เที่ยว 3 เมืองเหนือ น่าน แพร่ พะเยา วนไป
..กลับจากเมืองน่านเมื่อปลายเดือน ก.ค.ด้วยอาการค้างคาใจ เพราะไม่มีโอกาสได้ไป..ยังสิ่งที่ตั้งใจ...ก็เลยต้อง "วนไป" ตามหาสิ่งที่น่าหลงไหล..ก็น่านยังไง..ครับ เดี๋ยวมันจะยาวไป ผมกลับไปเมืองน่านอีกครั้งนึงด้วยความมุ่งมั่นอยากจะเห็นภาพ "สวนยาหลวง"ของหมู่บ้านสันเจริญด้วยตาตัวเองสักครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านั้นเห็นภาพ สวนยาหลวง จากเพจเสน่ห์น่านวันนี้ที่ปล่อยภาพออกมา เมื่อตอนเดือน ก.ค ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผมกำลังจะไป สอบถามทางเพจแล้ว แต่ติดตรงที่จะขึ้นไปชมวิวบนยอดดอยสวนยาหลวงต้องใช้ รถ 4wd เท่านั้นก็เลยผิดหวังไปตามระเบียบ มาคราวนี้ได้ยินกระแสข่าวสวนยาหลวงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ มีผู้จัดทริปพาเที่ยวที่แห่งนี้ ผมเลยได้โอกาสมาร่วมแจมในครั้งนี้ด้วย ก็มองหาผู้จัดอยู่หลายเจ้ามาลงตัวที่ "กลุ่มคลุกฝุ่นทัวร์" ซึ่งทริปนี้ต้องลางาน อ.พ.พฤ เพราะเราไปเที่ยวในช่วงวันธรรมดา ถ้าเป็นช่วง ศ-ส-อา ที่นี่จะเต็ม ซึ่งไม่เป็นปัญหาสำหรับผม...
..รถตู้คอมมิวเตอร์สภาพดีเยี่ยม พาพวกเราชาวคณะออกเดินทางฝ่าสายฝนจากกรุงเทพตั้งแต่ 3 ทุ่ม มาจอดเทียบอยู่หน้าตลาดเช้าเมืองน่าน บน ถ.สุมนเทวราช เยื้องๆโรงแรมพูคาน่านฟ้าเพื่อเติมพลังกันก่อนตอน 6 โมงกว่าๆ มีร้านต้มเลือดหมูเจ้าอร่อยของเมืองตั้งอยู่ ชื่อร้าน เลิศรส ที่นี่จะมีทั้ง โจ๊ก ต้มเลือดหมู และก๋วยจั๊บ เรื่องรสชาติไม่ต้องพูดถึง อร่อยสมกับเป็นร้านเก่าแก่ที่เปิดมานานกว่า 30 ปี
ขณะที่นั่งกินข้าวกันอยู่เราคุยกันถึงหมายกำหนดการของวันนี้ คือเราจะขึ้นดอยเสมอดาวเพื่อไปชมหมอก แต่ฝนดันตกตลอดทางตั้งแต่เข้าเมืองน่านมา ก็เลยมุ่งหน้ามายังในเมือง เพื่อที่จะเที่ยววัดกันต่อ และไปขึ้นสวนยาหลวงกันตอนเที่ยงๆ ทำไมจึงรีบขึ้นสวนยาหลวงนั่นก็เพราะได้รับข่าวร้ายจาก คุณกฤษณ์ กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนเชิงอนุรักษ์ ไกด์ประจำหมู้บ้านสันเจริญว่าฝนตกตลอดทั้งคืนทำให้ถนนพัง ถ้าจะขึ้นไป รถสามารถไปส่งได้แค่กลางทางที่เหลือต้องแบกสัมภาระเดินขึ้นไปยังโฮมสเตย์และยังต้องเดินขึ้นดอยอีก 4-5 กิโลอีกเพื่อให้ทันเก็บแสงเย็นและไหนจะต้องเดินขึ้นไปเก็บแสงเช้ากับระยะทางเหมือนเดิมอีกมันจะทันหรือเปล่านี่สิ เราตกลงกันว่างั้นค่อยรอดูสถานการณ์และสภาพอากาศไปเรื่อยๆก่อน
และก็เดินไปเก็บภาพวัดพระธาตุช้างค้ำซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ซึ่งไม่ไกลจากวัดภูมินทร์สามารถเดินเท้าใช้เวลาแค่ 4-5 นาทีก็ถึง ด้วยสภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจก้เลยเก็บภาพมาไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ส่วนประวัติวัดหาอ่านได้ตาม link นี้ครับ ประวัติวัดพระธาตุช้างค้ำ
เราออกเดินทางกันต่อมายังที่อ.ท่าวังผา เพื่อแวะวัดหนองบัว ซึ่งเป็นวัดโบราณอีกแห่งหนึ่งของชาวไทลื้อ มีจิตรกรรมฝาผนังในวัดเป็นฝีมือช่างคนเดียวกับที่วาดภาพปู่ม่านย่าม่านของวัดภูมินทร์ บริเวณหน้าโบสถ์มีบรรดาพ่ออุ้ยของหมู่่บ้านบรรเลงเพลงพื้นเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่ทุกวัน มีตู้บริจาคเขียนว่า "เชิญร่วมอนุรักษ์ดนตรีพื้นเมืองผู้สงอายุบ้านหนองบัว"หลังโบสถ์เป็นที่ตั้งของศูนย์บริการวัฒนธรรมสายใยชุมชนก็เห็นแม่อุ้ยกำลังทำงานประดิษฐ์ ผมว่าดีน่ะครับที่นอกจากจะช่วยอนุรักษ์วัฒนธรรมพื้นบ้านแล้ว ยังช่วยให้บรรดาพ่ออุ้ยแม่อุ้ยมีกิจกรรมอะไรทำ
..ก่อนออกจากวัดคุณกฤษณ์โทรมาบอกว่าขณะนี้ที่บ้านสันเจริญฝนตกหนักมากไม่รู้ว่าจะขึ้นสวนยาหลวงได้หรือเปล่า ให้หาแผนสำรองไว้ด้วย ผมเสนอแผน 2 ไว้คือถ้าขึ้นสวนยาหลวงไม่ได้งั้นเลยไปนอนที่ภูลังกา อ.ปงกันดีมั๊ย แถมเรายังมีเวลาเที่ยวตามรายทางที่เราจะขึ้นไปนอนที่ปงกันอีกด้วย ทุกคนตกลงใจถึงแม้จะเสียดายกันอยู่บ้างแต่มันก็ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้หากขึ้นไปแล้วสภาพถนนหนทางและสภาพอากาศเป็นอุปสรรค...ป๋านิ่มเลยจัดการโทรไปจองห้องพักที่ภูลังการีสอร์ทและยกเลิกการขึ้นดอยยาหลวงทันที และเส้นทางต่อไปที่จะมุ่งหน้าไปแวะเที่ยวกันคือ อ.ปัวผมเลยอาสาเป็น "ไกด์เมืองปัว"ซะเลยเพราะเพิ่งมาเมื่อเดือนก่อน และยังได้เก็บตกบางที่ที่ผมยังไม่ได้ไปอีกด้วย
พอออกจากวัดหนองบัวได้ไม่นานฝนกลับมาตกอีกรอบเราเลยแวะหาร้านกินข้าวกลางวันหลบฝนกันก่อน ผมเลยพาบรรดาเพื่อนร่วมทริปไปกินข้าวกันที่ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำกันก่อน ทางไปบ้านหัวน้ำใช้เส้นทาง 1081 ปัว – น้ำยาว ห่างจากตัวอำเภอปัวประมาณ 5 กิโลเมตร ร้านนี้ดังเรื่องเห็ด เมนูเห็ดที่นี่ยอมรับว่าอร่อยแทบทุกอย่าง ยอมรับว่ารสชาติอาหารไม่คุ้นลิ้นคนภาคกลางอย่างผม แต่มันเป็นความไม่คุ้นลิ้นในเรื่องรสชาติความอร่อยที่เราไม่เคยเจอมาก่อนมันเหมือนว่าในอาหารที่เรากิน เขาจะใส่พวกเครื่องปรุงหรือเครื่องเทศเฉพาะถิ่น อย่างส้มตำเห็ดน้ำปลาร้าที่ใส่มาก็รสชาติแปลกๆแต่อร่อยจริง หรือจะเป็นพวกต้มยำไก่บ้าน รสชาติก็แตกต่างออกไปจากที่เคยกินมา แต่เราดันลืมสั่งเมนูขึ้นชื่อของที่นี่ไปเลย คือพิซซ่าเห็ด คราวหน้าต้องไม่พลาด
เข้ามาถึงเมืองแพร่ตอนเที่ยงกว่าอยากกินข้าวซอยกันเลย search หาร้านข้าวซอยร้านดังในเมืองแพร่สักหน่อยไปเจอร้านข้าวซอยเจ๊เล็กเด้งขึ้นมา เลยจับ GPS วิ่งเข้าในเมือง ร้านข้าวซอยเจ๊เล็กเป็นร้านไม่เล็กเลยทีเดียวมีที่นั่งหลายโต๊อยู่ เมนูก็จะมีข้าวซอย หมู เนื้อ ไก่ หมูสะเต๊ะ และขนมจีบ
หลังออกจากวัดพระธาตุสุโทนได้เราก็มุ่งหน้ากลับเข้ากรุง หลังจากหนีกรุงร่อนเร่ไปตามฝันซะ 3 วัน จบทริปเดินทางท่องเที่ยว 3 จังหวัดแบบไม่ได้เตรียมตัวกันมาก่อน ทริปนี้ขึ้นรถลงรถกันไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ แต่ก็สนุกกับปัญหาเฉพาะหน้าและร่วมกันแก้ปัญหาจนผ่านพ้นมาได้ด้วยดี ขอขอบคุณมิตรภาพน้องๆกลุ่มคลุกฝุ่นและป๋านิ่มผู้จัดคราวหน้าคงมีโอกาสได้ร่วมทริปกันใหม่ ถึงแม้จะผิดหวังเป็นครั้งที่สองของผมในการขึ้นสวนยาหลวง แต่เมื่อสวนยาหลวงพร้อมเมื่อไหร่ผมจะกลับไปอีกครั้งแน่นอน
-ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ได้เข้ามาชม และ กด like กด share เป็นกำลังใจน่ะครับ พบกันใหม่ทริปหน้า