ชวนเที่ยวย้อนเวลา ที่ Villa Musee (วิลล่า มูเซ่) เขาใหญ่

เอาจริงๆใครจะไปคิดว่า 'เขาใหญ่' จะมีที่เที่ยวสไตล์ไทยๆแบบนี้อยู่ด้วย

วันนี้ขอไม่เกริ่นนำอะไรมากฮะ เข้าเรื่องเลยยยยล่ะกันน

เราจะพาเพื่อนๆไปรู้จักกับ แหล่งท่องเที่ยวเปิดใหม่ สำหรับคนที่ชอบสายประวัติศาสตร์

อินในความอาร์ตแบบไทย และที่สำคัญอยู่ไม่ไกลเลยฮะ เป็นพื้นที่ที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว

นั่นก็คือ 'เขาใหญ่' เมืองพักผ่อนสุดฮิตในยุคนี้!

 

Villa Musee Khao yai (วิลล่า มูเซ่)

ก่อนอื่นมาทำความรู้จัก Villa Musee กันก่อนดีกว่าฮะ

ที่นี่เค้าเคลมว่าเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวในอดีตในแบบของ Museum On Story

คือฉีกความเป็นพิพิธภัณฑ์แบบเดิมๆ

ที่เป็นสไตล์ตั้งของแล้ววางป้ายด้านหน้าให้อ่านเฉยยย 5555555

...

จุดเริ่มต้นของวิลล่า มูเซ่ มันเจ๋งตรงที่ว่า

เกิดจากความชอบ ความหลงใหล ในเรื่องราวประวัติศาสตร์ ของเจ้าของฮะ

ที่เริ่มสะสมข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ รวมไปถึงเครื่องเรือน

สิ่งพิมพ์ ภาพถ่าย ศัตราวุธ ของคนในสมัยก่อน

เรียกได้ว่าทุกสิ่งที่มันสามารถเก็บสะสมได้ เราจะได้เห็นมันรวมกันอยู่ที่นี่!

 

ไฮไลท์สำคัญที่เราชอบมาก คือ แนวคิดที่อยากจะพัฒนาที่นี่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับคนรุ่นหลังฮะ

ก็เลยปิ๊งง เกิดไอเดียที่อยากจะพลิกอดีตให้กลับมามีชีวิต

เนรมิตพื้นที่ตรงนี้ ให้คนรุ่นเราได้เห็นไลฟ์สไตล์ของคนในยุคนั้นกันแบบใกล้เคียงที่สุด

มาที่นี่มีอะไรน่าชมบ้าง?

นอกจากของสะสมที่มีคุณค่ามากแล้ว ความเจ๋งของที่นี่ยังไม่หมดแค่นั้นฮะ

ที่นี่ยังรวบรวมสถาปัตยกรรมที่ฮอตฮิตในยุคนั้น

ไม่ว่าจะเป็นอาคารสไตล์โคโรเนียล หรือจะเป็นหมู่เรือนโบราณต่างๆไว้ด้วยฮะ

ไม่รอช้า มาลองดูกันเป็นส่วนๆเลยดีกว่า!

...

เรือนประเสนชิต

 

สำหรับใครที่คุ้นเคย หรือ นั่งรถผ่านบ่อยๆ ย่านสี่พระยา

มันจะมีบ้านเก่าบริเวณ มุมสามแยกนเรศ ตัดกับถนนสี่พระยา

คิดว่าหลายคนน่าจะพอคุ้นๆ กับบ้านโบราณหลังนี้ฮะ

มันคือ “บ้านเลขที่ 301" ถนนนเรศในตำนาน ที่ทุกคนตามหากัน

 

สำหรับการชะลอเรือนของที่นี่ ถือว่าเป็นหนึ่งในชิ้นงานสำคัญเลยฮะ

เพราะว่าเค้าค่อนข้างใส่ใจในดีเทลมาก

การย้ายเรือนทั้งหลังมาประกอบใหม่ให้เป็นแบบเดิมไม่ใช่เรื่องง่าย

ด้วยความที่ความมุ่งมั่นของเจ้าของ ที่อยากจะอนุรักษ์ทุกอย่างไว้ให้คงเดิมมากที่สุด

เลยต้องทำทุกอย่างแบบค่อยเป็นค่อยไปฮะ และหาช่างฝีมือละเอียดแบบสุดๆเลยล่ะ

 

จุดเด่นของเรือนประเสนชิต จะเป็นบ้านไม้สักทองทั้งหลัง

ซึ่งที่นี่เค้าคงอุปกรณ์เดิมทั้งหมดฮะ เฉพาะที่ยังไม่เสียหายนะ

แต่ส่วนใหญ่คือยึดของเดิมไว้ทั้งหมด แปลนบ้าน รูปแบบต่างๆ

ส่วนเรื่องการตกแต่งภายในก็จะเน้นเป็นในยุคเดียวๆกัน แบบว่าเพิ่มอินเนอร์ให้กับผู้เข้าชมมากกก

 

ความเจ๋งอีกอย่างคือเค้ามีการผูกเรื่องราวกับห้องต่างๆด้วยฮะ ทำให้เหมือนบ้านที่มันมีชีวิตจริง

ภายในก็จะมีห้องรับแขก ห้องบิลเลียด ห้องทำงาน ห้องนอน ฯลฯ

 

โดยแต่ละห้องก็จะมีอุปกรณ์ ของใช้ที่นิยมในยุคนั้น

รวมถึงมีการไล่ลำดับวิวัฒนาการของเทคนิคการพิมพ์สมัยก่อน ให้เราเห็นด้วยของจริงนี่แหละฮะ

 

เริ่มจากห้องแรกเลยฮะ จะเป็นห้องโถงรับแขก ชุดรับแขกเซทใหญ่

ปุ่มมะค่าจากเวียดนาม วางอยู่บนพรมทอมือจากเปอร์เซีย

และห้องข้างๆจะมีเปียโนหลังใหญ่วางอยู่ฮะ งามมาก

 

 

ถัดมาเป็นส่วนห้องทำงาน

ต้องบอกว่าที่นี่เค้าเก็บดีเทลเล็กๆน้อย ได้แบบสะใจคนรักประวัติศาสตร์มากฮะ

แต่ละห้องนี่จัดแสดงอย่างเรียลสุด พอเข้ามาชมที่นี่ เหมือนอีกโลก

คิดว่าตัวเองเป็นคนในยุคนั้นจริงๆอ่ะ อย่างห้องทำงานนี่ก็จะมี จะมีหนังสือ ตำราฝรั่งต่างๆ

จัดเรียงในตู้ไม้ฉลุ อุปกรณ์สำนักงานนี่คือย้อนยุคจริงจัง !

 

 

ขึ้นบันไดมาชั้นสองฮะ ด้านบนนี่จะเป็นส่วนของห้องนอน และ ห้องพักผ่อนฮะ

มาเริ่มกันที่ห้องนอนและห้องแต่งตัว เครื่องเรือนร่วมสมัย เตียงไม้สักแบบตะวันตก สวยสุดๆ

 

 

ทางฝั่งขวาจะเป็นฉากบานเฟี๊ยมประดับภาพบุคคลสำคัญนะฮะ

นั่นแหละ ทุกอย่างเป็นของสะสมหมด เยอะจริง!

 

นี่เป็นแค่มินิรีวิวส่วนหนึ่งของที่นี่เท่านั้นฮะ

ใครอยากมาสัมผัสของจริง แนะนำเลย มีพี่ๆวิทยากรช่วยดูแล

ได้ความรู้และเอ็นเตอร์เทนกันแบบไม่เบื่อเลยทีเดียว ฮา

 

ทรงคุณค่าขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยฮะ ที่นี่จะได้รับรางวัลการันตี

อาคารอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์

ถือว่าเป็นไฮไลท์ของวิลล่า มูเซ่ เลยล่ะฮะ!

..

เท่านี้ยังไม่หมดนะฮะ สำหรับจุดต่อมา

เรือนอนุรักษ์โกษา

 

เป็นอาคารสไตล์ชิโนโปรตุกีส อีกหนึ่งเอกลักษณ์เจ๋งๆในอดีต

สถาปัตยกรรมยุคโคโรเนียลที่โด่งดัง นอกจากความสวยงามนอกอาคารแล้ว

การตกแต่งด้านในก็เจ๋งไม่แพ้กันฮะ มีบันไดวนเหล็กหล่อลายวิจิตรอายุกว่าร้อยปี

 

หรือจะเป็นหน้าต่างประดับกระจกสีช่วง พุทธศตวรรษที่ 19

เรียกได้ว่าสรรหาแต่ละอย่างมาเนี่ยยย

ถ้ารวมขอสะสมทั้งหมดน่าจะเกินหมื่นปีฮะ 555555

สำหรับเรื่องเฟอร์นิเจอร์ไม่ต้องพูดถึง ถึงที่นี่จะดูโมเดิร์นกว่าหน่อย

แต่ความเก่าไม่แพ้เรือนประเสนชิตเลย เฟอร์ไม้ชิงชัง ชุดมุก

แถมยังมีการตกแต่งบาร์ 1885 เพิ่มฟิลลิ่งประหนึ่งมาร่วมงานเลี้ยงขุนนาง

และที่สำคัญพื้นที่โซนนี้ จะจัดเป็นนิทรรศการหมุนเวียนฮะ

 

...

และแน่นอนฮะ อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ คือทุกคนที่เข้าชม Villa Musee

จะได้ Mini Tea Set เป็นขนมและเครื่องดื่มรับรอง

 

 

 

ซึ่งมันได้ฟิลลิ่งมากก จิบชาในบรรยากาศย้อนยุคแบบนี้ฮะ

แต่ว่าถ้าใครอยากจะจิบชาแบบจัดเต็มชุดใหญ่ไฟกระพริบบ

 

ก็สามารถสั่งชุด High Tea Set แบบนี้ก็ได้เหมือนกันฮะ

แบบว่าอยากนุ่งชุดไทย แล้วสะบัดสไบแบบรัวๆเลย อิอิ

 

..

สำหรับการเข้าชม ที่นี่จะเปิดให้เข้าชมทุกวันศุกร์ - อาทิตย์

และรอบนำชมมีแค่ 4 รอบเท่านั้นฮะ วางแพลนกันดีๆเน้ออ

09.00 น. / 11.00 น. / 14.00 และ 16.00 น. (จำกัดรอบละไม่เกิน 8 คนฮะ)

 

สำหรับค่าเข้าชม รายละเอียดตามนี้เลยฮะ

บุคคลทั่วไป 400 บาท

ลูกค้าโรงแรมภูวนาลี 300 บาท

นักเรียน/นักศึกษา (แสดงบัตร) 100 บาท

สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี เข้าชมวิลล่าฟรี

(งดนำชมเรือนประเสนชิต)

 

สำหรับค่าเข้าชมเนี่ย มันจะรวม Mini Tea set (ขนม + เครื่องดื่มรับรอง) ให้นะฮะ

ที่เราจะไปล่าสุด จะเป็นนิทรรศการ

“๑๒๐ ปี โรเบิร์ต เลนซ์ (Robert Lenz) และห้องภาพในสยาม"

ซึ่งเค้านำเสนอภาพต้นฉบับ สยามและพระราชวงศ์ในอดีต ที่นำกลับมาจากต่างประเทศ

และที่สำคัญ ชุดภาพนี้ไม่เคยจัดแสดงที่ใดมาก่อนด้วยย

 

..

Villa Musée Khaoyai,Thailand

พิกัด : 111 หมู่ 2 ถนนธนะรัชต์ ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 30130

GPS : 14.556494, 101.401415

เบอร์โทร : 063-225-1555

Noted : จอดรถที่ภูวนาลี รีสอร์ท และจะมี Shuttle Bus มารับเข้าสู่วิลล่า มูเซ่ ฮับบบ

 

 

Chapter 2 : พักผ่อนแบบย้อนยุค วิลล่าสไตล์เรือนไทย #มันก็จะละมุนๆหน่อย

 

มาจะกล่าวบทไป ถึงวิลล่ามูเซ่ ณ ทีนี้

อันสถิตที่เขาใหญ่คีรี มีดียิ่งกว่าที่กล่าวไป

#เสียงระนาด ฮาาาาาาา

...

มาต่อกันเลยดีกว่าฮะ อย่างที่บอกว่าความเจ๋งของวิลล่ามูเซ่ ไม่ได้มีแค่นี้ฮะ

แต่พื้นที่โซนนี้ที่จะพาไปชมกันต่อ จะเป็นโซนแห่งความลับเท่านั้นนาจาาา

เพราะว่าเค้าค่อนข้างเน้นความเป็นส่วนตัว สำหรับผู้ที่เข้าพักที่นี่เท่านั้นฮะ!

 

เริ่มจากเรือนไทยหลังแรก

เรือนสัตยาธิปตัย

 

พื้นที่ของที่นี่จะอยู่ด้านหลังเรือนประเสนชิตเลยฮะ

เรือนไทยสีแดงชาด ที่เราคุ้นเคยจากที่เคยดูใน ทีวี ตอนเด็กๆ

นี่นึกว่าตัวเองเป็นท่านเจ้าขุน 55555

 

ด้านหน้าของเรือน จะมีสระน้ำและศาลาเก๋งญวณ และชุดรับแขกไม้ประดับหินอ่อน

แค่เปิดเข้ามาก็สวยแล้วฮะ สุดยอดมากกกก

 

สำหรับเรือนนี้ ถูกดัดแปลงมาเป็นห้องพักฮะ ซึ่งเค้าก็เน้นความร่วมสมัย

นำสไตล์ย้อนยุคที่ตัวเองชอบ มาผสมผสานกับความทันสมัยได้อย่างลงตัวฮะ

ขึ้นมาดูชั้นบนกันก่อนดีกว่า..

 

ไฮไลท์ของที่นี่ คือห้องพักแต่ละห้องมีคอนเซปต์ของตัวเองอย่างแน่วแน่มากฮะ

ตกแต่งไม่เหมือนกันเลยซักห้อง เรียกได้เลยว่า งานละเอียดมากนาจาาา

สำหรับด้านบน จะมีทั้งหมด 3 ห้อง R.LENZ / J.THOMSON / F.CHIT

ซึ่งทั้ง 3 ท่านเป็นบุคคลสำคัญในสยามประเทศยุคแรกๆ ฮะ

...

ห้อง R.LENZ : สัมผัสสยามผ่านมุมกล้องของ Robert Lenz.

จะเน้นตกแต่งด้วยเครื่องเรือนไม้แกะสลักไทย-จีน

 

 

 

ห้อง J.THOMSON : ความประณีตอย่างสยามที่เคยผ่านสายตาของ John Thomson

เน้นการตกแต่งเครื่องเรือนต่างๆที่เป็นงานประณีตแบบสุดๆฮะ

เป็นการฟีทเจอริ่งระหว่าง ภูมิปัญญากับสถาปัตยกรรมไทย

เรียกได้ว่าเป็นบรรยากาศที่หาโอกาสสัมผัสได้ยากจริงๆฮะ

 

 

ห้อง F.CHIT : เมืองสยามจากสยาตาช่างภาพสยามผู้มีนามว่า"ฟรานซิส จิตร - หลวงอัคนีนฤมิตร"

มินิไลบรารี่ เป็นห้องสมุดแบบมินิ ที่รวบรวมหนังสือโบราณขนาดใหญ่

และมีมุมดีๆ ริมหน้าต่าง ให้นั่งอ่านหนังสือด้วยล่ะฮะ

 

วิวจากด้านบนเรือนฮะ สวยยยยยย

 

ส่วนของด้านล่าง จะมีทั้งหมด 4 ห้องนะฮะ

ห้อง LARNAUDIE / BATAVIA / MALACCA / BANGKOK

ซึ่งจะเป็น Destination สำคัญของนักเดินทางในแถบทะเลจีนใต้

 

ห้อง LARNAUDIE

ฟิลลิ่งเหมือนเป็นห้อง Common Room พื้นที่ส่วนกลางให้ทุกคนได้มานั่งพักผ่อน

เน้นการตกแต่งเครื่องโบราณ ไทย จีน ฝรั่ง ไฮไลท์คือพื้นไม้กระดาน อายุกว่าร้อยปี!

 

 

ห้อง BATAVIA : มนต์เสน่ห์ของย่านเศรษฐกิจการค้าแห้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอดีต

ย้อนบรรยากาศเมืองท่าปัตตาเวีย เน้นศิลปวัฒนธรรมของอังกฤษและอินเดียสมัยยุคอาณานิคม

เอามาเป็นไอเดียในการตกแต่งห้องฮะ

 

 

ห้อง MALACCA : มนต์เสน่ห์แห่งสังคมพหุวัฒนธรรมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เน้นเครื่องเรือนอย่างจีนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ได้ฟิลลิ่งอยู่ในเรือนจีนโบราณ

 

ห้อง BANGKOK : ย้อนอดีตสู่วันวานแห่งกรุงเทพพระมหานครของสยาม

ไฮไลท์ของห้องนี้ จะเป็นการนำวัฒนธรรมการแบ่งพื้นที่ใช้สอยของไทยมาใช้ฮะ

บานเฟี้ยมกั้นสัดส่วน นอกจากนี้ยังเอาคอนเซปต์เดิมของเรือนไทยมาด้วย

ที่จะเป็นการทำห้องน้ำจะแยกกับส่วนห้องพักชัดเจน ห้องน้ำนี่ก็ได้ไอเดียจากป้อมปืนใหญ่มาเบยยยย

 

 

 

 

รูททางเดินในวิลล่า มูเซ่ เนี่ยยก็ไม่ธรรมดาฮะ

เค้าเนรมิตพื้นที่ ให้บรรยากาศเนี่ยย ให้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติแบบสุดๆ

ส่วนอีกเรือนนั่นก็คือ เรือนราชพงศา ฮะ

จุดเด่นคือจะเป็นเรือนไม้สถาปัตยกรรมผสมผสานทรงปั้นหยา

ที่ปลูกสร้างมาแต่ครั้งรัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในย่านชุมชนหลังวัดอนงคาราม

สำหรับส่วนนี้เราไม่ได้เข้าไปสำรวจฮะ ยืนมองอยู่ไกลๆ 55555

 

 

 

ส่วนสุดท้ายล่ะฮะ วิลล่าเรือนไทยแบบทั้งหลัง

เรือนสิงหฬสาคร

เรือนไทยแฝดฝาลายปะกนจากสุพรรณบุรี ไฮไลท์ของที่นี่ นอกจากความงามของสถาปัตย์แล้ว

ด้านในยังออกแบบแนวประยุกต์ภูมิปัญญาฮะ

เป็นการยกหลังคาสูง เพิ่มพื้นที่ให้โปร่ง โล่งสบายยิ่งขึ้น

งานแกะสลักก็ลวดลายประณีตทรงพลังมาก

เรียกได้ว่าเติมวันหยุดของทุกคนได้ละมุนแบบสุดๆแน่นอน

 

 

 

 

 

สรุปแล้ว เราว่าที่นี่น่าสนใจมากฮะ สำหรับใครที่กำลังมองหาแหล่งเที่ยวใหม่ๆ

อย่างที่บอกว่ามันเป็นแนวแหล่งเรียนรู้ ถึงแม้จะเป็นเรื่องประวัติศาสตร์ในอดีต

แต่เราคิดว่าน่าจะได้อะไรใหม่ๆกลับไปแน่นอน

 

 

และสำหรับใครที่มองหาทริปท่องเที่ยวอยู่เรื่อยๆ

สามารถเข้าไปชมรีวิวอื่นๆกันต่อได้ที่ www.facebook.com/247journeyy เลยน้าาา

ขอบคุณมากค่าาาา >3

.....

24 Hours a day, 7 Days a week for Journey!