สัมผัสแห่งขุนเขา...เปิดเมืองแห่งสายหมอก...แ ม่ ก ำ ป อ ง สู่ ม่ อ น เ ง า ะ
=====================================================
|| แ ม่ ก ำ ป อ ง - ม่ อ น เ ง า ะ || 15 - 18 ตุลาคม 2558
=====================================================
สวัสดีครับรีวิวครั้งนี้เป็นครั้งแรกผิดพลาดประการได้ขออภัยด้วยครับ เข้าเรื่องเลยหละกัน
หลังจากที่ได้วางแพลนลาหยุดพักร้อนไว้ ผมก็เริ่มเสพรีวิวท่องเที่ยวแนวธรรมชาติมาโดยตลอด
ส่วนตัวอยากได้ที่พักเงียบๆๆ คนน้อยๆ ธรรมชาติๆ สามารถยืนสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปทำความ
สะอาดปอด แต่ก็ยังไม่ทิ้งเรื่องเครื่องอำนวยความสะดวกให้ (มีไฟฟ้า,มีห้องน้ำ) หลังจากหาข้อมูล
อ่านรีวิวที่ต่างๆในพันทิพ อ่านไปเจอถูกใจก็แท็คไว้ ในเฟสตัวเองไป ในที่สุดพักหลังเห็นรีวิวที่เที่ยว
สุดฮิตเลยก็ว่าได้ อยู่ทางโซนภาคเหนือ นั้นก็คือ.................หมู่บ้านแม่กำปอง กับ เชียงดาว
ระเบียงดาวนั้นเอง งั้นเริ่มเดินทางกันเลยครับ
วันแรก เริ่มออกเดินทางจาก กทม 05:30 น. เป้าหมายปลายทางที่แรกคือ
ร้านกาแฟ The Giant ก่อนถึงหมู่บ้านแม่กำปอง การเดินทางนั้นก็มี GPS นำพาไปที่ต่างๆครับ
ธรรมชาติระหว่างทางสวยงามมาก เขียวขจี ช่วงที่ผมไปรู้สึกเหมือนฝนจะเพิ่งตกไป
สภาพอากาศจะเป็นแบบมีแสดแดดสลับเมฆฝน ระหว่างทางมีรถขับผ่านไปผ่านมาเป็นช่วงๆครับ
และในระหว่างทางนั้น อยากถ่ายรูปมากเลยเพราะมันสวย พอเราจะจอดรถ ก็มีรถตามหลังมา
ทำให้เกรงใจสิครับ เพราะถนนมันก็แคบ ไม่มีไหล่ทางให้จอดแอบ แต่ในที่สุดก็มีที่ให้จอดแอบ
จนได้ พอลงมาจากรถ โอ้่โหหหหห สวยมากธรรมชาติดี เห็นแดดๆอย่างงี้ไม่ร้อนนะครับ เย็นสบาย
ถ่ายรูปกลางแดดได้สบายเลย เอ้า " หนึ่...ง ส่อ..ง ซั..ม " แล้วกดชัตเตอร์ " ฉึก "
นับถ่ายอยู่นาน แต่แล้วต้องมา เอ่ะใจ " ทำไม Ku ต้องนับด้วยวะ " " ในเมื่อนี่นั่งถ่ายดอกไม้ กับผีเสื้อนะ "
ใครเคยเป็นอาการนี้มั่งครับ.....?? ผมเป็นคนถ่ายที่ดี พอยกกล้องจะกดถ่ายแต่ติดปาก ต้องนับ เหมือนตอน
ถ่ายคนตลอด............
กดถ่ายอยู่พักเดียวเองดูนาฬิกา โห...เสียเวลาเดินทางเป็นครึ่งชั่วโมงเลย
ดูเหมือนอากาศที่นี่จะชื้นๆมีมอสขึ้นตามจุดต่างๆของถนนเยอะมากเลยครับ
ในที่สุดก็มาถึงจุดหมาย นั้นก็คือ ร้านกาแฟ The Giant ว่าแต่ทำไมมันเงียบๆ
ไม่มีคนเลย เอามือถือขึ้นมาดูนาฬิกา 15:30 เยี่ยม ร้านกาแฟเปิด 11:00 - 15:00 มาช้าไป 30 นาที
ทางขึ้นมาไม่ใช่จะง่ายๆ สูงชันพอสมควร มีอาการเซงนิดหน่อย -_- ไหนๆก็มาถึงขอลงไปเก็บความ
ทรงจำไว้ซักหน่อย เฮ้อออ เซงง
หลังจากถ่ายรูปจากร้านกาแฟ The Giant เสร็จ ก็ขึ้นรถพร้อมกับความเซง
มุ่งหน้าลงจากเขาเพื่อไปสู่หมู่บ้านแม่กำปอง ที่พักที่ได้จองไว้สำหรับคืนแรกคือ คือ สำราญชลโฮมสเตย์
แม่กำปอง ระหว่างทางลงจาก The Giant มองดูท้องฟ้า " เฮ้ยยย....นี่มันเย็นแล้วนี่หว่า แสงจะหมดแล้ว "
ยังไม่ได้เก็บภาพของวันนี้เลย ว่าแล้วขับรถไปมองหาทำเลไป ซ้ายก็ป่า ขวาก็ป่า อยากได้แบบ
ทุ่งหญ้าบนเนินเขา T_T ??? ป่าก็ป่าหวะ จอดๆ ถ่ายป่านี่แหละ เพราะกว่าจะไปถึงที่พักคง
เกือบมืดแน่เลย ว่าแต่ธรรมชาติป่า 2 ข้างทางนี่ก็สวยในแบบป่าๆ ใช้ได้อยู่น่าา ว่าแล้วก็ แอบรถ
จอดลงข้างทาง กด " ฉึก ฉึก " >_<
และในที่สุดก็เดินทางมาถึง สำราญชลโฮมสเตย์ บอกไว้ก่อนเลยหมู่บ้านแม่กำปอง
ในความคิดผมเป็นหมู่บ้านๆดิบๆ ดิบๆในที่นี่หมายถึงสภาพภูมิ อากาศจะชื้นๆ พวกมอส ตะใคร่น้ำ
ขึ้นเต็มพื้น อากาศเย็นๆ ชื้นๆ เหนอะหนะ ยังไงไม่รู้ครับ
ว่าแต่ตอนอยู่ข้างบนทางไปร้านกาแฟ The Giant ทำไมมันมืดหว่า ไม่รู้หละมีแสงก็ต้อง
กดถ่ายเก็บไว้ สักหน่อย เดินขึ้นไปถ่ายเลยครับชั้นลอยของบ้านสวยตามรีวิวต่างๆ เลยครับ เจ้าของบ้าน
ยังไม่รู้เลยว่าใคร แต่ก็ได้ถ่ายไปหลายช็อตเลยครับ พอๆ ไปติดต่อที่พักดีกว่า.....
หลังจากเก็บกระเป๋าเข้าที่พักเรียบร้อย ก็รีบขึ้นไปชั้นลอยของบ้าน เพื่อรอทานอาหารเย็น
ตอนถ่ายมันเพลิดเพลินไปหน่อยไม่หิวเลย แต่พอหยุดถ่ายเท่านั้นแหละ หิวคับหิวมากกเลย เมื่ออาหารยกมา หิวมากจนลืมเก็บภาพอาหารไว้ ซัดซะเกลี้ยงเลย เก็บภาพมาได้ภาพเดียว T_T เห้อยย กินไวอิ่มไวครับ ^_^
อิ่มแล้ว...สบายใจ...อารมดี
***อาหารเย็นมื้อนี้มี 3-4 อย่าง
- ขาวสวย
- แตงกวาผัดไข่
- ใส้อั่ว
- น้ำพริกหนุ่ม
- แกงส้มไก่[คล้ายๆต้มยำไก่น้ำใส]
- และก็ผักอีก 1 อย่างนั้นก็คือ แตงกวา ***
หลังจากกินเสร็จก็เริ่มติดต่อที่พักคืนวันพรุ่งนี้คือ " ระเบียงดาว " โทรไง ก็โทรไม่ติด จะได้พักไหมเนี่ยวันพรุ่งนี้ โทรมาหลายวันมาก ไม่ติดเลยโทร ใครเคยโทรไปจองที่พักบ้านระเบียงดาวบ้างครับ
เป็นเหมือนกันหรือเปล่า โทรไม่ติดทำไงละครับ......อาบน้ำนอนเตรียมตัวไปตายเอาดาบหน้า นอนไวในรอบปี
ดูนาฬิกา 20:00 เฮ้อช่วยไม่ได้เหนื่อยกะเดินทาง หลับๆตา เดี๋ยวก็หลับ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ระหว่างนอนหลับมีเสียง
น้ำไหลมาตามลำธาร เสมือนเป็นเสียงจากกล่องดนตรีไขลาน หมุนกล่อมให้หลับทั้งคืน........
ตื่นเช้ามา อากาศเย็นๆ ไม่ถึงกับหนาวมาก แต่ชื้นมากกกกกกกกกกกกก ไม่ชอบเลย
อากาศแบบนี้ จัดการทำกิจธุระส่วนตัว เสร็จแล้วก็ขึ้นไปรอทานข้าวเช้าอที่ชั้นลอยของบ้าน
กินอีกแล้วววววว หิวมากกก สังสัยเพราะนอนไว เลยหิว ร อๆ ระหว่างรอก็ถ่ายรูป รอบริเวณโต๊ะกินข้าว
นั้นแหละครับมุมโน้นมุมนี้ เดินถ่ายเพื่อฆ่าเวลา และกว่าจะหามุมได้นานอยู่ เพราะ "คนเยอะจุง" ในความคิดผมที่นี่มันเริ่มไม่เงียบแล้ว มันเหมือนจะเริ่มเป็นเขตเศรษฐกิจยังไงไม่รู้นักท่องเที่ยวเริ่มมากขึ้น แต่ละโฮมสเตย์คนเยอะ เดินไปเดินมา ส่งเสียงดังพอสมควร กลัวคนจะมากเที่ยวกันเยอะ แล้วทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนสภาพจากความสวยงามของ
ธรรมชาติกลายเป็นสิ่งสวยงานที่ถูกสร้างขึ้น....คล้ายๆกับปาย กับภูทับเบิก
หิวแล้วววววววววววววววข้าวต้มกุ้ง อาหารเช้าาาามื้อนี้เหมือนสวรรค์ทรงโปรดเมตตาต่อกระเพาะอันน้อยๆ หิววววมากกกก จัด 1 รูปพอครับ ไม่ถ่ายแล้วเอาให้เกลี้ยง หิวๆ
ตามสำนวนที่เขาพูดกันจริงๆ "กองทัพต้องเดินด้วยท้อง" หลังจากเอาอาหารเช้า
ลงกระเพาะเสร็จก็มีแรงที่จะเดินเก็บภาพบรรยากาศของหมู่บ้านแม่กำปอง ตามรีวิวในเวปต่างๆ
ได้แล้ว ลุยยยยย..............
ข้าวต้มกุ้ง จะย่อยหมดไหมเนี่ยยย??? ข้าวต้มกุ้งผม หลังจากเดินลงมาได้ไม่ใกล้ไหมไกล หันหลังกลับไปดู....
โห สูงนะเนี่ย ลำบากแน่ ถ้าจะต้องแบกสังขานเดินกลับขึ้นไป ที่พัก เลยหยุดเดินพอแค่นี้เดินกลับดีกว่า
หลังจากแบกสังขานเดินขึ้นมายังที่พัก การใช้พลังงานครั้งนี้ทำให้ข้าวต้มกุ้งย่อยแทบ
หมดกระเพาะ ฮ่ะฮ่ะฮ่า อย่างงี้ต้องหาอะไรเติมพลัง งั้นก็ต้องสถานีต่อไปเลย คือ......
" ร้านกาแฟ ชมนกชมไม้ "
ขับรถขึ้นไปจอด เดินไปยังร้านโหหหหห คนรึฝูงผึ้ง เดินวนๆเต็มร้าน เสียงชัตเตอร์
จากมือถือ กล้อง รัวๆ เป็นระยะๆ ยืนรอคิวดิครับ ที่นั่ง VIP เต็มตลอด รอคิวครับภาวนาในถ่ายเสร็จ
ไวๆ มี ชา กาแฟ เค้กหนมปัง เป็นพร็อพถ่ายภาพราคาแพงมีให้เลือกสรรค์ความพยายามอยู่ที่
ไหนความสำเร็จอยู่ที่นี่ ที่ร้านกาแฟชมนกชมไม้นี่แหละ ได้นั่งแล้ววววววว ยืนรอจนปวดขา
ตอนยืนรอก็ไม่มีมุมให้ถ่ายซะด้วย จัดไป นั่งปั๊ปสั่ง พร๊อพ มา ชา กาแฟ หนมเค้กจัดมาก พร้อม
ถ่ายแล้วววว ขอถ่ายมั๊งครับ แต่มุมถ่ายในรีวิวตามเว็ปต่างๆ มีอย่างไร ก็มีแค่นั้นไม่มีมุมอื่นเลย
เฮ้อออออออออออ คุ้มไหมเนี่ยที่มา แต่ก็สวยใช้ได้อยู่ ชิวๆดี
พอยกกล้องจะขึ้นถ่าย เมฆฝนก็ลอยมา พระเจ้าช่างใจร้ายแสงหายหมดที่ไว้แต่
สภาพแสงครึ้มๆ เฮ้ออออออออเซงงงง
เมื่อกินเสร็จ ถ่ายเสร็จ อยากจะนั่งแช่ กินบรรยากาศ ซะหน่อย เอาให้มันคุ้มกับ
ระยะทางที่เดินทางมาจาก กทม หกร้อย เจ็ดร้อย กิโล ซะหน่อย แต่.......... สายตาของคนที่รอนั่ง
อะดิ....ช่างอ้อนวอนซะเหลือเกิน T_T เฮ้ออออ อุตส่า มาเที่ยววันธรรมดา คิดคนคงน้อย เห็นรีวิว
ว่าเป็นหมู่บ้าน เงียบๆใช้ชีวิตเรื่อยๆ เหมือนจะไม่ใช่แล้ว คนเยอะมากกก พลุกพล่าน ไม่ช้าไม่นาน
ที่นี่คง จะมีสิ่งก่อสร้าง มาเพื่อตอบสนองความอยาก แบบภูทับเบิกหรือเปล่า
ลุกก็ได้ครับบบบบ ไปไหนต่อดี น้ำตกแม่กำปองดีกว่าาา ไปถึงน้ำตกเงียบมาก น้ำใส
น่าเล่นมาก อากาศเย็นๆชื้นๆๆๆ ถ้าคิดจะหยุดยืน นั่งนิ่งๆ ระวังด้วยครับ มียุงตัวใหญ่ ไม่รู้ว่ายุง
หรือเปล่าตัวใหญ่มากคอยกัดเจาะเลือด ถ่ายภาพไป เกาไป อารมก็หมดสิครับบบบ เฮ้อออออ
รีบถ่ายรีบย้ายที่ครับ
มองเหนือขึ้นไปทางน้ำตกมีทางเดิน แคบๆยาวขึ้นไป แต่คงไม่เดินไปแล้วเหนื่อยๆ เหมือนฝน
จะตกด้วย ไปเที่ยวที่อื่นต่อดีกว่า
ขับรถตามทางขึ้นไปซักพัก ถนนมีลักษณะสูงชันเล็กน้อยแต่คุ้มมากที่ขึ้นไป น้อยคนที่มาเที่ยวที่นี่จะ
ขึ้นมาชม ชุดชมวิว กิ่วฝิ่น ไม่รู้เพราะเหตุผลใด สวยมากครับ เมื่อขึ้นมาถึงแถวๆบ้านพักของเจ้าหน้าที่ มันจะมีที่ให้จอดรถอยู่แล้วเดินเท้าอีกประมาณซัก 200 เมตรก็จะถึงจุดชมวิว "กิ่วฝิ่น" ครับ แต่ตอนผมไป ถ่ายรูปได้แป๊ปเดียว
เท่านั้น มันมีเมฆฝนก็ดำลอยมา เลยทำให้...ถึงกับต้องรีบเดินกลับให้ไวที่สุด T_T
เดินเท้าไปจุดชมวิวประมาณ 200 เมตรครับ
เดินกลับเจอพี่ต้นสนต้นใหญ่ สูงมาก
หลังจากใช้พลังงานในการเดินชมธรรมชาติ ท้องก็เริ่มร้องเรียกอาหารกันใหญ่ ถึงเวลาต้องลงไปหาอะไรใส่ท้องซะแล้ว ขับรถลงไปเรื่อยๆ ซักพักก็จะเจอร้านยอดฮิตร้านหนึ่ง นั้นก็คือร้าน
" ลุ ง ปุ๊ ด ป้ า เ ป็ ง "
ร้านนี่แหละ เคยเคยเห็นรีวิวหน้าร้านอยู่ พอจะเดินเข้าไป คนเยอะม๊วกกกกมากก ก็เลยได้จัดข้าวเหนียว ส้มตำ ใส้อั่ว จิ้มแจ่วหมูที่ร้านข้างๆ รสชาติอร่อยใช้ได้เลยครับบบบบบ อิ่มมมมมมม
ร้านลุงปุ๊ดป้าเป็ง เต็มเลยต้องมานั่งหาไรกินร้านข้างๆหอมเชียวว
เรียบร้อยโรงเรียนจีน สำหรับมื้อเที่ยงของวันนี้ ขอเก็บบรรยากาศรอบๆ อีกซักหน่อยก่อนจะ
เคลื้อนย้ายไปสถานีต่อไป " ร ะ เ บี ย ง ด า ว " แต่ว่ายังโทรจองที่พักไม่ได้เลย จะได้ไปไหมเนี่ย
ชักเริ่มไม่อยากไปสถานที่นี้และอะดิ
และแล้วได้เวลาจาก หมู่บ้านแม่กำปองแล้ว ขอบคุณมิตรภาพรอยยิ้มของคนในชุมชนนี้
สำหรับคนที่ชอบอากาศเย็นๆชื้นๆ เป็นที่นึงที่น่ามาสำผัส ก่อนที่ เทคโนโลยีแลละสิ่งปลูกสร้าง ต่างๆ
จะเข้ามาทำลายความเป็นหมู่บ้านแม่กำปอง นี้จางหายไปลาก่อน หมู่บ้านแม่กำปอง แล้วพบกันใหม่
สถานีต่อไป บ้าน " ร ะ เ บี ย ง ด า ว " แต่ยังโทรไม่ติดนั่งหาทางติดต่ออยู่นาน ค้นหา
ข้อมูลในมือถือจนแบทจะหมด แล้วแล้วในที่สุดก็............ค้นพบสถานที่แห่งใหม่มาแทนที่ บ้านระเบียงดาว
สถานที่นี้อาจไม่สวยเหมือนระเบียงดาวเป็นแน่แท้ **ดูจากในรีวิว แต่สิ่งที่ตอบสนองอยากให้ไปที่แห่งใหม่
ก็คือ ความเป็นธรรมชาติ และอยู่ไม่ไกลมากจากหมู่บ้านแม่กำปอง และตัวเมืองเชียงใหม่ นั้นเอง ที่แห่งนี้ก็คือ
" ม่ อ น เ ง า ะ "
แค่ชื่อก็ดูแปลกแล้ว ไม่เคยได้ยินมาเลย ม่อนที่ได้ยิน ที่โด่งดังก็คือ ม่อนแจ่ม งั้นก็เริ่ม
ค้นหาที่พักได้เลย ที่แรกเล็งไว้ ที่พักของ "โครงการหลวงม่อนเงาะ" พอโทรไปได้รับคำตอบกลับมาว่า
ที่พักยังไม่เปิดให้ใช้บริการ จะเริ่มเปิดให้เข้าพักก็คือช่วง เดือนพฤศจิกายน เป็นต้นไป T____T เศร้าาา
แต่ในที่สุดโชคก็มาเข้าบ้าง หลังจากค้นหาที่พักละแวกนั้น มานานพอสมควร ได้ที่พักแล้ววววว
สถานที่พักก็คือ.........................................................................................................
" ไ ร่ ช า ลุ ง เ ด ช"
จัดไปล็อกพิกัดแล้วไปโล้ดดดดดดดดดดด ขากลับขับผ่านน่าขั้นบันได แม่ไม่กว้างและสวยมากเท่า
กับนาขั้นบันไดของ บ้านแม่กลางหลวง พอก็พอมีมุมให้ถ่ายซักรูป สอง รูป งั้นก็จัดไปไม่ให้เสีย
เวลากันเลยทีเดียว
ไม่ได้ไปนาขั้นบันได บ้านแม่กลางหลวง งั้นก็ขอข้างทางของบ้านแม่กำปองหละกัน
ออกจาก หมู่บ้านแม่กำปอง ประมาณบ่าย 2 ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็เดินทางมาถึง
" ไร่ชาลงเดช " มาถึงประมาณ 6 ครึ่งเกือบ หนึ่งทุ่ม เป็นการเดินทางนานพอสมควร เมื่อมาถึง ลุงเดชที่ได้ทำอาหารไว้รอ และเข้าที่พักนอน เติมพลังเพื่อสู้ศึกในวันรุ่งขึ้น
หลับยาวครับ ตื่นมาดูนาฬิกา ตี 5กว่าๆ เกือบจะ หกโมงเช้า ได้ยินเสียงคน กลุ่มหนึงคุยกัน
จึงเปิดประตูไปดู " โหหหหหหหหหหหห " คนมาเก็บใบชาที่ไร่ลุงเดชนี่เอง แต่ที่ผมต้องร้อง โหหห
ออกมายาวๆ ก็เพราะ บรรยากาศที่ไร่ลุงเดช นี่สวยยยยมากกกกก หมอกลงหนาาาาา สามารถมองเห็นคน
ได้แค่ในระยะใกล้ๆ เท่านั้น หมอกลงบนไร่ชา สวยจนไม่รู้จะอธิบายยังไง รึว่าผมไม่เคยได้สัมผัสหรือเห็น
บรรยากาศแบบนี้ เลยตื่นเต้นไปคนเดียว ไม่รีรอ ที่จะออกมายืนสูดอากาศเย็นๆ สดชื่น สูดลมหายใจเข้าให้
เต็มปอด.....สูดช้าๆ แล้วคุณจะรู้สึกว่าได้พลังชีวิตเพิ่มขึ้นมาเยอะ อากาศเย็นๆแบบไม่มีควันพิษ มีแต่ความ
ความสดชื่น สูดเข้าไป สบายกายมากกกกครับ รู้สึกว่าปอดสะอาดขึ้นมากกก 55555 ว่าไปนั้น อย่ามัวแต่สูด
กากาศเพลิน สภาพอากาศแบบนี้ต้องเก็บความทรงจำไว้สิครับบ จะช้าอยู่ใย
หลังจากทำกิจกรรมร่วมเก็บ ยอดชา กับชาวบ้านแล้ว ก็เดินเอาหน้าปะทะหมอกไปเรื่อยๆ
สูดหายใจให้เต็มปอด สูดเข้าไปสูดเก็บไว้ อากาศสดชื่นมากกกกก ไม่หนาวจนเกินไป เดินเล่นดูชาวบ้านเก็บชา
รอเวลากินอาหารเช้า(กินอีกแล้ว) ประมาณ 7 โมงได้ยินเสียงเรียกอาหารเช้าพร้อมแล้ว รีบไปกินดิครับจะช้าอยู่ใย
ที่โต๊ะทางคุณลุงเดช จะจัด อาหารไว้โต๊ะละชุด ละชุด 1 โต๊ะ มี 1 ชุด มี 3 อย่าง นั่ง 2 คน
มีข้าวต้ม ไข่เจียว ผัดผัดสุดอร่อย หมูทอดกระเทียม พร้อมชาขาวแท้ๆอุ่นๆ ให้ทานฟรี เน้น****ชาขาวแท้นะครับ
รสชาติไม่เหมือนชาขาวที่กินทั่วไปตามท้องตลาดแน่นอน เพราะชาขาวที่นี่จะหวาน แบบไม่ต้องใส่น้ำตาล หวาน
จากชาแท้ๆ กินแล้วจะติดใจ รับรองได้ครับ อันนี้ถือว่าเป็น ไฮไลท์ รองจากหมอกเลยก็ว่าได้
อาหารอร่อยมากกกกก ตบท้ายเงาะสดๆจากสวนลุงเดชเอง พร้อมชาขาวแท้ๆ อร่อยฟินมากกครับ
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อยก็เตรียมตัวไปสัมผัสธรรมชาติที่
จุดชมวิว..... " ม่ อ น เ ง า ะ "
ระยะทางจากไรลุงเดชไปถึงจุดชมวิวม่อนเงาะมีระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ดูเหมือนจะง่าย
แต่เส้นทางที่ไปนี่ชันและแคบพอได้เลย ช่วงโค้งต้องขยันบีบแตร ทางไปมีหลายจุดมาก ที่ด้านฝั่ง
นึงจะเป็นเขาและอีกฝั่งจะเป็นผาลึกลงไป ถ้าขับรถไม่แข็งไม่แนะนำขับรถไปเอง อีกอย่างถนน
ไปเป็นลาดยางสลับคอนกรีตก็จริง แต่จะมีบางช่วงเป็นดิน และเป็นคอนกรีตที่แตกเป็นร่อง ถ้า
ขับรถแข็งหน่อยก็เอารถเก๋งไปได้ แต่จะให้สบายแนะนำรถกระบะ ไม่จำเป็นต้อง 4x4 ก็ได้ครับ
ถ้าเอารถเก๋งมาจะออกแนวทรมานรถหน่อยครับ T_T เมื่อขึ้นมาถึงยอดดอยก็จะต้องเดินอีกซักประมาณ 200 เมตร เพื่อไปยังจุดชุมวิว
จุดชุมวิวสามารถมองได้ 180 องศา วิวสวยมาก ที่นี่มีคนเรียกว่าภูชีฟ้าสอง แต่ด้วยที่ที่ม่อนเงาะมีขนาดที่แคบ
กว่าภูชีฟ้า ช่วงชมวิวต้องค่อยๆเดิน ระมัดระวังด้วยครับเพราะด้านหน้านั้นคือหน้าผาสูง ม่อนเงาะช่วงเวลา
ที่เหมาะขึ้นไปชมวิวคือช่วงเย็น เพราะจะได้รับชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมาก (มีคนเล่าให้ฟังและตามรีวิว )
แต่เนื่องจากเวลาของผมมีจำกัดจึงได้แค่ขึ้นมาชมช่วงสายๆเกือบเที่ยง แทน มาชมธรรมชาติของ ม่อนเงาะ
กันเลยครับผม
หลังจากเต็มอิ่มกับวิวบน " ม่อนเงาะ " เป็นที่เรียบร้อยแล้วก็เดินทางลงมากลับไปยัง
" ไร่ชาลุงเดช " เพื่อเก็บสัมภาระเดินทางกลับไปพักยังตัวเมืองเชียงใหม่ ระหว่างทางลงจากดอย
ได้เจอเด็กชาวเขา ในหมูบ้านละแวกนั้น ก็เลยค้นหาหนมและนมไปแจกให้กับเด็กๆ เลยขอเก็บ
บรรยากาศไว้ซักนิดครับ ^_^
เมื่อกลับมาถึง " ไร่ลุงเดช " เลยได้มีเวลาเก็บภาพช่วงเที่ยงบรรยากาศไร่ชาแบบ
ไม่มีหมอกเหมือนตอนเช้าไว้ชม ถ่ายได้ไม่นานลุงเดชใจดีช่วนพาไปดู " โรงงานชาปงตอง "
ของโครงการหลวงม่อนเงาะ
ชาที่เก็บเมื่อเช้า จะถูกนำมาโรงชาที่นี่เพื่อทำการตากอม ให้แห้ง
นี่ไงยอดชาที่เก็บเมื่อเช้าครับ
หลังจากดูโรงงานชาแล้วลุงเดชยังพาทัวร์ไปยังโรงเพาะเห็ดดูวิธีผลิตหัวเชื้อเห็นครับ
หลังจากชมโรงเพาะเชื้อเห็นเรียบร้อยก็เดินทางกลับไปยัง " ไร่ชาลุงเดช " ระหว่างทางพบต้นใบเร้กเก้ จึงสอบถามคุณลุงเดช จึงได้ความว่ามันไม่ใช้ต้นกัญ.... แต่มันเป็บเมเปิ้ล นั้นเอง
จบทริปของลุงเดชแล้ววววววววววว ลุงเดชพามาส่งที่ไร่ชา ก่อนที่จะเก็บของใส่รถ
และลาลุงเดชเพื่อกลับเข้าไปยังตัวเมืองเชียงใหม่ ลากก่อนครับ
" ไ ร่ ช า ลุ ง เ ด ช "
สวยมากครับต้องมาสัมผัสด้วยตาตัวเอง ขอบคุณครับบบบบบบบบบบบบบบบบ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณพื้นที่ดีๆใน thetrippacker และขอบคุณทุกคนที่ทนดูจนจบรีวิวครับ
ขอบคุณมากครับ
สรุปค่าใช้จ่าย
- ค่าเดินทาง(รถส่วนตัวไป) 1900 บาท (ขาไป-ขากลับ+ขับที่สถานที่ต่างๆ)
- ค่าที่พัก สำราญชลโฮมสเตย์ ที่หมู่บ้านแม่กำปอง มีอาหารเย็น + เช้า
คิดราคาต่อคน คนละ 650 บาท*2 คน = 1300 บาท
- ค่ากาแฟ+ชา+เค้ก 2 ชิ้น ที่ร้านชมนกชมไม้ 250 บาท
- ค่าข้าวเหนียว+ส้มตำ+ใส้อั่ว+คูหมูย่าง 240 บาท
- ค่าที่พักไร่ชาลุงเดช 500 บาท
- ค่าอาหาร 3 มื้อ มื้อละ 3-4 อย่าง 250 บาท มื้อเย็น,มื้อเช้า,เมื่อเที่ยง (ไม่รู้คิดยังไงถูกมาก)
- ค่าขนม+นม ที่ซื้อขึ้นไปแจกเด็กชาวเขา 500 บาท
รวมทั้งหมด 4,940 บาท ครับผม -_-