ถ้าเป็นเมื่อก่อนพูดถึงจังหวัดที่อยากไป ระนองไม่เคยอยู่ในลิตรายชื่อต้นๆที่อยากไปเลย แต่หลังจากที่ไปมาครั้งแรก ก็มีครั้งที่2,3มาเรื่อยๆ จนอยากกลับไปซ้ำๆ รู้สึกตอนนี้กลับหลงรัก
จังหวัดเล็กๆจังหวัดนี้เข้าแล้ว บอกเลยระนองเป็นเมืองรองที่ไม่ธรรมดาจริงๆ มีป่า มีเขา มีน้ำตก มีทะเล มีธรรมชาติที่น่าค้นหา มีธรรมชาติที่สวยงาม ผู้คนน่ารักเป็นกันเอง
เรียกว่าเป็นเมืองที่มีเสน่ห์เมืองนึง แถมไปเที่ยวทะเลพม่าได้ที่น้ำใสๆอย่างกับมัลดีฟส์ ปะการังสมบูรณ์มาก นั่งเรือแค่ชั่วโมงเศษๆ ใช้แค่บัตรปชช.ใบเดียว ตอนนี้มีเปิดหลายเกาะด้วย ยกตัวอย่าง เช่น เกาะคอกเบริ์น นาวโอพี ซาลิ บรูเออร์ เกาะหัวใจมรกต ล่าสุดนาคินโย แต่ล่ะเกาะน่าไปทั้งนั้นส่วนเกาะทางฝั่งระนอง ก็จะมีเกาะช้าง เกาะพยาม เกาะกำ อยู่ในลิตที่อยากไปมาก
ทริปนี้ผมไป 3 วัน 2 คืน ไปกับเพื่อน 5 คน ไปกันแบบลุยๆไม่ได้มีแพลนอะไรมาก ขาไปนั่งเครื่อง ขากลับนั่งรถทัวร์
ติดตามรีวิวสวยๆที่อื่นๆได้ที่นี่น้า>อยากเที่ยวก็เที่ยว เข้ามาทักทายพูดคุยกันได้ค้าบ ^^
การเดินทางของเราในทริปนี้ เรานั่งเครื่องบินจากดอนเมืองไปลงระนอง ไฟท์ประมาณ 09.00 น. จองตั๋วล่วงหน้าได้ราคามาประมาณคนล่ะ1พัน จริงๆมีถูกกว่านี้แต่จองไม่ทัน พอถึงสนามบินต่อสองแถวไม้เข้าเมืองระนองวันแรกแพลนของเราคือเหมารถสองแถวไม้เที่ยวเมืองระนองและรอบ เราติดต่อหารถสองแถวไม้แล้วให้เค้ามารับในตัวเมือง โดยพี่คนขับรถจะเป็นคนพาเราทัวร์ส่วนถ้าเราอยากจะไปไหนให้บอกกับเค้าได้
ที่แรกเราแวะมาที่ พระราชวังจำลองรัตนรังสรรค์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ การเสด็จประทับแรมของรัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7 สร้างด้วยไม้สักและไม้ตะเคียนทอง ภายในมีห้องบรรทม ท้องพระโรง แต่เราไม่ได้เข้าไปรู้สึกจะเสียค่าเข้าคนล่ะ 50 บาท แต่มองดูภายนอกก็สวยงามมาก แวะไปถ่ายรูปได้ บ้านเทียนสือ เป็นบ้านเก่าแก่อายุกว่า150ปี ตอนนี้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเมืองระนองในสมัยก่อน
จะมีคนเล่าประวัติความเป็นมาให้เราฟัง ลุงคนในภาพนี้เอง เจ้าของคนแรกคือท่านเทียนสือ จำได้แค่นี้ 5555 จริงๆประวัติของสถานที่แห่งนี้ยาวนานมาก
ภายในจะมีของใช้เก่าๆ ภาพเก่าๆเยอะมาก ห้องทำงานหรือห้องนอนยังถูกจัดไว้คงเดิม เข้าไปจะรู้สึกถึงความขลังแบบย้อนยุค แอบหวิวๆนิดๆ 555 ด้านในมุมถ่ายรูปเท่ๆเยอะเลย คลาสสิคมาก ดูเก่าแก่สมชื่อ ที่ต่อมาเราแวะมาจิบกาแฟกันที่ ห้วยค้างคาวกาแฟสด เป็นทั้งร้านกาแฟ ร้านอาหาร แล้วก็สถานที่พักผ่อน ด้านในติดริมน้ำ มีที่นั่งห้อยขาชิวๆ มีสะพานไม้ไผ่เท่ๆ ให้เราเดินไปถ่ายรูป บรรยากาศคูลมาก เหมือนอยู่ในป่า มีมุมพักผ่อนให้นั่งชิวๆ สั่งกาแฟ สั่งเบเกอรี่มานั่งทาน นั่งเล่นนอนเล่นได้ ที่ต่อมา เรามากันที่บ่อน้ำแร่ร้อนรักษะวาริน "ออนเซ็นเมืองไทย" เป็นบ่อน้ำแร่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีแร่ธาติหลายชนิดไม่มีกำมะถันเจือปน เรียกได้ว่าเป็นน้ำแร่บริสุทธิ์
มี3 บ่อ บ่อพ่อ บ่อแม่ บ่อลูก มีที่ให้ต้มไข่ มีที่ให้แช่ตัวแช่เท้า
ข้างๆ บ่อน้ำแร่ มีลำธารไหลผ่าน สามารถเล่นน้ำได้ มีร้านขายอาหารพวกส้มตำ ไก่ย่าง มีที่นั่งติดลำธารเลย บรรยากาศโอเคเลย มีสะพานแขวนให้ถ่ายรูปด้วยนะมีศาลาบำบัด เป็นพื้นร้อนๆไม่แน่ใจว่าเกิดจากน้ำพุร้อนไหม ก็จะมีชาวบ้านแล้วก็นักท่องเที่ยวมานอนบำบัดกัน ผมลองนอนล่ะนอนได้ประมาณ 1 นาทีหลังแทบพอง 555 เห็นชาวบ้านนอนกันเป็นชั่วโมงเลย เค้าบอกว่าแรกๆจะร้อนแต่สักพักจะปรับตัวได้
พี่คนขับรถพาแวะไปที่ร้านนึง เป็นร้านทำของเล่น เค้าทำเป็นสองแถวไม้ รถประจำเมืองระนอง สามารถแวะไปซื้อหรือสั่งทำเป็นของฝากได้บ่อน้ำแร่อีกที่นึง บ่อน้ำแร่ร้อนพรรั้ง มีบ่อให้เล่นน้ำ แช่น้ำหลายบ่อ น้ำอุ่นๆกำลังดี คนไม่ค่อยเยอะดี ลองแตะๆดูน้ำอุ่นออกร้อนหน่อยๆ
ใกล้ๆกันมีลำธาร น้ำเย็นมาก ที่สนุกเลยเมื่อเอาเท้าจุ่มลงไปในน้ำแล้วยื่นนิ่งๆ ฝูงปลาตัวเล็กตัวน้อยจะมาตอดเท้า แต่ว่ามันตอดค่อนข้างแรงเลยแหละ 555 มันดี วัดบ้านหงาว เป็นวัดสวยวัดนึงในเมืองระนอง อยู่ใกล้ๆกับภูเขาหญ้า เป็นวัดดังประจำเมืองระนอง ด้านในโบสถ์มีหลวงพ่อดีบุก เป็นพระที่ชาวเมืองระนองเคารพกราบไหว้ รอบฝาผนังตกแต่งลวดลายสวยงามเป็นสีทองเหลืองอร่าม ภูเขาหญ้า เป็นจุดเช็คอินที่ต้องห้ามพลาดเลยเมื่อมาระนอง ภูเข้าทั่งลูกปกคลุมด้วยหญ้า ถ่ายรูปสวยมาก แนะนำไปช่วงเย็นๆแสงสวย ถ่ายรูปกันหน่อย ถ่ายกับสองแถวไม้นี่คูลมาก มาระนองต้องเท่ไว้ก่อน 555 ที่พักของเราคืนแรก astonhouse เป็นที่พักเปิดใหม่ ใจกลางเมืองระนอง มีเซเว่นใกล้ๆเหมาะกับกลุ่มเพื่อนและกลุ่มครอบครัว
มี 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น มีห้องครัว และอุปกรณ์ครบ
มีอ่างจากุดชี่ด้วย คือดี สามารถปรับอุณหภูมิได้แต่วันที่เราไปปรับไม่เป็นฝนตกด้วย แช่กันแบบหนาวๆงั้นแหละ 555 ตกเย็นๆ เราไม่ได้เตรียมของมา เจ้าของที่พักใจดีมาก ขับรถพาเราไปซื้ออาหารทะเลมาปิ้งย่าง พร้อมจิบเบียร์ฟินดี 555 อาหารของเราในค่ำคืนนี้ อิ่มแปร่ จิบเบียร์ไปด้วยเพลินนน เช้าวันรุ่งขึ้นเรามีนัดกับ Andaman Duck เพื่อเดินทางไปยังหาดเรนเดียร์ เกาะแมคคลอย์ ประมาณแปดโมงเช้าจะมีรถมีรับเราไปขึ้น ไปทานอาหารเช้าที่ล๊อบบี้ ฟังไกด์อธิบาย ข้อควรระวัง ข้อปฏิบัติพร้อมแล้วไปขึ้นเรือที่ท่าเรือประภาคาร
การไปทะเลพม่านั้นเราใช้แค่บัตรปชช.ใบเดียว และต้องจองล่วงหน้าก่อนเดินทางไป ก่อนลงเรือเราจะยื่นบัตร ทำเอกสารผ่านแดนแป๊บเดียวแล้วลงเรือเพื่อเดินทางไปยังเกาะสอง ใช้เวลาประมาณ10นาทีถึงเกาะสอง ฝั่งพม่า มาทำเอกสารผ่านแดน แต่เราไปต้องลงเรือ ไกด์จะลงไปทำให้เรา นั่งรอแป๊บนึงเราก็จะยิ่งยาวไปเกาะแมคคลอด์ทะเลพม่ากัน ก่อนขึ้นเกาะเราแวะมาดำน้ำที่จุดดำน้ำจุดแรกกันก่อน ปะการังสมบูรณ์มาก ปะการังเขากวางนี่เยอะสุด เป็นทุ่งเลย ปลาสวยๆก็เยอะ โชคไม่ดีวันที่เราไปไม่มีแดด น้ำเลยออกขุ่นๆ หลังจากน้ำดำ เราก็มายังหาดส่วนตัว ที่หาดเรนเดียร์บีช ใครอยากถ่ายรูปเล่นน้ำ ตามสบายเลย วันที่เราไปมีแค่กรุ๊บเดียว20กว่าคน เสียดายอากาศไม่เป็นใจ ไม่มีแดด มาถึงประมาณเกือบเที่ยง ได้เวลาอาหารกลางวันพอดี อาหารจัดเต็มมาก ส่วนใหญ่เป็นอาหารใต้ อร่อยมาก เป็นแบบบุฟเฟ่ กินได้ไม่อั้นเติมแล้วเติมอีกได้ 555 กินกันหน้าหาดฟินๆกันไปเลย ที่ชอบอย่างนึงคือทางandamanduckเค้าเน้นเรื่องพลาสติค ก่อนลงเรือจะแจกขวดน้ำให้คนล่ะขวด เอาไว้เติมน้ำลดการใช้แก้วพลาสติคอันนี้ดีเลย ลดโลกร้อน ลดขยะ มุมชิงช้า ถ่ายรูปสวยๆ สำหรับกิจกรรมบนเกาะ หลักๆก็จะมีแพดเดิ้ลบอร์ด พายเรือคายัก แล้วก็ดำน้ำได้ตรงหน้าหาดเลยครับ ไปกับเพื่อนมันก็ต้องมีรูปคูลๆ เท่ๆแบบนี้แหละ 555 ดูทรายดิ จะบอกว่าขาวล่ะเอียดมาก ขนาดฟ้าครึ้ม ไม่มีแดดต่น้ำก็ยังใสมากๆ หลังจากนั้นช่วงบ่ายๆ เราไปดำน้ำกันอีก2จุด เจอพี่หมึกกะดองกับพี่นี่โม่เต็มเลย แมงกระพรุนยักษ์ก็มากะเค้าด้วย เค้าบอกว่าไม่มีพิษนะแต่ผมกลัวไม่กล้าเข้าไปใกล้ 555 สำหรับเกาะเปิดใหม่เรนเดียร์บีช เกาะแมคคลอด์ ผมว่าธรรมชาติที่นี่ยังดิบมาก สมบูรณ์ทั้งบนบกและใต้น้ำ เสียดายตอนไปฟ้าครึ้มไม่งั้นภาพสวยกว่านี้แน่นอน สำหรับสายทะเล สายดำน้ำไม่ควรพลาดจริงๆ เรากลับมาถึงฝั่งช่วงเย็นๆ พอมาถึงฝั่งเรานัดรถเช่าให้มาส่งที่ท่าเรือ แล้วเราก็มุ่งหน้าไปกันที่ โตนเพชรกรีนเนอรี่ การ์เด้น เป็นที่พักอยู่ท่ามกลางสวนปาล์ม ติดลำธารใกล้น้ำตกโตนเพชรที่พักที่นี่จะเป็นสไตล์แคปปิ้งมีหลายแบบ มีบ้านเป็นหลังๆสำหรับ2คน ครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน หรือจะเป็นที่พักแบบเป็นเต็นท์กระโจม ติดริมน้ำเหมือนกัน ราคาที่พักพร้อมอาหารเช้า สำหรับ 2 ท่าน
เต็นท์กระโจม 990บาท
Luxury tent 1,850 บาท
บ้านอนันดา , บ้านเอวาลิน 2,250 บาท
บ้านโยทะกา 2,650 บาท บ้านเบญจพรรณ 3,350 บาท (ที่พวกเราพัก)
รวมอาหารเย็นปิ้งย่างด้วยตกคนล่ะ1000บาท บ้านเราพักมีสองชั้น ด้านบนเป็นห้องนอน ด้านล่างเป็นห้องนั่งเล่น สามารถเสริมเป็นเตียงได้ บรรยากาศค่อนข้างโรแมนติกนะไม่น่ามากับเพื่อนแต่เหมาะมากับแฟนนะผมว่า 555 ตกเย็นๆ ทางที่พักมีเซตปิ้งย่างมาให้ ชอบสุดคือหอยอร่อยมาก หลังจากที่เมื่อวานไม่ได้เล่นน้ำ ตื่นเช้ามาต้องเล่น ถึงแม้น้ำจะเย็นมากก็ตาม 555 บรรยากาศดีจริง เงียบสงบเป็นส่วนตัว ใครอยากพักผ่อน ชาร์ตแบต ไประนองพักที่นี่เหมาะมาก ตอนเช้าหลังจากออกจากที่พัก เรามากันที่น้ำตกหงาว ขับรถขึ้นไปด้านบนจะมีลานจอดเฮลีคอปเตอร์ วิวสวยด้วย ไปแอ๊บถ่ายรูปกับฮอร์ได้ มาระนองมันฮิปมันต้องเท่ 555 น้ำตกหงาว วันที่เราไปน้ำแห้งมาก แต่บรรยากาศดูร่มรื่นดี ถ้ามีน้ำเยอะๆนี่สวยมากแน่ๆ ตรงช่วงน้ำตกเป็นแนวหน้าผาสูงเลย เราแวะมาที่ ร้านส้มตำภูเขาหญ้าเจ๊จิ๋ม เห็นรถจอดเยอะมากเลยต้องแวะ เมนูที่ต้องลองก็นั่นแหละฮะส้มตำภูเขาหญ้า อร่อยดี รสชาติอาหารทุกอย่างแซบ ที่สำคัญไม่แพงด้วย อ่างเก็บน้ำคลองหาดส้มแป้น อ่างเก็บน้ำ ขนาดใหญ่ เหมือนเขื่อนเลย มีถนนตัดเป็นแนวอ่างเก็บน้ำ วิวสวย ลมเย็น บรรยากาศดี มุมถ่ายรูปเท่ๆมีเยอะเลย แกรนแคนย่อนระนอง เป็นอีก1สถานที่พักผ่อน มีบ่อน้ำข้างๆ ปลาเยอะมาก ไปให้อาหารปลาได้ เดินเข้าไปข้างในจะเป็นแนวดินที่ถูกกัดเซาะ เข้าไปถ่ายรูปได้ 209 คาเฟ่ พอดีเปิดพี่กูเกิ้ลแล้วเจอ ก็เลยแวะมา ข้างในร้านจะเป็นสไตล์ ร้านตัดผมนะ มีกระจก จัดมุมเท่ดี ส่วนรสชาติ เครื่องดื่มผมสั่งโกโก้มารสชาติดีเลย ส่วนเค้กก็อร่อย ใครสายคาเฟ่ห้ามพลาดเลย
เป็นไงกันบ้างครับระนอง 3 วัน 2 สองคืน ได้เที่ยวทั้งป่า เขา ทะเล แล้วก็ในเมือง ไปกับเพื่อนนี่สนุกมาก 5555 จริงๆระนองยังมีสถานที่ให้น่าค้นหาอีกลายที่ ยังไงก็ถ้ามีแพลนไประนองก็ตามรอยรีวิวนี้ไปได้น้า.....เจอกันทริปหน้าครับ