สถานีม่านหมอก
14 October 2017 - 15 October 2017
- ต้องบอกก่อนว่าเล่าเรื่องไม่เก่งเน้นดูรูปเอานะครับฮ่า
เริ่มต้น ทริปนี้เกิดการรวมตัวของสมาชิกในมหาลัยทั้ง เพื่อน พี่ น้อง ที่เรียนจบกันไปได้รวมกลุ่มกันเที่ยวเดินป่ากันเป็นประจำเป้าหมายของทริปนี้อยู่ที่ดอยขุนตาลมีผู้รวมทริปทั้งหมด 13 คนซึ่งการเดินทางนั้นไปง่ายสะดวกไม่ต้องต่อรถอะไรมากมาย เราได้จองตั๋วล่วงหน้ารถไฟออกจากกรุงเทพวันที่ 13 เวลา 22.00 น. ด้วยรถไฟขบวน 51 ชั้น 2 ในราคา 408 บาทไทย และ รถไฟชั้น 3 ในราคา 261 บาทไทย เราแยกกันนั่ง 2 ตู้โบกี้ แบ่งกันขึ้นกันตามสถานี สถานีกรุงเทพ 3 คน สถานี บางซื่อ 5 คน สถานีหลักสี่ 4 คน สถานีอยุธยา 1 คน แล้วแต่ความสะดวกเพราะบางคนเพิ่งเลิกงานใกล้กับที่ทำงานของแต่ละคนกันไป สุดท้ายก็ขึ้นขบวนเดียวกันจะถึงสถานีขุนตาน วันที่ 14 เวลา 11.00 น.พอดี
สมาชิกชาวทริปเราหลับกันมาตลอดทางแล้วก็จะมาสดุ้งตื่นกับการขายของบนรถไฟ "เหนียวหมูไหมคร้าบ" "เปาป่าวเพ่เปาป่าว" "นํ้าไหมจ๊ะๆ" "กาแฟมาม่าร้อนๆคร้าบ" อะไรทำนองนี้ตลอดการเดินทางรถไฟ
พอตะวันขึ้นก็ต่างคนต่างหยิบกล้องมือถือมาถ่ายวิวข้างทางกันมีบางช่วงบางจังหวัดที่หมอกลงจนมองไม่เห็นวิวเลยทีเดียวนั่งดูวิวเสพข้างทางกันไป
กระเพราหมูสับไข่ดาวจานนี้ประมาณ 600 กิโลแคลอรี่ อาหารบนรถไฟก็ไม่เลวนะ
ใกล้ถึงสถานีขุนตานเวลา 11.00 น. พอดีแล้วทุกคนก็จะเริ่มเตรียมตัวกัน
ในที่สุดเราก็มาถึงสถานีขุนตาน อุโมงค์ขุนตานมีความยาวถึง 1,352.15 เมตร เป็นอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย
ได้รับการต้อนรับจากเจ้าบ้านฝูงหมาสถานีฮ่าๆ หมาที่นี้เป็นมิตรมากใครที่เดินขึ้นดอยนี้จะแบ่งทีมเดินตามกันเลยแล้วอยู่กับเรายันจบทริป เหมือนรู้ว่าเราจะจ้างนำทางฮ่า
เราทำการถ่ายรูปอุโมงค์กันเตรียมความพร้อมก่อนเดินไปที่อุทยานดอยขุนตาล 1.2 กิโลเมตร
ลุงบาสเจ้าของแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ Mui
ถึงอุทยานแล้วตรงนี้คือจุดขายของที่นี้ที่พลาดถ่ายรูปไม่ได้ฮ่า เส้นแบ่งระหว่าง "ลำปาง" "ลำพูน"
เดินจากสถานีขุนตานขึ้นมาที่ทำการ อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาลใช้ระยะ 1 กิโลนิดๆ การเดินป่าที่นี้มีทั้งหมด 4 ย. รวมทั้ง 4ย. 7กิโลเมตร และทางแยกไปนํ้าตกตาดเหมยอีก 3 กิโล รวมแล้วทริปนี้ไปกลับทั้งหมดจะตกราวๆอยู่ที่ 22 กิโลเมตร การพักผ่อนค้างคืนที่นี่นั้น มีให้เลือก 2 วิธีครับ วิธีแรกคือ เขาจะมีบ้านพักให้เช่า มีทั้งบ้านเล็กและบ้านใหญ่แล้วแต่จำนวนคน ส่วนวิธีที่สอง คือกางเต้นท์ ที่อุทยานจะมีจุดกางเต้นท์ได้ 3 จุดคือตรงที่ทำการอุทยาน ย.1 ย.2 สวนย.3 จะเป็นบ้านพักมิชชั่นนารีครับ ผมจะพาไปขึ้น ย.4 ซึ่งเป็นจุดขายของที่นี่ และนํ้าตกตาดเหมย
ในตอนที่จะถ่ายรูปใบนี้มีเจ้าหมาเพศเมียตัวนึงวิ่งแทรกกลางวงลงนอนพร้อมเก๊กท่าถ่ายรูปเราตั้งชื่อมันกันว่า "สมศรี"
ถึงจุดชมวิวแรกของเราเดินมาได้ซักระยะพักกันหน่อย สาวๆทีมเรานั้นท่านั่งไม่มีความเป็นกุลสตรีเลยฮ่า
สมศรีผู้ร่วมทริปหมายเลข 14 ของเราตามมาจากสถานีรถไฟแหนะเก่งแฮะ
จากอุทยานเดินมา ย.1 ราวๆ 2กิโลได้ซึ้งสามารถเอารถขับขึ้นมาได้ตรงนี้
เราได้เริ่มเดินเพื่อไป ย.2 จุดกางเต๊นท์ของเราต่อ มีพักบางเป็นครั้งคราวทางเดินนั้นเทียบกับที่อื่นถือว่าเดินสบายมาก
ในช่วงก่อนถึง ย.2 นั้น ฝนตกลงซะได้ ต่างคนก็เอาเสื้อกันฝนมาใส่ rain cover มาปิดกระเป๋าแล้วเดินต่อฝนแค่นี้หยุดเราไม่ได้หรอก
จาก ย.1 มา ย.2 ประมาณ 2 กิโลเมตร แล้วเดินอีก 50 เมตรขึ้นมาจุดกางเต๊นท์ ถึงจุดกางเต๊นท์ มีแค่กลุ่มเรากับ อีกกลุ่ม มากันครอบครัวซึ่งถือว่าน้อยมากและเป็นส่วนตัวดีมากกับทริปนี้ ตรงจุดกางเต๊นท์นั้นมีห้องนํ้า 5 ห้อง "ถ้าจำไม่ผิดนะ" สามารถปลดทุกข์เบาใหญ่อาบนํ้าแปรงฟันได้สบาย
ซ้าย "ป๋ายุทธ์" ผู้นำทริปนี้เอง
ตากแดดหน่อยตากฝนมา
แต่ละคนเตรียมแจกจ่ายข้าวของกางเต๊นท์กันก่อนจะเดินไปนํ้าตกตาดเหมยต่อ
สมศรีเราพอขึ้นมาจุดกางเต๊นท์ของีบแปปก่อนเดินทางไปนํ้าตกตาดเหมยต่อ
เริ่มออกเดินทางไปนํ้าตกกันเราได้ทิ้งเป้ไว้ไปแต่ตัวกับกล้องและโดรน
เดินมาได้ 3กิโล ทางแย่มากลื่นตอนแรกไม่คิดว่าถึง 3กิโล ใส่รองเท้าแตะกันเกือบทุกคนสุดท้ายได้เดินเท้าเปล่าเพราะรองเท้าแตะมันลื่นโคลน ปล. ที่นี้มีทากโดนดูดเลือดกันมาแล้ว
ชาวทริปหมายเลข 14 เรา สมศรี นำทางไปทุกที่
ขากลับจากนํ้าตกนั้นกินเวลาไปมากเพราะเราออกจากแคมป์ก็ 5 โมงแล้วกว่าจะกลับมาก็ 2 ทุ่ม
ในขากลับจากนํ้าตกเรากว่าจะถึงจุดกางเต๊นท์เราสองทุ่มกว่าซึ่งมืดมาก ต่างคนต่างอาบนํ้าแยกย้ายกันทำอาหารจัดการตัวเองกัน แล้วมานั่งล้อมวงกินข้าวปลา
บรรยากาศช่วงกลางคืนหนาวพอใช้ได้มีแมลงเยอะ อาหารที่เราทำกินกันก็ง่ายๆมาม่าปลากระป๋องไข่เจียวทริปนี้ไม่ค่อยได้เตรียมความพร้อมเท่าไรทริปนี้นึกว่าจะมาเดินป่ากันแบบง่ายๆกันฮ่า
พี่ธงรบชายอาวุโสสุดของกลุ่มดื่มไม่แบ่งใครเลย เล่นเกมแพ้ชาวบ้านเค้าฮ่า
มาม่าหม้อสอง
ได้ทำการพูดคุยเล่นเกมกันของแยกย้ายเข้านอนเวลา 23.00 พรุ่งนี้จะได้เดินทางต่อไป ย.4 ในช่วงเช้ามืด เรานัดกันตื่น 04.30 น.
เช้าวันที่ 15 เราได้ทำการเดินจากจุดกางเต๊นท์เวลา 05.00 น.เผื่อไป ย.4 ให้ทันม่านหมอกบรรยากาศตอนเช้า
ไป ย.3 นี่แหละที่ไกลที่สุด แต่รู้สึกเดินง่ายกว่าไปนํ้าตก เพราะทางส่วนใหญ่เป็นป่าชื้น และทืบมาก และมืดแต่เดินเพลินๆครับ 3 กิโลเมตรไป ถึง จุดบ้านพักของมหาลัยพายัพคับ ซึ่งดีเลยมีแทงค์นํ้าบนนี้เราดื่มนั้าหมด 5 ขวดได้กรอกเผื่อเอาไปต้มกินมาม่ากาแฟที่บน ย.4 ต่อ
ตะวันเริ่มขึ้นแล้วรีบเดินก่อนหมอกสลาย
ก่อนถึงเนินสุดท้ายของ ย.4 มีจุดพักและจุดชมวิวระหว่าง 2 จังหวัด ลำพูนและ ลำปางเห็นทิวทะเลหมอกได้แน่นสวยมาก
ศาลาก่อนขึ้นเนินวัดใจพักร่างดูวิวทะเลหมอกแบบ HD
มาถึงเนินสุดท้ายก่อนขึ้น ย.4 เนินวัดใจ เห็นป้ายแล้วนึกถึงที่ภูสอยดาวเลย สมศรีเรายังฟิตอยู่
ทางเดินมาเรื่อยเป็นป่าดิบชื่นอุดมสมบูรณ์ดีบรรยากาศที่เดินท่ามกลางหมอกที่หน่าแน่น
มีคนทำหมวกตกของคนข้างหน้าแน่ๆ เป็นหมวก Mui ของลุงบาสนี้เอง สนใจดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/Mui885/ ครับ
ในที่สุดเราก็มาถึงยอดสูงสุดของดอยขุนตาลหมอกหนาแน่นมากบังจนไม่มีแสงอาทิตย์เลย และทั้งบนยอดนั้นมีแต่พวกเรา 13 คน กับอีก 1 ตัว"สมศรี"
มาถึง ย.4 แล้วทีมงานสาวเรา dab โชว์ไปหนึ่งที ที่ยอดดอยขุนตาลที่ระดับนํ้าทะเล 1,373 เมตร
เสพบรรยากาศตอนเช้าจิบกาแฟในม่านหมอกไปพลางๆ
พี่ธงรบมือโดรนเรานี้เองผู้ทุ่มเทให้กับทุกทริป
ลืมไม่ได้เลยถ่ายรูปกับแลนด์มารค์ ป้าย ย.4 ของดอยขุนตาล
เราได้ถ่ายรูปเดินเล่นได้ชั่วโมงสองชั่วโมงก่อนเดินลงกลับจุดกางเต๊นท์กันช่วงนี้หมอกเริ่มจางแดดเริ่มออกแล้ว แสบผิวเลยทีเดียวฮา
ถึงเต๊นท์แล้วทุกคนแยกย้ายเก็บเต๊นท์อุปกรณ์ต่างๆของตัวเองก่อนเดินลงเขา
รูปหมู่ที่จุดกางเต๊นท์อีกครั้ง
ขาลงนั้นสบายมาลงไวกว่าขึ้นเป็นธรรมดาอยู่แล้วฮ่าแปปๆถึงสถานีรถไฟด้านล่าง
ถึงอุทยานเราได้อาบนํ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าซื้อข้าวปลากินพูดคุยรอเวลาใกล้ๆรถไฟมาค่อยเดินลงไปที่สถานีกัน
พักรอขบวนรถไฟที่ 52 มาพักจิบอะไรเย็นๆกันก่อนเราลงมาถึงด้านล่างสถานีเวลา 15.00 ของวันที่ 15 พอดี รอบรถไฟมาตอน 16.50 น.กลับ กทม.
ขากลับหลับเป็นตายทุกคน
บายขุนตาน ลาก่อนสมศรีเจอกันเมื่อได้เจอ :)