Search and share travel destinations and experiences in Thailand Sign up Log in
    • Posts-1
    Anywhere For You •  January 23 , 2017

         

           สวัสดีครับ สำหรับในช่วงท้ายปี 2016 ที่ผ่านมา และช่วงต้นปี 2017 ปัจจุบันนี้ เส้นทาง Trekking ที่คงจะไม่ถึงก็คงไม่ได้นั่นก็คือ ‘เขาช้างเผือก’ ที่ได้กลับมาเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปพิชิตอีกครั้งหลังจากที่ฤดูกาลที่แล้วได้ปิดไป สาเหตุมาจากมีช้างป่าจากฝั่งพม่าเข้ามาหากิน แต่เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2559 ที่ผ่านมา ก็ได้มีประกาศเปิดเส้นทางศึกษาธรรมชาติเขาช้างเผือกขึ้นอีกครั้ง….โดยไฮไลท์ที่สร้างชื่อเสียงให้แก่เขาช้างเผือกมีชื่อระบือนาม นั่นก็คือ ‘สันคมมีด’ ซึ่งเป็นทางเดินแคบๆไปตามสันเขา โดยรอบข้างคือเหวทั้งซ้ายและขวา จากความสูงที่เห็นๆกัน นี่ถ้าไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตอ่ะครับ

     

    เอาล่ะ..เรามาดูระเบียบการขอจองขึ้นเขาช้างเผือกและข้อแนะนำกันดีกว่า

     

    1. จองวันที่จะขึ้นได้ล่วงหน้าไม่เกิน 7 วัน

    2. สามารถโทรจองได้ ที่เบอร์ 0 3451 0979 และ 09 8252 0359

    ตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น.

    3. สามารถจองได้ไม่เกิน 10 คน ต่อ เจ้าหน้าที่ 1 คน

    4. ต้องแจ้งชื่อ-นามสกุล หมายเลขบัตรประชาชนของทุกคนทันที แล้วจัดส่งเอกสาร(สำเนาบัตรประชาชน) ของทุกคนทาง

    E-mail : Thongphaphumoffice@gmail.com ภายใน 1 วัน

    5. ลงทะเบียนที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เวลา 07.00-08.00 น.

    6.ค่าบริการผ่านเข้าอุทยานแห่งชาติ ดังนี้

    - ค่าบริการสำหรับบุคคล 40 บาท (ผู้ใหญ่ชาวไทย)

    20 บาท (เด็กชาวไทย)

    - ค่าบริการสำหรับชาวต่างชาติ 200 บาท (ผู้ใหญ่ชาวต่างชาติ)

    100 บาท (เด็กชาวต่างชาติ)

    - ค่าบริการสำหรับยานพาหนะ

    รถยนต์ 30 บาท

    จักรยานยนต์ 20 บาท

    -ค่าบำรุงสถานที่พักกางเต็นท์ 30 บาท/คน/คืน

    7.เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย ๑ คน ต่อนักท่องเที่ยว 10 คน 1,800 บาท

    ลูกหาบ 1 คนจะแบกสัมภาระไม่เกิน 30 กิโลกรัม 1,300 บาท

    8. สำหรับอาหาร ควรเป็นอาหารที่ประกอบง่าย แนะนำเป็นแก๊สปิคนิคในการใช้ประกอบอาหาร

    9. สำหรับน้ำดื่มควรเตรียมคนละ 3 ลิตรขึ้นไป

    10. ห้องน้ำมีบริการที่บนเขา ลักษณะเป็นส้วมหลุม ควรเตรียมทิชชู่เปียกไปด้วย

     

    ข้อมูลข้างต้น ผมได้นำมาจาก Facebook fanpage ของทาง อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

     

    ทีนี้มาดูเทคนิคการจองของผมกันบ้างครับ

     

    เทคนิคการจอง

    1.ในกรณีที่รวมกลุ่มกันได้ 10 คน(หรือน้อยกว่านั้นก็ได้ แต่ไม่เกิน 10คน) ให้ตั้งกลุ่ม LINE และลงรายละเอียดชื่อและเลขบัตรประชาชน กำหนดวันจองให้เรียบร้อย พอถึงวันจองให้สมาชิกทุกคนช่วยกันโทรตั้งแต่ 8.00 ตั้งปณิธานในใจไว้เลยว่า "ถ้าโทรไม่ติด จะไม่หยุดโทร" โดยคนที่โทรติดจะต้องเป็นคนแจ้งชื่อและเลขบัตรประชาชนของสมาชิกทั้งหมดในกลุ่ม ภายในตอนนั้นเลยครับ

    2.กดโทรเรื่อยๆ อย่าให้ขาดสายเด็ดขาด ผมโทรประมาณ 250 กว่าสาย โดยโทรติดที่เบอร์ 034-510-979

     

          อย่างไรก็ตามถึงผมจะโทรติด แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่สามารถจอง 10 คนได้ ว่างแค่ 1 ที่ ผมเลยตัดสินใจขอไปก่อน เพราะเนื่องจากในสัปดาห์ต่อๆไปจนถึงช่วงที่ปิดเขาช้างเผือก ซึ่งส่วนมากจะเป็นวันที่ 31 มกราคม ผมจะไม่ว่างแล้ว(อย่างไรก็ตามยังไม่มีกำหนดการปิดที่แน่นอน ขอให้เข้าไปติดตามการอพเดทวันปิดฤดูกาลขึ้นเขาช้างเผือกได้ที่ Facebook fanpage ของทางอุทยานแห่งชาติทองผาภูมินะครับ)

    นี่จึงเป็นที่มาของทริปลุยเดี่ยวพิชิตเขาช้างเผือก ด้วยงบ 1,000 บาท ในครั้งนี้ครับ.....

     

    ถ้าชอบการรีวิวของผม เข้าไปกดLike และติดตามการเดินทางได้ที่เพจของผมนะครับ https://www.facebook.com/IWouldGoAnywhereForYou/

    • Posts-2
    Anywhere For You •  January 23 , 2017

    Day 1

           เริ่มเดินทางจากกรุงเทพฯ ผมขึ้นรถตู้ที่สายใต้ใหม่ ถนนบรมราชชนนี (ที่สายใต้มีเฉพาะรถตู้) รถออกรอบแรก ตี 5 ราคา 100 บาท หรือถ้าในกรณีที่อยู่ใกล์หมอชิต ไปขึ้นที่หมอชิตก็ได้ครับ มีให้เลือกทั้งรถตู้และรถทัวร์ รถใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งครับ คันของผมออกตี 5 ถึง บขส.กาญจนบุรี  ตอน 6.30 น.

           พอถึง บขส.กาญจนบุรี ต้องเดินทางต่อไปที่ตัวอำเภอทองผาภูมิ มีให้เลือกทั้งรถบัสประจำทางหวานเย็น ราคา 80 บาท และรถตู้ ผมเลือกรถตู้ของบริษัท เอเชียไทรโยค ราคา 110 บาท โดยรถเต็มเมื่อไรก็ออกครับ โดยคันของผมออกเวลาประมาณ 7.30 ถึงอำเภอทองผาภูมิ 9.00 น. ตอนรอขึ้นรถแวะซื้อของกินใน 7-11 กับหมูปิ้งกินรวมกันแล้ว 50 บาท นํ้าเปล่าขวดใหญ่ 14 บาท

           ถึงตัวอำเภอทองผาภูมิ สำหรับใครที่ยังไม่ได้ตุนเสบียงมา ก็สามารถมาซื้อตุนที่นี่ได้ตามสะดวกครับ เพราะรถจะมาจอดใกล์ๆกับตลาดทองผาภูมิ

            การจะเดินทางจากอำเภอทองผาภูมิ ไปยังอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิหรือบ้านอีต่อง จะมีรถสองแถวสีเหลืองอยู่ครับ มี 2 รอบ คือ 8.30 และ 12.30  อาจจะมีเสริมเป็น 3 รอบ ถ้าเป็นช่วงหยุดยาวหรือเทศกาลครับ อย่างไรก็ตามรถเต็มเร็วมาก ควรรีบไป หรือถ้าไปไม่ทัน ใช้วิธีโบกรถเอาเลยครับ มีรถนักท่องเที่ยวและชาวบ้านขึ้นลงเส้นนี้พอสมควร

             ตอนรถสองแถวออกออก รถได้วิ่งย้อนกลับไปทางแยกที่ไปสังขละบุรี ผมก็งงว่าวิ่งย้อนกลับไปทำไม แต่ก็คิดขึ้นมาได้ว่า หลังจากตัวเมืองทองผาภูมิไปจนถึงบ้านอีต่องและอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จะไม่มีปั๊มนํ้ามันแล้วครับ ปั๊มสุดท้ายคือปั๊ม ปตท. ก่อนจะถึง 3 แยก ที่ไปทองผาภูมิหรือสังขละบุรี

             ตรงจุดนี้ถ้าใครขับรถมาเอง ให้แวะเติมนํ้ามันให้พอกับการเดินทางขึ้นไปบ้านอีต่องด้วยนะครับ ตอนที่ผมอยู่ที่ทองผาภูมิ ก็มีคนโบกรถลงมาจากบ้านอีต่องเพื่อลงมาหาที่กางเต๊นท์นอน เพราะนํ้ามันใกลืหมดครับ ต้องเซพไว้ (คือลงมานอนที่อุทยานทองผาภูมิ และพรุ่งนี้เช้าจะกลับขึ้นไปเที่ยวที่อีต่องน่ะครับ)

                                           สำหรับผมถึงจะทันรถรอบแรกแต่ก็ไม่มีที่นั่งพอครับ ต้องโหนท้ายรถขึ้นไปแบบนี้

                 รถออกจากตัวอำเภอทองผาภูมิ ประมาณ 9.50 และถึงอุทยานทองแห่งชาติทองผาภูมิเวลาประมาณ 12.30

             ที่อุทยานทองผาภูมิ เราสามารถลงทะเบียนขึ้นเขาช้างเผือกในวันพรุ่งนี้ได้เลยครับ ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาในตอนเช้าวันพรุ่งนี้ โดยเสียค่าใช้จ่ายเป็นค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 200 บาท ค่ากางเต๊นท์ 2 คืน 60 บาท (กางเต๊นท์นอนที่อุทยาน 1 คืน บนเขาช้างเผือกอีก 1 คืน)

            ที่นี่จะมีเจ้านกเงือก 2 ตัวนี้ คอยมารับแขก ไม่ตื่นคนเลย สามารถให้อาหารที่เจ้าหน้าที่จัดไว้กับพวกเขาได้ครับ

    หลังจากนั้นก็เลือกได้ครับว่าจะไปนอนที่ไหน มีตัวเลือกดังนี้

    1.กางเต๊นท์ที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ 

    2.กางเต๊นท์ที่เนินช้างศึก(ต้องโบกรถไป)

    3.กางเต๊นท์ที่ สภ.ปิลีอก บ้านอีปู่

    4.กางเต๊นท์หรือนอนโฮมสเตย์ที่บ้านอีต่อง 

                 ถ้าให้แนะนำว่านอนที่ไหนดีสำหรับคนไม่มีรถ ก็ไปนอนที่บ้านอีต่องเลยครับ เพราะเป็นจุดเริ่มเดินขึ้นเขาช้างเผือก หรือนอนที่อุทยานทองผาภูมิก็ได้ครับ แล้วเช้าก็ขอติดรถนักท่องเที่ยวหรือเจ้าหน้าที่มาที่อีต่อง อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิอยู่ห่างจากบ้านอีต่อง 8 กิโลเมตร ส่วนสภ.ปิล้อก บ้านอีปู่ ก็ไปนอนได้ครับ อยู่ก่อนถึงบ้านอีต่องประมาณ 3 กิโลเมตร รถที่จะไปบ้านอีต่องทุกคัน ต้องผ่านบ้านอีปู่ ส่วนเนินช้างศึกไม่ค่อยแนะนำเท่าไร ถ้าไม่มีรถ เพราะอยู่ห่างจากถนนเส้นหลักเข้าไปอีกครับ

            สำหรับตัวผมเลือกนอนที่อุทยานทองผาภูมิ(เพราะขี้เกียจไปไหนแล้วครับวันนั้น 55555) ที่อุทยานจะมีจุดชมวิวทะเลหมอกในตอนเช้าได้ แล้วมีจุดชมวิวเขาช้างเผือก ซึ่งจะเห็นเขาช้างเผือกทั้งเทือกเลยครับ(มาถ่ายรูปตอนแสงเย็นสาดใส่เขาช้างเผือกจะสวยมาก ผมเสียดายที่ตอนนั้นถ่ายไม่ทัน)

             อีกอย่างนึงคือ ที่โรงอาหารของอท.ทองผาภูมิ มี free wifi ด้วยครับ แต่ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง หรือเพราะช่วงที่ผมไปคนใช้เยอะก็ไม่รู้ 55555 ลืมบอกไปว่า ผมกินข้าวเที่ยง และ ข้าวเย็นที่โรงอาหาร อททองผาภูมิ (เป็นข้าวราดแกง+ตามสั่ง) มื้อละ 50 บาท รวมเป็น 100 บาท

             

     

                                               สำหรับคืนนี้ก็มีที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ สามารถนอนดูดาวได้ฟินๆแบบนี้ล่ะครับ

    ______________________________________________________________________________

     

    สรุปงบวันที่ 1

    ค่าเดินทาง 100 + 110 + 70 = 280 บาท

    ค่าอาหาร 64 + 50 + 50 = 164 บาท

    ค่าเจ้าหน้าที่นำทางขึ้นเขาช้างเผือก = 200 บาท

    ค่ากางเต๊นท์ที่อุทยานทองผาภูมิ 1 คืน = 30 บาท

    ค่ากางเต๊นท์ที่เขาช้างเผือก 1 คืน = 30 บาท

     

    รวม = 704 บาท

    ______________________________________________________________________________

     

    • Posts-3
    Anywhere For You •  January 23 , 2017

    Day 2

     

     

           ตื่นนอน 6.30 รีบเก็บเต๊นท์ แล้วโบกรถไปบ้านอีต่อง ผมได้เป็นรถของพี่เจ้าหน้าที่ที่ประจำป้อมตรวจคนก่อนขึ้นเขาช้างเผือก

          แวะกินข้าวไข่เจียวทรงเครื่องพิเศษที่บ้านอีต่อง 35 บาท และสั่งข้าวกระเพราไก่ไข่ดาวใส่ถุง ไปเป็นข้าวเที่ยง 40 บาท และซื้อมาม่า 2 กระป๋องไว้กินเป็นมื้อเย็นและมื้อเช้าบนเขา นํ้าขวด 1.5 ลิตร 2 ขวด นํ้าขวดเล็ก 500 มิลลิลิตร รวมกันประมาณ 70 บาท

    *ควรเตรียมนํ้าดื่มไปคนละ 3 - 4 ลิตรครับ 

             สำหรับคนที่จะไม่แบกของเอง เราสามารถมาหาลูกหาบได้ที่จุดเริ่มเดินตรงบ้านอีต่องครับ ลูกหาบ 1 คนแบกสัมภาระ ได้ 30 กิโลกรัม ราคา 1,300 บาทครับ ตรงส่วนนี้ผมแบกเองเลยไม่มีค่าใช้จ่าย

    เริ่มออกเดินพอได้เหงื่อ ก็จะเจอกับป้อมตรวจ เพื่อเช็กว่าเราได้ลงทะเบียนมาจริงๆ ไม่ได้แอบเนียนมา

    ทางเดินช่วงแรกๆ ยังอยู่ในร่มไม้ครับ เดินกันสบายๆ แดดไม่ร้อน ลมพัดมาเรื่อยๆ 

    ถ้าเจอลูกหาบเดินสวนมา ช่วยหลบเข้าข้างทางให้พวกเขาด้วยครับ เพราะเขาแบกของกันมาหนักมาก

    เดินไปเรื่อยๆ ข้างๆทางเริ่มเปิดโล่งขึ้นครับ ระดับหญ้าค่อนข้างไม่สูงเท่าไร แดดก็เริ่มร้อนขึ้นตามลำดับ

    แล้วเราก็มาถึงจุดพักแรกครับ แต่พักกันไม่นานเท่าไร เพราะจุดนี้ที่หลบแดดแทบจะไม่มีเลย

         จุดพักที่สอง

            จุดพักที่สาม หุบชะนี จุดนี้ เมื่อเรามองไปอีกฝั่ง จะมองเห็น จุดกางเต๊นท์ ทางขึ้นไปสันคมมีดและยอดสูงสุดของเขาช้างเผือกครับ

            จุดกางเต๊นท์คือจุดที่เว้าลงไปตํ่าสุด ฝั่งด้านซ้ายในภาพ สันคมมีดคือจุดที่เป็นหยักๆ บริเวณกลางภาพ ส่วนยอดสูงสุดเขาช้างเผือกอยู่ทางขวามือที่มีทางเดินขึ้นไป

            

    เดินไปอีกสักพักก็จะเจอจุดพักสุดท้าย ดงไผ่

    เดินต่อไปอีกไม่ไกลก็จะเจอกับเขาลูกสุดคือ เขาช้างน้อย ข้ามเขาลูกนี้ไปได้ก็ถึงจุดกางเต๊นท์ล่ะครับ

    ช่วงที่กำลังจะลงจากเขาช้างน้อย เพื่อไปที่จุดกางเต๊นท์ ก็จะเจอวิวแบบนี้ครับ

           ทางลงจากเขาช้างน้อยไปยังจุดกางเต๊นท์ค่อนข้างชันมาก ต้องมีการปักเชือกไว้ให้เกาะกันเลย ผมว่าดูๆไปน่ากลัวกว่าตอนข้ามสันคมมีดอีกนะ

    พอลงมาสิ่งที่เจอน่ากลัวกว่าสันคมมีดอีก นั่นก็คือ "ห้องนํ้าเขาช้างเผือก"

            สรุปใช้เวลาจากจุดเริ่มเดินที่บ้านอีต่อง จนถึงจุดกางเต๊นท์บนเขาช้างเผือก ประมาณ 3 - 4ชม.ครับ ผมเริ่ม 9.00 ถึงจุดกางเต๊นท์ 12.30 จากนั้นก็นั่งเปื่อยครับ กางเต๊นท์ กินข้าวเที่ยง นอนรอจน 16.00 เจ้าหน้าถึงจะเริ่มให้ขึ้นเขาช้างเผือก

    • Posts-4
    Anywhere For You •  January 23 , 2017

    พิชิตเขาช้างเผือก

            ถ้าสภาพอากาศเป็นใจ เจ้าหน้าที่จะให้เดินขึ้นยอดเขาช้างเผือกเวลา 16.00 (เรียกให้เตรียมตัวตอน 15.30)  ระยะทางอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร ที่เราจะไม่มีวันลืม… เพราะก่อนจะถึงยอดเขาช้างเผือก จะต้องผ่าน ‘สันคมมีด’ ในตำนานซึ่งเป็นทางเดินแคบๆ ซ้ายก็เหว ขวาก็เหว

    *จากจุดกางเต๊นท์ไปยอดเขาช้างเผือกควรเตรียมนํ้าดื่ม + ไฟฉายไปเผื่อด้วยครับ

    ข้างล่างนี้คือVideo ตอนข้ามสันคมมีดครับ

    https://www.facebook.com/IWouldGoAnywhereForYou/videos/1896464277256039/

    ผ่านสันคมมีดไป เดินต่อไม่ไกลก็จะถึงยอดเขาช้างเผือกแล้วครับ

           ถึงยอดเขาช้างเผือก ถ่ายรูปคู่กับป้ายผู้พิชิตยอดเขาช้างเผือก ชมวิว 360 องศาบนยอดครับ โดยส่วนมากเจ้าหน้าที่จะไล่ให้เดินลงจากยอดเขาช้างเผือกประมาณ 5.30 น.ครับ

                เมื่อหันหลังกลับไปมองทางที่ผ่านมา

    จากนั้นก็เดินกลับจุดกางเต๊นท์ครับ แน่นอนว่า ต้องผ่านสันคมมีดอีกรอบ

    ถึงจุดกางเต๊นท์ก็กินอาหารเย็นกันครับ ผมไปขอนํ้าร้อนจากกลุ่มลูกหาบมาต้มมาม่าคัพ

           คืนนี้ก็นอนดูดาวกันไปครับ ข้างบนสามารถเห็นดาวได้ถนัดตาดีจริงๆ แต่ลมจะแรงมาก พัดมาทีนี่ผมนึกว่าเสียงคลื่นสึนามิ ตอกสมอบกของเต๊นท์ให้ดีๆ

    ______________________________________________________________________________

    สรุปค่าใช้จ่ายวันที่ 2

    ค่าอาหาร 35 + 40 + 70 = 145 บาท

     

    รวม 849 บาท

    ______________________________________________________________________________

    • Posts-5
    Anywhere For You •  January 23 , 2017

    Day 3

            เริ่มเดินลงตอน 7.30 ถึงบ้านอีต่องประมาณ 11.30 ที่อีต่องจะมีบริการห้องนํ้าตามร้านค้าหรือโฮมสเตย์ต่างๆ ราคา 10-20 บาท แล้วแต่ที่ครับ หรือถ้าจะอาบฟรีก็ไปอาบที่ สภ.ปิล๊อก หรือที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ส่วนผมไม่ได้อาบครับ กลับไปอาบที่กรุงเทพฯเลย

     

                 อ่อ อย่าลืมแวะเอาประกาศนียบัตร ‘ผู้พิชิตเขาเผือก’ ที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิด้วยครับ

              จากบ้านอีต่อง - ตัวเมืองทองผาภูมิมีรถแค่รอบ 8.30 น. ครับ ดังนั้นไม่มีทางทันแน่นอน ใช้วิธีโบกรถลงมาเลยครับ สำหรับตัวผม ขอติดรถกับกลุ่มพี่ๆที่ขึ้นเขาช้างเผือกวันเดียวกัน ไปลง บขส.กาญเลย สำหรับอาหารเที่ยงผมแวะซื้อของกินง่ายๆที่ 7-11 ตอนที่พี่เขาแวะปั๊ม รวม 45 บาท

     

                 ที่บขส.กาญ ซื้อตั๋วรถตู้กาญจนบุรี - สายใต้ใหม่ (ของวิน Happy) สายใต้เก่า ราคา 100 บาท  แต่ได้นั่งรถทัวร์แทนครับ ใช้เวลาประมาณ 2ชั่วโมง จากบขส.กาญจนบุรี ถึงสายใต้ใหม่ ครับ ก็เป็นอันจบทริปนี้

    ______________________________________________________________________________

    สรุปค่าใช้จ่ายวันที่ 3

    ค่าอาหาร 45 บาท

    ค่ารถทัวร์จากบขส.กาญจนบุรี - สายใต้ใหม่ 100 บาท

     

    รวม 994 บาท