หนีร้อนมาพบรัก......กาญจนบุรี
ช่วงนี้อากาศบ้านเราร้อนมากกกกกก เลยต้องหนีร้อนมากระโดดน้ำให้ชื่นใจ ถ้าอ่านรีวิวนี้จบรับรองว่าจะหลงรักกาญจนบุรีแน่ๆ ถ้าพร้อมแล้วไปเที่ยวกันเลย ^^
สามารถเข้าไปทักทายพูดคุยกันได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/getalongwell.net/
IG : getalongwell
เริ่มต้นทริปด้วยการทำบุญกัน ใครมาเที่ยวกาญจนบุรีต้องมาเที่ยววัดถ้ำเสือกันค่ะ ได้ทั้งบุญได้ทั้งออกกำลังกายกันเลย ต้องเดินขึ้นบันได 157 ขั้น แต่ถ้าใครเดินไม่ไหวหรือไปกับญาติผู้ใหญ่ มีรถรางให้นั่งขึ้นไปด้วยค่ะ แต่แอบน่ากลัวนิดๆ อย่าลืมทำบุญช่วยวัดคนละ 10 บาทด้วยน๊า
แต่เรามันสายวัยวุ่น จะมานั่งรถรางมันไม่ใช่อ่ะเนอะ ก็แค่ 157 ขั้น ชิวๆ (นี่คือสิ่งที่คิดนะ) แต่ความเป็นจริง ขึ้นไปถึงนี่ก็หอบกันไปตามๆกัน อากาศร้อนบวกกับความชันของบันไดเหงื่อมาซิคะ จริงๆเรายอมเป็นคนแก่นั่งรถไปก็ได้เนอะ แต่มาคิดได้เอาตอนนี้ก็สายไปแล้วววว5555 ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพอได้ทำบุญ จิตใจสงบเดี๋ยวเราก็หายเหนื่อยล่ะเนอะ (ปลอบใจตัวเอง)
เวลาเดินลงเดินลงอีกด้านนึงนะคะ เปลี่ยนบรรยากาศ ทางลงด้านนี้ต้นไม้เยอะ เดินลงมาเรื่อยๆ ลงมาถวายสังฆทานกันด้านล่างค่ะ อิ่มบุญก็ต้องอิ่มท้องกันเนอะ เราไปกันต่อที่ร้านกาแฟอบอุ่นเฮ้ากันค่ะ
ร้านอบอุ่นเฮ้าส์เป็นร้านขายขนมเค้ก กาแฟ อาหาร และปลูกผักออแกนิคเองและเป็นน้ำสลัดโฮมเมดค่ะ
บรรยากาศร้านสมชื่อเลยนะ อบอุ่นจริงๆค่ะ
อาหารและกาแฟอร่อยค่ะ ตกแต่งจานน่าทาน นี่ติดใจชากับกาแฟของที่นี่มาก จะเป็นชาเย็น ชาเขียว กาแฟ ที่ผสมคาราเมล มันลงตัวเข้ากันแบบสุดๆ ขากลับยังต้องแวะมาซื้อก่อนกลับบ้านเลยค่ะ ส่วนอาหารหน้าตาน่าทาน รสชาติก็ผ่าน มีโอกาสจะกลับมาทานร้านนี้อีกแน่นอนค่ะ
ผัดไทกุ้งสด รสชาติเข้มข้นสุดๆ บีบมะนาวเพิ่มความอร่อย หื้มมมม อยากจะขอเบิ้ลอีกซักจาน
สลัดญี่ปุ่น ทานคู่กับน้ำสลัดวาซาบิ และน้ำสลัดงา คือดีอ๊า
อันนี้จำชื่อเมนูไม่ได้ น่าจะเป็นสปาเกตตี้ผัดปลาเค็ม เบคอน
ตบท้ายด้วยของหวาน ฮันนี่โทสต์ อันนี้ไม่ค่อบกรอบเท่าไหร่ แต่ก็โอเคค่ะ ไม่น่าเกลียด
และก็ตามด้วยเค้กมะพร้าว 1 ชิ้น รสชาติธรรมดาค่ะ
อิ่มท้องกันแล้วก็เดินทางสู่ที่พักของคนแรกเลยค่ะ ที่พักของเราชื่อ ปิงปาลีย์ รีสอร์ท ที่พักนี้มีความเป็นศิลปินสูงมากค่ะ ไม่รับจอง walk in เจ้าของบอกว่า ที่พักของเราเป็นที่พักที่เงียบสงบ เพื่อการพักผ่อนจริงๆ หลายคนคิดว่ามากาญจนบุรีจะต้องมีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย กลัวลูกค้าที่มาจองที่ไม่ได้ศึกษามาก่อนจะผิดหวังกับเรา เลยรับจองเฉพาะทางinternetทางเดียวค่ะ
เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่นี่เลยค่ะ http://www.pingplaleeresort.com/
***ดอกจันทร์ 3 ดอกเลยค่ะ ห้ามตาม GPS เด็ดขาด เพราะมันจะไปไม่ถึงที่พักค่ะ สามารถตามได้ในช่วงแรก ในช่วงหลังต้องโทรสอบถามกับทางคุณลุงเจ้าของรีสอร์ทค่ะ เพราะทางแอบซับซ้อนนิดหน่อย อย่าเข้าที่พักช้าเกินไปค่ะ เพราะทางค่อนข้างจะไปยาก และบรรยากาศที่ที่พักไม่ควรจะพลาดมานั่งเก็บเกี่ยวบรรยากาศของที่นี่ค่ะ แค่มานั่งมองน้ำไหลก็เพลินแล้วค่ะ หรือจะเล่นน้ำก็ได้นะ ปลอดภัยไม่ต้องกลัวจม เพราะที่พักทำที่กั้นให้อย่างดีค่ะ
เข้ามา check in ก็มีขนมคุกกี้ฝีมือคุณลุงและ welcome drink ค่ะ คุกกี้น่านักเชียว
ไปดูบรรยากาศที่พักเลยค่ะ เดี๋ยวจะหาว่าคุย
ได้หนังสือซักเล่มมานอนอ่าน อาจจะเผลอหลับไปเลยก็ได้
ห้องพักที่นี่มีหลายประเภทค่ะ ที่เรานอนวันนี้เป็นห้องพักมีพลูวิลล่า แบบ 1 ห้องนอน ราคาห้องพักของเราคืนนี้ 3200 บาทค่ะ สระก็ไม่ได้ใหญ่นะ แต่ก็แช่น้ำ ว่ายไปว่ายมานิดดดดหน่อยได้ แต่ถ้าใครอยากจะเน้นวิว ก็เลือกห้องพักประเภทอื่นได้ค่ะ
***ดอกจันทร์เน้นอีก 1 จุด เนื่องจากเข้ามาแล้วจิไม่อยากออกไปหาข้าวเย็นทาน เราจึงแนะนำให้ทานอาหารของที่พักเลยค่ะ แต่!!!!!!! ต้องโทรสั่งอาหารล่วงหน้าก่อน 16.00 น. เพราะเป็นอาหารโฮมเมดค่ะ เจ้าของที่พักทำเอง เป็นอาหารฝรั่งแต่รสชาติปากคนไทยค่ะ ดูเมนูอาหารตามนี้เลยค่ะ http://www.pingplalee.com/15397329/pita-steakhouse เพราะฉะนั้นโทรสั่งอาหารตั้งแต่เดินทางเลยค่ะ เวลาอาหารเย็น เริ่ม 19.00 น. อาหารที่เราสั่งไว้ก็จะพร้อมเสริฟค่ะ
อาหารดินเนอร์ของค่ำคืนนี้ น่าตาน่ารับประทานสุดๆ
เพิ่มความโรแมนติกด้วยไวน์แดงที่หิ้วมาเองจากฝรั่งเศสเลยคร๊า
ทานเสร็จก็ไปแช่น้ำผ่อนคลายกับสระน้ำในห้องนอนเลยค่ะ
สวัสดีเช้าวันใหม่ค่ะ มาทานอาหารเช้ากัน ที่นี่อาหารเช้าไม่หลากหลายค่ะ มีเสริฟเป็นจานให้ ทานข้าวเช้าดูวิวอิ่มทั้งท้อง และอิ่มบรรยากาศไปเลย
เวลาเหลือก็ไปเล่นน้ำกันก่อนกลับค่ะ ตอนแรกมีแพลนจะไปเที่ยวน้ำตกต่อ แต่อยู่ในที่พักแล้วสบายไม่อยากรีบออกไปไหนเลยค่ะ
ได้เวลา check out ออกจากที่พัก ก็ขอคำแนะนำร้านอาหารมื้อเที่ยงในวันนี้ ที่พักแนะนำครัวอาสา เราก็ตามลายแทงไปเลยค่ะ แผนที่ครัวอาสาดูจากรูปแผนที่ของรีสอร์ทที่ลงให้ด้านบนเลยค่ะ
มาถึงร้านก็ต้องตกใจกับรถที่จอดหน้าร้าน คนเยอะมากเลยค่ะ แต้เค้าว่าดีเราก็ต้องลองอ่ะเนอะ เนื่องจากว่าคนก็เยอะมาก และร้านก็อาจจะทำช้าด้วย กว่าจะได้อาหารก็หิวใส้กิ่วเลยค่ะ แต่สุดท้ายแล้วก็คุ้มค่ากับการรอคอยจริงๆ อาหารรสชาติจัดจ้าน เผ็ดพริกแกงสุดๆ สั่งมา 4 อย่าง แต่ลืมถ่ายรูปไว้ ด้วยความหิว พออาหารมาก็รีบทานเลยค่ะ แต่ยังถ่ายไว้ 2 เมนู อาหารที่นี่จานไม่ใหญ่เท่าไหร่นะคะ แต่ราคาก็ไม่แพงค่ะ
ใครที่ยังติดใจกับรสชาติอาหาร ทางร้านเค้ามีพริกแกงเผ็ดขายอยู่หน้าร้านด้วยนะคะ ซื้อกลับไปปรุงเองได้เลย นี่ก็ไม่พลาดจัดมาฝากแม่กับญาติๆ ทุกคนก็ชมว่าถึงเครื่องจริงๆค่ะ
ไปจุดหมายต่อไปกันเลยค่ะ คืนที่ 2 เราพักกันที่ ไทรโยค วิวราฟท์ ราคาคิดเป็นหัว หัวละ 1000 บาท มีบริการอาหารเย็น และอาหารเช้า บริการแพลากไปเล่นน้ำ แบ่งเป็น 2 รอบ เวลา 16.00 น. กับ 17.00 น. ถ้าใครมาทัน ก็เล่นไป 2 รอบเลยค่ะ
ห้องพักเป็นห้องติดๆกันเรียงแถวยาวออกไปค่ะ
แพที่จอดรอเวลาเอาไปลากค่ะ
แพจะลากเราไปส่งที่ต้นน้ำ และจะให้เรากระโดดลอยตามน้ำ และจะไปรอรับอยู่ข้างหน้าค่ะ น้ำเย็นมาก คือแค่ลอยตามน้ำก็สนุกแล้วอ่ะ แต่เสียดายน้ำไหลเร็วจัง ไม่นานก็ต้องขึ้นแพแล้วค่ะ อยากจะเล่นอีก แต่ถ้าเล่นเองรู้สึกจะไม่ปลอดภัย เพราะน้ำเชี่ยวพอสมควรค่ะ
ที่พักมีสระว่ายน้ำให้เล่นอีก 3 สระนะคะ 2สระเล็กก็จะอยู่บนแพนั่นแหละ ใส่ชุดอะไรเล่นก็ได้ แต่เรารู้สึกว่ามีคนเล่นเยอะจนน้ำไม่ค่อยสะอาด เราเลยไม่ได้เล่นค่ะ กับอีกสระใหญ่อยู่ข้างบนฝั่งเป็นโซนที่กำลังสร้างที่พักเพิ่ม สารภาพว่าเพิ่งเห็นตอนวันกลับ อดเล่นเลย เลยนั่งเล่นที่หน้าห้องแทนค่ะ
ได้เวลาอาหารเย็นแล้วค่ะ เป็นอาหารบุฟเฟ่ มีให้เลือกหลายเมนู ตักไม่อั้นค่ะ อาหารรสชาติพอได้ค่ะ ไม่ได้ถ่ายรูปอีกแล้ว ขออภัยจริงๆค่ะ ทานข้าวเสร็จก็ไปนอนจิบเบียร์หน้าห้องพักกันเลยค่ะ วันนี้มีบริษัทมาเหมาด้วย มีคาราโอเกะร้องกัน เลยไม่ค่อยเงียบเหงาเท่าไหร่ พอเริ่มกึ่มๆก็ถึงเวลานอนพักผ่อน เตียงที่นี่เป็นเตียงเล็กมาต่อกัน เราเลยไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่นัก รู้สึกนอนไม่ค่อยสบายค่ะ
มื้อเช้าที่นี่เป็นบุฟเฟ่เช่นกันค่ะ มีข้าวผัด กับข้าว 2 อย่าง และก็ American breakfast ผลไม้ก็มี แตงโม สับปะรดค่ะ
ได้เวลากลับกันแล้วค่ะ เป็นทริปที่ประทับใจอีกทริปนึงเลยค่ะ ครบทุกรสชาติเลย พบกันใหม่ รีวิวหน้าค่ะ