หากมีวันหยุดสัก 3-4วัน เกาะหวายนี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ ด้วยระยะทางและค่าใช้จ่าย ถือว่าคุ้มค่ากับการออกมาเปิดโลกมาก เลยอยากบันทึกความรู้สึกกึ่งรีวิวเล็กๆน้อยๆที่อาจจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านคะ
13 กุมภาพันธ์ 2557
ทริปชวนฝันในวันหยุดยาวเข้าสู่ฤดูร้อนที่มาจะมาถึงในไม่ช้านี้...รอทำไมอยู่เล่า เอ๊า..กระโดดขึ้นเรือแล้วไปเล่นน้ำป๋อมแป๋มกันเลย จุดหมายปลายทางอันแสนสุขของเรา อยู่ที่สุดแดนบูรพา นั่นคือจังหวัดตราดนั่นเอง ที่แห่งนี้มั่งมีไปด้วยเกาะน้อย ใหญ่ ให้ได้เลือกไปนอนอาบแดด แล่นเรือ จ้ำจี้ ดีด๊ากันได้สนุกสุดเหวี่ยง แน่นอนว่าเกาะช้างเป็นเบอร์ต้นๆที่ทุกคนนึกถึง แต่ทริปชวนฝันของเราขอผ่าน ปล่อยความรื่นเริงแสงสีเอาไว้ แล้วมามุ่งสู่ความสงบเรียบง่ายภายใต้ผืนน้ำสีคราม ณ ที่แห่งนี้ เกาะหวาย รายรอบไปด้วยแนวปะการัง และสัตว์น้ำน่ารัก และเราก็ได้เวลาออกเดินทาง ด้วยรถยนต์ส่วนตัวด้วยระยะทาง สามร้อยกว่ากิโลเมตร ไปตามทางหลวงพิเศษ (Motor Way) และมาออกที่เส้นทางบ้านบึง-แกลง-จันทบุรีและเข้าสู่จังหวัดตราด
ระยะการเดินทางนั้นเรียกว่าไม่ใกล้และไม่ไกล เลยทีเดียวนัก สายลมอุ่นๆและแสงแดดแผดจ้า บ่งบอกว่าเราได้มาถึงดินแดนแห่งน้ำทะเล หอประภาคารสีแดงสลับขาวสูงเด่นพร้อมป้ายสุดแดนบูรพา รอต้อนรับการมาเยือนของเรา เชยชมได้สักครู่ก็ได้เวลาต้องไปขึ้นเรือ ที่นี่มีรับฝากรถอยู่ตรงทางเข้าไปยังท่าเรือกรมหลวงชุมพร เราได้เลือกฝากรถไว้กับบ้านของคุณลุง...เราจอดไว้3วัน ด้วยราคา150 บาท แถมบริการไปส่งให้ถึงท่าเรือซี่งอยู่ใกล้ๆกัน มาถึงท่าเรือแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดสะท้อนท้องทะเลเป็นประกายวิบวับ ชวนให้เก็บภาพบรรยากาศบริเวณรอบๆท่าเรือ เราซื้อตั๋วเรือสปีดโบ้ท ไปเกาะหวายด้วยราคา 450 บาทต่อคน ใช้เวลาโต้ลมดิ่งสู่เกาะหวายประมาณ 1ชั่วโมงได้ เราก็มาถึงที่หมายพร้อมดวงตะวันยอแสงคลอเคลียกับปุยเมฆสีฟ้าที่บัดนี้เจือไปด้วยสีส้มอมเหลือง เมื่อรวมเข้ากันภาพเบื้องล่างที่เป็นน้ำทะเลฟ้าใส แหมม..มันช่างสวยงามจับใจจริงๆ
ห้องพักบนเกาะหวายก็มีหลายราคาตั้งแต่ คืนละหลายพันยันสามร้อย เลือกกันได้ตามสไตล์การเที่ยว นอนเปลี่ยวๆก็ยังหายุงเป็นเพื่อนคุยได้ เราเลือกพักที่ปะการังรีสอร์ท แต่ละห้องเรียงรายหันหน้าออกสู่ทะเลเป็นแนวตามไปตามชายหาด มีทั้งห้องพัดลมและห้องแอร์ สะดวกในการใช้ไฟฟ้าเพราะมีตลอด 24ชม. ส่วนห้องพักของเรานั้นเป็นบ้านสำหรับ2คน ด้วยราคา 600 บาทต่อคืน เป็นห้องพัดลม ที่ไม่ได้มีการตกแต่งอันใดเลยอาจจะดูจืดชืดไปสักหน่อย แต่เห็นวิวด้านนอกแล้วก็คุ้มไม่น้อย สำหรับการพักผ่อน 3คืนเต็ม
อาหารมื้อแรกของเราในคืนนี้ไม่พ้นปูและกุ้ง แต่ทีเด็ดอยู่ที่ผัดเนื้อมะพร้าวใส่กุ้ง รสชาติหวานลิ้นติดปากดีทีเดียว ฟ้ามืดลงแล้ว มองดูบรรยากาศรอบตัว นักท่องเที่ยวนี่ส่วนใหญ่ก็เป็นชาวต่างชาติ นั่งทานอาหาร จิบเบียร์ เคล้ากันไป เพลิดเพลินตามอัธยาศัย ส่วนเราก็หาที่นั่งคุยเล่นตามประสา....สองเท้าเดินมาสุดปลายสะพานเทียบเรือ มีเพียงดวงไฟเล็กๆกับความเงียบของค่ำคืน เป็นเกาะที่เงียบสงบดีจริงๆ เพราะรีสอร์ทอื่นๆ เค้ามีไฟใช้กันแค่ สี่ห้าทุ่มเท่านั้น แทบไม่ได้ยินเสียงอื่นใด นอกจากเสียงน้ำไหวๆใต้ไม้กระดานที่นั่งอยู่ แอบกดปุ่มเซฟบรรยากาศเก็บไว้ในห้วงทรงจำ เผื่อวันข้างหน้าได้พลิกย้อนมาระลึกถึง…
14 กุมภาพันธ์ 2557
เสียงนาฬิกาปลุกดังแปลกๆไป คล้ายเสียงน้ำเม็ดใหญ่ๆหลายล้านเม็ดกระทบหลังคา ซู่... สะดุ้งกับการต้อนรับเช้าวันแรกที่เกาะหวาย ด้วยสายฝน เปิดประตูดูอากาศด้านนอก แล้วอิดออดลงไปนอนต่อแหม...เย็นสบายดีจัง ไม่นานนักเสียงที่หนักก็บางลง เหลือเพียงหยดน้ำแหมะๆ เมื่อฟ้าเปิดเป็นใจ ได้เวลาเริงร่า ก็คว้าเสื้อชูชีพ และสน๊อกเกิ้ล ที่มีไว้ให้เช่าไปดำน้ำ ดูปะการัง ค่าเช่าก็ประมาณ 50บาทต่ออุปกรณ์ 1ชิ้น แต่อากาศวันนี้ไม่เป็นใจนัก แสงอาทิตย์ไม่ค่อยสดใส ลำแสงส่องไม่ถึงปะการัง แต่ความใสของน้ำนั้น แจ๋วเลย....ไม่ลืมเตรียมขนมปังมาล่อปลา แต่ทำแบบนี้เค้าบอกว่าระบบนิเวศจะเสียหาย แต่ก็ยังไม่วายอยากให้ปลาน้อยใหญ่มาอยู่รอบตัวเราอยู่ดี เป็นที่ตื่นตาและสนุกเป็นที่สุด
บริเวณสะพานเทียบเรือหน้าหาดช่วงสายจนถึงบ่ายจะมีเรือจากทัวร์ดำน้ำท่องเที่ยวทยอยมากันไม่ขาดสาด เป็นที่ครึกครื้นมากๆ ซึ่งหาดที่นี้โดดเด่นในความสวยงามของปะการัง เป็นจุดที่ผู้คนลงดำน้ำชมความงามจำนวนมาก ทำให้สีสันบนพื้นน้ำดูสดใสไปด้วยสีส้มที่ลอยตุ๊บป่องอยู่กลางทะเล หงายฝามือดูนิ้วเหี่ยวๆ ถึงรู้ว่าเราอยู่ในน้ำจนลืมเวลา พอขึ้นจากน้ำปั๊บก็แสวงหาอาหารกันอิ่มเปรม ตกเย็นเดินตามชายขอบของเกาะอีกทางนึง ผ่านดงต้นไม้ใบหญ้าที่จับตัวด้วยต้นมอสเขียวอี๋สีสด จะพบ “กระท่อมยายมา” ที่พักอีกแห่งของเกาะ ลักษณะเป็นบ้านบังกะโลดิบๆ แทรกตัวอยู่ในเงาของต้นมะพร้าวสูงชะลูด..เห็นแล้วน่ามาเอนกายอยู่ไม่น้อย ด้วยราคาเป็นมิตร เหมาะมากสำหรับผู้รักความเป็นส่วนตัวขั้นสุด!
หลังจากทอดน่องแถวชายหาด และสะพานเทียบเรือ บริเวณกระท่อมยายมา ได้สักพัก ท้องฟ้าก็เริ่มย่างเข้าสู่ความมืด สีน้ำเงินเข้มเริ่มเคลือบลงบนผืนฟ้า แสงเหลืองนวลของพระอาทิตย์เริ่มจากหาย มาพร้อมกับเสียงท้องร้องว่าได้เวลาอาหารเย็นแล้วซิ ...เลยขอฝากท้องไว้กับกระท่อมยายมาซะเลย ระหว่างรอคุณลุงผู้ดูแลที่นี้ก็ชี้ชวนให้ชื่นชมกับปลาเก๋าตัวยักษ์ที่อยู่ในกระชังด้านล่าง แถมยังมีประหมึกสดๆที่เพิ่งตกมา หืมม..แล้วก็พึงให้สงสาร แต่ทีเด็ดที่คุณลุงนำเสนอ แน่นิ่งอยู่ตะกร้าด้านล่าง นั่นคือหอยเชลล์ ฝาหอยใหญ่กว่าฝ่ามือ สีน้ำตาลอ่อนเจือชมพูนิดๆ นอนนิ่งอยู่ในน้ำ เลยสงสัยว่าหอยเชลล์นี้มันว่ายน้ำยังไงเกิดมาไม่เคยเห็น...คุณลุงแกเลยหยิบเชือกสาวตะกร้าขึ้นจากน้ำแล้วโยนลงไป นั้นไงหอยว่ายน้ำ...ฮ่าๆๆ หอยเชลล์พากันอ้าฝาหอยดัง “กับๆๆ” ตัวของมันก็ลอยอ้าปากอยู่ผิวน้ำ แต่ถ้ามันไม่ได้อยู่ในตะกร้า มันคงว่ายน้ำไปไกลแล้วว...เราก็อดกิน!
กลิ่นหอมจากเมนูที่สั่งไว้เมื่อสักพักใหญ่ ได้มาอยู่บนจานตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว และหนึ่งในจานนั้นก็เป็นหอยเชลล์ที่ว่ายน้ำกับๆๆเมื่อตะกี้นี้เอง...อั้มมม เนื้อมันกรุบๆแน่นๆ หอมอร่อยแท้ อีกทั้งปลาหมึกสดที่นำมาผัดนั้นเรียกว่าลืมความสงสารไปชั่วขณะ.. ติดอกติดใจจนต้องฝากฝังไว้ว่าพรุ่งนี้จะมาทานอาหารที่นี้อีก แหมมอร่อยแถมได้บรรยากาศกันเองแบบนี้ ใครมาก็ติดใจ หมดวันวาเลนไทน์ในค่ำคืนนี้ จะมีอะไรดีไปกว่าได้อยู่กับคนที่รัก และสัมผัสธรรมชาติแบบเต็มอิ่ม เดินกลับจากกระท่อมยายมาด้วยความสุขใจ เก็บเรื่องราวและภาพถ่ายลงเมมโมรี่ ฉายไฟเดินลัดเลาะตามดงต้นไม้อันมืดมิด กลับมายังที่พัก หลับตาพริ้มนอนด้วยจิตใจสงบและเป็นสุข ....ราตรีสวัสดิ์ วาเลนไทน์
15 กุมภาพันธ์ 2557
เสียงน้ำตกกระทบหลังคาดังรัวเป็นระรอก เป็นเช้าอีกวันนึงที่อดเชยชมพระอาทิตย์แหวกทักทายขึ้นกลาทะเลแต่ถึงแม้ว่าอากาศจะผันแปรอย่างไร ฝนจะเทแค่ไหนก็ไม่ทำให้ความสุขในการอยู่ที่นี่ลดลงเลย กลับได้บรรยากาศไปอีกแบบ...ฟ้าสีหม่นเทาคลุมทั่วทั้งเกาะ เมื่อคล้อยฝนความเบิกบานก็เข้ามาแทนที่ความเอื่อยเฉื่อย สะพายกล้องออกท่องเกาะกันอีกครั้ง มาตามแนวป่าสลับโขดหิน ชมท้องน้ำฟ้าใสมาเรื่อยๆ จะเป็นแนวที่พักของกู๊ดฟิลลิ่ง คือมันกู๊ดฟิลลิ่งจริงๆด้วย ที่พักราคาหลักร้อย แถมได้วิวทะเลส่วนตัวอีกต่างหากมันจะไม่กู๊ดได้ไงจริงมั้ย...
ถัดมาเป็นแนวชายหาด เม็ดทรายขาวละเอียดทอดยาวขนานไปกับต้นมะพร้าวเอนไหว ท้าลมร้อน แสงแดดเริ่มแรงจ้า คับผิวขาวสาวฝรั่งผู้เผยร่างสะพรั่งด้วยบิกินี่สีสด แอบตื่นตาไม่น้อยกว่าโลกใต้น้ำเลยทีเดียว ที่หาดตรงนี้เป็นที่พักของเกาะหวายพาราไดซ์เต็มไปด้วยชาวต่างชาติ นอนอาบแดด บ้างอ่านหนังสือ เล่นน้ำ หลากหลายกิจกรรม ส่วนราคาที่พักถูกสุดๆก็เป็นหลักร้อย บ้านบังกะโลหลังคามุงจากได้อารมณ์ทะเล ส่วนห้องน้ำนั้นเป็นแบบรวม ไฟฟ้ามีบริการถึง5ทุ่มเท่านั้น ด้านอาหารการกินนั้นก็มีพร้อมไว้บริการ สะพานเทียบเรือตรงจุดนี้ก็มีเรือทัวร์ดำน้ำแวะเวียนผลัดเปลี่ยนกันพาลูกทัวร์มาหรรษากับการดำน้ำอยู่เรื่อยๆ จะวุ่นวายเยอะแยะอยู่สักพัก พอได้เวลากลับ ชายหาดก็เงียบเชียบลงอีกครั้ง...
หอมปากหอมคอกับวิวที่นี้ไม่พอขอกลับไป กระท่อมยายมาอีกครั้ง เพราะติดใจรสมือปรุงอาหารของคุณป้าแม่ครัว และหาที่ดำน้ำตื้นตรงหาดบริเวณนี้ เพราะเงียบสงบไร้ผู้คน มีเพียงฝรั่งร่างใหญ่แหวกว่ายอยู่ผิวน้ำใสให้สบายใจอยู่คนเดียว ...เหลียวซ้ายแลขวา เห้ยยมันไม่มีผู้คนจริงๆ ผิดกับบรรยากาศ เมื่อสักครู่
เราก็ได้พบคุณลุงใจดีอีกครั้ง แกหยิบสน๊อกเกิ้ลคู่กาย อาสาพาไปชมโลกใต้ทะเลแบบส่วนตัว ไม่รีรอรีบดิ่งลงน้ำตามไปให้ไว ไม่นานนักโลกลึกลับแห่งท้องทะเลก็ปรากฏขึ้น เหนือคำบรรยายใดๆต้องมาให้เห็นกับตาตัวเอง สารคดีที่ว่าภาพสวยแล้ว ของจริงภายใต้สน๊อกเกิ้ลของเรานั่นยิ่งกว่า คุณลุงพาให้เราพบปะทักทายกับบรรดาปะการังหลากหลายสีสันที่โอนเอนพริ้วไหวเป็นท้วงท่าราวกับว่าหยอกล้อฝูงปลาน้อยๆที่ว่ายวนเวียนอยู่รอบๆตัวของมัน แต่ที่สะดุดตานั่นคือหอยมือเสือที่มีขนาดอันใหญยักษ์ แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของทะเลตราด เหล่าธรรมชาติที่อยู่เบื้องล่างตัวเรานั้นทำให้ชวนพิศวง แต่ละชีวิตดำเนินไปตามวิถีทางของมัน เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เราได้มาพบเห็นความเป็นอยู่ของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ ในขณะที่มันไม่ได้รับเชิญจากธรรมชาติให้สามารถขึ้นมายลโลกบนบกได้ โลกเราได้สร้างสมดุลบางอย่างไว้ช่างแปลกใจจริงๆ หมดห้วงเวลาความสุขกับพื้นน้ำ เพราะสภาวะร่างกายเริ่มไม่อำนวย ขอบคุณคุณลุงสำหรับการเปิดโลกใต้น้ำให้เราสัมผัสแบบเต็มอิ่มประทับจิตลงไปไม่รู้ลืม นอกจากสนุกสนานแล้วสิ่งที่เราสัมผัสได้คือน้ำจิตน้ำใจที่เป็นมิตรกับทุกคน และทุกสิ่งรอบตัว ความโอบอ้อมอารี ความรัก ความห่วงใยธรรมชาติบ้านเกิดของคุณลุงที่ส่งผ่านคำบอกเล่าและรอยยิ้มเปี่ยมสุข ทำให้ค่ำคืนของวันนี้มีความหมายและคุณลุงได้มอบความเบิกบานให้กับหัวใจของเราทุกคน ผมสยายพริ้วลอยลม เหม่อแหงนมองแสงดาวระยิบบนท้องฟ้าอาจไม่สวยงามหากขาดท้องทะเล ดุจเป็นคู่สะท้อนประกายความงามระหว่างผืนน้ำและแผ่นฟ้า ให้แก่กันและกัน
16 กุมภาพันธ์ 2557
บอกลาเกาะชวนฝันด้วยสายลมเย็นเคล้าบรรยากาศลมฝนได้เวลากลับไปสู่โลกสังคมเมืองอันวุ่นวาย ฝนพรำๆ เหมือนน้ำวิเศษจรรโลงจิตใจให้สดใสผ่อนคลาย เป็นแรงใจขับเคลื่อนให้พลังชีวิตดำเนินต่อไป เรือลำใหญ่มาตามนัดเวลาประมาณ 10โมงเช้า
ก้าวเท้าเหยียบกาบเรือหาที่นั่งกันตามสบาย ราคาเรือธรรมดาคนละ300 บาท มีบริการวันละหนึ่งเที่ยวเท่านั้น มุ่งหน้าสู่ท่าเรือแหลมงอบ(ท่าเรือกรมหลวงชุมพร) นั่งชมวิวสองข้างทางผ่านทิวแถวเกาะง่าม ซึ่งเป็นเกาะสองเกาะถูกเชื่อมไว้ด้วยหาดทรายขาว ผ่านเกาะช้างที่ใหญ่โตเขียวเข้มสะดุดตา สายลมพัดพาละอองฝนมาประพรมลงตามเนื้อตัว นั่งเพลินจนเผลอหลับไปด้วยอากาศเย็นกายสบายตัว
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2ชั่วโมงกว่าๆ ลืมตาขึ้นมาก็เห็นแผ่นดินอยู่รำไร ว้า...ยังไม่อยากจากอากาศแบบนี้ไปไหนเลย ได้แต่จดบันทึกความรู้สึกเก็บไว้ในความทรงจำ อมยิ้มกับภาพถ่ายหลายร้อยภาพที่บันทึกจังหวะชีวิต ชวนให้คิดถึงช่วงเวลาวันหยุดสุดสัปดาห์อันน่าประทับใจ แสงอาทิตย์เจิดจ้ายังคงรอให้เรามาพบกับธรรมชาติรื่นรมย์ต่อไปในทริปหน้าอีกแน่นอน.....