย - แม่สาย มาถึงเขตอำเภอแม่จัน ตรงแยกป่าซาง ที่จะไปดอยตุง แม่สลอง ให้เลี้ยวเข้าไปจากนั้นขับรถตรงไปเรื่อย มีป้ายบอกตลอดทางขับตรงไปประมาณ 15 จะถึงทางเลี้ยว มีป้ายบอกไปไร่ชาฉุยฟงตรงทางเลี้ยว ให้เลี้ยวขวาขับไปตามเส้นทางเรื่อยๆ จะถึงไร่ชา
- ไร่ชาฉุยฟง อำเภอแม่ฟ้าหลวง การเดินทางจากทางแยกขึ้นดอยแม่สลองที่บ.ป่าซางถึงสามแยกอีก้อ (ด่านตรวจ) เลี้ยวซ้ายไปแม่สลอง แล้วให้เลี้ยวขวาไปบ้านเทอดไทย จากบ้านเทอดไทยตรงไปบ้านพญาไพรประมาณ 10 กม. เจอสามแยกให้เลี้ยวซ้ายไปประมาณ 2 กม. เจอป้ายหมู้บ้าน พญาไพรเล่าจ่อ ให้เลี้ยวขวาขึ้นไปเป็นเส้นทางลาดปูนสองเส้นพอให้วางล้อได้ขับขึ้นไปประมาณ 100 เมตร จะเจอฐานปฏิบัติการทหาร ผ่านไปอีกประมาณ 100เมตรไร่ชาฉุยฟงจะอยู่ด้านหน้าของเราสามารถขับรถเข้าไปเที่ยวได้
8. วัดร่องขุ่น
ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่ต้องไปเมื่อไปถึงจังหวัดเชียงราย
วัดนี้ออกแบบและก่อสร้างโดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
ไม่ว่าจะมองมุมไหน ภายในภายนอกวัด ก็สวยงามมากๆ
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : ถนนสายเชียงราย-กรุงเทพฯ ถ้ามาจากกรุงเทพฯ หรือเชียงใหม่ วัดร่องขุ่นจะอยู่ก่อนถึงตัวเมืองเชียงราย 13 กิโลเมตร จะมีป้ายบอกเป็นระยะ
9. พิพิธภัณฑ์บ้านดำ
สร้างขึ้นโดย อ.ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ ภายในมีงานศิลปะสวยๆมากมาย
เช่นงานแกะสลักไม้ลวดลายต่างๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะเป็นอย่างยิ่ง
ถึงแม้ อ.ถวัลย์ จะถึงแก่อนิจกรรมไปแล้ว แต่พิพิธภัณฑ์บ้านดำยังเปิด
ให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมตามปกติ
ค่าเข้าชม : 80 บาท เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น.
การเดินทาง : ใช้ถนนเส้น ซุปเปอร์ไฮเวย์ตรงไปทางแม่สาย ผ่านมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายไปประมาณ 3 กิโลเมตร ถึงหมู่บ้านนางแล ให้สังเกตซ้ายมือจะเป็นบริษัทเสริมสุขหรือบริษัทเป๊ปซี่จะมีป้ายบอกทางเป็นระยะ เข้าจากปากซอยถึงบ้านดำ ก็ประมาณ 300 เมตร
10. Tree Top Walk
สะพานไม้นี้เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนเรือนยอดไม้
โดยตั้งอยู่ในสวนแม่ฟ้าหลวง มีระยะทางทั้งหมดประมาณ 300 เมตร
บนความสูง 10-20 เมตร ไล่เลี่ยกันไปตามความสูงของต้นไม้
ซึ่งเจ้าหน้าที่จะแนะนำให้นักท่องเที่ยวแต่งตัวรัดกุมและลแนะนำการใช้งานพร้อมกับ
สวมอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยก่อนที่จะเริ่มการเดินบน Tree Top Walk ทุกครั้ง
ค่าเข้าชม : 150 บาท (ต้องซื้อตั๋วเข้ามาภายในสวนแม่ฟ้าหลวงก่อน 90 บาท)
การเดินทาง : สะพานนี้อยู่ภายในสวนแม่ฟ้าหลวง ดอยตุง จากตัวเมืองเชียงรายใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 (เชียงราย - แม่สาย) ระยะทางประมาณ 45 กิโลเมตร ถึงบริเวณ กม. 870-871 มีป้ายบอกทางแยกซ้ายไปพระตำหนักดอยตุงเป็นระยะทางอีก 17 กิโลเมตร
จริง ๆ เชียงรายยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยๆอีกหลายแห่ง
แต่อาจจะต้องใช้เวลามากกว่านี้หากจะเที่ยวให้ทั่ว
แต่สำหรับ 3 วัน 2 คืน 10 แลนด์มาร์คพวกนี้สามารถเก็บได้หมดครับ
หวังว่าเพื่อนๆคงถูกใจกับจุดแลนด์มาร์คที่ผมแนะนำไปไม่มากก็น้อยนะครับ
ฝากติดตามทริปอื่นๆกันได้ที่
อยากเที่ยวตามมา
ม่อนจุก