Search and share travel destinations and experiences in Thailand Sign up Log in
 
ทริปนั่งรถชม "ดอย" เส้นทางสายโหด 3 วัน 2 คืน ณ อมก๋อย, เชียงใหม่ (คุ้มค่าจนเมื่อยล้าไปทั้งตัว) ตอนที่ 2 อำเภออมก๋อย (Omkoi District) จ.เชียงใหม่
    • Posts-1
    Namee •  November 06 , 2015

    "ดอยแบแล" แห่งป่าเขาลำเนาไพร

    สวัสดีทุกท่านผู้มีเป้าหมายและอุดมการณ์แห่งการ "รักการท่องเที่ยว"

    ทริปนี้เป็นทริปต่อเนื่องจาก ตอนที่ 1 

    ------------------------------------------

    มาต่อกันเลยดีกว่า  "ดอยแบแล" หรือชื่อเต็มเรียกว่า "สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริ ดอยแบแล" จุดที่สี่ซึ่งเป็นที่พักสำหรับค่ำคืนนี้ของพวกเรา  ซึ่งจุดที่ตั้งสถานีนี้มีความสูงเฉลี่ยประมาณ 1,300 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง อยู่ติดกับหมู่บ้าน ชาวกระเหรียง สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็น ภูเขาสูงสลับหุบห้วย ช่วงกลางวันของเดือนตุลาคม อากาศจะยังคงร้อนอยู่ แต่ในเวลากลางคืนนั้นมีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นมาก..! (แต่ก็ไม่ถึงมากที่สุด) บนดอยแบแล จะมีที่ทำการ ของสำนักงานเกษตรที่สูง และสำนักงานโครงการเฉลิมพระเกียรติ ของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช

     

    พวกเรามาถึงประมาณ 16.50 น. ที่นี้มีบ้านพักรับรองอยู่ 1 หลัง ห้องน้ำในตัว สามารถนอนรวมกันได้หลายคนหรือสามารถกางเต้นท์หน้าลานที่ทำการมีลานกว้างๆ ให้สามารถกางเต้นท์ได้ แต่วันที่พวกเราไปเป็นช่วงวันหยุดที่ทำการปิดแต่ก็ยังพอมีเจ้าหน้าที่ ที่ประจำการบ้างท่านที่ยังไม่ได้แยกย้ายกันกลับบ้านมาตอนรับผู้มาเยือนที่ไม่ได้นัดหมายไว้อย่างพวกเรา ถือว่าโชคดีมากๆ เจ้าหน้าที่คนนี้ชื่อว่า น้องเหลิมบริการพวกเราดีมากๆ แถมในวันนั้นอนุญาตให้พวกเราพักกันในที่ทำการ แถมไม่เก็บค่าบริการหรือค่าบำรุงใดๆ เลยแม้แต่บาทเดียว ให้บริการเท่าเทียมกันกับทุกคนที่เข้ามาพักที่นี้ แต่พวกเราก็ไม่ลืมที่จะช่วยกันสมทบทุนสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ มอบคืนกลับไป เจ้าหน้าที่บริการพวกเราดีมากๆ ทั้งในเรื่องของที่พักจัดเตรียมให้ ทำอาหารให้ แถมจะล้างจานให้อีก พวกเราเกรงใจกันสุดๆ ต้องค่อยบอกตลอดๆ ว่า ไม่ต้องค่ะไม่เป็นไรค่ะ เดียวพวกเราจัดการกันเองค่ะ (ประทับใจมากๆ) คงไม่มีคำไหนทราบซึ้งเท่ากับคำว่า

    "ขอบคุณค่ะ"

     

     

    นี้คือบรรยายโดยรอบของดอยแบแลหลังจากที่พวกเรามาถึงกัน

     

    นี้คือสิ่งที่ชอบที่สุด (555++) ห้องน้ำแบบเปิด มันชั่งได้บรรยากาศสุด (ได้ใช้บริการอยู่ คริๆ)

    จริงๆ มีอยู่อีกหนึ่งห้องอยู่ด้านในที่ทำการ

     

    ถึงแม้พวกเราจะซื้ออาหารติดมือไปด้วยนั้น จริงๆ ที่นี้มีลานด้านหน้าที่ทำการสำหรับไว้ปิกนิกกันได้ ด้วย

    ที่ว่าพวกเราเหนื่อยจากการนั่งรถกันมาทั้งวันแล้วเลยตัดสิ้นใจซื้อแบบสำเร็จมาเลย (แบบขี้เกียจแล้วอะ)

    แต่แล้วเจ้าหน้าที่สุดหล่อ ก็ยังไม่วายมาหุงข้าว ทำกับข้าวให้พวกเรากินกันอยู่ดี

    งานนี้เลยมีโชว์ฝีมือกันซะหน่อย 555++

     

    อ๋อๆ ลืมบอกไปที่นี้ไม่มีไฟฟ้านะจ๊ะ แต่มีเครื่องปั้นไฟใช้อยู่ถ้ามาแบบไม่ได้แจ้งเจ้าที่ล่วงหน้าอาจไม่มีน้ำมันไว้ปั้นไฟใช้นะ ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้น แต่เจ้าหน้าที่นี้ บอกแล้วน่ารักสุดๆ ขับมอไซต์ลงจากเขาไปซื้อน้ำมันมาให้ โอ้วแม่เจ้า! ขับมอไซต์เนี้ยนะลงเขานี้มันเย็นแล้วด้วยนะ ขนาดพวกเรากว่าจะมาถึงที่นี้ได้ระยะทางตั้งไกล พวกเราช่วยกันพูดอย่างพร้อมเพียงว่าไม่ต้อง ไม่เป็นไร มันอันตราย ไม่เอาพวกเราอยู่ได้ แล้วพวกเราก็ขัดขวางความมีน้ำใจของเขาที่มีให้พวกเราไม่ได้จริงๆ ขอบคุณ "น้องเหลิม" อีกครั้งค่ะ

    ที่นี้เครื่องปั้นไฟจะปิดช่วงประมาณ 4 ทุ่ม มีเทียนบริการให้พร้อม พวกเราก็ใช้เวลานั่งเม้าท์ นั่งกิน นั่งเล่นกัน และทำกิจกรรมทุกอย่างให้เสร็จก่อนไฟจะดับลง ดีมันทำให้พวกเราได้รู้จักการเข้านอนแต่หัวค่ำ (หัวค่ำเหร๋อ ไม่ใช่นะ 555)

     

    ช่วงเช้าของวันที่ 24 ตุลาคม 2558

    อากาศดีมากๆ เดินไปเที่ยวแปลงปลูกพืช พรรณไม้กัน จำชื่อไม่ได้ว่าเรียกกว่าอะไร โดยมีเจ้าหน้าที่พาเดินไป

    (เดินไปเองคงหลงอะ)

    แบบเดินลงเสร็จก็เดินขึ้นต่อ มันไม่ใช่อุปสรรคสำหรับพวกเรา 555++

     

    ระหว่างเดิน... พระอาทิตย์กำลังขึ้นพอดี

     

    นี้คือจุดชมวิว จำชื่อไม่ได้ว่าเรียกว่าอะไร ซึ่งขึ้นมาที่นี้แล้วจะมองเห็นอีกมุมหนึ่งของที่ทำการ ช่วงเดือนนี้ที่นี้ยังไม่หนาวมากพอที่จะมีทะเลหมอกรวมตัวกันมาให้พวกเราได้เห็น ไม่เป็นไรแค่นี้ก็ได้อยู่ๆ 555++

     

    ณ จุดนั้นคือ ที่ทำการ หรือจุดที่เราพักอาศัยกันนั้นเอง (มุมมองจากเขาอีกลูกหนึ่งที่เดินขึ้นมาชมวิว)

     

    ที่นี้ยังมีพันธุ์พืช อีกหลายสายพันธ์ุให้ได้ชื่นชมกันนะจ๊ะ 

     

    ปัญหาเรื่องการเดินลงเขาไม่เคยมี ปัญหาเรื่องการขึ้นเขาก็ไม่มีเหมือนกัน 555++

     

    หลังจากเดินลงเขามาก็พบว่าน้องเหลิมสุดหล่อ กำลังเก็บยอดฟักแม้วเพื่อทำกับข้าวเช้าให้พวกเรากินกัน น่าร๊ากกกสุดๆ อะ ไม่รู้จะพูดอะไรได้นอกจาก ขอบคุณค่ะ อีกเช่นเคย

     

     

    พวกเราออกเดินทางจาก ดอยแบแล ตอน 10.30 น. โดยนัดให้ลุงเดชมารับกลับไปยังตัวเมืองอมก๋อย

    พร้อมกับให้ทิปลุงไปอีก 1,000 บาท ในฐานะที่ขับรถซิ่งได้ใจวัยรุ่นอย่างพวกเราเอามากๆ 555++ จริงๆ

    ทริปเราจบเพียงแค่นี้ ซึ่งจะต้องนั่งรถเมลสาธารณะกลับกันรอบบ่าย 2 โมง เพื่อไปยังตัวเมืองเชียงใหม่

    ถึงก็ประมาณ 6 โมงเย็น

     

    ปล. มันยังไม่ใช่ทุกอย่าง หรือจุดจบของทริปนี้

    • Posts-2
    Namee •  November 06 , 2015

    ศึกษาดูงาน "โรงเรียนบ้านห้วยโค้ง"

    แต่.... อย่าพึ่งทริปนี้ยังไม่ได้จบลงเพียงเท่านี้ มันยังมีต่ออออ พวกเราได้มีโอกาสมารวมทริปกับ

    คณาจารย์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กันต่อจร้าาา

    เนื่องจากทางคณะพาเด็กมานักศึกษามาแลนด์สเคป โรงเรียนบนดอยกัน 3 โรงเรียน

    เห็นว่าเป็นโครงการ...? อะไรสักอย่าง

    ทริปนั่งรถชม "ดอย" จึงต้องมุ่งหน้าเดินทางขึ้นดอยกันต่อไป

     

    วันนี้เราจะไปพักกันที่ รีสอร์ทอมก๋อย ซึ่งไม่ไกลจากตัวเมืองหรือตลาดอมก๋อยมากนัก ที่นี้ส่วนใหญ่ที่พัก

    เป็นบ้านแบบหลังเดี่ยว แต่ก็ยังพอโชคดีที่ยังมีเหลืออีกหลังให้ของพวกเราได้มีที่หลับนอนกัน  

    ข้อมูลรีสอร์ทเพิ่มเติม : http://www.omkoiresort.com

    หลังนี้ราคา 400 บาท / คืน

    บรรยากาศค่อนข้างดี เมื่อมีที่ให้พักต่ออีกหนึ่งคืน การเดินทางต้องมา....

     

    พวกเราอาศัยติดรถไปเที่ยวชมโรงเรียนบนดอยกันต่อ โดยเลือกไปโรงเรียนที่ไกลที่สุด โหดที่สุด นั้นคือ

    โรงเรียนบ้านห้วยโค้ง ออกเดินทางกันเวลา 13.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า

    ถึงโรงเรียน 15.30 น.

    ปล. ทริปของวันนี้ไม่มีภาพการเดินทางประกอบนะครัช เนื่องจากเส้นทางโหดมากๆ มือทั้งสองมีไว้สำหรับจับขอบกระบะรถเท่านั้น ถึงถ่ายได้ภาพก็เบลอฮะ

     

    โรงเรียนบ้านห้วยโค้ง สมชื่อมาก เส้นทางโหดกว่าวันแรกที่ไปอีก คูณสองเลยคราวนี้แถมฝนเจ้ากรรมดัน

    ตกอีกด้วย ยิ่งทวีคูณความลำบากเข้าไปอีก แต่ว่ามันส์สุดๆ  เพราะทริปนี้เพื่อนรวมทริปเราเยอะขึ้น

    ความมันส์เลยมีเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน 555++

     

    นี้คือ บ้านพักของผู้อำนวยการโรงเรียน

    ความเป็นอยู่ของโรงเรียนที่นี้ค่อนข้างลำบากและกันดาร โรงเรียนมีนักเรียนอยู่ 290 กว่าคน นักเรียนส่วนใหญ่มาจากหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกล มีครู 24 คน

     

    ได้มาเห็นความเป็นอยู่ของคนบนดอย อาคารบ้านเรือน ที่นอกเหนือจากความสวยงามที่ได้เห็น

    ระหว่างสองข้างทางที่ผ่านมา มันถือว่าคุ้มค่ามากๆ และขอนับถือคุณครูทุกท่านจริงๆ

     

    มันอาจไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สำหรับใครหลายๆ คนที่จะมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี้ได้ หากยังติดอยู่กับชีวิตแสงสีเสียงในสังคมเมือง

    แต่มันเป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับคนที่นี้ ที่รักความเป็นอยู่แบบนี้ รักในสิ่งที่พวกเขาเป็น

    ขอบคุณผู้รวมทริปทุกท่าน ขอบคุณคณาจารย์ ม.แม่โจ้ ที่สนับสนุนการเดินทาง

     

    แต่มันใช่ทุกอย่าง เพราะมันก็ยังมีความสวยงามที่ซ่อนอยู่เสมอ

    พวกเราเดินทางออกจากโรงเรียน เวลา 16.40 น. ถึงรีสอร์ทประมาณ 18.00 น. พักผ่อนๆ และอาศัยทำกิจกรรมร่วมกันกับกลุ่มอาจารย์ นักศึกษา (คริๆ แอบมีความสุขเงียบๆ อยู่คนเดียว)

     

     

    • Posts-3
    Namee •  November 06 , 2015

    "สวนสนบ่อแก้ว" โค้งสุดท้ายของการเดินทาง

    พวกเราเดินทางกลับมาเชียงใหม่ในวันที่ 25 ต.ค. 2558 พร้อมกับคณะอาจารย์และนักศึกษา ม.แม่โจ้

    ออกเดินทางรีสอร์ทประมาณ 13.00 น. ด้วยรถสองแถวสีเขียวที่บ่งบอกให้รู้ว่ามาจากย่านไหน

     

    ระหว่างเดินทางกลับก็ได้แวะถ่ายภาพสถานที่สุดท้ายของทริปนี้ "สวนสนบ่อแก้ว"

     

    จุดท่องเที่ยวสุดท้าย สถานีวนวัฒนวิจัยบ่อแก้ว ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 36 ถนนสายฮอด – แม่สะเรียง

    หมู่ที่ 8 ตำบลบ่อหลวง อำเภอฮอด ในส่วนของการเดินทางหากไม่มีรถยนต์ส่วนตัวสามารถนั่งรถประจำ

    ทางสีฟ้าสายเชียงใหม่-ฮอด-ดอยเต่า มาลงที่หน้าสถานีวนวัฒนวิจัยบ่อแก้ว

     

    พวกเรามาถึงประมาณ 14.30 น. ที่นี้มีทิวสนที่เรียงตัวอยู่อย่างเป็นระเบียบทั้งสองข้างทาง มีเนื้อที่ทั้งหมด

    2,072 ไร่ กว้างมากเดิมชมทิวสนอย่างสบายใจ ขอเดินสูดอากาศเข้าปอดให้เต็มท้องก่อนเดินทางกลับ

    ไปสู่เมืองแห่งหมอกควัน

     

    จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่เชียงใหม่เจ้า ถึงเชียงใหม่อย่างสวัสดิภาพในเวลา 18.30 น. เย็นพอดีไปเดินถนนคนเดินต่อยาววววไปฮะ...

     

    สำหรับทริปนี้ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆ ผู้ร่วมชะตากรรมในทริปนี้ทุกคน รวมถึงเหล่าอาจารย์สุดเฟี้ยว ลุงเดช

    และน้องเหลิม ขอบคุณสำหรับที่พัก และการเดินทางทุกๆ เส้นทาง ขอบคุณทุกคนจากหัวใจ

     

    ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านรีวิว

    ปล. หากข้อมูลผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้เจ้า

    By Namee Be Bear

    ขอฝากเพจน้องใหม่ของเจ้าของรีวิวด้วยนะจ๊ะ ถ้าชอบให้กดไลน์ ถ้าถูกใจช่วยกดแชร์

    Fanpage : https://www.facebook.com/KanXengStudio/