นั่งรถไฟไปเที่ยวลพบุรีกันเถอะ

อยากออกจากห้องมากกว่าไปทำงาน 

หลังจากไม่ได้เที่ยวไหนซะนาน พอสถานการณ์โควิดเริ่มทรง ๆ แต่ไม่ถึงกับดีหรอก ต้นเดือนพ.ย. เริ่มผ่อนคลาย แล้วก็ก็เริ่มเดินทางไปไหนมาไหนได้บ้าง แต่บางจังหวัดก็เข้มงวด บางจังหวัดก็ขอความร่วมมือ ยังไงทุกคนก็ต้องดูแลตัวเองกันด้วยนะ

เช้าวันเสาร์
ตื่นเช้าหน่อยเพราะเราต้องเดินทางไปลพบุรี เดินทางโดยรถไฟเที่ยว 7.23 น.  ขึ้นรถไฟที่สถานีบางซื่อ

เช้าวันหยุด ผู้คนก็ไม่ค่อยเยอะหรือหนาแน่นเท่าไหร่ รีบไปซื้อตั๋วดีกว่า ตั๋วรถไฟชั้น 3 รถนั่งพัดลม คันที่ 7 ที่นั่ง 30 ราคา 50 บาท (ถ้าใครขึ้นขบวนนี้โปรดสังเกตที่นั่งด้วยนะ เค้าจะนั่งตามเลขที่นั่ง แม้ว่าจะเป็นพัดลมก็ตาม ) เวลาออก 07.23 ถึงลพบุรีเถือบ 10 โมง ระหว่างรอรถไฟเช็คของหน่อย เอาอะไรไปบ้าง ก็ตามรูปเลยจ้า และที่ขาดไม่ได้คือเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ (ห้อยไว้ที่คอเลย สะดวกใช้งาน)

พอขึ้นรถไฟมา กว่าจะได้นั่งถ่ายรูปสวย ๆ ก็เช็ดเบาะสิคะ คือรถไฟอาจจะเพิ่งเปิดให้บริการรึเปล่าไม่รู้ ที่นั่งค่อนข้างสกปรกนิดหน่อย แต่พอเอาทิชชู่เปียกแล้วก็ทิชชู่แห้งเช็ด ๆ ก็นั่งได้สบาย ๆ ชิว ๆ นั่งไปประมาณ 2 ชม.หน่อย ๆ 

วิวข้างทางรถไฟ มองเพลิน ๆ 

ถึงแล้ว สถานีรถไฟลพบุรี มีรูปปั้นน้องลิงอยู่ตรงสถานีเลย ไม่ผิดแน่นอน 
ปล. หากใครลงจากรถไฟมาแล้ว มองไปทางด้านขวามือ ห้องน้ำอยู่ทางนั้นนะ แนะนำให้เข้าเข้าน้ำล้างมือ ก่อนออกจากสถานี

 

 

ก่อนออกจากสถานีก็สอบถามเจ้าหน้าที่ก่อนว่า รถไฟขากลับกรุงเทพมีเวลาไหนบ้าง ( จำไม่ได้ว่ารอบไหนบ้าง จำได้แค่ว่า มีรอบ 17.30 น.) ไม่ต้องซื้อตั๋วล่วงหน้า  ใกล้ๆเวลารถไฟจะออกค่อยซื้อ

พอเดินออกมาจากสถานี เราก็ต้องเติมพลังกันก่อน เพราะออกจากกรุงเทพมาแต่เช้า ยังไม่ได้กินอะไรเลย ของกินก็มีทั้งซ้าย ทั้งขวา แต่เราเลือกเดินไปทางซ้าย ของสถานีรถไฟ มีร้านอาหารตามสั่ง สั่งเลย ไม่แพง

 

ทุกสถานี (ที่ใหญ่ๆ) ก็จะมีรถไฟจำลองอยู่ด้านหน้าสถานี

 

กินข้าวอื่มแล้วก็ข้ามถนนมาเลยจ้า ตรงข้ามสถานีรถไฟ นั่นคือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ

 

เสียค่าเข้าชมคนละ 10 บาท

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เป็นวัดร้างขนาดใหญ่ วัดนี้สร้างและบูรณะปฏิสังขรณ์กันเรื่อยมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 18-19 ในสมัยก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยา ประมาณ 100 ปี 

 

บริเวณวัดกว้างมาก ค่อยเดินชมไปเรื่อย ๆ วันที่เราไปแทบจะไม่มีคนเท่าไหร่ มีแค่ 3-4 คน เดินสบาย ๆ อากาศดีมีลมโชย ไม่ร้อนมาก

 

พอเดินชมวัดเสร็จแล้วก็เดินต่อ ก่อนออกจากวัด ไปไหนต่อดี?

คือในหัวไม่ได้แพลนอะไรไว้เท่าไหร่ ก็ดูรีวิวในเน็ตมา 5555+ เลยเข้า google map ดูว่าแถวนี้มีอะไรบ้างน๊าาา เลยไปเจอร้านกาแฟน่ารัก ๆ ไม่ไกลจากวัดเท่าไหร่  เดินจากวัดมาเลี้ยวซ้าย แล้วก็เดินมาเรื่อย ๆ ตาม googl map 

 

ชื่อร้าน  FLEEK cafe  ร้านกาแฟสไตน์มินิมอล น่ารัก ๆ 

นั่งกินกาแฟเย็น ๆ ซักแก้ว แล้วก็ไปเที่ยวต่อได้

บริเวณนอกร้านก็จะมีห้องเล็ก ๆ เป็นของร้านนั่นแหละ (มั้ง) ลืมถาม มีภาพวาดอาร์ทๆสวยๆ ไว้ถ่ายรูปด้วยนะ

 

        จากนั้นเราก็ไปต่อกันที่  พระนารายราชนิเวศน์ หรือ วังนารายณ์   ส่วนรูปน้ีคือร้านที่อยู่ตรงข้ามวัง เหมือนกำลังปรับปรุงอยู่

ถึงแล้ว พระนารายราชนิเวศน์ หรือ วังนารายณ์  

เสียค่าเข้าชมคนละ 30 บาท 

 

พอซื้อตั๋วเข้าชมเสร็จ เดินเข้ามาก็จะเจออาคารสำนักงานพิพิธภัณสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ อยู่ทางขวามือ

แล้วก็เดินเข้าประตูไปเลย ....
พระนารายราชนิเวศน์ หรือ วังนารายณ์  เป็นพระราชวังโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่แสดงถึงความรุ่งเรื่องของเมืองละโว้ สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อปี พ.ศ. 2209  

เดินมาเจออาคารพระที่นั่งพิมานมงกุฎ ด้านในมีจัดแสดงนิทรรศกาล 

เห็นภาพนี้ก็ทำให้นึกถึงละคร บุพเพสันนิวาส 

 

 

 

พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท 

 

 

 

 

 

เขตพระราชฐานชั้นนอก

 

เดินชมจนเกือบจะทั่วแล้ว ไปต่อค่ะ เดินออกจากวัง ก็เริ่มหิว พอดีว่าตอนเดินมาเดินผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวร้านหนึ่งกลิ่นน้ำซุปหอมมาก เราเลยเลือกไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านนั้น (มองจากรูปคือด้านขวามือแถวป้ายสีเหลือง ๆ)

เดินก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตก ร้านตกแต่งด้วยภาพวาดฝีมือเจ้าของร้านค่ะ สนใจก็ซื้อกันได้เลย 

 

กินอิ่มแล้ว เราก็เดินต่อ เดินๆไปก็เจอภาพอาร์ทๆ ข้างผนังบ้านใครไม่รู้ เลยแวะถ่ายรูปซะหน่อย 

 

ถ้ามาลพบุรีแล้วไม่ได้มาถึงศาลพระกาฬ ถือว่ายังมาไม่ถึงลพบุรี แต่ด้วยความที่มองไปก็เจอน้องลิงเยอะแยะเต็มไปหมด เราเลยขอไหว้ทางไกลแล้วกัน (กลัวลิงนิ๊ดหนึ่ง) 

 

ตามทางก็เจอน้องลิงเต็มไปหมด ที่คนที่นี่เค้าชินและอยู่ด้วยกันเป็นอย่างดี แต่เราก็รีบเดินหน่อย ๆ กลัวน้องมาเกาะ 

 

และนี่ก็คือ พระปรางค์สามยอด จุดเด่นคือ มียอดพระปรางค์ของปราสาททั้ง 3 องค์เรียงต่อกัน
แต่เราไม่ได้ขึ้นไปชม น้องลิงเยอะเหมือนกัน 

 

 

 

เดินไปต่อเลย ก่อนข้ามถนนก็เห็นสิ่งนี้ เรียกว่า ปรางค์แขก

 

 

 

เดินมาเรื่อย ๆ ก็จะเจอบ้านหลวงรับราชทูต หรือบ้านวิชาเยนทร์ 

เสียค่าเข้าชม 10 บาท 

บ้านหลวงรับราชทูต หรือ บ้านวิชาเยนทร์ สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อคราวรับราชทูตฝรั่งเศสที่มาเยือนในปี พ.ศ. 2228 และปีพ.ศ.2230 เมื่อไม่ได้ต้อนรับราชทูต สมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้ให้ ออกญาวิชาเยนทร์ เป็นผู้ดูแล คนทั่วไปจึงเข้าใจว่าเป็นบ้านของออกญาวิชาเยนทร์ บริเวณบ้านมีทั้งหมด 3 ส่วน ในบริเวณทั้งหมด ซึ่งจะเป็นที่พักอาศัย โบสถ์ ห้องจัดเลี้ยง ห้องเก็บของและโรงครัว

 

 

 

ออกจากบ้านวิชาเยนทร์เราก็พอจะมีเวลาอีกหน่อย ไม่รู้จะไปไหนดี เลยหาน้ำเย็น ๆ กินก่อนนั่งรถไฟกลับ เลยไปแวะที่ร้าน Mars de cafe ร้านนี้อยู่ตรงหน้าวังนารายณ์ 

ได้เวลากลับแล้ว เดินเข้ามาที่สถานี ตรวจวัดอุณภูมิก่อนเข้าด้วยนะ มีเจ้าหน้าที่กำกับอยู่

เดินเข้ามาก็ซื้อตั๋วค่ะ ไปกรุงเทพค่ะ พร้อมยื่นบัตรประชาชน ราคาตั๋ว 28 บาท ชั้น 3 รถพัดลม ไม่ระบุที่นั่ง 

 

ส่งท้ายด้วยแรงบันดาลใจที่ทำให้อยากนั่งรถไฟมาเที่ยวที่ลพบุรี คือ เนื้อหาส่วนหนึ่งในนิยายเรื่อง " เริ่มต้นที่ คิดถึง " ของแอลลี่ ที่จริงอยากมาตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว แต่ด้วยสถานการณ์โควิด เลยเพิ่งมีโอกาสได้มา ในนิยายสนุก แล้วก็หยิบติดมือมาด้วย มาอ่านทบทวนหน่อยว่าตัวละครไปไหนบ้าง ฮ่่ะๆๆๆ แล้วด้วยความบังเอิญ น้องที่มาด้วย ชอบอ่านนิยายของแอลลี่ด้วย แต่เล่มนี้ยังไม่ได้อ่าน เลยให้น้องยืมไปอ่านต่อเลย 

              สรุปค่าใช้จ่าย 1 วัน กับการเดินประมาณ 10,000 ก้าว
ค่ารถไฟจากกทม.ไปลพบุรี 50 บาท
ค่าข้าวเช้า ข้างสถานีรถไฟลพบุรี 30 บาท
ค่าเข้าชมวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ  10 บาท
ค่าเข้าชมวังนารายณ์ 30 บาท
ค่ากาแฟ  50 บาท
ค่าก๋วยเตี๋ยว น้ำอัดลม  25 บาท (คนละครึ่ง)
ค่าเข้าชมบ้านวิชาเยนทร์ 10 บาท
ค่าชา 32.5 บาท (คนละครึ่ง)
ค่ารถไฟจากลพบุรีไปกทม. 28 บาท
ค่าน้ำเปล่า ค่าเข้าห้องน้ำ  16 บาท
รวม ๆ 281.5 บาท

  ปล. ถ้าใครไม่ชอบเดิน ก็มีรถสามล้อด้วยนะ แต่ไม่ได้ถามราคา ^^