ภาคใต้ ก็มี ทะเลหมอก ทริปนี้ เพื่อ "วังผาเมฆ"
เดินทาง 26-28.09.2015
ทริปนี้ เกิดได้เพราะไปเห็น รีวีว เที่ยวตรัง วังผาเมฆ ของ ### ม่วงมหากาฬรีวิว ### ใน pantip
ช่วงนั้นเครียดงาน เบื่อโลก หน่อยๆ เจอคำว่าจังหวัดตรัง ก็นึกได้ว่ามีเพื่อนเป็นคนตรัง นั่นไงพี่คนพาเที่ยวแล้ว
เลยทักเพื่อนไปว่าอยากไป อันนี้ วังผาเมฆ พร้อมส่งลิ้ง ### ม่วงมหากาฬรีวิว ### ไป ใช้เวลาตัดสินใจกัน 1 วัน วันต่อมา จองตั๋วเครื่องบินเลยค่า ชอบเพื่อนอย่างนี้จริงๆ ชวน ง่ายดี 55555
หลังจากตกลงกับเพื่อนว่าจะไป จองตั๋วเครื่องอะไรเสร็จ แทบไม่ได้คุยกันอีกเลย มาคุยกันอีกที อาทิตย์นึงก่อนไป
มาเริ่มวางแพลน สรึปคือ เพื่อนเป็นคนตรัง แต่แทบไม่รู้--อะไรเลยค่ะ คือไร? 555555
ตอนมาคุยกันตอนเเรก จุดมุ่งหมานมีแค่วังผาเมฆ อันเดียว เห้อออ แต่ไหนๆ ก็อ่านรีวิวของเค้าไปเเละ ทำตามไปอีกสักหน่อยเเล้วกัน
ทริปนี้ไม่ได้เน้นประหยัดแต่ไม่ได้ ฟุ่มเฟือย เอาแบบพอดีๆ (มั้ง) ตาม ภาษาเด็กจบใหม่เพิ่งทำงานไม่กี่เดือน(แต่แม่ออกค่าเที่ยวให้ แหะๆ ขอบคุณค่ะ) กับเด็กเรียน ป โท
ทั้งทริป 3 วัน 2 คืน หมดไปไม่เกิน 5,000 บาทรวมทุกอย่าง
ตั๋วเครื่องบิน จองก่อนวันบิน เดือนเดียว ตัวเลือกไม่เยอะ ได้อันไหนก็เอาอันนั้น สรุปไปด้วยหางแดง
เช่ารถ 3 วัน + ค่าน้ำมัน
Guest House 1 คืน
ค่าเช่าเต้น ค่าน้ำใจ ของเจ้าหน้าที่วังผาเมฆ
ค่ากิน
เกริ่นนอกเรื่องนิดนึง
1. การเที่ยวตรังครั้งนี้ ทางบ้านของเพื่อนที่เป็นคนตรังไม่รู้ คือแบบหนีที่บ้านเที่ยวจังหวัดตัวเองค่ะ 5555
มีเรื่องให้ลุ้นตลอด เพราะว่า แม่เพื่อนจะโทรมาหาเพื่อนทุกวัน
2. มาค้นพบที่หลังว่า เพื่อนเป็นคนตรังก็จริง แต่แม่มไม่รู้ อะไรเลย คือไร?
3. เป็นการขับรถทางไกลครั้งเเรก แล้วประเด็น คือเพื่อนที่มาด้วยขับรถไม่เป็น เป็นเพื่อนที่ดีมาก แต่เมิงเป็น ผช นะ!! เป็น ผญ สมัยนี้ต้องถึก และ อดทนนะคะ
4. ไปครั้งนี้ นอกจากอ่านรีวิวเรื่อง วังผาเมฆ แล้ว ไม่ได้อ่านอย่างอื่นเลย หาเเค่ชื่อสถานที่ แล้วดูรูปเอา คิดว่าสวยก็ไป ไม่สวยก็ไม่ไป ไม่รู้แม้กระทั่งตรังอยู่ใต้จังหวัดกระบี่ มารู้ก็กลังจากกลับมาเเล้ว ทริปนี้ตัดทะเลทิ้งได้เลยเพราะ เป็นช่วงมรสุม
5. ฝนตกทั้งทริปค่ะ ตอนจองตั๋วเครื่องบินไม่ได้เช็คเรื่องสภาพอากาศเลย อยากจะไป ใครจะทำไม 5555
-------------------------------------------------------------
วันแรก 2015.09.26
เครื่องลงถึงตรัง ประมาณ 9:15 นัดรับรถไว้ 9:30
ได้รถแล้วก็เริ่ม ก็มุ่งไปหาของกินทันที ที่ตัวเมืองตรัง มาตรังให้กินติ่มซำ?
ปะ จัด มื้อเช้า จะไปกินติ่มซำ ที่ ร้านต้นนุ่น 1 เปิด Google Map แล้วขับตามหา ปรากฏว่า หาไม่เจอ 55555 เลยไปต้นนุ่น 2 แทน นั่งกินกันไปพะวงไป เพราะร้านติ่มซำที่ไปกิน ห่างจากบ้านเพื่อนไม่ถึง กิโล
เสร็จก็มุ่งออกนอกตัวเมืองไป จุดหมายแรกของทริปนี้
น้ำตกสายรุ้ง ออกจากตัวเมืองไปประมาณ 40 นาที
พอขับไปถึงที่น้ำตกสายรุ้ง ปุ๊ป งง คือไม่มีคนเลย ทำไงดี เห้ยจะเป็นอะไรไหมวะ ลงน้ำได้ไหมวะ อาจเป็นเพราะไปเที่ยวช่วง หน้าฝนด้วยมั้ง จอดรถเสร็จก็เดินลงไป เอา ทรีน จุ่มน้ำ อย่างมีความสุข น้ำเย็น และ แอบแรง
สักพัก มีครอบครัวนึงมา เเล้วก็มาเล่น มาถ่ายรูป พักใหญ่ๆ เเล้วก็ไป แต่นี่ยังอยู่ที่เดิม คือ มานั่งปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อย มากินบรรยากาศ อากาศดี ฝนตกปรอยๆ เป็นบางช่วง
จ่อมอยู่ที่น้ำตกสายรุ้ง เกือบ 2 ชม. ได้มั้ง แล้วก็ตัดสินใจขับรถไปอีกที่
น้ำตกโตนตก
น้ำตกโตนเต๊ะ
สวย ชอบ แต่ชอบ น่ำตกสายรุ้งมากกว่า
ที่นี้น้ำแรงมากแบบ กระเด็นไปทั่ว บริเวณน้ำตกแฉะไปหมด ฟ้ามืดตลอดทริป ครีมกันแดดไม่จำเป็นเลย 5555
เสร็จก็ขับรถกลับ GUEST HOUSE
ถึงที่พัก ประมาณ สามโมง กว่าๆ check-in เข้าห้องปุ๊บ นอนตาย ตื่นมาอีกที หกโมง นิดๆ แล้วก็ ไปถนนคนเดิน ใกล้สถานีตรัง
ไม่มีรูปค่ะ ฝนตก ไม่ได้กะจะมาทำ รีวิว + ไม่ได้ใส่ใจ เพราะแค่ไปหาอะไรกิน 5555 แล้วก็กลับ ห้อง นอน
-------------------------------------------------------------
วันที่ สอง 2015.09.27
ตอนแรกวางแพลนจะไป บ่อน้ำร้อนควนแดง แล้วไปขับรถเลียบทะเล กินบรรยากาศ เพราะไม่รู้จะไปไหนดี อันนี้หาที่เที่ยวใส่ๆ ลงไปในเเพลน ให้เต็ม เพราะไม่รู้จะไปไหนจริงๆ อย่างที่บอก จุดมุ่งหมายหลักของทริปนี้คือ วังผาเมฆ
สรุป เปลี่ยนแพลน เพราะตอน check-out ไปถามพี่ที่ดูแลที่พัก ว่าไปสองอันนี้ดีไหม พี่แกไม่แนะนำ โอเค จบ แล้วพี่แกก็แนะนำว่า ลองไป "ถ้ำเล เขากอบ"
ก็เลยไปหา รีวิว อ่าน เจอแบบให้ระวัง ออกมาป่วยเลย แอบช็อค เอาไงดีวะ แอบกลัว แต่สรุปก็ไป เพราะไม่รู้ว่าจะไปไหนดี 5555 แพลนวันที่สอง คือ ไปถ้ำเลก่อน และ ไปวังผาเมฆ
เช้าวันที่สอง ก็จบด้วยติ่มซำ อีกตามเคย แต่ครั้งนี้ไปกินที่ ร้านเรือนไทย กินข้าวเสร็จ ก็ออกเดินทางไป ถ้ำเล เขากอบ ถ้ำเล เขากอบ ไปถึง ก็จ่ายตัง 300 บาท ค่าพาทัวร์ เรือลำนึง ลงได้ 5 คน แต่นี่ไปกันแค่ 2 คน ก็นั่งไปชิวๆ แซวคนพายข้างหน้า ทำไมพี่ไม่ยอมคุยกับหนู พี่อีกคนเลยบอกว่าคนข้างหน้าต้องมีสมาธนำเรือ โอเคหนูไม่กวนเเล้วก็ได้ พี่ไกด์ ก็บอกว่านี้โชคดีนะมาหลังฝนหยุดตก ถ้าฝนตกเค้าไม่ให้เข้าถ้ำหรอกเพราะน้ำมันจะสูง อันตราย ทางเข้าถ้ำ
พอเข้าไปแล้ว
ต้องนอนราบกับเรือนะ ถ้ำมันต่ำ แถมฝนตก น้ำสูงอีก ไหนจะ หินงอก หินย้อย ระหว่างทางอีก มีจอดเรือพาไปดู ข้างใน ก็พวกหินงอกหินย้ยอีกแหละ แล้วพี่ไกด์แกอธิบาย ก็ฟังๆ ไป เรื่อยๆ
พายเรือไปก็คุยไป สนุกดี แต่ว่าจุด ไคลแม็กซ์ มันไม่ได้มีอยู่แค่นั้น พายเรือไปสักพักนึง พี่ไกด์ ก็บอกว่า เขยิบมาข้างหลัง แล้ววางขา อย่างนี้ๆ อย่างนี้ๆ เพราะ เดะพี่ข้างหน้าต้องนอนลงมา อ้าว งง เลย พี่ข้างหน้า นอนทำไม
พี่ไกด์ข้างหลังเลยบอกว่า ของจริงมันต่อจากนี้ต่างหาก คิดในใจ ของจริงไรวะ พอไปอีกแปป นึง กระจ่างเลยจ้าาาา
ทางแคบมาก น่ากลัวมาก ลุ้นสุดๆ จากที่ปากพูดไม่หยุด เงียบเป็นเต่าสาก ถึงกับโดนพี่ไกด์ข้างหลังเเซวนึกว่าหลับไปเเล้ว
แบบว่า เพดานหินข้างบนมันห่างจากหน้า หน้า หน้า ดิชั้น เลยนะ ไม่ถึง 1 cm WTF!!! แล้วมันไม่ได้มีแค่เพดาน บางช่วงมันมีหินย้อยยยยย โอ๊ยยยยยย คือนี่อ้วน แขมวพุงอย่างหนัก ตะโกนพี่ไกด์ พี่!!! มันจะโดนหน้าหนูเเล้ว ทำไงดี พี่แกบอกใจเย็น พี่ดันเพดานถ้ำให้อยู่
คือว่า พี่ไกด์แกทรหดมา เพราะนี่ไปกันแค่สองคน เรือมันเลยไม่หนักพอ บวกกับน้ำขึ้นสูง ทำให้มันอยู่ใกล้เพดานหินข้างบนมาก พี่ไกด์คือคนที่ ดันเพดานหิน เพื่อให้เรือมันจม เเล้วไหลไปข้างหน้าต่อได้ ใครไปนี่ต้องฟังพี่ไกด์แกอย่างแรง ถ้าไม่อยากได้บาดเเผลกลับบ้านไป
พี่ไกด์บอกว่า ตอนแรกจะไม่พาเข้าเเล้ว เพราะแค่สองคน เรือมันไม่จม แต่สรุปก็พามา ระหว่างทางที่อยู่ในถ้ำ ฝนตกลงมาค่าาา พี่ไกด์ขู่อีก นี่ถ้าเพิ่งเข้ามาได้นิดเดียวคงต้องพาออก เพราะน้ำมันขึ้นสูง แต่เข้ามาขนาดนี้เเล้ว ไม่ต้องออกและ 5555
แต่ว่า คือแบบบ มันน่ากลัวววว มากกกกก แต่คือ นี่ ชอบบ มากกกก adventure สุดๆ แบบ นอนลงราบทีไร นึกถึง คามรู้สึกตอนนั้น ตลอด รูปไม่มี เพราะแค่เอาชีวิตรอดออกมายังจะลำบาก ไม่สามารถยกกล้องขึ้นถ่ายได้เลย ต้องไปเจอด้วยตัวเองเท่านั้น
ถ้าอยากรู้ พวกประวัติ ถามอากู๋เลยนะคะ นี่ไปเอามันส์อย่างเดียว ประวัติไม่ได้สนใจเท่าไหร่ แหะๆ จบสำหรับการลอดท้องมังกร จำไปจนวันตาย พอขึ้นจากเรือ ก็วิ่งฝ่าสายฝนกลับรถเลย ฝนตกเเรงมากกกกกกก เเล้วก็นั่งจ่อมในรถ ถามกันว่าจะไปไหนต่อดี ตอนนั้นแค่เที่ยง เหลือเวลาอีก 4 ชม ก่อนถึงเวลานัดกับ เจ้าหน้าที่ วังผาเมฆ
เอาไงหละที่นี้ เวลาเหลือเยอะเกิ๊นน เลยให้เพื่อน ถามอากู๋ ว่ามีที่ไหนให้ไปอีกไป หาไปหามา ได้ น้ำตก ร้อยชั้นพันวัง ฮะ! น้ำตกอีกเเล้ว 55555 เเต่ไม่เป็นไร เป็นคนชอบน้ำตก จากนั้นก็ออกรถไป น้ำตก ร้อยชั้นพันวัง ขับรถไปอีกเกือบ ชม. เพราะฝนตกเเรงมาก
พอใกล้ถึง ฝนเริ่มซา เหลือแค่ปรอยๆ พอไปถึง ไม่ต่างจากวันแรก ที่ไปน้ำตก สายรุ้ง ไม่มีคนเลยค่าาาา อีกแล้ว 555555 แต่ไหนๆ ก็ถึงเเละ แม้ว่าฝนจะตกก็ตาม(ตกแบบพอรับได้ แต่ไม่ใช่ปรอยๆ นะ) ก็ลงไปเดินดู แล้วก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ น้ำแรง อีกเเล้ว ฝนมันตกนี่นา
สักพัก ยังเดินไปไม่สุดที่สามารถเดินได้ ซู่!!!! เอาไงดีวะ หันไปมองหน้ากัน กลับก็ได้
เดินไปได้ครึ่งทาง เห้ย เเต่ไหนๆ ก็มาเเล้ว ไปให้สุดเหอะ สรุป ก็วิ่งกลับไป 555555
พอใจก็ขึ้นรถแล้วมุ่งหน้าไป จุดมุ่งหมายหลักของทริปนี้ วังผาเมฆ มุ่งหน้าสู่ วังผาเมฆ อยากจะบอกว่าแอบหาทางไปยาก ถามอากู๋ว่า วังผาเมฆ อยู่ไหน อากู๋ "บอกไม่รู้" TT^TT
เลยไลน์ไปถาม ผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่คือคนที่เราติดต่อไปว่าจะไป ค่ะ ว่านู๋จะไปยังไง
คำตอบที่ได้ คือ ให้พิมพ์ คำว่า "วัดทุ่งหลวง" พอถึงวัด จะมีอนามัยอยู่ตรงข้าม ให้เลี้ยวเข้าไปในซอยข้างอนามัย
แล้วก็เลยไปถึงที่หมายได้อย่างไม่หลง ไปถึงวังผาเมฆประมาณสองโมงกว่าๆ ไปถึงช็อค เจอเจ้าหน้าที่ เกือบ 20 คน งงเลย มโนไปว่า ขึ้นเขามันน่ากลัวขนาดต้องมีเจ้าหน้าที่ 20 คนเลยหรอฟะ
สรุปว่า ทุกวันอาทิตย์(ไปวันอาทิตย์พอดี) เจ้าหน้าที่วังผาเมฆ จะมารวมตัวกัน พัฒนาวังผาเมฆ กัน ปกติ จะผลัดเวรกันมา วันละ ประมาณ 3 คน
เจ้าหน้าที่ที่นั้นคือกลุ่มอาสาสมัครทั้งหมด เป็นคนที่อาศัยอยู่แถวนั้น อาชีพของพวกเค้าคือ กรีดยางพารา
เจ้าหน้าที่ทุกคนเฟรนรี่มากก ใจดี เฮฮาดี ชวนคุย เอาจริงนี่ฟังไม่ค่อยจะออก ภาษาใต้ แต่เพื่อนมันฟังได้ ให้มันตอบคำถามแทนไป 55555
มาถึงวังผาเมฆ ฝนยังไม่หยุดตก คือมันไม่หยุดเลยตั้งเเต่ออกจากถ้ำเล เขากอบ แล้วมันหนาวมากกก เจ้าหน้าที่ก็เอากาแฟมาให้ ชงกิน มีเหล้าให้ด้วย (มองออกไปข้างนอกอย่างกังวล พรุ่งนี้จะได้ขึ้นมั้ยตู)
สี่โมงกว่าๆ เจ้าหน้าที่จะลงไป ข้างล่างไปหาวัตถุดิบทำอาหาร เลยลงไปด้วย ไปหาโอวันติน เพราะเอาจริงเป็นคนไม่กินกาแฟ เวลาจะกินอะไรอุ่นๆ ไม่มีให้กิน
เจ้าหน้าที่ก็ขับรถพาไปเอาของที่บ้านเค้าก่อน แล้วก็ขับไปซื้อปลาดุกที่บ้านน้องสะใภ้เค้า คือแบบปลาดุกสดๆ ดิ้นดุ๊กดิ๊ก เพิ่งจับขึ้นมาจากบ่อ สดๆ ร้อนๆ ระหว่างรอปลาดุก็นั่งคุยกันไป ว่ามาจากไหน ทำอะไรอยู่
เสร็จก็กลับขึ้นไปวังผาเมฆ
ที่นี้ไม่มีไฟฟ้านะ แต่มีเครื่องปั่นไฟ แต่จะเปิดก็ต่อเมื่อมาเป็นหลุ่มใหญ่ๆ คนเยอะๆ น้ำก็เช่นกันอาบน้ำฝนค่ะ แต่มีห้องน้ำให้อาบ ให้เข้านะ
แล้วก็ต้อง นอนเต้นท์ นะ สามารถเอามาเองได้ ถ้าไม่มี สามารถเช่าได้ที่หลังละ 100 บาท ปกติไปเค้าจะมี พื้นที่ให้กางเต้นท์
แต่อย่างที่รู้กัน คือ ฝนตก เลยไม่สามารถไปกางที่ตรงนั้นได้ เลยไปกางในลานประชุม? ลานสัน? เรียกว่าอะไรไม่รู้ แทน
พอเก็บของเสร็จ ก็เดินไปทานข้าว ทางเจ้าหน้าที่เตรียมการให้หมดเลย เมนูคือ ปลาดุกผัดน้ำปลา ปลาดุกผัดพริก น้ำพริกอะไรสักอย่าง แล้วก็หัวปลี ประเด็นคือ นี่กินได้อย่างเดียว คือปลาดุก ผัดน้ำปลา เพราะกินเผ็ดไม่ได้ 5555 แต่อร่อยมากก(จริงจัง) แล้วเป็นคนชอบกินปลาอยู่เเล้ว เลยรอดตาย
กินเสร็จก็ทำหน้าเศร้าแล้วถามพี่เจ้าหน้าที่ว่า พี่คะ พรุ่งนี้หนูจะได้ ขึ้นไปข้างบนไหมคะ พี่แกอ้ำๆ อึ้งๆ บอกว่าถ้าฝนหยุดตก ก็พาขึ้นได้ (ติดในใจไม่หยุดคืออดสินะ เศร้ามากกก)
แล้วก็กลับไปที่เต้นท์ แล้วลงความเห็นกับเพื่อนว่า คืนนี้ไม่อาบน้ำ ไม่ได้ซกมก ก็มันหนาวนี่นา (นี่ฝนตกตั้งเเต่เที่ยง ยังไม่หยุดเลย) แล้วก็นอน อาจจะไม่สบายตัว แล้วกังวลว่าพรุ่งนี้จะได้ขึ้นไปข้างบนเขามั้ย ทำให้หลับๆ ตื่นๆ
ตีหนึ่ง ฝนยังไม่หยุดตก ตีสาม มันก็ยังไม่หยุดตก คือ อารายยยยยยยยย
วันที่สาม 2015.09.28
ประมาณตีห้า ฝนตกปรอยๆ มีเจ้าหน้าที่มาเรียกที่เต้นท์ ไปกินกาแฟ กินไปก็ถามพี่สรุปพวกหนูจะได้ขึ้นไหมคะ เค้าบอกเหมือนเดิมถ้ามันหยุดก็ขึนได้ ช็อค นี่มาเพื่อสิ่งนี้เลยนะไม่ได้ขึ้นนี่เฟลมาก
สรุป ตอนประมาณ หกโมงนิดๆ ฝนหยุด พี่เจ้าหน้าที่เลยพาขึ้น เย้!!! เอาจริงๆ แล้ว ในวันอากาศดี เจ้าหน้าที่จะเริ่มพาขึ้นตั้งแต่ประมาณ ตี 4 ครึ่ง ไม่ก็ตีห้า ใช้เวลาประมาณ 1 ชม นึง มันชัน แล้วเหนื่อยมากก เค้าจะให้พักตลอด ขึ้นไปนิดนึง พัก ขึ้นไปนิดนึง พัก ประมาณนี้ แล้วก็ขึ้นไปเจอ พระอาทิตย์ขึ้น
แต่ว่า แต่ว่า ครั้งนี้ เพราะเราได้เริ่มปีนช้ากว่ากำหนดมาก ทำให้พี่เจ้าหน้าที่แกเร่ง สปีดพาขึ้น เพราะกลัว ทะเลหมอก หายหมด จาก 1 ชม เหลือแค่ไม่ถึง 30 นาทีได้ ตายค่ะ ตาย แทบอ้วกเอาจริง จะอ้วกจริงๆ แบบ ใจเต้นแรงมาก ยาดม น้ำเปล่า ไม่ได้เอาขึ้นไปเลย แต่พอไปถึงยอด คุ้ม!!!
เพราะว่า ฝนตกเมื่อวาน(เอาจริงมันไม่เมื่อวาน เพิ่งหยุดตกไปเมื่อ ชม ก่อนหน้า) ทำให้มีหมอกเยอะมากกก คิดซะว่า ถึงแม้จะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น เเต่เห็นทะเลหมอกอย่างนี้ก็คุ้มเกินคุ้มแล้ว
ระหว่างทางขึ้นมาลำบาก เพราะว่าแฉะสุดๆ มีลื่น เป็นระยะ อาศัยการทรงตัว กำลังแขน ขา อย่างรุนแรง
ด้านซ้ายจะเป็นเมือง ส่วนด้านขวาถ้าหมอกจางกว่านี้จะเห็นว่าเป็นทะเล อันนี้พี่เจ้าหน้าที่บอกมา
อยู่ได้พักใหญ่ๆ เจ้าหน้าที่แนะนำให้ลง เพราะว่าเดียวฝนตกจะลงลำบากอีก
ระหว่างทางลง ทะเลอยู่ตรงนั้น ไกลๆ
พอลงมาถึงข้างล่าง เจ้าหน้าที่ก็เตรียมพวก ปาท่องโก๋ ข้าวเหนียวปิ้ง กาแฟไว้ให้ กินเสร็จก็ไปเก็บของเตรียมตัวกลับ
ลงมา เจ้าหน้าที่ก็เตรียมพวก ปาท่องโก๋ ข้าวเหนียวปิ้ง กาแฟไว้ให้ กินเสร็จก็ไปเก็บของเตรียมตัวกลับ
เอาของใส่รถ start รถ เพื่อเตรีมตัวกลับ แต่ แต่ แต่ รถ start ไม่ติด TT^TT คือนี่ซวยตั้งเเต่ต้นทริป ยันจบทริปสินะ
แล้วเจ้าหน้าที่ก็มาช่วย พ่วงไฟให้ เเล้วก็บอกลาเจ้าหน้าที่
เหมือนจะจบทริปแล้วแต่ยัง สรุปไปบ้านเพื่อนต่อ โดนดุหูชากันไปตามๆ กัน 555555
อาบน้ำ แล้วลุงเพื่อนก็พาไปหาอะไรกิน ขับรถพาไปดูทะเล
จองตั๋วเครื่องบินกลับรอบ 18:00 สรุป เครื่อง delay ออกจากสนามบินตรัง ทุ่มกว่าๆ ถึง กทม สามทุ่มได้มั้ง จำไม่ได้
ปล. ทริปนี้ ซวยได้เสมอต้นเสมอปลายมากคะ ฝนตกทุกวัน รถเสีย เครื่อง delay 5555555555555555