ตะลุยเส้นทางศึกษาธรรมชาติชมพูภูคา ตามหาดอกไม้แห่งล้านนาตะวันออก
หนึ่งในภาระกิจแห่งฤดูหนาวที่ทำให้เราต้องเริ่มออกเดินทางกันอีกครั้งก็คือ การตามหาดอกไม้สีชมพูแห่งเมืองล้านนาตะวันออก ซึ่งถ้าอยากจะเห็น “ดอกชมพูภูคา” ให้เต็มตา จุดหมายของการเดินทางก็คงเป็นที่อื่นไปไม่ได้นอกจาก “อุทยานแห่งชาติดอยภูคา” สถานที่หนึ่งเดียวในโลกที่มีต้นชมพูภูคา พันธุ์ไม้หายากที่ใกล้จะสูญพันธุ์ให้เราได้ชื่นชม
และอย่างที่บอกไว้แล้วว่า “ต้นชมพูภูคา” เป็นไม้หายากใกล้สูญพันธุ์ ภาระกิจพิชิตดอกชมพูภูคาจึงต้องออกแรงขยับแข้งขาเดินไปตาม “เส้นทางศึกษาธรรมชาติ” กันซักหน่อย หลังจากติดต่อ ณ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยภูคาแล้ว เราก็ได้น้องๆ มัคคุเทศน์ท้องถิ่นตัวน้อยมาเดินนำทาง 2 คน ถึงแม้ว่าน้องโจ้และน้องวีจะเป็นเพียงนักเรียนชั้นประถม แต่รับรองว่าความรู้รอบตัวในป่าตามเส้นทางศึกษาธรรมชาตินั้นไม่เป็นรองใครแน่นอน เพราะทั้งสองคนได้รับการฝึกฝนจากเจ้าหน้าที่อุทยานเป็นอย่างดี แถมยังมีชั่วโมงบินมากว่า 5 ปีแล้ว งานนี้เราจึงทำตัวกลมกลืนตีซี้กอดคอน้องๆ เที่ยวไปเลย ห่างมาจากบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติเพียงเล็กน้อย เราก็กำลังจะก้าวเท้าเข้าสู่เส้นทางพิชิตดอกชมพูภูคากันแล้ว ถึงแม้ว่าเส้นทางน้องๆ เลือกให้เราเดินจะมีระยะทางโดยรวมเพียง 2 กิโลเมตร แต่ก็เป็นเส้นทางที่ต้องใช้แรงอยู่ไม่น้อย ทั้งเดินขึ้นลงไปตามความลาดชันของเขา เราจึงต้องใช้เวลาพอสมควรเลยทีเดียวกว่าจะครบ 1 รอบ
ช่วงแรกของเส้นทางเป็นเหมือนการวอร์มร่างกายให้พร้อมก่อน แต่เราก็ยังแอบหอบกันน้อยๆ เมื่อมาถึงจุดแวะแรก ซึ่งน้องวีพาเรามาชม“กระโถนฤาษี” ที่กำลังออกดอกบานอวดโฉมเต็มที่ สำหรับกระโถนฤาษีนี้จัดว่าเป็นพืชหายากเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อีกชนิดหนึ่ง ลักษณะดอกจะคล้ายถ้วยหรือกระโถน โดยปกติเมื่อดอกบานจะมีกลิ่นเหม็น แต่น่าแปลกที่เรากลับไม่ได้กลิ่นเหม็นเลยซักนิด ถ่ายรูปดอกกระโถนฤาษีไว้เป็นที่ระลึกจนพอใจแล้ว เราก็เดินย้อนกลับเข้าสู่เส้นทางชมดอกชมพูภูคาอีกครั้ง ระหว่างทาง ทั้งน้องโจ้และน้องวีจะผลัดกันชี้ชวนให้ดูต้นไม้ ดอกไม้ รวมถึงจุดสังเกตุต่างๆ ที่พบเห็นตามพื้นทางเดิน ทั้งรอยเท้าหมูป่า รูหนูป่า รอยเจาะของหนอนตามขอนไม้ ผลไม้ป่าที่เราไม่คุ้นตา อีกทั้งยังมีมุขมาเรียกเสียงหัวเราะได้ตลอดทาง แถมยิ่งสนิทมากขึ้นความทะเล้นบวกความซนตามวัยก็ยิ่งปรากฏให้เห็นมากขึ้น แล้วก็ดูเหมือนว่าน้องๆ จะสนุกสนานกับการตามล่าหาตัวหนอนในขอนไม้ให้เราดูซะเหลือเกิน ไม่รู้ว่าติดอกติดใจอะไรนักหนา นี่ถ้าหนูป่าจับกันได้ง่าย มีหวังทั้ง 2 คนคงวิ่งไล่จับเอามาอวดด้วยแน่ๆ