Search and share travel destinations and experiences in Thailand Sign up Log in
    • Posts-1
    Kik •  October 16 , 2019

    ปิตุ๊โกรไม่goไม่โก้นะ

    Hi ทุกคน สำหรับทริปนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักน้ำตกรูปหัวใจ และยอดดอยมะม่วงสามหมื่นกันจร้าา 

    'ปิตุ๊โกร' คืออะไร?... มันคือ 'น้ำตกรูปหัวใจ' ไงแกรรร หรือจะเรียก 'เปรโต๊ะลอซู" ก็ได้ (แต่ไม่ใช่ทีลอซูนะเทอ มันคนละที่กันจร้าาา) 

    ทำไมถึงเรียกว่า 'น้ำตกรูปหัวใจ'? ... ก็เพราะมันเกิดจากธารน้ำจากยอดเขาสองสายใหญ่มาบรรจบกัน ซึ่งมองดูคล้ายรูปหัวใจนั่นเอง 

    แล้วสงสัยกันใช่มั้ยว่า... มันมีดีอะไร?... ไม่ใช่ขี้ๆ เค้ามีดีระดับที่ว่า เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในประเทศไทยเลยนะ บวกความไม่ธรรมดาคือมีหน้าตาคล้ายรูปหัวใจ บวกความน่าตื่นเต้นของการไปเยือนน้ำตกแห่งนี้ (ที่จะต้องใช้ขาตัวเองเท่านั้นเด้อ รถเข้าบ่ถึงจร้าา)

    สำหรับการเดินป่าฝ่าดงในครั้งนี้จะโหดแค่ไหน รอติดตามเลยจร้าา 

    ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า ที่นี่เป็นที่ที่เราอยากไปมากกกกก ได้แต่แชร์วนไป แชร์มา3ปี ในที่สุดก็ได้ไปซักที 

    เราเลือกมาเดือนตุลา (12-15/10/62) เพราะว่า เราว่างช่วงนี้ 555 ซึ่งเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวพอดี ข้อดีคือเราอาจจะเจอฝนไม่เยอะมาก เดินง่ายขึ้น แต่น้ำก็จะน้อยตามไปด้วย  อ่อ และช่วงนี้เป็นช่วงหยุดยาว 3 วันพอดี 12-14 ตุลา (กรุ๊ปเราลา 15 เพิ่มอีก 1 วัน)

    ทริปนี้ได้สมาชิกมา 6 คน และรถยนต์ 1 คัน (ฮอนด้าซิตี้สีน้ำเงินเปื้อนฝุ่นคันเดิม เพิ่มเติมคือแม็กใหม่ ^_^) 

    การรวมตัว(เที่ยว)กันครั้งนี้ ก็มีแต่เพื่อนหน้าเดิมๆ ทั้งนั้น คนนู้นเคยเที่ยวด้วยกัน คนนู้นเที่ยวกับคนนี้ ชวนๆ กันไป เบร็ดเสร็จเหลือสมาชิก 6 คน 

    แพลนคร่าวๆ 

    12/10/62 รวมตัวกันที่แม่สอด มุ่งหน้าสู่ อ.อุ้มผาง นอนคำสิงห์โฮมสเตย์ 

    13/10/62 ออกเดินทางจากคำสิงห์โฮมสเตย์ไปยังจุดเดินเท้า นอนบนดอย 2 คืน 

    15/10/62 ลงดอย มุ่งหน้าสู่แม่สอด แยกย้าย (ทางใครทางมัน 555)

    การเดินทาง

    กรุ๊ปเราก็หลากหลาย มีทั้งขับรถมาจากเชียงใหม่ นั่งรถทัวร์จาก กทม และนั่งเครื่องบินจาก กทม มาลงแม่สอด 

    -รถส่วนตัว (ฮอนด้าซิตี้สีน้ำเงินเปื้อนฝุ่นนั่นเอง) ขับมาจากเชียงใหม่ สำหรับเส้นทางก็ถาม google map เอา 

    เราใช้เส้นทาง เชียงใหม่ ลำปาง ตาก แม่สอด (ตาม google map เลย) เราใช้เวลา 5 ชม  (จากเชียงใหม่ถึงตาก ประมาณ 3 ชม เกือบ 4  จากตากไปแม่สอด ราวๆ ชม กว่าๆ เป็นทางเขาธรรมดา ไม่ได้ขับยากมากนัก) 

    -รถทัวร์ : เพื่อนเรานั่งรถทัวร์ บขส จากหมอชิตมาลงแม่สอด ราคา 608 ต่อเที่ยวต่อคน (ไปกลับคนละ 1216 บาท) 

    -เครื่องบินจาก กทม ลงสนามบินแม่สอด (อย่าดูถูกแม่สอดนะ เค้ามีสนามบินเป็นของตัวเองจร่ะ มีเซ็นทรัลด้วยนะเทอ เจริญไปอีก) มีสายการบินเดียว คือ นกแอร์ ราคาก็... แพง ประมาณ 3000 กว่าบาทต่อเที่ยว (แต่ถ้าซื้อตอนโปรก็อาจจะถูกกว่านี้นะ คิดว่า555) 

    Day1 (12/10/62) รวมตัวกันที่แม่สอด กินข้าวเที่ยงเรียบร้อย ก็เดินทางสู่อุ้มผางโดย ฮอนด้าซิตี้ คันเดิม 

    ขอเม้ามอยหน่อย จ.ตาก เนี่ยเป็นจังหวัดที่อยู่ภาคกลางตอนล่างต่อกับภาคตะวันตก เป็นจังหวัดที่ใหญ่มาก แค่ อ.แม่สอด อำเภอเดียวยังดูเจริญกว่าบางจังหวัดในภาคเหนืออีกนะ 

                  แดงๆ นั่นคือจังหวัดตาก (รูปจาก google)

    อำเภอท่าสองยาง แม่ระมาด แม่สอด พบพระ และอุ้มผาง อยู่ติดประเทศพม่า (รูปจาก google)

    อ.อุ้มผางที่เราจะไป จะต้องผ่าน อ.พบพระ ก่อน (รูปจาก google)

    เนื่องจากต้องรอเพื่อนที่บินมา แลนดิ้งประมาณ เที่ยงครึ่ง 

    เช้านี้ทีมเชียงใหม่ และทีมรถทัวร์เลยไปลั่นลาในเมืองแม่สอดกัน 

    'กาแฟหม้อดินขนมจีนขยุ้ม' ... นี่คือชื่อร้าน พวกเรากินอาหารเช้ากันที่ร้านนี้ (จิงๆ เราตั้งใจจะไปกิน โรตีโอ่ง แต่ไปถึงแล้วโรตีหมด TT... เป็นเรื่องน่าเศร้า แต่พี่เต้ เอ๊ะหรือลุงเต้ ของพวกเราก็รอดูรถอีกคันที่เข้ามาจอดหลังจากเรา เค้าก็อดกินเหมือนกัน เห็นเค้าเดินออกจากร้านแล้วเราถึงจะไปต่อได้ ห้าๆๆๆ... อิหยังวะ) 

    ร้านนี้เป็นร้านขนมจีนเจ้าดังในแม่สอด เรียกว่าพลาดไม่ได้ มาแม่สอดต้องกิน (อันนี้วงในบอกมา)

    ไก่ทอดน้ำปลาเป็นของขึ้นชื่อของร้านนี้เช่นกัน

    มีน้ำยา 4 แบบ (น้ำยากะทิ น้ำพริก น้ำยาป่า น้ำเงี้ยว) และผักเครื่องเคียง เดิมได้ไม่อั้น เค้าคิดราคาขนมจีนจานละ 40 บาท ถ้าต้องการขนมจีนเพิ่ม ก็เพิ่มอีก 40 บาทจร้าาา 

    สมัยนี้กินข้าวเช้าแล้วก็ต้องต่อด้วยของหวานซักอย่าง... จิงมะ

    เราเลือกไปร้านนี้เลย Bravely ร้านกาแฟบรรยากาศดี ราคาโอเค สมเหตุสมผล (ก่อนที่จะมาร้านนี้ พี่เต้อีกเช่นเคย ให้โยนเหรียญหัวก้อย เลือกระหว่าง 2 ร้านที่อยู่ตรงข้ามกัน จิงๆ เราต้องไปอีกร้านนึง แต่ร้านนั้นเครื่องทำกาแฟเสีย สรุปเลยเข้าร้านนี้แทน) 

    นักท่องเที่ยวต่างชาติมากันเยอะแยะเลย

    กินชา กาแฟ โกโก้กันเรียบร้อย ยังมีเวลาเหลือ (ก่อนจะไปรับเพื่อนอีกคนที่สนามบิน) ก็ต้องหาที่ไป

    'วัดพระธาตุดอยหัวฝาย'...เป็นวัดที่ต้องขึ้นเขาไปนิดนึง ขึ้นไปแล้วจะเห็นวิวของเมืองแม่สอดได้อย่างชัดเจน ถ้ามาช่วงเช้าก็น่าจะเห็นทะเลหมอก และพระอาทิตย์ขึ้น (จิงๆ ทีมเชียงใหม่ที่มานอนแม่สอดก่อนแล้วหนึ่งคืน ก็ว่าจะมาตอนเช้า แต่... ไม่ตื่นคร่ะ จบ) 

    มากันใกล้ๆ เที่ยง ก็จะร้อนประมาณนี้คร่ะ 

    แดดแรงแค่ไหนไม่เคยกลัว

    อากาศร้อนแค่นี้ สบายมากคร่ะ... เซ็นทรัลแม่สอดรอเราอยู่ (ในห้างแอร์ยังไม่เย็น) ซื้อของใช้ ของกิน บลาๆๆๆ 

    และแล้วก็ถึงเวลาไปรับเพื่อนมิ้มที่สนามบินกันคร่ะ 

    สนามบินก็ดูใหญ่โต (กว่าแพร่ 555) อยู่นะ 

    เย่!!! สมาชิกครบแล้ว เดินทางได้ 

    จุดหมายปลายทางของพวกเราในวันนี้คือ 'คำสิงห์โฮมสเตย์' เรารู้จักที่นี่จากกระทู้ในพันทิป มีหลายกระทู้เลยที่แนะนำที่นี่ เพราะไม่ใช่แค่โฮมสเตย์ แต่เป็นทั้งร้านอาหาร และเป็นทีมงานจัดทริปเดินป่าที่เรียกได้ว่าเพอร์เฟ็ค

    เบอร์โทร : 081-8139742 , FB : คำสิงห์โฮมสเตย์ ทองคำ พันธ์วงษ์

    สำหรับทริปปิตุ๊โกร ที่ทางคำสิงห์โฮมสเตย์ จัดโปรแกรมไว้ก็มีทั้งแบบ 2วัน1คืน หรือ 3วัน2คืน 

    กรุ๊ปเราเลือก 3 วัน 2 คืน (จะได้ไม่เหนื่อยมากไป มีเวลาซึมซับธรรมชาติมากขึ้น) 

    เส้นทางจากแม่สอดไปอุ้มผางนั่นไม่ธรรมดา เพราะเราจะต้องผ่าน 1219 โค้ง (ถ้าถามเรา เราว่าก็พอๆ กับแม่ฮ่องสอนนะ บางคนก็บอกว่าโหดกว่าแม่ฮ่องสอน  เอาเป็นว่า ลองขับไปเองทั้งสองที่แล้วเปรียบเทียบกันดูนะ555) 

    ยังก่อนค่ะทุกคน ก่อนจะเมาหัวกับโค้ง เราก็ต้องกินก่อนค่ะ

    ออกจากแม่สอดมาประมาณ 30 นาที เราก็มาถึง ที่นี่เลยค่ะ ROCHA CAFE ร้านสวยบนดอยสูง บรรยากาศดี อาหารและเครื่องดื่มโอเค ราคาก็โอเคค่ะ 

    บรรยากาศด้านในร้าน ดีมากเลยคร่าาา

    จากด้านนอก ฝนทำท่่าจะตกลงมาแล้วค่ะ

    ชาพีชและเค้ก เป็นอะไรที่ลงตัวมาก

    อิ่มแล้วก็หลับได้ ยกเว้นคนขับ 555

    ระหว่างทางวิวสวยมาก วันที่พวกเราไปมีฝนตกเป็นพักๆ ช่วงใกล้จะถึงอุ้มผาง ฝนเริ่มตกหนักขึ้น ฟ้ามืดครึ้ม (ราวๆ สี่โมงกว่าๆ เกือบห้าโมง) 

    มีรุ้งกินน้ำด้วยนะ เจ้หวายของเราไม่ธรรมดา(ถ่ายคลิปไว้ได้ แคปรูปมาจากคลิปอีกที)

    ใกล้จะถึงอุ้มผางแล้ว ท้องฟ้าก็จะสวยประมาณนี้ (หลงรักความเป็นเรเยอร์แล้วใช่มั้ยหละ)

    เราถึงคำสิงห์โฮมสเตย์ ประมาณ 5 โมงกว่าๆ ฝนตกหนักพอสมควร ฟ้ามืดครื้ม วันนี้เป็นวันเสาร์ โดยปกติจะมีถนนคนเดินในวันนี้ แต่เนื่องจากฝนตกหนัก ถนนคนเดินเลยเงียบเหงา 

    แต่คนที่โฮมสเตย์เยอะมากกกก เป็นนักท่องเที่ยวทั้งนั้น (หยุดยาว คนก็เยอะเป็นเรื่องปกติ) เยอะจนที่พักที่นี่เต็ม จริงๆ แล้ว พวกเราจองที่พักที่นี่1 คืน  คุณป้าเจ้าของเลยให้พวกเราไปนอนที่รีสอร์ทข้างๆ (วิริยา วิลเลจ) เราได้เป็นบ้างพัก 1 หลัง มี2ห้องใหญ่ มีห้องน้ำในตัว ห้องนึงนอนได้ 4 คน (พวกเรามีกัน 6 คน ชาย2 หญิง4)

    (ค่าที่พักคืนนี้ รวมอาหารเย็น คนละ 300 บาท) 

    อาหารอร่่อย กินอิ่ม ฝนก็หยุดพอดี เราเลยได้แวะไปแอ่วถนนคนเดิน คนขายของไม่เยอะมาก (เนืองจากฝนตก)  

    บรรยากาศถนนคนเดิน

    หลังจากนั้นก็เข้าที่พัก พักผ่อน จัดของสำหรับการเดินป่าขึ้นดอยวันพรุ่งนี้ 

     

    อุ้งผางมีเซเว่นด้วยนะ เจ้าตัวนี้คือหมายักษ์หน้าเซเว่น (พ่อเป็นไซบีเรียน แม่เป็นโกลเด้น) ตัวใหญ่มาก น่ารักมากด้วย

    ห้องนึงนอนได้ 4 คนค่ะ อากาศเย็นสบาย ลืมบอกไปเป็นห้องพัดลมนะ กลางคืนไม่ร้อนเลย หลับสบายไม่อยากตื่น

    หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ เจอกันพรุ่งนี้จร้าาา

    • Posts-2
    Kik •  October 17 , 2019

    ก่อนจะไปลุยกัน มาดูกันค่ะว่า buffalo degree เค้าจัดอันดับ เปรโต๊ะลอซู อยู่ในระดับที่ไม่ยากมาก (intermediate) 

    ก่อนหน้านี้ที่ลองอ่านในรีวิวของคนอื่น เค้าก็บอกว่าสบายๆ ไม่ยากมาก เราก็ 'เชื่อสิคะ' 

    มาดูโปรแกรมที่ คำสิงห์โฮมสเตย์ เค้าจัดให้กันค่ะ  (อันนี้คือที่โฮมสเตย์บอกไว้นะคะ แต่ทริปเราจะเป็นยังไงรอชมค่ะ)

    13/10/62 

           -แบ่งสัมภาระเป็น 2 ส่วน เอาไป 1 ส่วน ฝากไว้ที่โฮมสเตย์ 1 ส่วน 

           -หลังอาหารเช้า นั่งรถสองแถวไปหมู่บ้้านกุยเลอตอ ระยะทาง 70 กม กว่าๆ ใช้เวลา 1 ชม 30 นาที ถึงจุดเดินเท้า

           -เดินเท้าเข้าไปที่จุดตั้งแคมป์ ระยะทาง 5 กม ใช้เวลาประมาณ 3 ชม

           -เก็บสัมภาระไว้ที่แคมป์ ไปชมน้ำตกรูปหัวใจ อยุ่ห่างจากแคมป์ประมาณ 2 กิโล 

           -กลับจากน้ำตก อาบน้ำ กินข้าว นอน 

    14/10/62

           -หลังอาหารเช้า พาขึ้นจุดชมวิวน้ำตกปิตุ๊โกร แล้วเดินต่อไปที่จุดสัญญาณโทรศัพท์ และเดินไปยอดดอยมะม่วงสามหมื่น กลับลงมาบ่ายๆ หรือเย็น อาบน้ำ กินข้าว นอนที่เดิม 1 คืน 

    15/10/62

           -หลังอาหารเช้า เก็บของเดินลงมาที่จุดเดินเท้า นั่งรถกลับโฮมสเตย์ 

           -ถึงโฮมสเตย์ อาบน้ำ กินข้าว เก็บของกลับ

    โปรแกรม 3 วัน 2 คืน (นอนป่่า 2 คืน) อาหาร 8 มื้อ มีรถไป-กลับ มีไกด์นำทางและพาเที่ยว มีคนทำอาหาร มีลูกหาบแบกของส่วนกลาง 

    ถุงนอนกับของใช้ส่วนตัวให้แบกเอง (ถ้าไม่แบก ต้องจ้างส่วนตัว วันละ 500 บาทต่อวันต่อคน น้ำหนักไม่เกิน 20 กิโล) ถุงนอนและเต๊นท์ ถ้ามีให้เอามา ถ้าไม่มีใช้ของโฮมสเตย์ได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 

    มีประกันอุบัติเหตุตลอดทริป 

    9-10 ท่าน ท่านละ 2500 บาท

    7-8 ท่าน ท่านละ 2600 บาท

    5-6 ท่าน ท่านละ 2800 บาท

    3-4 ท่าน ท่านละ 3000 บาท

    2 ท่าน ท่านละ 3900 บาท 

    กรุ๊ปเรา 6 คนค่ะ คนละ 2800 บาท เราใช้เต๊นท์และถุงนอนของโฮมสเตย์ 

    พวกเราแบบสัมภาระส่วนตัวกันเอง แต่ถุงนอนเราฝากลูกหาบไปค่ะ (ยัดใส่กระเป๋าไม่ได้แล้วจิงๆ เต็ม) 

     

    • Posts-3
    Kik •  October 17 , 2019

    *สำหรับการใช้ชีวิตในป่า สิ่งที่ต้องเตรียมไป 

    -รองเท้า : ควรเตรียมรองเท้าเดินป่า (จะไฮโซ หรือจีนแดงก็ได้ หรือผ้าใบธรรมดา ก็น่าจะไหว แต่เลือกที่เกาะพื้นได้ดีหน่อยละกันค่ะ) และรองเท้าแตะ 1 คู่สำหรับใช้ชีวิตแถวๆ แคมป์ สะดวกดีค่ะ 

    สำหรับรองเท้าเดินป่าจีนแดง เราและเพื่อนอีกคนสั่งซื้อทาง thaitrekking.com ค่ะ คู่ละ 290 บาท ถูกดี

    -กระเป๋าเป้ที่กันน้ำได้ : โดยปกติเรามักมาที่นี่กันหน้าฝนนะคะ เพราะงั้นต้องเตรียมใจเจอฝนค่ะ ถ้าฝนตกระหว่างเดิน และกระเป๋าไม่กันน้ำ ของข้างในก็เปียกค่ะ ทางที่ดีก็ซื้อ rain cover คลุมกระเป๋าอีกทีก็ได้ค่ะ หาซื้อได้ที่ Decathlon หรือในห้างโซนที่ขายอุปกรณ์เดินป่าค่ะ

    -หมวก : ควรมีนะ เพราะระหว่างทางเดินไป ถ้าฝนไม่ตก แดดก็แรงอยู่ค่ะ หน้าไหม้หน้าดำได้เด้อ 

    -ทิชชู่เปียก เอาไว้เช็ดตัว เช็ดแข้งเช็ดขา เช็ดอะไรก็ได้ที่อยากเช็ด (ไม่ต้องกังวลเรื่องอาบน้ำนะคะ แถวๆ แคมป์ อาบน้ำตกได้ หรือจะอาบน้ำในห้องน้ำก็ได้อยุู่ค่ะ)

    -ไฟฉาย : ควรมีเช่นกัน เพราะกลางคืนมืดมาก เผื่อจะลุกไปเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนด้วย หรือบางคนอยากไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ก็ต้องออกแต่เช้า ราวๆ ตีสี่ ไฟฉายจำเป็นมากค่ะ 

    -เสื้อหนาว : ช่วงที่เราไปกลางคืนน่าจะประมาณ 20 องศานิดๆ มีฝนตกคืนนึง ไม่หนาวมากค่ะ ใส่เสื้อหนาว 1 ตัว และนอนในถุงนอน เอาอยู่ค่ะ 

    -ถุงเท้า : เอาไปหลายคู่หน่อยก็ดีค่ะ เพราะทางที่เดินไปแคมป์จะต้องลุยน้ำ และถ้าฝนตกด้านบนอีก ถุงเท้าก็แห้งไม่ทัน แต่ถ้าโชคดีไม่เจอฝน ก็ตากผ้าได้สบาย แดดแรงดีมาก 

    -ยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาลดไข้ ยาแก้เมา ยาแก้อ้วก แก้ปวดท้อง ติดไปด้วยก็ดีค่ะ ไว้ใช้ยามจำเป็น 

    -โฟมล้างหน้า สบู่ แชมพู ครีมนวด แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผ้าขนหนูผืนเล็ก หรอผืนใหญ่ก็ได้ อันนี้ตามสะดวกเลยจร้าาา

    -กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ แล้วแต่ชอบเลย

    สุดท้าย 'ทาก' ไม่ต้องกลัวค่ะ เพราะ ไม่มี (เราไปเดือนตุลานะ ปลายฝนต้นหนาว ไม่เจอทากเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าไปช่วงอื่นจะเจอมั้ย ไม่งั้นก็โทรถามที่โฮมสเตย์ก็ได้ค่ะ) 

    • Posts-4
    Kik •  October 17 , 2019

    13/10/62

    วันที่ 1 ของการเดินป่า

    แพ็คสัมภาระเรียบร้อย ก็ออกจาก วิริยา วิลเลจ มาที่ คำสิงห์โฮมสเตย์ 

    กินข้าวเช้า เป็นข้าวต้ม ผัดผักบุ้ง กุนเชียง ไข่เค็ม เกี๋ยมฉ่าย ไข่เจียว (ง่ายๆ แต่อร่อยนะ) 

    กินข้าวเสร็จ ก็ขึ้นรถสองแถวของ คำสิงห์โฮมสเตย์ มุ่งหน้าสุู่หมู่บ้านกุยเลอตอ 

    จะนั่งหน้าก็ได้ นั่งหลังก็ดี 

    เพื่อนมิ้มของเราเมารถ เลยไปนั่งหน้า ที่เหลือนั่งหลังจร้าาาาาาาา

    ถนนจากอุ้งผาง ไปกุยเลอตอ ก็ไม่ได้ดีมาก มีช่วงเป็นหลุมเป็นบ่อเยอะพอสมควร 

    คุณลุงที่ขับรถให้พวกเราเค้าอดีตนักซิ่ง (หลอกๆ) ขับลงทุกหลุม เกาะให้มั่น ไม่งั้นอาจโง่ลงได้ (หัวกระแทกบ่อยมากจร้าาา) ลุงเต้ถึงขั้นตัวลอยไปทับพี่กาน 

    วิวระหว่างทางก็ดีอยู่นะ โค้งก็เยอะพอสมควร  จะมีจุดตรวจอยู่หลายจุด 

    ก่อนถึงจุดเดินเท้า จะมีแยกไปน้ำตกทีลอซู (ตั้งแคมป์ ล่องแก่ง เล่นน้ำตก) 

    นี่คือจุดเดินเท้า หมู่บ้านกุยเลอตอจร้าาา เอาสัมภาระลงจากรถ แบกของใครของมัน ถุงนอนฝากลูกหาบ (กระเป๋าเต็ม) 

    เพื่อนมิ้ม มีถุงพลาสติกใหญ่ๆ อีกหนึ่งใบ ฝากลูกหาบเช่นกัน 

    ก่อนเริ่มเดิน เราจะได้น้ำกันคนละ 2 ขวด (ย้ำ!!! ขวดต้องเก็บไว้นะ กินหมดห้ามทิ้งไปเรื่อย เพราะเราต้องใช้กรอกน้ำกินด้านบนตลอดทริปนี้) โฮมสเตย์ทำข้าวกลางวันให้เราคนละ 1 ห่อ ไว้กินระหว่างทาง (พี่เต้ผู้น่ารัก คึกคักคุกคิก เป็นคนแบกให้จร่ะ) 

    มองไปไกลๆ เห็นเขาตรงนั้นมั้ย นั่นแหละที่เราจะไปกัน ยอดดอยมะม่วงสามหมื่น (สบายๆ เนอะ) 

    ระหว่างทางไปแคมป์ จะต้องลุยน้ำด้วยนะ วันที่พวกเราเดินขึ้นไปฝนไม่ตก เลยไม่ค่อยเละเทะเท่าไหร่

    ก็มาเดินป่าอะเนอะ 

    คนท้ายสุดที่ถือถุงพลาสติกนั่นคือ พี่เต้ ผู้มีพระคุณ หอบข้าวไปให้พวกเราจร้าาา

    วิวสวย ฟ้าสวย แดดร้อน  ลูกหาบของเรา แข็งแกร่งมากค่ะ เรานั่งพักกินข้าวกลางวันกันแถวๆ นี้  พี่กาน กับข้างห่อของเทอ ข้าวกลางวันวันนี้เป็นหมูผัดพริกแกง(ใช่ป่าววะ) กับไข่ต้ม เดินต่อไม่รอแล้วจร่ะ  ลุงเต้และพี่กาน เจ้หวายไง ถึงจุดกางเต๊นท์แล้ว แต่เต๊นท์ของพวกเราต้องเดินเข้าไปอีกหน่อย เต๊นท์กางติดกัน3 หลัง ด้านบนมีผ้าใบกางไว้กันฝน แถวๆ เต๊นท์พวกเราก็มีเต๊นท์เพื่อนๆ คนอื่น กางไว้เต็มพื้นที่แถวนั้นเลย (หยุดยาวคนมาเยอะมากกก)

    จากจุดเดินเท้ากุยเลอตอ มาถึงจุดตั้งแคมป์ ระยะทางประมาณ 5 กิโล พวกเราใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชม 

    นั่งพัก เก็บของ เปลี่ยนรองเท้า เตรียมลุยไปตามล่าหาหัวใจแห่งผืนป่าอุ้มผาง (เปรโต๊ะลอซู) 

    หลังจากที่สอบถามลูกหาบแถวๆ นั้น (ซึ่งไม่ใช่ลูกหาบของเรา) เค้าบอกว่า ไปน้ำตกสบาย เดินเคี้ยวหมากฝรั่งถึง 

    นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของ #ปิตุ๊โกรรองเท้าแตะ ของพวกเราคร่ะ 

    มาแล้วจร้าา รองเท้าแตะยกแก๊งค์

    ระยะทางจากแคมป์ไปน้ำตกประมาณ 3 กิโล ทางก็โหดกว่าทางขึ้นแคมป์นะ ส่วนใหญ่เป็นหิน เดินธรรมดาไม่ท้าทาย ใส่รองเท้าแตะเดินเลยคร่ะ มั่นมาก 

    รองเท้าพี่เต้หูคีบหลุดแล้วหลุดอีก สุดท้ายได้ลูกหาบซ่อมให้ 

    รองเท้าคนอื่นๆ ก็ลื่นไปตามๆ กัน 

    คนค่อนข้างเยอะ + พื้นที่บริเวณนั้นค่อนข้างจำกัด ต้องรอกรุ๊ปที่มาถึงก่อนเราเค้าถ่ายกันเสร็จก่อนค่ะ  น้ำตกรูปหัวใจ ต้องมีใจถึงจะเจอนะ เนื่องจากปลายฝนแล้ว น้ำเลยไม่เยอะเหมือนช่วงเดือน กค-สค น้ำเลยดูน้อยๆ ต้องใช้จินตนาการในการดูนิดนึงจร่ะ 

    หัวใจแห่งผืนป่าอุ้มผาง ได้เจอแล้ว กลับแคมป์ได้ 

    ที่แคมป์มีห้องน้ำอยู่ 2 ห้อง (วัสดุเป็นสังกะสี) เป็นส้วมนั่งยอง มีก๊อกน้ำต่อมาถึง จะอาบน้ำในห้องน้ำก็ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไปอาบน้ำกันที่น้ำตกข้างๆ แคมป์ ซึ่งมีหลายระดับ แล้วแต่ความชอบว่าอยากอยู่ต้นน้ำ หรืออยู่ล่างๆ 

    ตรงนี้อยู่ต้นน้ำสุด น้ำเย็น สดชื่นมาก จะอาบน้ำ สระผม ล้างหน้า ก็ตรงนี้เลย (ผู้ชายก็สบายหน่อยนะ) 

    อาบน้ำ แต่งตัวเรียบร้อย ก็รอกินข้าวเย็น 

    ครัวคำสิงห์วันนี้ นำเสนอ แกงหน่อไม้ (พี่กานชอบมาก) ไข่เจียว น้ำพริก ของหวานเป็นฟักทองราดกะทิ(ทุกคนชอบ ยกเว้นเรา ไม่กินฟักทองจร้าาา) กินเสร็จก็แจกจ่ายยาแก้ปวด กินกันไว้เลย เพื่อยอดดอยมะม่่วงสามหมื่น วันพรุ่งนี้ 

    อ่อ ลืมบอกอีกอย่าง น้ำกินที่นี่ เราต้องเอาขวดที่เราได้มาในตอนแรก มากรอกน้ำจากก๊อก (มีอยู่ประมาณ 2 ก๊อก) เค้าบอกว่าเป็นน้ำประปา... น้ำประปากินได้จร้าาา (ณ จุดนี้กินไม่ได้ ก็ต้องกินละคร่ะ) 

    เราแพลนกันว่าจะไปดูพระอาทิตย์ถึงแถวๆ จุดชมวิว เลยต้องเดินกันตั้งแต่ตีสี่... พร้อมมากเว่อร์

    กินเสร็จประมาณหนึ่งทุ่ม ล้างหน้า แปรงฟัน เตรียมนอน 

    what! นอนหนึ่งทุ่ม มีลุงบางคนนอนไม่หลับค่ะ 

    แต่ด้วยความเหนื่อยทุกคนก็หลับได้ อากาศเย็นสบาย ช่วงกลางคืนหนาวเล็กน้อย ใส่เสื้อกันหนาวบางๆ 1 ตัว นอนในถุงนอน เอาอยู่ค่ะ 

    มีเรื่องผิดพลาด... ฝนตก เรามาลุ้นกันว่าตีสี่ฝนจะหยุดมั้ย แล้วเราจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นกันมั้ย 

    • Posts-5
    Kik •  October 17 , 2019

    14/10/62

    วันที่ 2 ของการเดินป่า

    ตีสี่แล้วจร้าาาา ฝนยังตกต่อไป

    พวกเราลุกมาล้างหน้า แปรงฟัน เข้าห้องน้ำ แต่งหน้าทาครีม แล้วรอในเต๊นท์ คาดว่าลูกหาบ หรือไกด์ของเราจะมาเรียก 

    ไม่ค่ะ ไม่มีใครมาเรียก 

    เราเดินออกไปพยายามจะหาลูกหาบ แต่ก็ไม่รู้ว่าอยู่ไหน 

    เราเลยตัดสินใจ... นอนต่อค่ะ 555 (เพราะฝนตกไง ขึ้นไปก็คงไม่เห็นอะไรอยู่ดี เปียกด้วย ลื่นด้วย) 

    ที่คิดๆ ไว้ 6 โมงจะตื่น ป้าดดดดดดโท๊ะ .... 8 โมงแล้วจร้าาาา ทุกคนยังนอนอยู่เลย 

    ตื่นมาแบบหน้าง่วงๆ เดินตามหาลูกหาบ 

    ลูกหาบ : กินข้าวเลยมั้ยครับ 

    เรา : กินเลยค่ะ พร้อมกันหมดแล้ว จิงๆ ตื่นตั้งแต่ตีสี่ แต่เห็นฝนตกเลยนอนต่อ (นี่คิดว่าเค้าจะถามว่าตื่นมั้ย แต่ไม่ถามไรซักคำ เลยบอกเองเลยจร่ะ) 

    อาหารเช้าเป็นข้าวผัด ไข่ลวก โอวัลดิน กาแฟ 

    กินเสร็จเตรียมออกเดินทางสู่่ยอดดอยมะม่วงสามหมื่น 

    ทำไมถึงชื่อดอยมะม่วงสามหมื่น ลูกหาบก็ไม่รู้เหมือนกัน บอกแค่ว่า แถวน้ำตกมีต้นมะม่วง3ต้น (ต้นละหมื่น?) 

    (เราได้คำตอบตอนลงดอยมาแล้ว ถามคุณลุงที่รออยู่ด้านล่าง แกบอกว่า สมัยก่อนมันมีเขาเป็นหมื่นๆ ลูก มีต้นมะม่วงเรียงราย แต่โดยไฟป่าไหม้ไปหมดแล้ว) 

    สำหรับการปีนเขาพิชิตดอยมะม่วงสามหมื่นในวันนี้ ทีมเราก็ไม่กล้าใส่รองเท้าแตะแล้วจร้าาาาาาา 

    ทางขึ้นมีทั้งชันน้อย ถึงชันมาก ทางราบๆ มีน้อยมาก 

    เราเริ่มเดินกันตอน9โมง ถึงจุดสัญญาณโทรศัพท์ เที่ยวพอดี (ร้อนมาก หน้าไหม้ แขนไหม้) 

    เรากินข้าวเที่ยงกันบนนั้น คุณลูกหาบแบกข้าวกล่องขึึ้นไปให้ (ดีงามมาก) 

    โชคไม่ดี เราไปกันไม่ถึงยอดดอยมะม่วงสามหมื่น เราไปได้แค่จุดสัญญาณโทรศัพท์เท่านั้น เพราะเลยจากนี้ไปจะเป็นเขตประเทศพม่า ซึ่งช่วง 2 วันนี้ ทางนู้นเค้ายิงกัน ทหารเลยไม่ให้เราข้ามไป (เสียจัย TT) 

    นั่นคือ น้องลูกหาบ ของพวกเราเอง ที่หลังเค้าแบกข้าวกล้องของพวกเราจร้าาาา 

    บริเวณจุดชมวิว จะถ่ายกับวิวท้องฟ้าภูเขา หรือจะถ่ายกับหัวใจแห่งผืนป่าก็ได้  ยอดดอยมะม่วงสามหมื่น อยู่แค่นี้เอง  วิวจากจุดสัญญาณโทรศัพท์  เย่ ถึงแล้ว ถ่ายรูปแล้ว ลงรูปแล้ว กินข้าวแล้ว เดินลงได้ 

    ขาลงก็ร้อนมากจร้าาาา แดดตอนบ่าย 

    เดินลงสบายกว่าเดินขึ้น แต่ก็ต้องระวังลื่นกันด้วยนะ บางคนลื่นก้นกระแทก เข่ากระแทก จิกเท้ามากไปเจ็บนิ้วเท้า นิ้วเท้าห้อเลือดได้นะเทอ  

    ลงมาถึงแคมป์ราวๆ บ่ายสาม 

    วันนี้กรุ๊ปอื่นๆเค้ากลับกันหมดแล้ว เนื่องจากเป็นหยุดยาววันสุดท้าย แต่พวกเรายังนอนนี่อีก 1 คืน 

    ดังนั้น ป่านี้เป็นของเราจร้าาาา เย่ happy 

    เหมือนมีน้ำตกส่วนตัว เล่นน้ำกันเพลินเลย 

    ข้าวเย็นวันนี้ ผัดกระหล่ำปลี ไข่เจียว น้ำพริกปลากระป๋อง ต้มยำ 

    สำหรับค่ำคืนนี้ ขนมที่ฝากลูกหาบแบกมาตั้งแต่วันแรก ก็ได้รับการกินในวงไพ่นั่นเอง 

    (ไพ่ที่เตรียมว่า ลืมไว้ที่ วิริยา วิลเลจ เลยยืมคุณป้า คำสิงห์โฮมสเตย์ มา ป้าบอกว่าไพ่เก่าแล้ว ตอนเอามาเล่น คือ ไพ่ใหม่มาก เหมือนไม่ผ่านการเล่นมาก่อน เทียบกับไพ่ที่เอามาแล้ว่... ไพ่กระดาษจร่ะ) 

    เย็นวันนี้เราเจอไกด์ใหม่ คือเจ้าหมาน้อยเพศเมียตัวนี้นั่นเอง เฝ้าเต๊นท์ให้ด้วย น่าร้ากกกกกกกกก 

    และแล้ว ก็หมดไปอีกหนึ่งวัน 

    สามทุ่มแล้ว นอนได้ good bye ราตรีสวัสดิ์ 

     

    • Posts-6
    Kik •  October 17 , 2019

    15/10/62

    วันที่ 3 ของการเดินป่า 

    หกโมงเช้าวันอังคาร... ตื่นมาล้างหน้า แปรงฟัน เก็บของ 

    อาหารเช้า มีอะไรมั่งไม่รู้ จำไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ มีไข่เจียว แน่นอน 555

    กินเสร็จ แพ็คของ เก็บขยะ เตรียมเดินลง 

    หมาน้อยตัวนั้น เดินตามไปส่งด้วย

    (ถามจากคุณลุงด้านล่างที่มารอพวกเรา เค้าบอกว่า เป็นลูกหมาของเค้าเอง แต่เอาให้คนในหมู่บ้านกุยเลอตอเลี้ยง คือคุณยุทธนา ที่เป็นพ่อครัวทำอาหารให้พวกเรากินบนดอย หมาตัวนี้น่ารัก เดินขึนเดินลงดอย ตามส่งนั่งท่องเที่ยว กินง่าย อยุ่ง่าย เฝ้ากระเป๋าให้ด้วย

    คุณลุงบอกว่าชื่อ กะลอเต๊อะ อะไรประมาณนี้ ซึ่งแปลว่าขี้เกียจ 555) 

    ระหว่างทางเดินลงดอย ก็เจอภาพนี้ค่ะ น้ำค้างเกาะตามยอดไม้ สวยไปอีกเมื่อแสงอาทิตย์ส่อง 

    ทางเดินกลับรู้สึกว่าจะไม่ใช่ทางเดิม เหมือนว่าลูกหาบเค้าจะพาพวกเราเลี่ยงน้ำ และความแฉะนะคะ 

    เราใช้เวลาเดินลงถึงจุดเดินเท้าแค่ ชม กว่าๆ เท่านั้น 

    ถึงจุดเดินเท้า รถยังไม่มารับ คุณลุงเลยพาเราไปเที่ยวเล่นในหมู่บ้านกุยเลอตอ อุดหนุนชาวบ้านระแวกนั้น (ซื้อขนมและน้ำอัดลม) 

    หมูน้อย คุโรบุตะ ทั้งสองตัวน่ารักมากค่ะ ไปไหนไปด้วยกัน แพคคู่ 555

    เที่ยวเล่นในหมู่บ้านเสร็จ รถก็ยังไม่มา คุณลุงเลยพาพวกไปส่งก่อน แพลนว่าค่อยไปเปลี่ยนรถระหว่างทาง 

    นั่งมาซักพัก ถึงจะเจอรถจาก โฮมสเตย์ (ได้ความว่าที่ช้า เพราะไปเปลี่ยนโช้ค โช้คพัง ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ ว่าทำไมพังได้ ดูจากการขับรถของคุณแล้ว...) 

    กลับถึงโฮมสเตย์โดยสวัสดิภาพ ร่างกายครบ 32 ที่ไม่เหมือนเดิมคือสีผิว ห้าๆๆๆ 

    เราอาบน้ำ สระผม กินข้าวกลางวันที่นี่ อาหารมื้อสุดท้าย + น้ำเสาวรสเย็นๆ ที่โฮมสเตย์ทำเอง ดีงามมาก 

    จ่ายเงินค่าทริป ร่ำลาคุณป้าเรียบร้อยก็ไปต่อคร้าาา 

    มีเพื่อนของลูกหว้าที่เคยมาอุ้มผางบอกว่า ต้องไปนะแกร ร้านกาแฟร้านนี้ 'อาโม อาปา AMO APA' 

    เราเลยไม่พลาดค่ะ 

    กาแฟดี โกโก้ดี ราคาดี ร้านบรรยากาศดี สรุปคือดี 

    ถึงเวลาตะลุย 1219 โค้งสู่แม่สอดแล้วจร้าาาา Let's Go 

    จากอุ้งผางสู่แม่สอด ใช้เวลาประมาณ 3 ชมกว่าๆ มีฝนตกเป็นบางช่วง อากาศเย็นสบาย 

    กว่าจะถึงแม่สอดก็ห้าโมงกว่าแล้ว ถึงเวลากินข้าวเย็น 

    ไม่พลาด 'ข้าวเม่า ข้าวฟ่าง ป่าในจินตนาการ'  ร้านนี้ก็เป็นอีกร้านที่ recommend ในแม่สอด เป็นร้านอาหารไทย ที่บรรยากาศในร้าน ราวกับอยู่ในป่า (แต่ยุงเยอะไปหน่อย ควรพกยากันยุงมาด้วย เพราะทางร้านไม่่มีให้นะ) 

    สำหรับอาหารก็ ถือว่าพอใช้ได้ ไม่ได้ ว้าว ขนาดนั้น 

    สถานีต่อไป... สถานีขนส่งแม่สอด

    เพื่อนเรา 4 คน กลับรถทัวร์รอบ 20.30

    เราและเพื่อนอีกคนกลับเชียงใหม่จร้าาาา 

    GPS บอกว่าจาก เชียงใหม่ถึงแม่สอด 5 ชมครึ่ง

    ออกจากแม่สอดทุ่มกว่าๆ เกือบสองทุ่ม ถึงเชียงใหม่ 00.20 น. 16/10/62 (ขับรถข้ามวัน ข้ามคืนเลยจร่ะ) 

    ส่วนทีมรถทัวร์ ถึง กทม ตีสี่ 

    จบทริปนี้ปวดขากันทุกคน

    22 กิโลเดินเท้า (เดิน+ปีน)

    1100 กิโล driving... (อุ้มผาง 1219 โค้งเองแกร๊) 

    ขอบคุณทุกคนที่ใช้บริการ ฮอนด้าซิตี้สีน้ำเงินเปื้อนฝุ่น... 'ใส่ใจทุกโค้ง ดูแลคุณด้วย dimen' 

    เหนื่อยมากแล้วต้องลาไปก่อน เจอกันใหม่ทริปหน้านะจ๊ะ จุ๊บๆ

    #ปิตุ๊โกรไม่goไม่โก้นะ #ปิตุ๊โกรรองเท้าแตะ #น้ำตกรูปหัวใจต้องมีใจถึงจะเจอ 

     

    ชมคลิปการเดินทางทริปนี้ได้ที่ > https://web.facebook.com/lejardinde.patnapa/videos/2473504389371416/

    เรื่อง : เราเอง 

    ภาพ : ของทุกคนรวมๆ กัน 

    จุ๊บๆ