ถนนลอยฟ้า-ดอยภูคา - นาข้าว – ดอยเสมอดาว - หมู่บ้านประมงปากนาย
ในช่วงเวลาที่รู้สึกว่าเหนื่อยล้าจากการกรำงานหนัก ร่างกายก็เริ่มโหยหาธรรมชาติ ส่วนใหญ่เวลาที่ผมจะไปไหน ก็ไม่ค่อยมีแผนล่วงหน้า เมื่อคิดได้ก็จะไปกันเลย ทริปนี้ก็เช่นกัน ถือว่าบ้ามาก ที่ผมกับแฟนตัดสินใจเดินทางไปน่าน ด้วยรถยนต์ส่วนตัวในช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์
หลังเลิกงานในคืนวันศุกร์ที่ 25 ก.ย.58 เราออกเดินทางจาก กทม. เวลา 2030 น. ด้วยใจที่มุ่งมั่น และความตื่นเต้นที่จะได้ไปพบเจอสถานที่ใหม่ๆ เส้นทางใหม่ๆ ทำให้ผมมีแรงฮึด ระหว่างการเดินทาง เราจอดพักรถตามปั๊มเป็นระยะ แต่ก็ไม่ได้กันนอนเลย
เราเดินทางถึงตัวเมืองน่าน ในเช้าวันที่ 26 ก.ย.58 เวลาประมาณ 0900 แวะพักรถ และหาของกินเพิ่มเติมระหว่างการเดินทาง เราวางแผนการเดินทางแบบคร่าวๆ ว่า จะขับรถไปชมธรรมชาติตามเส้นทาง อ.สันติสุข – อ.บ่อเกลือ - อ.ปัว และลงมาหาที่นอนใน อ.เมือง เมื่อตกลงใจแล้ว ก็เริ่มเดินทางกันต่อ เราสองคนอดตื่นเต้นไม่ได้เมื่อเห็นบรรยากาศใหม่ๆ เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เราเดินทางมาน่าน แต่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย คิดว่ามาพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศ ชื่นชมธรรมชาติในสถานที่ใหม่ๆ
ระหว่างการเดินทาง ผมจอดรถถ่ายรูปเป็นระยะ เพื่อเก็บบรรยากาศ ช่วงหน้าฝนนี่ภูเขา ต้นไม้ ยังเป็นสีเขียว ดูแล้วสดชื่น สบายตามาก
เป้าหมายเรา คือ เดินทางไปตามเส้นทาง อ.สันติสุข - บ่อเกลือ เพื่อพักกินข้าวกลางวันที่นั่น ถนนเส้นนี้ดีมาก แต่มันเป็นเส้นทางตัดผ่านหุบเขา จึงใช้เวลาในการเดินทางมากกว่าพื้นที่ราบ กว่าจะถึงที่หมายเล่นเอาเราสองคนแทบแย่ วิวสองข้างทางจะเป็นภูเขาข้าวโพด และทุ่งนาบริเวณที่ราบเชิงเขา
เรามาถึงบ่อเกลือประมาณบ่ายโมง แต่ว่าไม่ได้เข้าชมเลย เนื่องจากช่วงนี้ยังไม่มีการทำเกลือ เราจึงแวะพักรถ และกินข้าวที่บ่อเกลือวิวรีสอร์ท อากาศดีมากครับที่นี่ หลังกินข้าว ดื่มด่ำบรรยากาศเต็มที่ เราก็คุยกันว่าจะไปดูนาข้าวที่ อ.ปัว โดยใช้เส้นทางดอยภูคา ระหว่างทางก็จอดรถเก็บภาพเป็นระยะๆ วิวสุดยอดจะบรรยาย แต่ก็ไม่สามารถเก็บภาพได้อย่างที่ตาเห็น มาถึง อ.ปัว แล้ว เราขับรถไปหาจุดชมวิว ที่วัดภูเก็ต เพื่อชื่นชมนาข้าว เห็นสีเขียวๆ นี่มันสดชื่นดีจัง นาข้าวที่นี่ดูยังไงก็ไม่เหมือนนาข้าวทางภาคกลางครับหลังชมนาข้าวเสร็จ เราโทรเช็คโฮมสเตย์ที่ติดกับนาข้าว เผื่อว่ามีที่พักว่าง กะว่าจะเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ที่พักเต็มหมดแล้ว เลยต้องทำตามแผนเดิมคือหาที่พักในเมือง หลังจากหาที่พักได้ ตอนแรกกะว่าจะเดินชมเมืองยามค่ำคืน สุดท้ายเราก็ไม่ได้ทำตามที่ตั้งใจไว้ ด้วยความอ่อนเพลีย เลยทำได้แค่หาของกินแล้วกลับที่พัก จากนั้นก็นอนหลับยาว
เราตื่นมาในตอนเช้า ร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่ รู้สึกว่าหลับได้สนิทมาก หลังจากล้างหน้าแปรงฟันสร็จ ก็ออกไปไหว้พระขอพรก่อนออกเดินทาง
บรรยากาศครึ้มๆ ฝนตกแต่เช้า สถานที่แรกที่ไปคือวัดภูมินทร์ โชคยังดีช่วงที่เราไปถึงวัดฝนก็หยุดตกพอดี วัดอื่นๆ ในเขตเมืองเราไม่ได้ไปเลย เนื่องจากมีงานทำบุญ คนเยอะมากและไม่มีที่จอดรถ จึงขับรถเลยไปสักการะพระธาตุแช่แห้ง
เจอนาข้าวระหว่างทาง เห็นสีเขียวๆ ไม่ได้ เลยเก็บภาพเป็นที่ระลึกหลังจากนั้นเรากลับมาเก็บของ และตัดสินใจว่าจะเดินทางไปดอยเสมอดาวต่อ แม้ครั้งนี้เรามีเวลาน้อย ไม่มีโอกาสได้กางเต้นท์นอน ก็ขอไปชมวิวช่วงเวลากลางวันก็ได้
เมื่อมาถึงที่หมาย ธรรมชาติเป็นใจมาก เรามาถูกช่วงเวลาพอดี เลยรีบเก็บภาพไว้ก่อน ช่วงที่เราไป จนท. ยังไม่อนุญาตให้กางเต้นท์นอน เนื่องจากยังอยู่ในช่วงฤดูฝน บรรยากาศสบายตามาก อากาศไม่ร้อนเลย แม้จะเป็นเวลาเที่ยงวันแล้วก็ตาม
ถ่ายภาพจนพอใจแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางต่อ เราสองคนเห็นตรงกันว่า สักวันเราจะกลับมากางเต้นท์นอนดูดาวที่นี่ให้ได้
ขากลับเราเสี่ยงดวง ไปตาม GPS ซึ่งนำทางเราไปยังหมู่บ้านประมงปากนาย คิดว่าจะไม่มีใครมาด้วย แต่ก็ยังมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ มาเปลี่ยนบรรยากาศขึ้นโป๊ะไปด้วยกัน
โป๊ะที่เราเอารถขึ้นนี่ใช้เรือหางยาวลากครับ เสียวๆ อยู่เหมือนกัน แต่ก็พาไปขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัยหลังจากนั้นเราก็เดินทางกลับตามเส้นทาง อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งย่นระยะทางไปได้เยอะเลย ระหว่างทางเจอฝนตลอด ขณะขับรถผ่านทุ่งนาช่วงนึง มีสายรุ้งพาดผ่านพอดี เลยเก็บภาพไว้ครับ
ช่วงขากลับนี่ผมขับรถยาวๆ เลย เพราะต้องรีบกลับไปพักผ่อนเพื่อเก็บแรงไว้ลุยงานต่อในวันจันทร์ แต่ก็ขับรถด้วยความไม่ประมาท เราสองคนถึงบ้านด้วยความปลอดภัย ในเวลาประมาณเที่ยงคืนพอดี
จบการแชร์ประสบการณ์ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ใครจะเที่ยวน่าน แนะนำว่าให้นั่งเครื่องบิน และไปเช่ารถขับดีกว่าครับ ประหยัดเวลากว่า ถึงยังไงก็ยอมรับครับว่าเป็นทริปที่เหนื่อย แต่ก็มีความสุขและประทับใจไม่ลืม