เห็นเขาว่ากันว่า “ เที่ยวภูเขาช่วง...ปลายฝนต้นหนาว ” เป็นช่วงเวลาที่ มองไปก็มีแต่ฝนโปรยปราย มองไปทางใดก็จะมีแต่สีเขียว ผมเลยต้องตามหาคำตอบว่าเป็นอย่างที่เขาว่าจริงหรือไม่...?

           วันที่ 28/10/59 ออกเดินทางจาก กทม. ช่วงเช้า 5.00 เป็นวันที่ฝนเทลงมาใน กทม. อย่างหนักหน่วงอีกวันหนึ่ง ในใจแอบคิดว่า น่าน...ที่เราจะเดินทางไปครั้งนี้จะโอป่าวหว่า จะเจอแต่ฝนอย่างเดียวรึเปล่า ปลายทางที่ผมจะไปคือ อุทยานแห่งชาติขุนสถาน จ.น่าน โดยจะใช้เส้นทาง กทม. อยุธยา วิ่งสาย เอเชีย จนไปถึงนครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ แพร่ ท้ายสุดคือ อุทยานแห่งชาติขุนสถาน จ.น่าน นั้นเอง แต่เนื่องจากการเดินทางครั้งนี้ต้องช้าลงเพราะระหว่างทางเจอฝนเป็นช่วงๆ จึงทำให้ตัดสินใจหยุดพักคืนแรก เที่ยวที่จังหวัดพิษณุโลกก่อน

                พิษณุโลกร๋อ....ถามพี่ google ก่อนละกัน สิ่งแรกที่เจอเลย ที่จัดว่าเด่นๆ คือ อ.เนินมะปราง ไปดูทุ่งนาที่บ้านมุง

ดูวิวและโล่ชิงช้าที่บ้านรักไทย งั้นทางผ่านแวะชมทุ่งนาบ้านมุงก่อนเลยที่แรก . . .บรรยากาศความสวยงามของทุ่งนาที่บ้านมุงไม่อาจพูดบรรยายได้หมด ขอใช้รูปภาพอธิบายแทนละกัน...

                  Landmark ที่แรกคือ “ บ้านมุง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ”

ยืนความทรงจำ...เก็บบรรยากาศที่เงียบสงบไม่พลุกพล่านเสร็จ แล้วค่อยเดินทางต่อ...

                 สถานีต่อไป Landmark ท้ายสุดของวันนี้ หมู่บ้านรักไทย ของ อ.เนินมะปราง เส้นทางขอบอกเลยว่าทั้ง 2 ที่นี่สะดวกสบายมาก เป็นถนนลาดยางสลับคอนกรีต แต่ทางไปหมู่บ้านรักไทยจะมีช่วงขึ้นเขา แต่ดูแล้วถือว่าชิวๆ สำหรับรถเล็กครับ วิว 2 ข้างทางมีแต่สีเขียว อากาศเย็นสบาย ไม่มีฝน โชคดีมากๆ

             เมื่อถึงหมูบ้านรักไทย ก่อนจะเข้าที่พักต้องแวะเลยครับที่นี่เด็ด Landmark ของที่นี่เลย บ้านสวนชมวิวภูรักไทย มานั่งชิงช้าต้นไม้ดูวิวไกลสุดลูกหูลูกตา กันครับ

กฎการขึ้นชิงช้าและวิธีการขึ้นนั่ง ที่นี่มีนะครับ เพื่อความปลอดภัย
1.การขึ้นชิงช้าต้องมีอย่างน้อย 2 คน ห้ามขึ้นคนเดียว

2.ระหว่างนั่งชมวิวห้ามแกว่งนะครับ

(ปล.รูปด้านล่างไม่ได้แกว่งนะครับเป็น การเมคท่าเฉยๆ ^_^… )

                     เมื่อดูวิวจนหนำใจแล้วก็ไปที่พักได้เลยครับสำหรับที่พัก เราเลือกที่ สวนพงษ์แตง ในส่วนของบ้านต้นไม้ ของคือป้าหนึ่ง และลุงดำ บ้านต้นไม้ ดูแล้วอยู่ได้ 2 คนสบาย 3 คนหายเหงา 4,5 คนอบอุ่น เป็นบ้านที่มีห้องน้ำนอกตัวบ้านแบบ Open Air มีผ้าม่าน สีอ่อนๆคอยปกปิดระหว่างทำกิจธุระในห้องน้ำ
(**ระหว่างอาบน้ำและปลดทุกข์ รับรองตื่นเต้นตลอดเวลา เพราะจะมีลมมาพัดม่านปลิวไปปลิวมา ชวนให้ระแวงเพื่อนหรือคนอื่นๆจะมองเห็นหรือเปล่า ที่สำคัญไม่มีเก็บเสียง ปลดทุกข์ต้องคอยระวังเสียงกันด้วยนะครับ**)
                  
                            วันที่ 29/09/59 ออกเดินทางต่อปลายทางเป็น อุทยานแห่งขาติขุนสถาน จังหวัดน่าน ... ระหว่างทางที่ไปขุนสถานเป็นอะไรที่สวยมากครับ ขับรถไต่สันเขาไปเรื่อย ถนนลาดยางขับสบาย เปิดกระจกกินลมชิมวิวไปชิวๆ เจอที่ไหนวิวสวยๆมีที่ให้จอดรถ ลงไปเก็บความทรงจำ สูดอากาศสดชื่นให้เต็มปอด

 

                ระหว่างทางสวยมากจึงทำให้กว่าจะถึงที่หมายปลายทางก็บ่ายๆเกือบเย็น  ข้างบนอากาศเย็น-หนาว มีลมพัดมาเป็นละรอกๆ วิวสวยครับ เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่แนะนำให้มาพัก การสัญจรสะดวกสบาย ถนนลาดยางจนถึงที่ เรียกได้ว่าลงจากรถเดินเข้าห้องเท้าไม่เปื้อนดินก็ว่าได้ 

              สำหรับคืนที่ 2 เลือกพักที่ “ สถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน “ อากาศ ณ.วันนี้ เย็นๆ อากาศดีมาก              ที่นี่ไม่มีอาหารนะครับ อยากกินอะไรขนมาทำกินเองครับผม  ช่วงเช้ามาดูวิวถ่ายรูป  ยืนสูดอากาศเย็นๆ นับเป็นอีกที่หนึ่งที่บรรยากาศดีแบบไม่ต้องบุกป่าฝ่าดง เดินเท้าหรือต้องใช้รถ 4x4 ถึงจะได้สัมผัสอากาศประมาณนี้                    มาลองเปลี่ยนบรรยากาศจากภูเขา ทะเลหมอก มาเป็นบรรยากาศหลังที่พักบ้าง

 

                วันนี้วันท้ายสุดของทริปที่จะต้องกลับ กทม. แล้ว ไหนๆก็มาถึงน่านแล้ว เพื่อไม่เป็นการเสียเที่ยว ขับรถเลยไปเที่ยวดอยเสมอดาวหน่อยดีกว่า......ถึงไม่ได้ไปกางเต้นนอนนับดาว แต่ขอไปชมสถานที่จริง ถือเป็นการ Survey ไว้ทริปหน้าก็แล้วกัน  
                ดอยเสมอดาวอยู่ไม่ไกลจากขุนสถานขับรถประมาณ 1 ชั่วโมงถึง ถนนกว้างอารมพอๆกับขับรถขึ้นดอยสุเทพที่เชียงใหม่  ที่สำคัญบนดอยเสมอดาว มีห้องน้ำ ลานกางเต้น สัญญาณโทรศัพท์ หรือแม้กระทั้งสัญญาณ wifi แรงๆ ของค่ายสีเขียวไว้คอยให้บริการ ถือว่าเป็นลานกางเต้นที่สะดวกสะบายระดับหนึ่งเลยทีเดียว

               ท้ายสุดขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมรีวิวการเดินทางมาเที่ยวน่านของผม ถ้าผิดพลาดพิมพ์ตกหล่นประการใดขออภัยมา ณ. ที่นี้ด้วยครับผม  ขอบคุณครับ