Search and share travel destinations and experiences in Thailand Sign up Log in
 
Siripanna Villa Resort & Spa เชียงใหม่ เติมเต็มความสุขด้วยวิถีแห่งล้านนา Sinthana Resort Chiang Mai (สินธนา รีสอร์ท) จ.เชียงใหม่
    • Posts-1
    ตากล้อง •  March 28 , 2016

    Siripanna Villa Resort & Spa เชียงใหม่ เติมเต็มความสุขด้วยวิถีแห่งล้านนา

    wสวัสดีครับ  เมื่อต้นปี ทางตากล้องท่องเที่ยวได้รับการติดต่อจาก Siripanna Villa Resort & Spa เชียงใหม่ ให้เข้าไปลองพัก เยี่ยมชมและสัมผัสวิถีชีวิตแบบชาวล้านนา ซึ่งจริงๆเราเองก็อยากไปสัมผัสอากาศเย็นๆและวิถีชีวิตชาวเหนืออยู่แล้ว แต่ด้วยติดภารกิจทั้งงานและทั้งส่วนตัวหลายๆอย่าง จึงไม่สามารถไปช่วงต้นๆปีได้ จนวันที่ 5-6 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมาก็ได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนสัมผัสวิถีชีวิตแบบชาวล้านนาจริงๆ ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลย

    ทริปนี้เราออกเดินทาง ตอนเย็นวันที่ 4มีนาคม59 หลังเลิกงาน 17.30น. ผมก็ลากกระเป๋าลงรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีเพชรบุรี โผล่อีกทีก็ที่สถานีสวนจตุจักร เพื่อมาขึ้นรถเมย์สาย A1 รอประมาณเกือบๆ 20นาทีรถก็มาถึง ซึ่งรถสายนี้จะวิ่งขึ้นทางด่วนและวนเข้าไปส่งที่สนามบินดอนเมืองเลย สะดวกรวดเร็วดีครับและที่สำคัญคือประหยัดมากๆ 30บาทตลอดสาย สบายกระเป๋า ^O^

    ใช้เวลาราวๆ 30-40 นาทีก็ถึงดอนเมือง เร็วกว่าที่คิดแฮะ ทีแรกก็กลัวว่าจะมาเช็คอินไม่ทันตอนสองทุ่มซะแล้ว เพราะช่วงเย็นวันศุกร์นี่ใครๆก็รู้ว่าถนนแทบจะทุกเส้นใน กทม.บ้านเรา จะกลายเป็นลานจอดรถชั่วคราวกันเลยทีเดียว>_ สองทุ่มนิดๆ เข้าไปเช็คอินตั๋วกันก่อน โดยในครั้งนี้ใช้บริการของสายการบินไทยไลออนแอร์เป็นครั้งแรกครับ สภาพภายในเครื่องก็สะอาดและใหม่ดีทีเดียว รอเครื่องเทคออฟราวๆ 22.00น.ครับ

     ใช้เวลาเดินทางเพียง 1ชั่วโมงก็ถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่แล้ว

    ราวๆ 23.10น. สภาพตอนนี้ง่วงสุดๆ นั่งทำตาเล็กตาน้อยยิ้มให้กล้องเพื่อถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกซะหน่อย ^^’ ในระหว่างที่รอกระเป๋าตรงสายพานลำเลียง ผมก็เดินมายื่นเอกสารเพื่อใช้บริการรถเช่าของ AVIS ที่อยู่ใกล้ๆกัน เดินมาเพียงไม่กี่สิบก้าวก็ถึงเค้าเตอร์แล้ว ซึ่งจริงๆแล้วเวลาปิดให้บริการของ AVIS คือ 23.00น. แต่เจ้าหน้าที่ก็อยู่รอกว่าผมจะมาถึง ก็ 23.20 เข้าไปแล้ว ต้องขอบคุณและขอชมเชยการให้บริการที่ดีแบบนี้ด้วยครับ

    ในการเดินทางท่องเที่ยวที่เชียงใหม่ในครั้งนี้ เราได้ใช้บริการรถเช่าของ AVIS Thailand ครับซึ่งมีหลายรุ่นหลายแบบให้เลือกใช้บริการแต่เราเลือกเป็นรถรุ่นนี้ครับเพราะประหยัดน้ำมันและคล่องตัวดีครับ ที่สำคัญเป็นรถรุ่นใหม่ด้วย

    เมื่อรับรถเรียบร้อยแล้วก็มุ่งหน้าสู่ที่พักของเราในทริปนี้ครับ นั่นก็คือโรงแรม Siripanna Villa Resort & Spa…ว่าแต่จะไปขับรถไปยังไงล่ะทีนี้แผนทงแผนที่ไม่มีในหัวเลย ไม่รู้จักเส้นทางเลย…อ้อ..โชคดีที่สมัยนี้เป็นยุคเครือข่ายดิจิตอล การเดินทางของเราในครั้งนี้จึงฝากชีวิตไว้ที่แอพลิเคชั่นตัวนี้ครับ “Google Navigation”

    จะเห็นได้ว่าโรงแรมศิริปันนานั้นอยู่ไม่ไกลจากสนามบินมากนัก ขับรถไม่เกิน 20 นาทีก็ถึงแล้ว

    ระหว่างเดินทางไปโรงแรมศิริปันนาก็จะขับรถผ่านถนนที่มีแนวต้นไม่ขนาดใหญ่เรียงรายอยู่สองข้างทาง ดึกๆก็ดูน่าเกรงขาม ดูขนลุกๆดีเหมือนกันนะครับ แต่เส้นทางก็ไม่ได้เปลี่ยวอะไร ยังคงมีร้านค้าและบ้านเรือนอยู่ตามสองฝั่งตลอดทาง

    ขับๆไปซักพัก ชักเริ่มแสบๆท้อง เลยต้องมองสอดส่องสองข้างทาง สายตาก็พลางมองไปเห็นร้านกันยาโภชนา เป็นร้านข้าว และบะหมี่ แต่มีดีที่เป็ดย่างและหมูกรอบ เลยจัดซักรอบตอนดึกๆ เล่นเอาซะอิ่มแปร้พุงปริไปเลย ^0^

    ข้าวหน้าเป็ดย่าง+หมูกรอบ เนื้อนุ่ม หอม มัน อร่อยครับ ทานตอนหิวจัดๆ อร่อยเพิ่มอีกเป็นหลายเท่าตัวเลย ^+++^

    ก๋วยเตี๋ยว เส้นเล็ก น้ำใส ซดร้อนๆ ตอนดึกๆ  น้ำซุปหอมๆ รสกลมกล่อม โล่งคอดีครับ

    หลังทำพิธีเซ่นกระเพาะเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางของเราในค่ำคืนนี้…

    และแล้วก็ถึงจนได้ รู้สึกโล่งอกเลยทีเดียว ตอนแรกกลัวว่าจะหลงทางมากๆ เพราะเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้เคยใช้บริการพี่ GPS นี่แหละ พี่เขาพาผมเข้าดงเข้าป่า โผล่อีกทีถนนสุด หยุดที่กลางทุ่ง T_T  แต่ด้วยทุกวันนี้เทคโนโลยี่เกี่ยวกับแผนที่การนำทางแม่นยำมากๆ ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนสมัยก่อนแล้ว…เยี่ยมจริงๆเลยว่าไหมครับ ^0^

    โรงแรม Siripanna Villa Resort & Spa เชียงใหม่ เป็นรีสอร์ทระดับห้าดาวของคนไทยที่ออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากความงามของเวียงกุมกาม เติมเต็มความสุขด้วยวิถีแห่งล้านนา นับตั้งแต่ห้องพัก  สปาธรรมชาติ ห้องอาหาร และการจัดเลี้ยงด้วยบริการระดับลักซูรี่ล้านนา ภายในรีสอร์ทร่มรื่นด้วยสวนและพันธุ์ไม้กว่า 200 ชนิดมากว่า 20,00 ต้น ล่าสุดรีสอร์ทได้รับคัดเลือกให้เป็นโรงแรมที่มีการบริการยอดเยี่ยมในประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2558 จากเว็บไซต์ทริปแอดไวเซอร์ (Tripadvisor) โดยก่อนหน้านี้ได้คว้ารางวัลระดับเงิน กลุ่ม Luxury เขตเมือง ประเภทอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ จากการประกาศผล Thailand Boutique Award ประจำปี พ.ศ. 2554 ด้วยหล่ะ

    เห็นป้ายด้านหน้าโรงแรมแร้วน้ำตาจิไหล..ลุ้นตลอดว่าจะมาถูกไหม ^_^

    ซุ้มประตูทางเข้าโรงแรม ดูเวอร์วังอลังการงานศิลป์จริงๆ มีโคมไฟแบบโมบายสไตล์ล้านนาห้อยอยู่ตรงกลาง สวยงามทีเดียว     *ด้านหน้าโรงแรมจะมีที่จอดรถราวๆ 25 คันครับ* เดินเข้ามาอีกนิดจะเห็นพุ่มแจกันดอกไม้ขนาดใหญ่ รับกับโมบายโคมไฟสีเหลืองทอง ดูสวยงามไปอีกแบบ

    แจกันพุ่มดอกไม้กับโคมไฟสไตล์ล้านนา

    ดึกมากแล้ว บอกเลยว่าหนังตาหย่อนหนักมาก  เดินมาเช็คอินที่เค้าเตอร์ด้านหน้า พนักงานต้อนรับจะนำน้ำข้าวออร์แกนิกที่ทางโรงแรมผลิตเองจากนาข้าวของทางโรงแรมเอง มาเสิร์ฟเป็น Welcome Drink ครับ รสชาติหอมหวานกำลังดี ดื่มตอนง่วงๆ สดชื่นขึ้นมาเลยหล่ะ

    ก้าวแรกตั้งแต่เดินเข้ามาจนมาถึงเค้าเตอร์ด้านหน้า ผมสัมผัสได้ถึงความเรียบหรูและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะวัฒนธรรมแบบล้านนาที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามจริงๆครับ

    หลังจากเช็คอินเรียบร้อยแล้ว ก็เดินตามพนักงานต้อนรับ พาไปยังห้องพัก แถมช่วยยกของลากกระเป๋าด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส แม้จะดึกแล้วก็ตาม และแล้วก็ได้เวลาสำรวจห้องพักครับ คืนนี้เราจะพักกันในส่วนของ ห้องดีลักซ์ แกลเลอรี่ อาคารศิริปันนาแกลเลอรี่ เป็นที่พักในโซนใหม่

    ห้องพักของเราในคืนนี้ครับ เป็นแบบเตียงคู่

    มีโซฟาเบด อยู่ใกล้ๆเตียงนอนด้วย

    ภายในห้องน้ำก็จะมีห้องอาบน้ำ ครื่องใช้ภายในก็จะมีสแตนดาร์ดทั่วๆไป ถือว่าครบครับ แบบว่าไม่ต้องเตรียมอะไรมาจากบ้านเลย

    ผ้าเช็ดหน้า – ผ้าเช็ดตัว

    ของใช่จำเป็นในกิจวัตรประจำวัน มีทั้งแปรงสีฟัน ยาสีฟันสองชุด สบู่ สำลี คอตตอนบัด หวี จัดมาให้ครบเลยครับ ^^

    มินินบาร์ มี ชา กาแฟ น้ำเปล่าเครื่องดื่มอื่นๆอีกที่เหลือในตู้เย็น และเครื่องต้มน้ำ พร้อมสำหรับคนชอบนอนดึก

    คืนนี้สำรวจห้องเพียงเท่านี้ก่อน เดี๋ยวเข้านอนก่อนครับ พรุ่งนี้เดี๋ยวจะตื่นไม่ทันเก็บภาพบรรยากาศแสงเช้ากับศิริปันนาแห่งนี้

    ————————————————–

    เช้าตรู่วันที่ 5 มีนาคม 2559 ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงเหล่าสกุณาที่มาร้องเพลงปลุกแต่เช้า เลยลงไปเก็บภาพบรรยากาศตอนเช้าๆของแสงแรกแห่งวันที่ศิริปันนาแห่งนี้มาฝากครับ

    “ตื่นเช้าชมทุ่ง ตะวันรุ่งสาดส่อง ผ่านครรลองแห่งล้านนา เติมเต็มขีวิตชีวาของคนเมือง…”  งดงามจริงๆครับ มุมนี้ แสงเช้าสาดส่องผ่านทุ่งข้าวปันนาสู่สายตาผู้มาเยือน อากาศเย็นๆช่วงเช้าของที่นี่ ใครนอนตื่นสายถือว่าพลาดอย่างแรงเลยหล่ะ

    ต้นกล้าในนาข้าว สำหรับให้แขกที่มาพักได้ร่วมกิจกรรมการดำนา

    นาข้าวออร์แกนิกส์ กำลังเขียวขจี ใกล้ออกรวงเต็มทีแล้ว

    แม้จะเข้าสู่ช่วงหน้าร้อน แต่ที่นี่ก็กลับเขียวชอุ่มราวกับช่วงปลายฝนต้นหนาวยังไงยังงั้น

    เก็บภาพตอนเช้าเรียบร้อยแล้ว นาฬาชีวิตก็ส่งเสียงดังจ๊อกๆ บอกว่าได้เวลามื้อเช้าแล้ว ไปหาอะไรทานก่อนดีกว่า สำหรับห้องอาหารที่มีชื่อว่า ห้องอาหารสลีบันยัน ซึ่งมีทั้งส่วนที่เป็นห้องแอร์  โอเพ่นแอร์ และกลางแจ้ง(ใต้ต้นโพธิ์)

    บริเวณบาร์เครื่องดื่ม

    โต๊ะอาหารภายในห้องแอร์

    มื้อเช้าวันนี้ จัดมาพอประมาณ ทานพอหมด

    ผัดเห็ดน้ำมันหอย อร่อยได้คุณค่า

    สำหรับมื้อเช้ายังมีอีกหลากหลายเมนูให้เลือกอย่างจุใจไม่มีกั๊ก รับรองเต็มอิ่มแน่นอน

    * นอกจากนี้ยังมีเมนูสำหรับมื้อเที่ยงที่ถือว่าคุ้มมากๆครับ ส่วนมากจะมีทัวร์ต่างๆมาใช้บริการ และสามารถ Walk-in เข้ามาทานได้เลยเพียงแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตรงล้อบบี้ก่อนนะครับ

    บิสสิเนสลั้นช์ (Business Lunch) เป็นบุฟเฟ่ต์อาหารกลางวัน ผสมผสานเมนูอาหารไทยและอาหารนานาชาติ  อิ่มอร่อยเตรียมพร้อมสำหรับช่วงเวลายามบ่ายที่กระฉับกระเฉงด้วยสลัดผักสด ออเดิร์ฟเมือง ซุปประจำวัน หลากหลายเมนูพาสต้า พิซซ่าอบหอมกรุ่น ข้าวซอย ขนมจีนน้ำเงี้ยวและก๋วยเตี๋ยว พร้อมมุมขนมหวานนานาชนิดทั้งขนมไทย เค้กและผลไม้ ปิดท้ายมื้อกลางวันอันสุดพิเศษท่ามกลางสวนอันร่มรื่นใจกลางเมืองเชียงใหม่ ทุกวันจันทร์ถึงวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 12.00 น. – 15.00 น.ราคา 189 บาทต่อท่าน เท่านั้นเอง รวมน้ำดื่มฟรีตลอดมื้ออาหาร

    หลังจากทานมื่อเช้าเสร็จแล้ว วันนี้เรามีแพลนที่จะไปตะลอนเที่ยวสถานที่ใกล้ๆตัวเมืองเชียงใหม่ รัศมีไม่เกิน 50 กิโลเมตร เพื่อให้กลับมาทันถ่ายภาพสวยๆของโรงแรมในช่วงทไวไลท์

    สถานที่แรกที่เราจะไปเยี่ยมชมนั่นก็คืออุทยานหลวงราชพฤกษ์  ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมศิริปันนาเพียง 17 กิโลเมตรเอง ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว

    ขับรถไปตามแผนที่โดยใช้ Application Navigation และใช้บริการรถเช่าของ AVIS Thailand สะดวกรวดเร็วดีครับ ซุ้มประตูด้านหน้า ก่อนเข้าชมงานให้ซื้อตั๋วเข้าชม ซึ่งจะมีจุดขายบัตรอยู่ทางด้านซ้ายมือของซุ้มทางเข้าด้านนอกครับ

    แปลงดอกไม้สีสันสดสวยอยู่ด้านหน้าทางเข้าของอุทยานฯ สำหรับถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก

    ภาพมุมสูง ของวงเวียนด้านหน้าก่อนเข้าอุทยานฯ

    เข้ามาด้านในจะพบกับสวนดอกไม้กลางแจ้งนานาชนิด ออกดอกหลากสีสันอยู่เต็มไปหมดเลยครับ สวยงามมากๆ

    ต้นโพธิ์ทอง หรือ ต้นบรมโพธิสมภาร ประกอบด้วย ใบทั้งหมด 21,915 ใบ เป็น ต้นไม้แห่งทศพิธราชธรรม

    ภาพมุมสุง ถ่ายตรงบริเวณต้นโพธิ์ทองยาวไปถึงหอคำหลวง

    หอคำหลวง

    ซุ้มเฉลิมพระเกียรติ มีอยู่จำนวน 30 ซุ้มแต่ละซุ้มมีกรอบพระบรมฉายาลักษณ์ ติดด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมนำเสนอพระราชกรณียกิจ และพระบรมราโชวาท ซุ้มเฉลิมพระเกียรติสร้างเป็นเส้นทางเดินตรงไปยังหอคำหลวง สองข้างมีเรื่องราวพระราชกรณียกิจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงงานอย่างหนักเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรชาวไทยมาตลอดหลายสิบปี

    หอคำหลวง สถาปัตยกรรมล้านนาที่สง่างามมากๆครับ เป็นอาคารครึ่งไม้ครึ่งปูน 2 ชั้น สีน้ำตาลแดง ผ่านกระบวนการคิด การออกแบบ จากช่างสิบหมู่พื้นบ้านล้านนานับสิบคน ที่ร่วมกันถ่ายทอดผลงานอภิมหาสถาปัตยกรรมล้านนา ภายใต้แนวคิดที่ว่า “พระบาทสมเด็พระเจ้าอยู่หัว คือ ศูนย์รวมจิตใจของปวงชนชาวไทย” ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าบนเนินดินพื้นที่ประมาณ 3,000 ตารางเมตร ท่ามกลางเนื้อที่กว่า 470 ไร่ ของศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

    นอกจากนี้สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งภายในอุทยานหลวงแห่งนี้ก็คือ สวนกล้วยไม้ และสวนดอกไม้ติดแอร์ครับ ซึ่งในสวนกล้วยไม้แห่งนี้ได้รวบรวมดอกกล้วยไม้กว่า 300 ชนิดมาไว้ให้เราได้ชมกันในนี้อย่างจุใจ ต้องบอกว่าดอกใหญ่และสวยงามมากๆเลยทีเดียว

    หลังจากเดินจนเกือบทั่วและเก็บภาพพอสมควรแล้ว ก็ออกมานั่งพักร้อนดื่มกาแฟเย็นๆ ที่ด้านนอกจะมีร้านกาแฟเครื่องดื่มอยู่ใกล้ๆกับที่จอดรถครับ

    ราวๆบ่ายสามโมงเย็นก็ออกจากอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ขับรถต่อไปโดยมีผู้นำทางเป็น Google Navigation อีกเช่นเคยครับ ซึ่งคราวนี้เรามุ่งหน้าขึ้นดอย ไปรับลมชมทิวทัศน์ สัมผัสอากาศเย็นๆที่ม่อนแจ่มครับ จะไปดูว่าบรรยากาศช่วงนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง  ใช้ระยะทางทั้งสิ้นราวๆ 46 กิโลเมตรจากอุทยานหลวงราชพฤกษ์ครับ

    เส้นทางขึ้นเขาบางช่วงถนนชำรุดอยู่บ้าง บางช่วงก็อยู่ระหว่างการซ่อมบำรุงครับ บางช่วงก็จะเป็นโค้งหักศอกและชันพอสมควร อารมณ์ประมาณขับรถขึ้นลานจอดห้างฟอร์จูนประมาณนั้นเลย ถ้าขับขึ้นไปเองต้องระมัดระวังด้วย แนะนำให้ใช้เกียร์ต่ำตลอดการขับขึ้นเขา แต่โดยรวมแล้วการขับรถขึ้นไปเองก็ค่อนข้างสะดวกและรวดเร็วดี ระหว่างทางขึ้นเขาก็จะมีจุดท่องเที่ยวอีกหลายๆจุดที่น่าสนใจนะครับแต่ไม่ได้แวะ เช่น  ปางช้างแม่สา สวนพฤกษศาตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์  สวนสตอเบอรี่ที่ใหญ่ที่สุดให้แวะชมแวะชิมกันสดๆด้วย  (แนะนำให้ซื้อลูกเล็ก รสชาติหอมหวานกำลังดี) ถ้าใครไปเที่ยวเส้นทางนี้ถ้ามีเวลาลองแวะดูนะครับ แต่ละที่น่าสนใจทั้งนั้นเลย

    ใช้เวลาเดินทางปรามาณ 1 ชั่วโมง 15 นาทีก็ถึงม่อนแจ่มแล้วครับ  ระหว่างขึ้นเขาจะมีต้นดอกเสี้ยวที่กำลังออกดอกสีขาวบานสะพรั่งอยู่สองข้างทางเป็นระยะๆ ด้วยหล่ะ

    มีลานจอดรถบนนี้เลย…การเดินทางที่สะดวกสบายแบบนี้ ต้องขอขอบคุณบริการรถเช่าจาก AVIS Thailand ด้วยครับ ที่สนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้

    แปลงผักบนดอย สวนกะหล่ำปลีที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ถูกเก็บเกี่ยวไปจนหมดแล้ว

    ซุ้มสำหรับนั่งทานอาหารบนดอย อยู่ติดๆริมเขา นั่งทานข้าวไป ชมวิวไป สุดยอดเลย

    ภาพความน่ารักและไร้เดียงสาของเด็กๆ ถ่ายยังไงก็น่าดูเสมอ^^

    ร้านกาแฟโครงการหลวง ตรงนี้เป็นจุดชมวิวแบบ 360 อาศา มองเห็นทัศนียาภาพที่สวยงามได้โดยรอบ ที่สำคัญรสชาติเครื่องดื่มของร้านนี้ไม่ธรรมดาครับ โดยเฉพาะชาเขียว อร่อยมากๆๆ แนะนำให้ลองเลย ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ช่วงไฮซีซั่นแต่นักท่องเที่ยวก็ยังทยอยขึ้นมาเยี่ยมชมที่นี่อย่างไม่ขาดสาย ทั้งมาแบบครอบครัว มาเดี่ยว มาเป็นคู่ หรือมาเป็นหมู่คณะ

    แม้อยู่สูงแต่ไม่เดียวดาย…แม้เหน็บหนาวแต่อุ่นใจ…ยามมีเพื่อนคอยเคียงข้าง

    มุมนี้จะมีผีเสื้อสีขาวๆ ตัวเล็กๆ บินเต็มไปหมดครับ ทำให้บรรยากาศตรงนี้งดงามราวกับอยู่ในฝันเลยหล่ะ แม้จะเป็นช่วงต้นฤดูร้อน แต่ที่นี่อากาศเย็นกำลังดีตลอดทั้งวันเลย ถ้ามีเวลามากๆ หนีร้อนจากเมืองกรุง มานั่งชมวิว จิบกาแฟ ทานข้าว รับลมเย็นๆ บนนี้คงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว ^0^ ได้เวลากลับโรงแรมแล้ว ก่อนจาก…น้องๆร่วมเป็นเกียรติถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกด้วยกัน ยิ้มแย้มแจ่มใสน่ารักสมวัย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลย  ^+++^  หลังจากถ่ายรูปเสร็จก็ไม่ลืมที่จะให้ค่าขนมน้องๆด้วยนะ (น้องๆบอกแล้วแต่จะให้)

     

    • ตากล้อง  18.20น. ถึงโรงแรมศิริปันนา ทันเวลาถ่ายภาพช่วงทไวไลท์พอดี แสงไฟสลัวๆ ท้องฟ้าเป็นสีม่วงๆ อย่างนี้เหมาะกับการถ่ายภาพเป็นที่สุด ภาพบรรยกาศช่วยเย็นๆ ของที่นี่จะสวยแค่ไหน ไปชมกันเลยยย>> 28 March 2016 21:24:57
    • Posts-2
    ตากล้อง •  March 28 , 2016

    18.20น. ถึงโรงแรมศิริปันนา ทันเวลาถ่ายภาพช่วงทไวไลท์พอดี แสงไฟสลัวๆ ท้องฟ้าเป็นสีม่วงๆ อย่างนี้เหมาะกับการถ่ายภาพเป็นที่สุด ภาพบรรยกาศช่วยเย็นๆ ของที่นี่จะสวยแค่ไหน ไปชมกันเลยยย>>

    บริเวณเฮือนศิลป์สล่า ทุ่งข้าวปันนา และ หลองข้าวโบราณ

    อาคารศิริปันนาแกลเลอรี่

    ด้านหน้า ทางเข้าอาคารศิริปันนาแกลเลอรี่  มีมุมนั่งชิลๆด้วยหล่ะ

    มุมระเบียงห้องพักบนอาคาร ศิริปันนาแกลเลอรี่

    อาคารศิริปันนาแกลเลอรี่ ตรงบริเวณระเบียงของอาคาร มองลงมาจะเห็นนาข้าวที่กำลังเขียวชอุ่ม แม้ในยามค่ำคืนก็ยังสวยงาม

    มุมเทอเรซ ใต้ต้นไม้โบราณ เหมาะสำหรับนั่งชิลๆ รับลม ชมวิวของทุ่งข้าวปันนา

    หลองข้าวโบราณ(ยุ้ง) เป็นของคู่บ้านคู่เรือนของคนล้านนาตั้งแต่สมัยโบราณ ใช้สำหรับเก็บข้าวเปลือกไว้กิน ไว้ขายตลอดทั้งปี และยังสะท้อนถึงความมั่นคงของครัวเรือน และความอุดมสมบูรณ์ของชุมชนอีกด้วย

    บริเวณสระน้ำกลางแจ้ง ชอบมุมนี้ตอนกลางคืนมากๆ สวยดีครับ

    ซุ้มประตูจักรวาล ถ่ายจากด้านหลังบริเวณสระว่ายน้ำ ดูอลังมากๆๆ

    • Posts-3
    ตากล้อง •  March 28 , 2016

    หลังจากเก็บภาพช่วงเย็นเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาเติมความสุขอีกครั้ง นั่นก็คือมื้อค่ำของเรานั่นเอง กับเมนูชุด

    สลีบันยันไนท์บุฟเฟ่ต์ (Slee Banyan Night Buffet) ทุกวันจันทร์ถึงวันเสาร์ บุฟเฟ่ต์อาหารมื้อค่ำ อิ่มอร่อยกับสารพันเมนูอาหารนานาชนิด อาทิเช่น สลัดผักสด ยำรสแซ่บ อาหารยุโรป อาหารพื้นเมือง  ซูชิและซาชิมิสดใหม่  เค้กและขนมหวานรสเลิศ รวมไปถึงไอศครีมโฮมเมด และอีกมากมาย พลาดไม่ได้กับมุมอาหารนานาชาติปรุงสดใหม่ อาทิเช่น บะหมี่หมูแดงฮ่องเต้สูตรเด็ด เฝอและสเต็กสไตล์เวียดนามที่หาทานได้ยาก นาโชส์และทาโก้ต้นตำรับจากเม็กซิโก เนื้ออบนุ่มลิ้นสไตล์ฝรั่งเศส พิซซ่าและพาสต้าโฮมเมดแบบอิตาเลี่ยน ที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนให้เต็มอิ่มแบบไม่อั้นทุกวันจันทร์ถึงวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 18.30 น. – 22.30 น. ราคา 389 บาทต่อท่าน รวมน้ำดื่มฟรีตลอดมื้ออาหาร พิเศษเมื่อมารับประทาน 4 ท่าน จ่ายเพียง 3 ท่าน สำหรับเด็กอายุ 4-12 ปี ลดครึ่งราคา เด็กอายุ 3 ปี และต่ำกว่าไม่เสียค่าใช้จ่าย

    ไก่อบอินเดีย เนื้อนุ่มหอมกรุ่นเต็มกลิ่นของเครื่องเทศ

    มุมซูชิ หั่นกันสดๆ น่าทานมากๆ

    หนวดหมึกยักษ์หั่นกันสดๆ จิ้มกับน้ำจิ้มวาซาบิ รสเด็ดมาก

    แซลม่อนสดๆ หั่นเป็นแผ่นบางๆ จิ้มกับน้ำจิ้มวาซาบิ ฟินเรยยยย ขอบอก

    เมนูมื้อเย็นมีให้เลือกทานหลากหลายมากๆ

    ตบท้ายด้วยเมนูของหวานหลากหลายชนิด นักพิชิตความหวานไม่ควรพลาด

    เค้กหน้าตาน่าทานมากๆ

    ดนตรีสด ไพเราะเพราะพริ้งราวกับเปิดจากแผ่นเสียงเลย จริงๆนะครับ ทานไปฟังเพลงไป สุนทรีเลยหล่ะ ^0^

    เมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนเป็นธรรมดา สำหรับวันนี้ต้องบอกว่ามีความสุขตลอดทั้งวันเลย ตั้งแต่ขับรถไป ชมสวน ชมดอกไม้ ขึ้นเขารับลมชมวิว ตอนเย็นก็ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่สวยงามของศิริปันนารีสอร์ทแห่งนี้ พร้อมทั้งอิ่มอร่อยกับเมนูมื้อเย็นที่หลากหลายเลยทีเดียว เรียกได้ว่าสถานที่สวย อาหารดี ดนตรีเพราะ ก็ไม่เวอร์จนเกินไปนัก และสหรับค่ำคืนนี้…ราตรีสวัสดิ์ครับทุกท่าน

    ———————————————–

    • Posts-4
    ตากล้อง •  March 28 , 2016

    เช้าที่สดใสของวันที่ 6 มีนาคม 2559  ตื่นมาสูดอากาศบริสุทธิ์ บรรยากาศยามเช้าของที่นี่ช่างดีมากๆเลย  แทบไม่รู้สึกเลยว่านี่ผมกำลังนั่งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่

    วันนี้เรามีกิจกรรมหลายๆอย่างเลยทีเดียว ที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้ เริ่มจากกิจกรรมที่เป็นศิริมงคลกับชีวิตนั่นก็คือการทำบุญตักบาตรในตอนเช้า

    เสร็จแล้วก็ รับศีล รับพร กรวดน้ำเพื่ออุทิศบุญกุศลให้ เจ้ากรรม นายเวร และ ญาติผู้ล่วงลับ

    และอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ ที่ไม่ควรพลาดเลย นั่นคือ การดำนา เป็นกิจกรรมที่ทำให้เราเรียนรู้วิถีชีวิตและความยากลำบากของชาวนาและบรรพบุรุษของเรา ว่ากว่าจะได้ข้าวมาแต่ละเม็ดนั้นต้องลำบากขนาดไหน

    บริเวณทุ่งข้าวปันนา และแปลงนาสาธิต สำหรับให้แขกร่วมทำกิจกรรมการดำนา

    ลูกชาวนาอย่างผม ไม่พลาดกิจกรรมนี้แน่นอน เคยทำนาตอนเด็กๆ ดูซิว่าตอนนี้ ดำนาแล้วข้าวจะล้มหรือเปล่า ^++^’

    เป็นไงล่ะ!! ฝีมือยังไม่ตกเลย แม้จะผ่านไปกว่า 20 ปีแล้วนะ ^^

    อาจารย์ผมอารมณ์ดีมากๆ เพราะลูกศิษย์อย่างผมมีทักษะนี้อยู่แล้ว…ไม่ต้องเหนื่อยสอน

    เสร็จแล้ว!!… มีน้ำกระเจี๊ยบหวานๆและน้ำเปล่าเย็นๆ ไว้ให้ด้วยนะ…สดชื่น..หายเหนื่อยเลย

    • Posts-5
    ตากล้อง •  March 28 , 2016

    ดำนาเสร็จแล้ว มีเวลาว่างพอสมควร ผมจะขอพาไปแนะนำสถานที่ในแต่ละส่วน ที่น่าสนใจ ตามมาดูกันเลยครับ >>>

    เริ่มจากด้านหน้าสุดเลย จะเป็นส่วนของ ลอบบี้โรงแรมครับ ดูโอ่โถง ประดับประดาไปด้วยงานศิลปะวัฒนธรรมของชาวเหนือครับ

    ถัดมาจะเป็นประตูเมือง ซึ่งเปรียบเสมือนประตูที่กั้นระหว่างความวุ่นวายของเมืองกับความเงียบสงบของรีสอร์ท

    ถัดจากประตูเมืองก็จะเป็นซุ้มประตูจักรวาล ซึ่งมีลักษณะสูงโปร่ง ด้านบนจะมีช่องสำหรับให้แสงส่องลงมาด้านล่าง ว่ากันว่าใครที่มายืนตรงวงกลมด้านล่างนี้จะได้รับแสงที่มีพลังทางด้านบวก จะทำให้ชีวิตได้รับแต่สิ่งดีงามเข้ามาครับผม

    เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ผมไม่รอช้า เดินเข้ามาเงยหน้ารับแสงอย่างเต็มที่สิครับ…รอไร ^+++^

    ฝรั่งมาเมืองไทยเพื่ออาบแดด…ไทยแท้อย่างผมจะอาบแดดก็คงไม่ไหว..ขออาบแสงเแห่งพลังบวกก็พอละกันครับ ^^

    หลังประตูจักรวาล ก็จะเป็น สระว่ายน้ำกลางแจ้ง พร้อมจากุซซี่ ขนาด 300 ตารางเมตร ที่ออกแบบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของแม่น้ำปิง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของความเจริญรุ่งเรืองในสมัยเวียงกุมกาม เมืองเก่าแก่ครั้งก่อนเมืองเชียงใหม่ รายล้อมด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ เด็กเล่นได้ ผู้ใหญ่เล่นดี ว่ายน้ำช่วงเย็นๆ ทำให้หลับสบายดีเหมือนกันนะ

    บ้านไทย หรือคนที่นี่เขาเรียกกันว่า เฮือนศิลป์สล่า เป็นบ้านไม้ทรงไทยเรือนงาม ไว้สำหรับทำกิจกรรมทางวัฒนธรรม รวมถึงงานประชุม ขันโตกดินเนอร์ สอนทำอาหาร กาดหมั้ว ดนตรีในสวน และงานแต่งครับ

    ซุ้มประตูด้านหน้า ของเฮือนศิลป์สล่า

    เฮือนศิลป์สล่าและสนามหญ้าสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ

    สนามหญ้าสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ ติดกับทุ่งข้าวปันนา ตรงนี้จะมีต้นทองกวาว ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดเชียงใหม่กำลังออกดอกสีเหลืองแสดแดง สวยงามทีเดียวครับ ชอบมุมนี้มากๆ

    ชั้นบนของเฮือนศิลป์สล่า

    • Posts-6
    ตากล้อง •  March 28 , 2016

    ทีนี้เรามาดูห้องพักแบบต่างๆของที่นี่กันเลยครับ ห้องพักจะมีทั้งหมด 104 ห้อง ซึ่งประดับและตกแต่งหรูหราแต่ละแบบแตกต่างกันไป แบ่งเป็นแต่ละประเภท ดังนี้

    -ดีลักซ์ล้านนา 48 ห้อง
    -ดีลักซ์แกลเลอรี่ 29 ห้อง
    -แกรนด์ดีลักซ์ล้านนา 7 ห้อง
    -ลักซูรี่ล้านนาการ์เด้น 2 ห้อง
    -รอยัลล้านนาวิลล่า 15 ห้อง
    -แกรนด์รอยัลล้านนาวิลล่า 1 ห้อง
    -แกลเลอรี่สวีท 1 ห้อง
    -ศิริปันนาแกรนด์รอยัลล้านนาสวีท 1 ห้อง

     แบบแรกที่จะพาไปชมก็คือ ห้อง รอยัลล้านนาวิลล่า  มีทั้งหมด 15 ห้อง อยู่ตรงบริเวณรอบๆสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ซึ่งดูแล้วเป็นส่วนตัวมากๆครับ พื้นที่ขนาด 60 ตารางเมตร ประกอบด้วยห้องอาบน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งแยกพื้นที่ส่วนอาบน้ำ ผ่อนคลายอิริยาบถไปกับพื้นที่ส่วนตัวของคุณในศาลาไทย และระเบียงกลางแจ้งขนาด 15 ตารางเมตร นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีทันสมัยที่อำนวยความสะดวกไม่ว่าจะเป็น ทีวีจอแบน ขนาด 42 นิ้ว เครื่องเล่นดีวีดี ตู้เซฟในห้อง และอินเตอร์เน็ตไร้สายด้วยหล่ะ

    ด้านหน้าจะมีประตูบ้านกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวอีกชั้นหนึ่ง

    ถัดเข้ามาจะเป็นส่วนพื้นที่โล่งๆ เป็นมุมนั่งเล่นก่อนเข้าไปในตัวบ้านครับ

    ภายในห้องก็จะมีมุมโซฟานั่งเล่น พร้อมผลไม้สำหรับทานเล่นเพลินๆ

    ห้องค่อนข้างกว้างขวางเตียงใหญ่มากๆ

    มินิบาร์และของใช้สอยจำเป็นก็มีครบครันครับ

    มีอ่างอาบน้ำไว้นอนแช่สบายๆ ด้วยหล่ะ

    มีชั้นน้ำตกในห้องน้ำด้วย ช่วยเพิ่มบรรยากาศเวลานอนแช่น้ำในอ่าง

    อ่างล้างหน้าแบบคู่

    ของใช้ภายในห้องน้ำมีให้ครบเลย

    ————————————————————

    • Posts-7
    ตากล้อง •  March 28 , 2016

    แบบที่2 จะพาไปดูคือ ดีลักซ์ล้านนา  ห้องพักสไตล์ศิลปะล้านนา ขนาดกว้าง 42 ตารางเมตร (ไม่รวมส่วนระเบียงอีก 9 ตารางเมตร) พร้อมห้องน้ำขนาดใหญ่ซึ่งแยกพื้นที่อาบน้ำเป็นสัดส่วน ทิวทัศน์จากระเบียงคือความเขียวชอุ่มของต้นไม้นานาพันธุ์ ภายในห้องครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งทีวีจอแบน ขนาด 32 นิ้ว ตู้เซฟในห้องและอินเตอร์เน็ตไร้สาย

    เตียงเดี่ยวขนาดใหญ่ ห้องดูกว้างขวาง ไม่อึดอัด

    มุมนั่งเล่นเป็นแบบโซฟาเบด พร้อมพานผลไม้

    ภายในห้องน้ำ จะมีอ่างอาบน้ำ และของใช้จำเป็นอย่างครบครันเลย

    —————————————————-

    • Posts-8
    ตากล้อง •  March 28 , 2016

    ห้องสุดท้ายที่จะแนะนำจะอยู่ในส่วนของอาคารศิริปันนาแกลเลอรี่ ซึ่งเป็นห้องพักโซนใหม่ ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามของทุ่งข้าวปันนา และล้อมรอบไปด้วยแมกไม้นาๆชนิด ดูร่มรื่น สบายตามากๆ พร้อมกันนี้ยังมีภาพศิลปะที่รังสรรค์งานศิลป์ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ด้วยฝีมือของศิลปิลระดับแนวหน้าของเมืองเหนือ ประดับประดาตกแต่งทั้งในตัวอาคารและภายในห้องพักทุกห้อง ให้คุณได้เต็มอิ่มกับงานศิลปะถ่ายทอดมุมมองและความประทับใจต่อความงามในส่วนต่างๆ ของศิริปันนาแห่งนี้
    ห้องพักทั้งหมดในอาคารนี้มี 30 ห้อง ประกอบไปด้วย ห้องดีลักซ์แกลเลอรี่ 29 ห้อง (เตียงคู่) และห้องแกลเลอรี่สวิท 1ห้อง (เตียงเดี่ยว) ที่จะพาไปชมเป็นส่วนของห้อง ดีลักซ์แกลเลอรี่ครับ เป็นห้องที่เราใช้พักในครั้งนี้ด้วย ซึ่งห้องมีขนาด 40 ตารางเมตร (ไม่รวมส่วนระเบียง 7 ตารางเมตร) สิ่งอำนวยความสะดวกภายในให้มาครบครันเลย ไม่ว่าจะเป็น

    • โทรทัศน์สีจอแบนขนาด 32 นิ้ว พร้อมระบบเคเบิ้ล
    • ห้องน้ำพร้อมห้องอาบน้ำแบบ Rain Shower แยกเป็นสัดส่วน
    • อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง (มีค่าบริการเพิ่มเติม)
    • เสื้อคลุมอาบน้ำ รองเท้าแตะ ร่ม
    • ประตูล็อคอัตโนมัติ และช่องมองผ่านประตู
    • เครื่องปรับอากาศ
    • โทรศัพท์
    • ไฟฉุกเฉิน ระบบดับเพลิง
    • ตู้เย็นและเครื่องดื่ม
    • กาแฟและชุดชงชา
    • เครื่องเป่าผม
    • บริการน้ำดื่มภายในห้อง

    เตียงคู่ขนาดกำลังดี ไม่ใหญ่มาก และไม่เล็กจนเกินไป เตียงนุ่มพอดี นอนแล้วหลับสบาย ไม่ปวดหลังแน่นอนครับ

    มุมนั่งเล่นด้านใน เป็นโซฟา

    เปิดม่านออกก็จะเห็นวิวด้านนอกซึ่งเป็นส่วนของทุ่งข้าวปันนาที่กำลังเขียวขจี

    มุมระเบียงด้านนอก สำรับนั่งชมทุ่งข้าวปันนา

    ห้องน้ำจะแบ่งโซนแห้งและโซนเปียกมีกระจกใสกั้นกลาง ห้องอาบน้ำเป็นแบบฝักบัว (Rain Shower)

    ————————————————————-

    • Posts-9
    ตากล้อง •  March 28 , 2016

    และสุดท้าย ท้ายสุดจะเป็นในส่วนของ ปันนาสปา ซึ่งไดนําเสนอรูปแบบการบริการ โดยใชสัมผัส 9 ประการมาเปนสวนสําคัญ ซึ่งรวมถึงวัฒนธรรม ศิลปะและสุขภาพแบบองครวม ตัวอาคารแบบลานนาประยุกต 2 ชั้น เปนเรือนไมกึ่งปูน ตกแตงภายในโดยใชเฟอรนิเจอรไมทั้งหมด ใหความรูสึกอันอบอุนใกลชิดธรรมชาติ เพียงกาวแรกที่เขาสูประตของปนนาสปา ก็เปรียบเสมือนไดกาวสูโลกแห่งการผอนคลาย กลิ่นหอมของสมุนไพรธรรมชาติ อบอวลไปทั่วทั้งอาคารเลย

    เค้าเตอร์พนักงานต้อนรับด้านหน้า จะมี น้ำตะไคร้ศิริปันนา ไว้ต้อนรับด้วยนะ

    โซฟารับแขกด้านหน้า

    ภายในห้องสำรับทำสปา ข้างในหอมมากๆ

    มีอ่างที่โรยด้วยกลีบดอกไม้ น่าลงแช่จริงๆ

    เครื่องหอมและสมุนไพรสำหรับทำสปา

    ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวกายและทรีทเม้นท์ดูแลผิว มีทั้งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ด้วยครับ

    ——————————————————-

    • Posts-10
    ตากล้อง •  March 28 , 2016

    หลังจากเดินชมห้องต่างๆเรียบร้อยแล้วก็เป็นเวลาที่ผมรอคอย นั่นก็คือเมนูเที่ยงของวันอาทิตย์ ซึ่งวันนี้จะพิเศษมากๆครับ กับเมนูนี้

    สลีบันยันซันเดย์ลั้นช์ (Slee Banyan Sunday Lunch) ทุกวันอาทิตย์ ณ ห้องอาหารสลีบันยันนำเสนอบุฟเฟ่ต์อาหารกลางวันนานาชาติคุณภาพเยี่ยม สารพัดเมนูอาหารรสเลิศที่จะเติมเต็มความสุขในวันอาทิตย์ มีทั้งมุมอาหารยุโรป ญี่ปุ่น อาหารพื้นเมือง อาหารทะเลสด  บาร์บีคิวย่างสารพัดรายการ เค้กและขนมหวานนานาชนิด รวมไปถึงไอศครีมโฮมเมดจากครัวศิริปันนา และอีกมากมายให้เลือกอิ่มอย่างจุใจ เสียงเพลงแจ๊ซจะขับกล่อมช่วงเวลาอาหารกลางวัน ให้เป็นช่วงเวลาผ่อนคลายที่ดีที่สุดของสัปดาห์ ทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 12.00 น. – 15.00 น. ราคา 589 บาทต่อท่าน รวมน้ำดื่มฟรีตลอดมื้ออาหาร สำหรับเด็กอายุ 4-12 ปี ลดครึ่งราคา เด็กอายุ 3 ปี และต่ำกว่าไม่เสียค่าใช้จ่าย

    มุมอาหารพื้นเมือง

    มุมสลัดและของหวาน

    มุมของหวาน มีน้ำแข็งใสด้วยนะ

    ซี่โครงหมูอบเครื่องเทศ น่ากินมากๆๆๆๆ  ^O^

    มุมซูชิ ทำสดๆ

    มุมซีฟู้ด-ปิ้งย่าง

    มุมส้มตำทานกับปิ้งย่างซีฟู้ด แซ่บสุดๆเลยขอบอก

    บาบีคิว หมู เนื้อ ไก่ ปลา มีครบเลือกทานได้ตามใจเลย

    เต็มๆกับเมนูปิ้งย่าง มีครบ ทั้ง เนื้อ, ไก่, หมู

    หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์สดๆ ตัวใหญ่เต็มคำ อร่อยสุดๆ

    มุมของหวาน

    อันนี้ต้องไม่พลาดเลยครับกับเค้กส้ม รสชาตินุ่มลิ้น หอมกลิ่นส้ม รสหวานอร่อยกำลังดี

    มาการอง อีกเมนูของหวานที่ไม่ควรพลาด อันนี้ยกนิ้วให้เลย อร่อยมากๆ

    มาการองและเค้กส้ม จัดมาลองชิมแล้วต้องลุกไปเติมอีก^^

    ——————————————————————–

    ทานอิ่มอย่างจุใจแล้วก็ได้เวลาเช็คเอาท์พอดี สำหรับทริปนี้เป็นทริปที่ผมประทับใจหลายๆอย่างของเมืองเหนือ ได้สัมผัสอากาศเย็นๆบนดอยม่อนแจ่ม ชมดอกไม้นานาชนิดที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ และได้พักผ่อนในรีสอร์ทที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะวัฒนธรรมอันงดงามของชาวล้านนา ที่ศิริปันนาแห่งนี้ ยังมีธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เงียบสงบและร่มรื่นมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ใจกลางตัวเมืองเชียงใหม่ อีกทั้งการให้บริการของพนักงานก็เป็นกันเอง เวลาเราเดินผ่านก็ยิ้มให้ แล้วโค้งตัวลงอย่างสุภาพเรียบร้อยสื่อให้เห็นถึงน้ำใจไมตรีจิตอันงดงามของชาวล้านนาอย่างแท้จริง ลองไปสัมผัสดูด้วยตัวคุณเองนะครับผมว่าต้องประทับอย่างที่ผมเป็นแน่นอน

    ทริปดีๆแบบนี้ต้องขอขอบคุณ Siripanna Villa Resort & Spa เชียงใหม่ ที่ให้เราได้มีโอกาสเข้าพักผ่อนในวันหยุดในครั้งนี้ ส่วนใครที่สนใจสามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.siripanna.com  และ Facebook ที่ Siripanna Villa Resort & Spa, Chiang Mai ได้เลยครับผม

    และขอขอบคุณ AVIS THAILAND ที่สนับสนุนรถในการเดินทางที่สะดวกสบายของเราในทริปนี้ด้วยครับ ติดต่อสอบถามข้อมูล-เช่ารถได้ที่ http://www.avisthailand.com/TH/

    สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกๆท่านที่ติดตามอ่านรีวิวของเราในครั้งนี้ หากผิดพลาดประการใด ผมก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
    ฝากติดตามผลงานและทริปต่อๆไปได้ที่แฟนเพจ “ตากล้อง ท่องเที่ยว” และ เว็ปไซด์ http://www.taklongtongteaw.com/ ด้วยนะครับ ^^

    ***ขอความสุขจงมีแด่คนอ่านและคนกดไล้ท์ตลอดไปด้วยเถิด***

    ฝากติดตามด้วยนะ 

    website : http://www.taklongtongteaw.com/

    facebook fanpage : https://www.facebook.com/SnapshortNotes

  1. View more