สักการะ พระธาตุแช่แห้ง

เคยตั้งใจไว้ หลายปีก่อน ว่าอยากไปเที่ยวจังหวัดน่าน สักที เพราะเคยมีแต่คนนั้น คนนี่เล่าให้ฟัง ว่าเมืองนี่สวยงามมาก ทุกๆ ครั้ง ก็อาศัยอ่านรีวิว และดูรูปภาพจากคนที่เขามารีวิวเอา และก็นึกจินตนาการ ว่าจะไปด้วยมอเตอร์ไซต์สักครั้ง กับเส้นทางที่แปลกใหม่ ไม่ใช่เส้นทางโดยตรง ที่ใช้กันทั่วไป 

ทริปนี้ เราเลยพามุ่งตรงเข้าสู่ เส้น จังหวัดอุตรดิถส์ เข้า สู่เส้นทาง อ.น้ำปาด เพื่อจะไปข้ามเรือแพที่หมู่บ้านชาวประมงปากนาย เพื่อข้ามไปยังจังหวัดน่าน  จริงๆ แล้วใช้เวลาทั้งหมดแต่ละจุดไม่มากนัก อย่างออกจากตัวพิดโลก เข้าสู่ อ.น้ำปาด ขับไปแบบชิวว์ๆ เจอวิวสวยๆ ก็จอด ใช้เวลาประมาน สอง ชั่วโมงกว่าๆ 

 

อดใจไม่ได้ กับบรรยากาศเช้าๆ กับเส้นทางที่รถไม่ค่อยผลุกผล่านมากนัก แต่ก็มีกันมาประปราย ไม่ขาดระยะ สวยงามมากครับ วิวข้างทาง  แล้วเราก็มาถึงตัว อ.น้ำปาด นี่คงเป็นตลาดนัดตอนเช้าของชาว อ.น้ำปาด จะมีพ่อค้า แม่ค้า ตั้งร้านขายของกันสองฝั่งถนน มีหลากหลายภาษามาก บ้างก็เหนือ บ้างก็สำเหนียงอีสาน บ้างก็คล้ายกับภาษาชาวเขา คือเราก็ฟังไม่ออกสักเท่าไรอ่ะนะ จากนั้น เราก็ขับออกจากตัว อ.น้ำปาด เพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่ เขตหมู่บ้านประมงปากนาย เพื่อข้ามเรือแพไปยังฝั่งเขต อ.นาหมื่น จังหวัดน่าน *ภาพวิวบรรยากาศทริปนี้ อาจจะเยอะไปหน่อยนะ มันสวยมากจริงๆ แล้วเราก็มาถึงหลังจากผ่านวิวภูเขา สวยๆ และโค้งถนนมาหลายโค้ง มีทั้งขึ้นและลง แต่บอกตรงๆ เลยว่า เส้นทางนี้ขับสะดวกมาก ขับชมลม ชมวิว แต่ก็ไม่ควรเร็วมาก เพราะโค้งและอาจจะมีรถสวนมาเป็นระยะๆ (จากสังเกตุ รถเป็นรถทะเบียน กทม ส่วนใหญ่ เขาคงมาจากตัวทางเหนือกัน) วิวบรรยากาศ เรือแพ  ช่วงรอเรือแพ มาจอด เราก็เผลอไปกดชัตเตอร์ รัวๆ ได้ภาพมาเยอะเลย ...บรรยากาศจากมุมมองของเราเอง พอได้ไหมๆ สนใจภาพไปทำโปสการ์ด หรือหารูปทำโปสการ์ด ติดต่อได้นะครับ ขายภาพๆ ฮ้าๆ อ้าส์ หลังจากพี่คนเรือแพ ส่งสายตา เป็นนัยว่า ให้เราขับรถขึ้นไปได้ เราก็ผยักหน้าเป็นรู้กัน และกล่างบอก ขอบคุณครับ (เพราะผมพร้อมปจญภัยร่องลำน้ำตั้งนาน แว้วววว ฮ่าๆ) พอเรือแพ ได้ออกไปสักพัก เราก็ไม่พลาดที่จะหามุมสวยๆ วิวสวยๆ มาถ่ายภาพสวยๆ ให้ชม ก็ดันไปเห็นบรรดาเหล่าสติ๊กเกอร์ ของคาราวาน หรือกลุ่มท่องเที่ยวด้วยมอเตอร์ไซต์ ทำให้นึกขึ้นได้ ว่าเราก็มีสติ๊กเกอร์ที่เหล่าพี่ๆ ยักษ์สยามเคยให้มา ตอนเราส่งข้อความขอไป ...ขออนุญาตินำไปติดไว้เพื่อเป็นอณุสรณ์ของการเดินทางนะครับ  เรือแพ กำลังไปส่งคนอีกฝั่งนึง สวนทางกัน เขามาเต็มลำ เราเหมามาคนเดียว ฮ่าๆ (ไม่ใช่ไรหรอก คนฝั่งนี้รอเยอะกว่า ลุงแกเลยรีบมาอ่ะนะ) ด้วยเครื่องยนต์ยี่สิบเทอร์โบ ไฮโรดรอลิก ระดับสิบล้อ แอบคุยกะลุง ลุงแกบอกว่าเรือแพลำนึง รถยนต์ขึ้นได้ สองคัน กับมอไซต์ สัก 3-4 คัน แล้วแต่คันเล็กไหม ใหญ่ไหม ..มากกว่านี้ อาจจะไม่ไหว แต่เราอ่ะ มาคนเดียว ...สบายใจได้ เข้ามาถึงฝั่ง หมู่บ้านประมงปากนาย ...ว้าว สวยมากครับ วิวบรรยากาศ ทิวทัศน์ ถนน และภูเขา สองฝั่งข้างทาง ด้วยการไม่มีกำหนดเวลา เลยทำให้ เจอวิวสวยๆ ทีไร อดจอดรถถ่ายรูปไม่ได้ .. เข้าสู่ แลนด์มาร์คต่อไป คอกเสือ เป็นสถานที่ที่สวยงามโดยธรรมชาติมากๆ มีประวัติความเป็นมาด้วยนะเออะ ถ่ายมาด้วยแหละ (อ่านเอานะๆ) แล้วก็เข้ามาสู่ เสาดินนาน้อย สถานที่แสนด์มาร์ค ต่อไป ...สวยมากเลยครับ สิง่ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมา แปลกตา ครั้งแรกที่เห็นกับตาจริงๆ  ผู้คนประปราย วันนี้วันจันทร์ แต่ก็พอมีคนมาเที่ยวเป็นระยะๆ เสาดินนาน้อย กับบรรยากาศสวยๆ สวยงามมากครับ จริงๆ ครับ ไม่ได้อิจฉาเลย .. หลังจากเยี่ยมชม และถ่ายภาพมุมต่างๆ ของเสาดินนาน้อยไว้แล้ว ก็ได้เวลาสู่สถานีต่อไป ดอยสอยดาว เพื่อไปนอนค้างที่นี่ หนึ่งคืน  มาถึงแล้วครับ ดอยเสมออดาว ด้านล่างนั้นคือ วิวแม่น้ำน่าน ที่ไหลลงไปสู่จังหวัดต่างๆ จนไปสู่เจ้าพระยา คืนนี้จะรอดูดาวนะ ถ้าฟ้าเปิด ไม่อิจฉาเลย ...จริ๊งๆ >///< บรรยากาศพระอาทิตย์กำลังตกดิน กับผู้คนที่มาท่องเที่ยว บ้างก็ทยอยจัดข้าวของ ในเต้นท์และเตรียมทำอาหารกินกัน บางคนก็ขึ้นมานั่งชมวิวธรรมชาติ นั่งคุยกันเป็นคู่ๆ เป็นกลุ่มๆ หลายสำเนียง หลายภาษา มีทั้งอีสาน เหนือ และใต้  ครับ ไม่อิจฉาเลย  อีกฝั่งของดอยเสมอดาว วานิลาสกายส์ สวยงามแท้ .. สวยงาม ตามท้องเรื่อง ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ ความเหน็ดเหนื่อยที่มีมาตลอดเส้นทาง หลังจากกางเต้นท์ อาบน้ำ และขึ้นมาชมวิว ทั้งสองฝั่ง ทั้งข้างล่างข้างบน หายเหนื่อย หรือไม่รู้สึกเหนื่อยเลย ..ให้ภาพมันเล่าความรู้สึกเองแล้วกันนะ บรรยากาศ เย็นๆ ที่ผู้คนเตรียมมารอชมดาวกัน แต่ดูท่าแล้ว ฟ้าน่าจะไม่เป็นใจสักเท่าไร  และแล้ว เราก็คิดว่าคงไม่เห็นดาวชัดแน่ๆ และมือถือเราก็คงถ่ายภาพมาไม่ติดด้วย หลังจากยืนแหง่นคอจนเคล็ดไปหมดแล้ว ก็เลยคงถึงเวลามาสถิตย์อยู่ที่เต้นสักที เออ ลืมบอกไป สถานที่เต้นท์ที่เรานอนมีศาลพระภูมิสีฟ้า เตี้ยๆ ด้วยนะ ดูแล้วรู้สึกอุ่นใจ เหมือนมีใครมาคุ้มครอง (ไอ้เราก็ถึงว่า ทำไมที่ตรงนี่ว่าง ไม่มีคนมากางนอน ทั้งๆที่ิวิวก็สวยใช้ได้) ก็เข้าเต้นท์ เอาหนังสือที่พกติดมาด้วยมาอ่าน มีความอยากเป็นนักเขียน แต่ก็อ่านๆ ก่อนไว้เยอะๆ เริ่มมาอ่านผลงานของคุณ รงค์ วงค์สวรรค์ คุณวาริน เลี้ยววาริณ และก็หนังสือแปล สองสามเล่ม  สวัสดีเช้าวันอังคาร ภาพนี่เราถ่ายหลังจากเราขึ้นไปรอชมพระอาทิตย์ขึ้น แต่ตอนตี่สี่ ก็ด้วยความมีบุญอีกนั้นแหละ ฟ้าไม่เป็นใจ เราเลยเดินลงมาแล้วคิดว่าไปเก็บข้าวของ เตรียมเดินทางกันต่อ เพื่อไปยังเป้าหมายต่อไป จังหวัดน่าน มีอะไรมากกว่านี้อีกเยอะ .. วิวบรรยากาศตอนเช้าของอีกฝั่ง ของไร่เอกชน ภูฟ้า หรือภูตะวัน อะไรนี่แหละ จ๊ะ ...ไม่อิจฉาเลยยย จริ๊งๆ >////< หลังจากเก็บ เต้นท์  และข้าวของเสร็จ ก็ แชะ ไว้สักหน่อย ขอบคุณที่คุ้มครองครับ ^^ เจอวัดข้างทาง คือ ศิลป งานสร้าง สวยงามมาก และเป็นวัดแรกที่แต่เข้ามาเขตจังหวัดน่าน ที่เห็นเเล้วเป็นวัดทางเหนือ สวยงามโดยแท้ อดใจไม่ได้เลยแวะเข้าไป แชะ มาสักสาม สี ภาพ จนมีหลวงพี่เดินออกมา และผงักหน้าใส่ เหมือนท่านถามเป็นนัยๆว่า "มีกิจไรหรือเปล่าโยม" เราก็ทำการยกมือไหว้และส่งรหัสแก่หลวงพี่ไป แบบนัยๆว่า ถ่ายรูปครับ พร้อมทำมือ ชัตเตอร์ สองนิ้ว หลวงพี่ผยักหน้าเป็นรู้กัน ...^^ ชอบจัง เห็นมะ เจอวิวสวยๆ ละมันอดไม่ได้จริงๆ .. เส้นทางระหว่างเข้าเวียงสาไปยังตัวน่าน ..ถนนมีรถเป็นระยะๆ มีรถตู้ทั้งกรุงเทพ และน่าน (น่าจะเป็นรถตู้ทัวน์ของที่น่านรับคน จาก กทม ) และมีมอไซต์ ขบวนบิ๊กไบต์วิ่งสวนกันบ้าง เป็นครั้งคราว ถนนสวยมาก บรรยากาศเย็นมาก ชิวส์จนไปเจอรถตู้คันนึงจอดเปิดไฟกระพริบข้างทาง พร้อมกับมีผู้หญิงคนนึง กำลังอุ้มเด็กให้อึอยู่ข้างทาง โดยมีคุณพ่อ เอากระกาษแผ่นใหญ่ๆ มารองพื้น พร้อมกับข้างหน้ารถตู้นั้น มีคนยืนสูบบุหรี่อยู่สองคน คิดว่าน่าจะเป็นคนขับ กับผู้โดยสารคนนึง สนนทนาเรื่องเส้นทางกัน ทุกอย่างมันดูชิวส์ๆไปหมดเลย ...ชอบจัง เมื่อมาถึงตัวน่าน อย่างที่คิดไว้ก่อนเลย พระธาตุเขาน้อย ที่เขาบอกว่าจะมองเห็นตัวเมืองน่านในภาพมุมสูง สมคำร่ำลือ สวยจริงๆ  นั้นเมืองน่าน นู้น พระธาตุแช่แห้ง อีกคนละฝั่งเลย ..ป่ะเอาไงก็เอากัน ลุยต่อ  และแล้วเราก็พาทุกคนเข้ามาสู่ในตัวเมือง และมาแลนด์มาร์คต่างๆ ของสถานที่ที่คนมาเที่ยวน่านแล้วต้องมากันที่นี่ (อยากบอกอย่างนึง น่านเนี้ย ถ้าคุณๆ เชื่อในพรหมลิขิตนะ คุณเจอแน่ๆ เพราะไปที่ไหนๆ ก็จะเจอคนกลุ่มเดิมๆ ฮ่าๆ)
  ซุ้มลีลาวดี พิพิธณ์สถานแห่งชาติน่าน ตรงข้ามวัดศรีพันต้น  วัดศรีพันต้น (มุมเต็มๆคนถ่ายเยอะละ) และจะพลาดไม่ได้เลย วัดภูมินทร์ กับภาพวาดฝาหนังที่นั้น ปู่ม่าน ย่าม่าน  สวยงาม สมคำร่ำลือและรีวิวต่างๆ ก็พากันพลาดไม่ได้ที่จะรีวิว วัดภูมินรทร์นี้ เผลอลืมไป กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เลยแวะร้านที่คนถิ่นเขาชอบกินกัน เลยไปเจอตลาดนึง เยื่องๆ โรงแรมภูคาน่านฟ้า หลังศูนย์รถมอเตอร์ไซต์ฮอนด้า ป้าแนะนำว่ามีร้านข้าวและก๋วยเตี๋ยว เป็นตึกอยู่ซ้ายมือ เราเลยขอบคุณป้าที่ตลาดเเละเดินหน้าต่อไป พร้อมคิดเมนู (หิวจริงๆ)  ป๊าบเข้าให้ ผัดซีอิ้ว 35 บาท หอม อร่อย ร้อนๆ คุ้ม ^^

เอ๊ะๆ ..ทานคาวแล้วลืมไรไปหรือเปล่า ของขึ้นชื่อที่นี่ ของหวานป้านิ่ม (ซึ่งแต่ก่อนจะอยู่หน้าแถวๆ วัดศรีพันต้น) วนหาจากที่ตามรีวิว สองสามรอบ อ้าว ไม่เจอ เลยทำการเปิด GPS ค้นหา จึงได้รู้ว่า ร้านเขาได้ย้ายไปใหม่ อยู่ที่ ต.ผาสิงห์ มีหรือจะพลาด ตามไปสิ เปิด GPS  ขับไป คุณ GPS พาเข้าไปอีกเส้นทางนึง ซึ่งทั้งๆที่ตอนขากลับ มันก็วนออกมาทางเดียวกัน จะพาไปป่ากระถินทำไม ToT แต่ก็ด้วย ความตั้งใจและความพยายาม เราก็ได้เจอป้ายน้อยๆ โอ้ว สวรรค์ ป้ายเขียนว่า ร้านของหวานป้านิ่ม เลี้ยวซ้าย ...โอ้ว หายใจหมด เอ้ย ใจหายหมดเลย ..แต่ก็ดีใจมาก เจอจนได้ พอเข้าไป ก็เจอคนสองคนที่เคยเจอ (บอกแล้วน่านอ่ะ เมืองพรหมลิขิต) 
    ก็เข้าไปสั่งเมนู รวมไอศกรีมรวมมิตรผสมซาหริ่มน้ำ ระหว่างนั้นก็เล่าเรื่อง GPS พาหลงไปป่ากระถิน พี่เขาก็หัวเราะเดียวตอนออกกลับไป ก็ไม่งงละครับ ..พอยืนคุยกันขำขันกับพี่เขา โอ้ววว หอมไอศกรีมของหวานรวมมิตรกะน้ำสลิ่ม หอม หวาน ชื่นใจ 

พระธาตุแช่แห้ง หลังจากท่องเที่ยวในตัวเมืองเสร็จแล้ว ก็เข้าสู่จุดแลนด์มาร์คที่หวังไว้และตั้งใจไว้ในทริปนี้ ...ภาพสวยๆ จากองค์พระธาตุแช่แห้งครับ ประวัติความเป็นมา ก็เล่าว่า เคยมีเจ้าเมืองสมัยนั้น ถวายลูกสมอแห้งให้แก่ พระพุทธเจ้า แต่ก่อนพระพุทธเจ้าท่านจะเสวย ก็นำไปแช่น้ำก่อน พอหลังได้อัญเชิญพระสารีริกธาตุมาไว้ที่นี่ เลยตั้งชื่อว่า พระธาตุแช่แห้ง  เป็นพระธาตุประจำคนเกิดปีเถาะ  

 ตั้ง นะโม ตัสสะฯ 3 จบ แล้วว่า...... ยาธาตุภูตา อะตุลานุภาวาจีรัง ปะติฏฐิตา นันทะกัปปะเกปุเร เทเวนะ คุตตา วะระพุทธะธาตุง จิรัง วันทามิ หันตัง ชินะธาตุโย โสตะถาคะตัง อะหังวันทามิ สัพพะทา อะหัง วันทามิ ทูระโต (สวด 3 จบ)

สาธุ หลังจากนั้น เราก็ไปเจอร้านนวด ด้านหลัง ชื่อ วิชัย นวดแผนไทย บอกเลยว่า ถึงเส้นมากๆ เราใช้บริการ ทั้งลุงวิชัย และป้านุช นวดฝ่าเท้า และนวดตัว ผ่อนคลาย สุดๆ ฟินส์เลย แนะนำครับๆ ตื่นเช้ามาวันพุธ ที่ 13 หลังจากเมื่อคืน พักที่หอพัก สุขใจ ป้าเจ้าของก็ใจดีด้วย คุยกันเองมาก และแนะนำสถานที่ต่างๆ ให้เรา ขอบคุณมากเลยครับ มีโอกาส จะแวะมาพักที่นี่อีกนะครับ   ภาพบรรยากาศ หมอก และเส้นทางขึ้น-ลง เขา หายใจ เย็นชื่นปอด แต่ก็มีรถผ่านไป ผ่านมาตามจังหวะบ้าง กับทริปนี้ ภาพก็ตัดวูบไป กลายเป็นอีกบริบทนึง แต่เราขอเก็บไว้เป็นความทรงจำต่อไป การเที่ยวทริปนี้ ก็สำเร็จสำความตั้งใจอันยาวนาน จากที่เคยจะมาเมื่อหลายปีก่อน ก็ได้มีโอกาสมาสักที กับทริปมอไซต์ทริปแรก เส้นทางใหม่ๆ เส้นแรก กับการท่องเที่ยว และเดินทางคนเดียว ขอบคุณวันเวลา ขอบคุณครอบครัว ขอบคุณทุกคนๆ  ทุกๆ สถานที่ ที่ทำให้เราได้พบ ได้เจอ ได้เห็น และได้เรียนรู้ ประสบการณ์ที่เงินเป็นล้าน ก็อาจจะหาซื้อไม่ได้ กับการออกผจญภัย ทำในสิ่งที่เรารัก และทำได้ อาจจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็พอเป็นไกด์ หรือให้ได้เห็นภาพสวยๆ สถานที่ๆ เราไป ขอบคุณครับ 
 
ค่าน้ำมัน รวม 500 

ค่าอาหารและที่ัพัก 1700

ค่าประสบการณ์ คำณวนนับไม่ได้

ค่าดัชนีความสุขและความพอใจ ล้นเหลือ

 

 



ขอบคุณชาวบ้านๆ และพี่กะบะ เรื่อง พบเจอ

ขอบคุณพี่ รพสต ปางค่า เรื่อง การปฐมพยาบาล

ขอบคุณพี่เจ้าหน้าที่ทหาร เรื่อง หมอนน้อยติดหัว เป็นเรื่องที่ตลกมากครับ ^^

ขอบคุณพนักงาน7 นิสิตแม่โจ้ ร้องกวาง เรื่อง สายตาจับมอง แล้วขำกัน 

ขอบคุณ แม่ ยาย พี่ชาย เรื่อง รักษาตัว