ช่วงน้ำตก คือด่านแรก เดินผ่านทางนี้ แบบง่ายๆไปก่อน
ถ้าไปช่วง ก.ค.-ต.ค. จะเจอฝนด้วย แพ็คกระเป๋ากันน้ำร้อยเปอร์เซ็นต์นะคะ
สภาพอากาศหลังฝน ป่าจะเย็นๆชื้นๆมากๆ ทั้งที่ความสูงจากน้ำทะเลไม่เยอะเท่าป่าที่อื่น แต่เย็นชื้นใจดี
บรรยากาศหลังฝนตก จะเย็นๆชื้นๆ ประมาณนี้
ฟินมาก
ทางจะมีความชัน และชันไปเรื่อยๆ
ระยะทางประมาณ 8 กิโลทั้งหมด คือชัน 7.9 กิโล (55555)
ผ่านหินกองใหญ่ๆ คือมาครึ้่งทางแล้วค่ะ พักทานข้าวกันก่อน
(ข้างล่าง ที่ทำการอุทยานฯ มีร้านข้าว สามารถสั่งห่อไว้กินกลางทางได้ค่ะ)
เหนื่อยจริง อะไรจริง นั่งกินข้าวก็มีกอง ทาก นะคะ กระโดดถึงคอ จ้า
เอ้า!! ขึ้นเป้ ไปต่อ
ฝนตกตลอดทาง
และตรงนี้ คือ.. ลาน 1 ซึ่ง เดินผ่านได้อย่างเดียว กางเต้นท์ พักอาศัยไม่ได้นะจ๊ะ ต้องเข้าไปอีก
สูดอากาศ ก่อน พักนึง เต็มออกซิเจนกัน
อีกนิดเดียวค่ะ จะถึงแล้ว..
จุดกางเต้นท์ มีจำกัดนิดนึง กางเปลปลาทูก็ได้นะคะ แล้วแต่สะดวก
ปล. จุดๆนี้ก็มีทาก นะจ๊ะ ระวังเข้าเต้นท์กันดีๆ
หลังกางเต้นท์เสร็จ ก็มาเตรียมสเบียงกัน มื้อเย็น หลังจากเหน็ดเหนื่อย ต้องอิ่มไว้ก่อน
เสร็จแล้วต้องเก็บขยะให้เกลี้ยง ไม่ควรทิ้งอะไรไว้
หมูพริกไทยดำหมักมา 1 กล่อง
ทานข้าวเสร็จ ก็เก็บสัมภาระ เก็บครัวกัน
เตรียมมาชมดาว 3 โลก ตามที่เค้าว่า..
เดินจากจุดพัก ไม่ไกลค่ะ ไม่ถึง 200 ม.
แต่อย่าลืม ไฟฉาย! เด็ดขาด
วันนี้ ได้เห็นดาว 2 ดาว คือ ... ดาวผืนดิน และดาวในน้ำ (ก็คือแสงจากเรือตกหมึก ค่ะ)
ส่วนอีกดาวที่เค้าว่าก็คือ ดาวแห่งท้องฟ้า นั่งรับลม ชมดาว กันสักพักนึง ก็แยกย้าย เตรียมเข้านอน
พี่เจ้าหน้าที่จับ ปูเจ้าฟ้า มาให้ดูค่ะ ดุมาก แต่ดูเสร็จก็รีบปล่อยเลย เพราะเป็นสัตว์อนุรักษ์
ซึ่งหายาก กล้ามปูจะเป็นสีอมม่วงๆ สวยมาก อะ...ปล่อยละ
เข้านอนกันค่ะ..
เช้ามารับกาแฟร้อนๆกัน
เวลา 6 โมงเช้าค่ะ อากาศ ดีมากกกก ก.ไก่ล้านตัว
ทานข้าว ทานกาแฟ ย่างไส้กรอกกันตรงนี้
เก็บสัมภาระ ทานข้าวเช้ากันค่ะ
เติมน้ำดื่ม ระหว่างทาง ทานได้ เย็นชื่นใจ แต่ต้องสำรวจภายในขวดดูก่อนว่ามีสิ่งสกปรกอะไรมั้ย
ระหว่างทาง มีน้ำตก ไหลลงไปข้างล่าง จะแวะเล่นน้ำก่อนก็ได้ค่ะ เย็นมากๆ
ใครสนใจ ลองไปเดินป่า ที่นี้
รับรองความสวย อาจจะไม่มากเท่าป่าอื่น แต่ความสนุก เต็มร้อยค่ะ ^^