backPack ขึ้นดอยฟ้าห่มปก อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน ep.1
จุดเริ่มต้นของการเดินทาง
สอบเสร็จเเล้วปีนี้เด็กมหาลัยอย่างเราปิดเทอมพอดีกับหน้าหนาว เลยตัดสินใจ backpack ไปเชียงใหม่กับเพื่อนๆ จุดมุ่งหมายของเราคือจะต้องขึ้นดอยให้ได้ นอนกลางทะเลหมอก
หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตดอยที่เราเลือกไปกันคือ ดอยฟ้าห่มปก อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
สิ่งเเรกที่ทำคือจองตั๋วรถทัวร์ โทรกันจนสายไหม้ติดยากมาก ช่วงเทศกาลคนไปเที่ยวเยอะละยังช่วงปีใหม่อีก โทรกันอยู่สองวัน ในที่สุดก็ได้ตั๋วมาในราคา 657 บาท
//เสียดายตอนนั้นเจ๊เกียวยังไม่ลดราคา ฮ่าๆ
โอเค ได้ตั๋วไปละสบายใจ ยังไงก็ถึงเชียงใหม่เเน่ๆ ที่นี้ก็ต้องหาที่นอนเข้าไปดูในเว็บไซต์ของอุทยานฟ้าห่มปกมีบริการให้เช่าเต๊นท์ 225 บาท/1คืน นอนได้ 3 คน
ถือว่าได้ที่พักถูกมาก จองได้ผ่านทางเว็บไซต์เลย
เเละเเล้วการเดินทางก็เริ่มขึ้น
.....
..
ออกเดินทาง
รถออก 20.30 น. พอขึ้นไปบนรถตื้นเต้นมาก มีจอทีวีส่วนตัวมีหนัง การ์ตูน รายการต่างๆให้เลือกดู มี GPS
เราสามารถตรวจสอบได้ว่าถึงไหนเเล้ว มีบริการหูฟังให้ยืมด้วย นอนฟังเพลงไปจนหลับ
ประมาณ ตี 4 พี่พนักงานก็ปลุกให้ตื่นมาดื่ม กาแฟ
ดู GPSอยู่ลำพูนเเล้ว ขนาดนั่งอยู่ในรถยังรู้สึกเลยว่าอากาศข้างนอกหนาวแค่ไหน
ตี 5. ถึงเชียงใหม่ ลงรถที่อาเขต สัมผัสอากาศหนาวเย็นยะเยือก
พอถึงอาเขตมีบริการทั้งรถตุ๊กตุ๊ก รถแท๊กซี่ รถเหมา
ที่เราต้องไปคือประตูช้างเผือกเพราะเราต้องไปต่อรถที่นั้นไป อ.ฝาง ถ้าเหมารถก็หลายร้อยบาท เลยเดินกับเพื่อนๆไปด้านหน้าอาเขต
รอรถสองเเถวข้างถนน เเต่ด้วยความที่ยังเช้ามากๆ รถก็เลยยังไม่เยอะนัก รอประมาณ15นาที
สองเเถวเเดงก็ขับผ่านมาต่อราคากับลุงคนขับได้ 40 บาท ทั้งรถมีเเค่พวกเรา 3 คน
นั่งรถไปนานก็ถึงประตูช้างเผือก ที่นี่ต้องไปซื้อตั๋วรถเมย์ส้ม คนละ 80 บาท ตอนเเรกคิดในใจว่าทำไมเเพงจัง พอนั่งมาสักพักเห็นป้าย อ.ฝาง 100 กว่ากิโล
นั่งรถยาว 3 ชม. ผ่าน อ.เชียงดาว ผ่าน ดอยอ่างข่าง พระอาทิตย์เริ่มขึ้น หมอกเริ่มหนา เเทบมองไม่เห็นวิวสองข้างทางนั่งไป หลับไป เวียนหัวไป อ้วกไป กว่าจะถึง รถจอดที่ตลาด อ.ฝาง เเวะกินอาหารเช้าที่ตลาดเเล้วก็เหมารถสองเเถวไปส่งที่อุทยานฟ้าห่มปก
วันที่ 1
พอมาถึงอธุยานก็ตรงไปส่วนบริการนักทองเที่ยว อยู่ติดกับลาดจอดรถเลยค่ะ เดินข้ามสะพานหินมา
บ้านเล็กๆตรงนั้นคือ ห้องติดต่อเจ้าหน้าที่อุธยานค่ะ
สอบถามข้อมูลไปที่ลานกลางเต๊นท์ ปรากฏว่ารถที่จะขับขึ้นดอยไปลานกลางเต๊นท์ได้นั้น
ต้องเป็นรถของอุทยานหรือรถส่วนบุคคลที่เป็นโฟร์วีล ค่าเหมารถอุทยานขึ้นดอย 1800 บาทต่อ1คัน อือหืออเเพงมาก เลยตัดสินใจรอกลุ่มนักท่องเที่ยวคนอื่นๆเพื่อที่จะหาคนหารค่ารถ
ระหว่างที่รอก็เดินเล่นในอุทยานไปพลางๆ
เเละเเล้วก็มีกลุ่มนักท่องเที่ยวมา เเต่มากันเป็นทัวร์เลย มีไกต์ชื่อพี่แจ้ จริงๆกลุ่มลูกทัวร์ของพี่เเจ้ก็สิบกว่าคนเเล้วเเต่พี่เขาก็ยินดีรับพวกเราอีกสามคนขึ้นไปด้วยขอบพระคุณมากค่ะ
จ่ายค่ารถในส่วนนี้ไป240บาท รวมทั้งขาไปเเละขากลับ
รถของอุทยานมาถึงเป็นรถกระบะ 2 คัน เเบ่งเป็นคันเเรกให้กลุ่มลูกทัวร์นั่งคันที่สองใส่กระเป๋า สัมภาระต่างๆ
พวกเรานั่งไปในคันที่สอง ระยะทาง 32 กิโลขึ้นเขา ทั้งชัน ผ่านโค้งหักศอกนับไม่ถ้วน ยิ่งขึ้นสูงอากาศก็ยิ่งเย็นลง วิวสองข้างทางก็สวยขึ้นเรื่อยๆ
พอเริ่มถึงจุดชมวิว รถก็จอดเพื่อให้นักท่องเที่ยวลงไปถ่ายรูป
จากนั้นก็เดินทางต่อ
จนถึงลานกางเต็นท์อุณภูมิตอนนี้ประมาณ 15 c ลานถูกเเบ่งเป็นโซนๆ โซน A, B, C, D
โซน A อยู่สูงสุด วิวสวยเชียว เราจองโซน A ไว้ ก็ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ พี่ทหารที่ดูเเลก็ใจดีมากบอกให้ไปเลือกเองเลย อยากนอนเต๊นท์ไหน
โดยเขามีหมอน กับผ้าใบปูรองพื้นให้ค่ะ ส่วนผ้าห่มกับถุงนอนเราเอาไปเองจากที่บ้าน
ลานกลางเต็นท์โซน A
ลานกลางเต็นท์ โซน C
เลือกเต็นหน้า สุดผาเลย วิวสวยไม่มีอะไรบังเเต่หารู้ไม่ว่าตอนกลางคืนนี้ เป็นจุดที่ลมเข้าจังๆ
ถึงเต็นท์เเล้วโยนของเเล้วพักกินข้าวกัน มื้อเเรกคืออาหารกระป๋องที่เตรียมาตั้งเเต่กรุงเทพค่ะ
เพราะไม่รู้ว่ามา บนนี้เเล้วจะมีของขาย เลยเอามาสะเยอะเลย
พอเริ่มเย็นก็ไปอาบน้ำ มีบริการอาบน้ำอุ่นด้วยครั้งละ 50 บาทเเต่ถ้าใครเเข็งเเกร่งพอก็อาบน้ำเย็นไม่เสียค่าใช้จ่าย เเน่นอนว่าชฎาพรเลือกอาบน้ำอุ่นค่ะ ฮ่าๆ
นอกจากนี้ยังมีร้านขายของเล็กๆของชาวดอยด้วย อาบน้ำเสร็จก็มาตั้งกล้องดูพระอาทิตย์ตก มืดมานอนดูดาวต่อ ไม่เคยเห็นดาวเยอะขนาดนี้ ใก้ลขนาดนี้มาก่อน :)
เเสงสุดท้ายของวันนี้