2 ล้อ 2 คน เที่ยวนครนายก (ทุ่งบัวแดงบ้านนา เขื่อนขุนด่านฯ สวนลุงอ๊อดทะเลวิว วัดคีรีวัน)
"นครนายก" เป็นจังหวัดที่ไม่ไกลจากบ้านเรา จึงมีโอกาสได้มาเที่ยวบ่อยตั้งแต่เด็ก นึกอะไรไม่ออกก็น้ำตกวังตะไคร้ สาริกา เขื่อนขุนด่านฯ เหมารถสองแถว ไปปูเสื่อนั่งกินไก่ย่างส้มตำ เช่าห่วงยางล่องน้ำตกคลายร้อน (เสียงกระซิบ) ความจริงมาขอหวยมากกว่าเที่ยว เท่าที่เคยไปมาก็มีไม่กี่ที่ และก็เป็นการเที่ยวแบบ One day trip ครั้งนี้อยากได้ความแตกต่าง เราจะไปเที่ยวนครนายกแบบ 2 วัน 1 คืน
ข้อมูลโดยรวมแบบย่อระยะเวลา: 2 วัน 1 คืน
วันที่เดินทางเข้าไปยังพื้นที่: 14-15 กันยายน 2562
สถานที่ท่องเที่ยว: Day 1 - ทุ่งบัวแดงบ้านนา นั่งเรือเที่ยวเขื่อนขุนด่านฯ อ่างเก็บน้ำห้วยปรือ ตลาดเท่งเถิดเทิง Day 2- เขาหล่นผจญภัย กาแฟดอยช้าง-สวนศรีทอง วัดคีรีวัน
จำนวนผู้เดินทาง: 2 คน
พาหนะ: มอเตอร์ไซค์ Suzuki Tempter 400
ค่าใช้จ่าย: 3,497 บาท เฉลี่ยคนละ 1,749 บาท รวมทุกอย่าง
* รีวิวนี้เจ้าของรีวิวเสียค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด
** รูปภาพในกระทู้นี้ประมาณ 80% ถ่ายโดย iPhone SE และ Sony a6000 ใช้ VSCO, LR ในการแต่งรูปค่ะ
ทุ่งบัวแดงบ้านนา
หากมาจากปทุมธานี ใช้เส้นถนนรังสิต - นครนายก เส้น 305 ถึงแยกบางอ้อให้เลี้ยวซ้ายเข้าเส้น 3051 ขี่ตรงไปเกือบ 3 กิโลเมตร จะเจอทุ่งดอกบัวแดงอยู่ทางซ้ายมือค่ะ มีสะพานไม้ไผ่และศาลายื่นไปในทุ่งดอกบัวเป็นมุมถ่ายรูปสวยๆ ช่วงที่เราไปดอกบัวยังไม่เข้ามาใกล้สะพานเท่าไหร่ เลยใช้บริการนั่งชมทุ่งดอกบัวพร้อมคนพาย ค่าเรือคนละ 20 บาท หรือจะให้มากกว่านั้นก็ได้ นั่งจนกว่าจะพอใจ แต่ก็ให้เหมาะสมแบ่งบันคนอื่นด้วย เนื่องจากเรือมีเพียงลำเดียว และคุณลุงมีช่วงเวลาที่จะหารายได้แค่ช่วงเช้าเท่านั้น ดอกบัวจะหุบประมาณ 10.00 น. เพราะฉะนั้นควรมาแต่เช้า มีร่มและหมวกเป็นพร๊อบให้เช่าในราคา 10 บาท มีขนมขายเล็กน้อย ช่วงที่ทุ่งบัวแเดงสวยที่สุดคือเดือนตุลาคม
พิกัด: https://goo.gl/maps/LKYvamYdiGY4fKS2A
กุยช่ายเจ๊หงอ บ้านนา
เราแวะเติมพลังกันที่ตลาดบ้านนา ละแวกนี้สวยงามแปลกตาด้วยความเก่าแก่ของบ้านไม้ ร้านแรกที่แวะไปซื้อคือ "กุยช่ายเจ๊หงอ" ที่นี่มีร้านกุยช่ายหลายเจ้า ร้านเจ๊หงอเป็นเจ้าแรกของตลาดบ้านนาขายมานานไม่ต่ำกว่า 50 ปี ที่บอกว่าแวะไปซื้อคือที่ร้านไม่มีที่นั่งซื้อกลับเท่านั้น มีไส้กุยช่าย เผือก มันแกว หน่อไม้ มีแต่แบบนึ่งไม่มีแบบทอด กุยช่ายตัวใหญ่แป้งไม่หนา เราหิ้วไปหิ้วมาว่าจะกินหลังมื้อเช้า แต่ก็มีเหตุให้ได้กินตอนเย็นแป้งยังนุ่มอยู่เลย ไส้เผือกมีความเค็มนิดๆ อร่อยดีค่ะ ร้านอยู่ติดกับสะพาน ไม่แนะนำให้รถใหญ่ขี่เข้าไปเพราะซอยแคบ ควรหาที่จอดรถด้านนอก ราคากล่องเล็ก 14 ตัว 60 บาท, กล่องใหญ่ 24 ตัว 100 บาท
ก๋วยเตี๋ยวเป็ดเฮียตี๋ บ้านนา
สมกับเป็นร้านเก่าแก่จริงๆ ไม่จะเป็นตัวอาคาร บรรยากาศร้าน ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ มีก๋วยเตี๋ยวเป็ด ข้าวหน้าเป็ด เป็ดตุ๋นและเกาเหลา ส่วนตัวเราไม่ชอบกินเป็ดเท่าไหร่ เพราะบางเจ้าทำเป็ดมีกลิ่นสาบ เราสั่งก๋วยเตี๋ยวเป็ด ถ้าไม่ชอบยังเขี่ยเนื้อเป็ดออก แล้วกินเส้นกินผักได้อยู่ สรุปว่าต้องสั่งข้าวหน้าเป็ดมาอีกจาน เพราะอร่อยถูกใจ เนื้อเป็ดนุ่ม ชิ้นใหญ่ ไม่มีกลิ่นสาบ ก๋วยเตี๋ยวเราไม่ได้ปรุงรสชาติน้ำซุปไม่ได้เข้มข้นเกินไป โล่งคอมากๆ อยู่ไม่ไกลจากร้านเจ๊หงอ ใช้ Google map นำทางได้ เรามาถึงประมาณ 10.00 น. นิดๆ คนยังไม่เยอะโต๊ะยังว่างอยู่ ระหว่างนั่งกินมีลูกค้าเข้าร้านตลอดเลยค่ะ ค่าเสียหายมื้อนี้: ก๋วยเตี๋ยวเป็ด 2 ถ้วย ข้าวหน้าเป็ด 2 จาน น้ำบ๊วย 2 แก้ว รวม 230 บาท
ล่องเรือเขื่อนขุนด่านปราการชลเคยมาเที่ยวเขื่อนขุนด่านหลายครั้งแล้ว แต่เป็นการเที่ยวบนสันเขื่อนด้วยการนั่งรถราง ครั้งนี้เรานั่งเรือหางยาวเข้าไปชมภูเขาและน้ำตกข้างใน วิธีเดินทางมายังจุดขึ้นเรือก็คือขึ้นมาบนเขื่อนแบบปกติ จะมีซุ้มสำหรับจำหน่ายตั๋วเรืออยู่แถวซุ้มขายอาหารและของที่ระลึก
ค่าเรือหางยาวนำเที่ยว แบบเหมาลำ 1500 บาท แต่ถ้ามาน้อยคนสามารถรวมกับคนอื่นไปได้ 8 คนขึ้นไปคนละ 200 บาท ชาวต่างชาติจะแพงกว่าคนไทย 1 เท่า ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
สิ่งที่เราอยากบอกสำหรับคนที่มาเที่ยวในช่วงหน้าฝน ขอแบ่งเป็นข้อๆ ดังนี้
1.ควรมีเสื้อกันฝนและกระเป๋ากันน้ำสำหรับใส่โทรศัพท์ กล้อง ฯ จะทำให้คุณไม่ลำบากเมื่อต้องนั่งเรือฝ่าสายฝน หรือแวะขึ้นไปเที่ยวตามจุดต่างๆ ยิ่งมีเด็กไปด้วยควรมีเสื้อกันฝนติดไปด้วย เพราะใช้เวลาในการล่องเรือนาน ถ้าฝนตกมาเด็กๆ อาจจะไม่สบายได้
2.ควรใส่รองเท้าที่รัดกุม เลอะเทอะและเปียกได้ ไม่แนะนำรองเท้าแตะ โดยเฉพาะจุดสุดท้ายน้ำตกเขาช่องลม ต้องเดินบนหินก้อนใหญ่ รองเท้าแตะทำให้ลื่นหรือเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่า
3.ใส่เสื้อชูชีพเพื่อความปลอดภัย ข้อนี้อย่าละเลย และเชื่อฟังคำบอกกล่าวของเจ้าหน้าที่ขับเรือด้วยค่ะ
เรามา 2 คนเลยรวมกับกลุ่มอื่น รอไม่นานเจ้าหน้าที่ก็ให้ไปขึ้นเรือโดยเดินลงไปที่บันไดที่มีป้ายติดว่า 'ห้ามลง' งงไหม? แล้วลงได้ไหมเนี่ย... พอเดินไปเจอ ป้ายเขียนว่า 'ห้ามลงบันไดก่อนได้รับอนุญาต' เราน่าจะได้รับการอนุญาตแล้ว
มาช่วงนี้จะได้แวะเที่ยว 3 จุดคือ น้ำตกงามงอน น้ำตกคลองคราม และเขาช่องลม ข้อดีมากๆ ของการมาเที่ยวที่นี่หน้าฝนคือระดับน้ำขึ้นสูง เรือเข้าถึง เดินต่อเพียงนิดเดียวไม่ต้องเดินไกล โดยเฉพาะเดินขึ้น-ลงบันไดเขื่อน น้อยขั้นกว่าคนที่มาก่อนหน้าฝนมากเบาแรงไปได้เยอะ แต่ทางเดินเฉอะแฉะต้องระมัดระวัง
พอเรือออกปุ๊บ ฝนตกปั๊บ ตอนแรกก็เซ็งแต่ตอนหลังฟินมาก ซึ่งในแต่ละฤดูธรรมชาติที่ได้เห็นก็ไม่เหมือนกัน เราอ่านรีวิวของคนที่มาก่อนเข้าหน้าฝน เดินเล่นกันในทุ่งหญ้าและธารน้ำ ซึ่งเราไปกลางเดือนกันยายนไม่เป็นแบบนั้น ฝนตกตลอดทางเปียกตั้งแต่เที่ยงครึ่งยันบ่ายสาม ตกหนักบ้าง ตกเบาบ้าง ยังมีความปราณีให้ได้ขึ้นไปถ่ายรูปนิดหน่อย รูปในทริปนี้ประมาณ 70% จึงเป็นกล้องจากมือถือ ต้นไม้เขียวชอุ่ม มองไปทางไหนก็สดชื่น ไม่ร้อน หมอกฝนเยอะมาก วิวสวยสุด ถ่ายรูปได้ไม่เบื่อ
จุดแรกที่คุณลุงแวะให้คือ 'น้ำตกงามงอน' จุดนี้ไม่มีใครลงเลยเนื่องจากฝนตก และเหมือนจะเห็นว่ามีการปีนป่ายโดยใช้เชือกด้วย ในเรือเรามีเด็กและเสียงส่วนใหญ่ไม่มีคนลง ตรงนี้คือข้อเสียของการจอยทริปกันแบบหลายๆ กลุ่ม ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ค่ะ เอาจริงๆ เราก็ขี้เกียจอยากนั่งเรือเอาหน้าแป้นๆ โต้ฝนมากกว่าออกแรงในสภาพอากาศแบบนี้
ที่บอกว่าฟินคือหลังฝนตกมีหมอกขึ้นมาเยอะมาก อากาศสดชื่นสุดๆ แต่ฝนก็ไม่ยอมหยุดตกจริงๆ สักที
จุดที่สองคือ 'น้ำตกคลองคราม' ฝนใจดีหยุดตกให้เราได้ลงไปเดินเล่นแบบเละๆ กัน จุดนี้เดินไม่ยาก ไม่เหนื่อย ไม่ไกล (ความจริงไม่มีจุดไหนไกลเลย) แค่ระวังลื่น ข้างในสุดเป็นน้ำตก เราไม่ได้เล่นน้ำเพราะเปียกอยู่แล้ว เดินถ่ายรูปเก็บบรรยากาศรอบๆ สวยมากค่ะ ต้นไม้เขียวชอุ่ม ตัดกับหมอกสีขาว ฟ้าครึ้มและกลิ่นฝน มีคลิปแบบ no filter สั้นๆ มาฝากด้วยค่ะ https://www.instagram.com/p/B2cHLi9FkQN/
จุดที่สาม 'น้ำตกเขาช่องลม' จุดนี้หินก้อนใหญ่เยอะ ต้องปีนนิดหน่อย กระโดดข้ามไปมาเล็กน้อย เด็กๆ เพลินกับจุดนี้มาก เพราะเป็นธารน้ำกว้าง ไม่ลึก เล่นน้ำได้สนุกกว่าจุดที่แล้ว
ผีเสื้อมาเกาะ แสดงว่าเค็มได้ที่ วันนี้ทั้งเหงื่อทั้งฝนเลยแหละ
ความสุขอยู่ได้ไม่นานก็โดนฝนไล่อีกแล้ว คราวนี้ขึ้นเรือกลับกันเลยค่ะ เพราะฝนตกหนักมาก ที่บอกว่าควรมีเสื้อกันฝนเพราะเวลาฝนตก ตัวเปียก นั่งเรือโต้ลมแบบนี้มีหนาว
เราไม่ได้กินข้าวก่อนทำให้หิวสุดๆ กลับเข้ามาฟาดมาม่า ข้าวไข่เจียว เฟรนช์ฟรายส์ ชีสบอล เป๊ปซี่ฯ ที่ซุ้มใกล้กับจุดขายตั๋วเรือหางยาว กินจนฝนหยุดตก มองไปรอบๆ พบว่ามีหมอกเต็มไปหมดเลยค่ะ ฟิน~ ฟิน~ ฟิน~
ลานจอดรถที่เคบเจอแต่ดวงอาทิตย์แผดเผา ที่วันนี้เต็มไปด้วยหมอก
คุ่มค่ามากกับเงิน 200 บาทและเวลาที่เสียไป สำหรับใครที่กลัวเมาเรือ ไม่ชอบความโคลงเคลง อยากให้ทราบไว้ว่าน้ำในเขื่อนเป็นน้ำนิ่ง มีคลื่นบ้างตอนที่เรือขับสวนกัน อยากให้ลองมา ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและฤดูกาลที่มานะคะ
สวนลุงอ๊อดทะเลวิวรีสอร์ท
ที่พักของเราในทริปนี้ซึ่งเราไปเจอด้วยความบังเอิญ อยากพักใกล้อ่างเก็บน้ำห้วยปรือ จะตื่นมาเก็บแสงยามเช้า เลยทำการเปิด Google map แล้วซูมเข้าซูมออกไปเจอกับ 'ลุงอ๊อดทะเลวิว' พอไปหาข้อมูลเพิ่มเติมตรงใจมากเป็นที่พักแบบที่เราต้องการ
เราติดต่อผ่านทาง Page สวนลุงอ๊อดทะเลวิว แต่นานๆ ตอบทีนะคะ เราเลยโทรฯ ไปตามเบอร์ที่ให้ไว้ในเพจทางที่พักของเพียงชื่อและเบอร์โทรศัพท์จองกันแบบง่ายๆ แบบนี้เลยแหละ ค่ามัดจำก็ไม่ต้องจ่าย แต่เราไม่สบายใจและรู้สึกไม่เป็นธรรมกับที่พักเลยทักไปในเพจ จ่ายค่ามัดจำไปล่วงหน้า 500 บาทค่ะ
บ้านพักคืนละ 1,000 บาท สำหรับ 2 คน แต่มี 1 เตียงใหญ่ และ 1 เตียงเล็ก จริงๆ เป็นห้องพักสำหรับ 3 คน หากใครมา 3 คน ต้องจ่ายเพิ่มนะคะ อยู่ห่างจากอ่างเก็บน้ำห้วยปรือ ประมาณ 3 โลนิดๆ ไม่มีอาหารเช้า แต่มีกาแฟและโอวันติล ไม่มีบริการอาหารในวันนี้เราเข้าพัก ซึ่งเราไม่ซีเรียส เพราะยังไงเย็นนี้จะไปตลาดกันอยู่แล้ว
ต้องขออภัยที่ไม่ได้ตั้งใจถ่ายรูปห้องพักเท่าไหร่ เพราะหมดแรงและตัวก็ชื้นๆ เนื่องจากเปียกฝนมาทั้งวัน เลยใช้แต่มือถือ มีเครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็น น้ำดื่ม แก้วน้ำ พัดลม เครื่องปรับอากาศ ทีวี และสบู่ก้อน หน้าบ้านมีระเบียงนั่งเล่น โต๊ะ+เก้าอี้
วิวหน้าที่พักตอนเย็นก็จะประมาณนี้ ภูเขา หมอก และทุ่งนา เรามาแบบฉิวเฉียดเกือบไม่ได้วิวทุ่งนาแล้ว เพราะในวันที่เรากลับเขาเกี่ยวข้าวกันพอดี
อดใจไม่ไหว วิวสวยจริงๆ ขอถ่ายรูปเก็บไว้หน่อย
สำหรับที่พักเราชอบที่ทำแยกเป็นบ้านหลังๆ เป็นส่วนตัว ในราคานี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นครบ ห้องกว้าง บริการดี เราชอบความเรียบง่ายและเป็นกันเอง วิวที่พักให้เต็มสิบ บรรยากาสเงียบสงบมีความเป็นธรรมชาติ ด้วยความเป็นธรรมชาติ ทำให้ตอนกลางคืนมียุงเยอะ หากจะนั่งเล่นนอกห้อง ดื่มกินต่างๆ ให้พกยาทากันยุงมาด้วย ส่วนข้อเสียของที่พัก ชักโครกในห้องน้ำกดไม่ค่อยลง สำหรับธุระหนักต้องกดซ้ำๆ หลายรอบหน่อยถึงจะเรียบร้อยค่ะ
อ่างเก็บน้ำห้วยปรือ
ยังมีเวลาก่อนมื้อเย็น เราตัดสินใจมาอ่างเก็บน้ำห้วยปรือ เปลี่ยนแพลนจากพรุ่งนี้เช้า เพราะเย็นนี้อากาศดีมาก ขนาดเย็นแล้วยังมีหมอกลอยเอื่อยๆ อยู่บนภูเขา อีกอย่างคือไม่อยากเสี่ยงกับสภาพอากาศในหน้าฝนของวันพรุ่งนี้ ถ้าวันนี้เที่ยวได้เที่ยวก่อนเลยค่ะ และเราก็ไม่ผิดหวังให้ภาพบรรยายเองแล้วกัน
สิ่งที่อยากขอร้อง...ที่อ่างเก็บน้ำห้วยปรือ จะมีรถเข้ามาขายของกิน นักท่องเที่ยวหรือแม้แต่คนพื้นที่เองก็เข้ามานั่งชมบรรยากาศกัน บางคนก็เอาของกินเข้ามา เมื่อกินเสร็จแล้วอยากให้เก็บกลับไปด้วย เราเห็นขยะเยอะพอสมควรเลยค่ะ
ตลาดเท่งเถิดเทิง-ไนท์วินเทจ
ของขายเยอะมาก ตลาดน่าเดินแม้จะเป็นหลังฝนตกก็ตาม เราเคยมาแล้วครั้งนี้จึงเน้นแต่ของกิน เพราะฉนั้นของใช้เราไม่ได้เดินดูเลยค่ะ ไม่อยากเดินจนมืด ตลาดนี้อยู่ห่างจากที่พักประมาณ 8.5 กิโลเมตร เราไม่ชินทาง ไม่อยากประมาท เลยซื้อกลับไปกินที่ที่พักค่ะ
ตลาดเปิดวันศุกร์ เวลา 17.00-21.30 น. วันเสาร์ วันอาทิตย์และวันนักขัตฤกษ์เปิดเวลา 17.00-22.30 น.
เพื่อความชัวร์! สามารถเข้าไปดูปฏิทินวันที่ตลาดเปิดได้ที่ FB: ตลาดเท่งเถิดเทิง-ไนท์วินเทจ
ราคาอาหาร: ส้มตำปูปลาร้าและน่องไก่ทอด 100 บาท, BBQ เนื้อเด็ดมากไม่ต้องมีน้ำจิ้มเพิ่ม 2 ไม้ 40 บาท, เนื้อย่างโคขุนไม้ละ 10 บาท 5 ไม้, หมึกสายปิ้งเนย 2 ขีด 100 บาท น้ำจิ้มแซ่บมากแต่ไม่เข้ากับเนยยังไงก็ไม่รู้, ขนมครกสิงคโปร์ 30 บาท สีสันสวยงามอร่อยด้วย เมื่อต้นปีมามาวิ่งอยากกินมาก พอเดินกลับไปซื้อก็หมด ครั้งนี้ถึงรีบเดินไปซื้อก่อนเลย พอกินไปได้สองชิ้นทำคว่ำหมด แงงงง และตบท้ายด้วยเบียร์เย็นๆ คนละขวด 140 บาท ค่าเสียหายโดยรวมคือ 440 บาท
ตบท้ายด้วยขนมกุยช่ายเจ๊หงอที่ซื้อมาเมื่อเช้า จะเอาลงไปกินที่เรือ ดันลืมไว้ที่รถมอเตอร์ไซค์ตากฝนจนเย็นไปหมดยังอร่อยแป้งก็ไม่แข็ง โดยเฉพาะไส้เผือกอร่อยเลิศ
เขาหล่น ผจญภัย
ด้วยความที่เมื่อวานฟินมากๆ ไปแล้ว เลยขอตื่นสายไม่ไปเก็บพระอาทิตย์ขึ้นที่ไหนทั้งนั้น แต่อีกใจนึงก็เสียดายมาเที่ยวทั้งทีจะให้นอนเฉยๆ ได้ไงเลยชวนกันไปถ่ายรูปที่เขาหล่นผจญภัย รู้สึกว่าทางมันงงๆ และไม่ควรมาในเวลาสายโด่งแบบนี้ มัน! ร้อน! มาก! ไม่เดินต่อแล้วขอยอมแพ้ อย่างกับอยู่คนละโลกกับเมื่อวาน ทำให้รู้ว่าถ้าฝนไม่ตกแดดที่นี่เอาเรื่องเหมือนกัน
ข้าวแกง ชาวใต้
ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปทางเขื่อขุนด่าน แวะกินข้าวเช้าที่ร้านข้าวแกงชาวใต้ ไม่ได้เก็บพิกัดไว้ต้องขออภัยด้วย ตอนแรกว่าจะไม่ได้เอามาใส่ในรีวิว แต่ร้านนี้นักเรียนมาสามารถกินได้ไม่อั้นในราคา 20 บาท เรื่องดีๆ แบบนี้ต้องบอกต่อ ^^ ส่วนราคาผู้ใหญ่ เราสั่งเป็นกับข้าวมา 4 อย่าง ข้าวเปล่า 3 จาน ทั้งหมด 240 บาท น้ำพริกกะปิฟรีอร่อยมาก ขอเพิ่มได้ค่ะ
ร้านกาแฟดอยช้าง สวนศรีทอง ของฝากนครนายก
ด้วยความที่มะยงชิดเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดนครนายก เราเลยอยากลองกินอะไรที่ทำจากมะยงชิดดูบ้าง บวกกับอากาศข้างนอกที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ มาเจอกับร้านนี้มีมะยงชิดชีสเค้ก อยู่ทางไปเขื่อนขุนด่านฯ ชีสเค้ก 120 บาท แพงเหมือนกันนะ แต่ฟินมาก ตัวชีสเค้กหอม หวานอมเปรี้ยวของมะยงชิดกำลังพอดี แป้งด้านล่างให้รสสัมผัสกรุบกรอบ หอมเนยสุดๆ คนที่ชอบมะยงชิดต้องเลิฟที่นี่แน่นอน เพราะมีทั้งน้ำมะยงชิดปั่น เป็นเมนูขายดีคนมาสั่งเรื่อยๆ เลย มะยงชิดลอยแก้ว ไอติมมะยงชิด มะยงชิดแช่อิ่ม ของฝากอย่างอื่นก็มีให้เลือกซื้อ เค้กรสชาติอื่นๆ ก็มี กาแฟอร่อย (เราสั่งหวานน้อย) ในร้านจะมีคุณป้าคอยแนะนำสินค้าต่างๆ สามารถชิมได้ถูกใจค่อยซื้อ
วัดคีรีวัน
เคยเห็นรูปของวัดนี้ผ่านตา ไม่คิดว่าจะอยู่ที่จังหวัดนครนายก เราแวะที่นี่เพื่อไหว้พระขอพรก่อนกลับ วัดคีรีวันอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 9 กิโลเมตร อยู่เป็นฝั่งตรงข้ามใกล้กับตลาดเท่งเถิดเทิง แต่เข้าซอยไปอีก เราเปิด Google map นำทางไปก็ถึงค่ะ ข้างหน้ามีปราสาทขอมแบบโบราณ ส่วนข้างบนมีพระแก้วมรกตจำลองขนาดใหญ่สามารถขึ้นไปสักการะได้ วัดนี้มีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะมาก
จากนั้นก็ขี่รถกันยาวๆ กลับปทุมธานี เรากลับถึงบ้านก่อนบ่ายสามโมง มีเวลาเตรียมตัวไปทำงานในวันจันทร์ เป็นการเที่ยวที่ Chill มาก เวลาเหลือเพราะไม่ต้องเดินทางไกลและไม่เหนื่อยจากการเดินทาง ที่สำคัญใช้งบไม่เยอะ ความใกล้ที่เรามองข้าม 'ใกล้ๆ ไปวันเดียวก็ได้' พอได้ลองเปลี่ยนไปนอนค้างสักคืน บอกเลยว่า Happy มาก แต่ขอแบบฝนๆ นะ ไม่เอาแดด ^^ ส่วนค่าใช้จ่ายโดยละเอียดจะมาเพิ่มให้ภายหลังนะคะ
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการแพลนทริปเพื่อเดินทางท่องเที่ยวของเพื่อนๆ นะคะ
อ่านรีวิวอื่นๆ ของเราได้ที่ https://www.thetrippacker.com/th/pangjourney
หรือติดตามได้ทางเพจอีกหนึ่งช่องทางค่ะ