ด้วยที่ว่าอาณาจักรแห่งกรุงศรีอยุธยาถือเป็นจังหวัดหนึ่งที่เต็มไปด้วยวัดวาอาราม โบราณสถานค่อนข้างเยอะให้เหล่านักบุญสามารถเลือกเดินทางเพื่อไปสักการบูชาเสริมสิริมงคลให้แก่ตนเองและบุคคลในครอบครัวกันได้

ซึ่งการเดินทางรอบเกาะกรุงเก่าที่ถูกล้อมรอบด้วยแม่น้ำสามสายนั้นในแต่ละวัดจะอยู่ไม่ห่างไกลกันมากมีทั้งวัดที่เป็นที่รู้จักและไม่เป็นที่รู้จัก

การจะเดินทางไปไหว้พระเพื่อให้ครบทั้ง 9 วัดนั้น อย่างแรกต้องวางแผนก่อนว่าจะเดินทางไปไหว้พระที่วัดไหนกันบ้าง แล้วค่อยทำการศึกษาเส้นทาง  จากนั้นลองทำการปักหมุด เพื่อคำนวณเวลาในการเดินทางไปในแต่ละสถานที่ และเวลาในการทำบุญไหว้พระพร้อมเวลาในการชื่นชมโบราณสถานของแต่ละวัด

แผนที่ที่ได้ทำการปักหมุดเพื่อเช็คเส้นทางและสถานที่ จาก Google map

แผนที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

การเดินทางสำหรับคนมีรถส่วนตัวก็จะสะดวกหน่อย แต่สำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวอาจนั่งรถประทัวร์มาลงที่ขนส่งอยุธยาน่าจะสะดวกหน่อยสำหรับคนไม่รู้ทางจริงๆ และใช้วิธีเหมารถกระป้อเที่ยวก็ได้ ที่จังหวัดนี้รถกระป้อเยอะมาก ส่วนเรื่องราคาไม่แน่ใจ น่าจะขึ้นอยู่กับเส้นทางที่จะไป และการตกลงราคาระหว่างกัน หรือถ้าใครมีวิธีอื่นๆ ก็ลองดูนะ

รถกระป้อ หรือ รถตุ๊กตุ๊ก

วัดใหญ่ชัยมงคล เดิมชื่อ "วัดป่าแก้ว" หรือ "วัดเจ้าไท" ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะพระนคร เป็นวัดที่เก่าแก่วัดหนึ่ง สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้น วัดนี้เดิมพระเจ้าอู่ทองทรงสร้างเมื่อ พ.ศ. 1900 สำหรับเป็นสำนักของพระสงฆ์

จุดที่น่าสนใจ

พระเจดีย์ชัยมงคล เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงรบชนะ เจดีย์ประธานทรงระฆังตั้งอยู่บนฐานแปดเหลี่ยม สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ทรงโปรดให้สร้างขึ้นที่วัดนี้ขนานนามว่า พระเจดีย์ชัยมงคล ต่อมาจึงเรียกวัดนี้ว่า “วัดใหญ่ชัยมงคล”

พระอุโบสถ ภายในอุโบสถมีพระพุทธรูปสำคัญหลายองค์ ส่วนที่เป็นองค์ประธานเป็นพระพุทธรูป
ซึ่งมีลักษณะเด่น คือปั้นด้วยหินทรายตลอดทั้งองค์ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอู่ทอง ลักษณะเป็นปางมารวิชัย หรือปางสดุ้งมาร

วิหารพระพุทธไสยาสน์ ภายในประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ซึ่งสร้างขึ้นในแผ่นดินของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อใช้เป็นที่สักการบูชา และปฏิบัติพระกรรมฐาน องค์พระประธานของวิหารหันหน้า
ไปทางทิศตะวันออกอันเป็นด้านหน้าของวัด ด้านจะพบบานหน้าต่างสามารถถ่ายรูปจากมุมนี้ออกไปสู่วิวด้านหลัง ที่เห็นเป็นองค์เจดีย์ชัยมงคล

ตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช  อยู่ด้านหลังวัดผู้ที่นับถือศรัทธาสามารถเข้าไปกราบไหว้กันได้

ร้านอาหารแนะนำ ก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีกวัดใหญ่  อยู่ด้านหน้าใกล้ๆ กับทางเข้าวัด ที่มีแต่คนพูดถึงแต่ยังไม่ได้ลองเลยอยากแนะนำให้ลองทานกันดู อาจเป็นมื้อเช้าสำหรับการเดินทางมาวัดแรกของใครหลายๆ คน

การเดินทางโดยรถส่วนตัว
หากเดินทางมาจากรุงเทพโดยใช้ถนนสายเอเชีย (ทางหลวงหมายเลข 32) เลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกเข้าอยุธยา ตรงเข้ามาจะพบวงเวียนเจดีย์วัดสามปลื้ม ให้เลี้ยวซ้ายไปอีก 1.5 กม.วัดใหญ่ชัยมงคล จะอยู่ทางซ้ายมือ

เปิดเวลา 08.30-16.30 น.  คนไทยเข้าฟรี ชาวต่างชาติเสีย 20 บาท

วัดพนัญเชิงวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร แบบมหานิกาย มีประวัติอันยาวนานก่อสร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา มี พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อซำปอกง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในพระนครศรีอยุธยา

จุดที่น่าสนใจ

หลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายก พระพุทธรูปศิลปะอู่ทองตอนปลาย ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ ขนาดหน้าตักกว้าง 14.20 เมตร สูง 19.20 เมตร วัสดุ ปูนปั้นลงรักปิดทอง หลวงพ่อโตเป็นพระองค์หนึ่งซึ่งเป็นที่เคารพนับถือในหมู่ชาวจีนมากโดยเรียกกันว่า “ซำปอกง”

พระพุทธรูปทองคำในพระอุโบสถ ในพระอุโบสถวัดพนัญเชิงนั้นมีพระพุทธรูปสำคัญ 3 องค์ คือพระพุทธรูปทองคำพระพุทธรูปปูน และพระพุทธรูปนาค พระพุทธรูปทองเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยทำจาทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 3 ศอก สูง 4 ศอก มีสีทองอร่ามใสเป็นเงาสะท้อนอย่างชัดเจน องค์กลางเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นสมัยอยุธยาหน้าตักกว้าง 4 ศอก สูง 5 ศอก ส่วนพระพุทธรูปนาคเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยนั้นจะมีสีออกแดงๆ หน้าตักกว้าง 3 ศอก สูง 5 ศอก

การเดินทางโดยรถส่วนตัว
จากวัดใหญ่ชัยมงคล ซึ่งวัดอยู่ทางซ้ายมือ  ขับรถตรงไปอีกราว 3 กม. จะเห็นวัดพนัญเชิงอยู่ทางขวามือ

เปิดเวลา 07.00-18.00 น.

วิหารพระมงคลบพิตร ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ มีพระประธาน คือ พระมงคลบพิตร พระพุทธรูปบุสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ นับว่าเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่มีลักษณะงดงามเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของกรุงศรีอยุธยาและเป็นที่เคารพสักการะมานานนับร้อยๆ ปี

จุดที่น่าสนใจ

พระมงคลบพิตร เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ครองจีวรห่มเฉียง หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์องค์เดียวในประเทศไทย ลงรักปิดทองมีแกนเป็นอิฐ ส่วนผิวนอกบุด้วยสำริด ทำเป็นท่อนๆมาเชื่อมกัน สูง 12.45 เมตร หน้าตักกว้าง 4 วาเศษ ซึ่งประดิษฐานอยู่ทางด้านทิศตะวันตกในวิหารพระมงคลบพิตร

วัดพระศรีสรรเพชญ เป็นโบราณสถานเก่าแก่ที่ตั้งทางด้านหน้าขวามือของวิหารพระมงคลบพิตร  (เสียค่าบัตรเข้าชม) เป็นวัดในพระบรมมหาราชวัง นับเป็นต้นแบบของวัดในพระบรมมหาราชวังของสมัยกรุงรัตนโกสินทร์

จุดบริการของวัด มีสถานที่จอดรถกว้างขวางไว้สำหรับบริการนักท่องเที่ยว  และมีร้านค้ามากมายหลายร้าน ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นเมืองระหว่างสองข้างทางเดินเข้าวัดสามารถซื้อกลับไปเป็นของฝากกันได้จ๊ะ

การเดินทางโดยรถส่วนตัว
ขับรถย้อนกลับมาเส้นทางเดิม   เลี้ยวซ้ายตรงวงเวียนข้ามสะพานขับตรงไปประมาณ 500 ม. จะมีทางแยกเลี้ยวขวาซึ่งจะเป็นด้านหลังวิหารพระมงคลบพิตร

เปิดเวลา 07.00-18.00 น.

วัดมหาธาตุ เป็นหนึ่งในวัดในเขตอุทยานประวัติศาสตร์ เป็นวัดที่ประดิษฐานพระบรมธาตุใจกลางพระนคร เป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญที่สุดในกรุงศรีอยุธยา

จุดที่น่าสนใจ

เศียรพระพุทธรูปในรากไม้ เป็นเศียรพระพุทธรูปหินทรายที่แตกหักจากองค์พระ แล้วถูกรากต้นโพธิ์ขึ้นปกคลุม ลักษณะพระพักตร์ค่อนข้างแบนและกว้าง เป็นรูปแบบศิลปกรรมสมัยอยุธยาตอนกลางกำหนดอายุได้ราวกลางพุทธศตวรรษที่ 21

พระปรางค์ขนาดใหญ่ -

พระพุทธรูปและเจดีย์ -

พระปรางค์และองค์พระพุทธรูปหน้าพระปรางค์ประธาน -

การเดินทางโดยรถส่วนตัว

จากวิหารพระมงคลบพิตร ฮึๆ ปักหมุดออกมาเริ่มอธิบายเส้นทางไม่ถูก ระยะทางไม่ห่างกันมาก รู้ว่าผ่านบึงพระราม  วัดมหาธาตุจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ

เปิดเวลา 08.30–16.30 น. เสียค่าเข้าชม สำหรับคนไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 50 บาท

วัดธรรมิกราช เดิมชื่อ วัดมุขราช อยู่ติดกับพระราชวังโบราณ และวัดพระศรีสรรเพชญ์

จุดที่น่าสนใจ

อุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีกำแพงแก้วล้อมรอบ ภายในอาคารมีพระพุทธรูปปูนปั้นสมัยรัตนโกสินทร์เป็นพระประธาน อาคารหลังนี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ในส่วนของเสาและโครงสร้างหลังคาขึ้นมาใหม่

วิหารทรงธรรม  มีโครงสร้างที่มีความมั่นคงแข็งแรงมาก เป็นวิหารขนาดใหญ่ มีขนาดจำนวน 11 ห้อง ใช้ปูนเปลือกหอยและประสานด้วยน้ำตาลอ้อยเคยเป็นที่ประดิษฐานพระประธาน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ เสารองรับหลังคาทั้งด้านในและด้านนอกเป็นเสาก่ออิฐทรงกรม แต่ฉาบปูนด้านนอกเป็นรูปแปดเหลี่ยม

สิงห์ปูนปั้นอิทธิพลเขมร ตั้งอยู่ล้อมรอบเจดีย์ประธาน  ซึ่งเป็นเจดีย์ทรงกลมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะมีปูนปั้นรูปสิงห์ล้อมรอบ ด้านละ 13 ตัว รวมทั้งหมด 52 ตัว เป็นประติมากรรมรูปสิงห์ที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะเขมร มีบันไดทางทิศเหนือทิศใต้และทิศตะวันตก ส่วนทางทิศตะวันออกมีเจดีย์ย่อมุมฐานสี่เหลี่ยมก่อบันไดนาคของเดิมไว้

เศียรพระธรรมิกราช หล่อด้วยสำริดเป็นศิลปะสมัยอู่ทอง สูง 2.00 เมตร พบที่วัดธรรมิกราช เดิมอยู่ในวิหารหลวงมีความศักดิ์สิทธิ์มาก

วิหารพระพุทธไสยาสน์ เป็นวิหารก่ออิฐถือปูน มีประตูทางเข้าด้านตะวันตกเพียงด้านเดียว 3 ประตู ด้านข้างเจาะช่องเป็นลูกกรงหลังคาลดชั้น 2 ชั้น ด้านประดิษฐานพระนอนพุทธไสยาสน์

การเดินทางโดยรถส่วนตัว

จากวัดมหาธาตุวิ่งตรงไม่ไกลมากเลี้ยวซ้าย วิ่งเส้นถนนอู่ทองวัดอยู่ฝั่งซ้ายมือ วัดนี้อยู่ใกล้กับวัดมหาธาตุ

เปิดเวลา 08.30-17.30 น.

วัดหน้าพระเมรุ ตั้งอยู่ที่ริมคลองสระบัวด้านเหนือของคูเมือง (แม่น้ำลพบุรีเก่า) ตรงข้ามกับพระราชวังหลวง มีชื่อเดิมว่า "วัดพระเมรุราชการาม" เป็นวัดเดียวในกรุงศรีอยุธยาที่ไม่ถูกพม่าทำลาย และยังคงสภาพที่ดีมาก

จุดที่น่าสนใจ

พระอุโบสถ ยาวประมาณ 50 เมตร กว้างประมาณ 16 เมตร มีมุขทั้งด้านหน้า และด้านหลัง หน้าพระอุโบสถสู่ทิศใต้ หลังพระอุโบสถสู่ทิศเหนือ พระอุโบสถมีส่วนยาวและกว้างมาก มีอากาศ ถ่ายเท ไม่อับ ไม่มีหน้าต่างอย่างพระอุโบสถสันนิษฐานว่าผู้สร้างคงจะสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น

หลวงพอพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญบรมไตรโลกนาถ ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถซึ่งเป็นประธานที่มีขนาดใหญ่ เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องประทับนั่งปางมารวิชัย จัดเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องที่งามที่สุดองค์หนึ่ง

พระวิหารสรรเพชญ์ (ประชาชนเรียกชื่อว่าพระวิหารคันธารราฐ) เป็นที่ประทับของพระพุทธรูปพระนามว่า “คันธารราฐ” และเรียกชื่อว่า “วิหารเขียน” เพราะมีลายเขียนในพระวิหารและมีชื่อเรียกกันอีกว่า “วิหารน้อย” เพราะมีขนาดน้อยด้วย ยาวประมาณ 16 เมตร กว้างประมาณ 6 เมตร มีมุขทั้งด้านหน้าและด้านหลังตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระอุโบสถ ห่างจากพระอุโบสถประมาณ 2 เมตรเศษ

หลวงพ่อคันธารราฐ ประดิษฐานอยู่ในพระวิหารน้อย มีอายุกว่า 1,500 ปี ประดิษฐานอยู่ในพระวิหารสรรเพชญ์

จิตรกรรมฝาผนังวัดหน้าพระเมรุราชิการาม เดิมเคยปรากฏที่ฝาผนังพระอุโบสถและพระวิหาร ปัจจุบันได้ลบเลือนไปแล้ว แต่ยังคงหลงเหลือให้สามารถศึกษาได้ที่พระวิหารพระสรรเพชญ์

การเดินทางโดยรถส่วนตัว

จากวัดธรรมมิกราช หากดูตามแผนที่คือวิ่งรอบคูเมืองไปตามถนนอู่ทอง ตัดข้ามคูเมืองตามเส้นที่จะไปบ้านคลองสระบัววัดหน้าพระเมรุอยู่ด้านซ้ายมือ ซึ่งวัดนี้ก็อยู่ไม่ไกลมาก ใช้เวลาประมาณไม่เกิน 20 นาที  

เปิดเวลา 08.30-17.30 น.